ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 963
ราชันเร้นลับ 963 : ข้อมูลมีปัญหา
เท่าที่เลียวนาร์ดทราบ ในหมู่ขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิทูดอร์แห่งยุคสมัยที่สี่ ตระกูลอับราฮัมถือเป็นแถวหน้าอย่างแท้จริง ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตระกูล ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์เสียอีก แน่นอน มันยังไม่มั่นใจว่าตระกูลอามุนด์มีสมาชิกอยู่เท่าไรกันแน่ บางทีอาจมีบุตรแห่งเทพเป็นสมาชิกเพียงคนเดียว โดยที่เหลือเป็นแค่ร่างโคลน
มิสเมจิกเชี่ยนเป็นคนสำคัญของตระกูลอับราฮัม… ทุกคนที่นี่ล้วนไม่ธรรมดา… เป็นชุมนุมลับที่รวมตัวเอกของโลกเอาไว้? เลียวนาร์ดถอนหายใจในตอนต้น ก่อนจะรำพันจิกกัดตัวเอง
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคมิได้เปล่ากล่าวคำใด ไม่เชื่อมต่อสิ่งใดในหัว เพียงบันทึกสิ่งที่เดอะเวิร์ลพูด รวมถึงบทสนทนาของสองสาวไว้ในใจ
สำหรับมัน สมาชิกคนอื่นอาศัยอยู่บนโลกภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับตนและเมืองเงินพิสุทธิ์ มีเพียงประเด็นราชาเทวทูตเท่านั้นที่น่าสนใจ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นเทวทูตโชคชะตา เทวทูตมืด หรือเทวทูตสีชาด ล้วนเคยทิ้งร่องรอยไว้รอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์ แถมยังเคยเผชิญหน้ากับเทวทูตกาลเวลาเป็นการส่วนตัว ก่อเกิดเป็นความหวาดกลัวที่มิอาจพรรณนา
รอจนกระทั่งทุกคนเงียบ เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดในบางประเด็น
ทุกการเอ่ยถึงจะถูกล่วงรู้… แล้วเราจะเล่าให้ท่านเจ้าเมืองฟังได้ยังไง? จริงสิ ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็ได้… แค่บอกว่าเป็นพี่ชายของอามุนด์ เป็นบุตรแห่งพระผู้สร้าง เป็นผู้วิเศษเส้นทางเดียวกับมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล…
และถ้าเราเผชิญภัยพิบัติที่มิอาจต้านทาน การเอ่ยชื่ออาดัม จะทำให้ท่านล่วงรู้ไหม? และเดินทางมายังดินแดนเทพทอดทิ้งได้ไหม?
คิดถึงตรงนี้ เดอร์ริคเกิดความละอายใจ เพราะต่อให้เมืองเงินพิสุทธิ์เผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้าย ชื่อที่มันควรเอ่ยถึงคือเดอะฟูลมากกว่า
ทันใดนั้น เกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวอีกครั้ง
“แม้ว่าเทวทูตสงคราม เมดีซีจะร่วงหล่นไปนานแล้ว แต่ก็มิได้หายไปโดยสมบูรณ์ วิญญาณที่หลงเหลือผสานเข้ากับวิญญาณของเซารอนและไอน์ฮอร์น กลายเป็นวิญญาณมาร… ผมพบร่องรอยของมันเหตุการณ์สังหารอินซ์·แซงวิลล์”
ไคลน์จงใจนำเรื่องนี้ออกมาเล่า ในแง่หนึ่งเพื่อเตือนเลียวนาร์ดที่เป็นคนแจ้งข้อมูลให้โบสถ์รัตติกาล ในอีกแง่หนึ่งเพื่อเตือนแฮงแมน เพราะชายคนนี้เคยเดินไปทางที่แบนชีถึงสองครั้ง อาจเกี่ยวข้องในเชิงชะตากรรมกับวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’
วิญญาณมารตนนั้นคือเทวทูตสงคราม เมดีซี? เลียวนาร์ดทั้งตกใจและไม่ตกใจ เพราะมันเพิ่งคาดเดาไปว่า บุคคลระดับสูงที่เข้าร่วมเหตุการณ์ไม่น่าจะมีแค่อาดัม!
จากนั้น มันเริ่มเปรียบเทียมสมญานามระหว่างเทวทูตจินตภาพกับเทวทูตสงคราม และเริ่มสงสัยว่ารายหลังเองก็อาจเคยเป็นราชาเทวทูตเช่นกัน!
และวิญญาณมารตนนั้น ภายใต้พลังของยันต์โจรปล้นดวง ถูกส่งเข้าไปในโลกแห่งความตายโดยมิอาจต่อต้าน!
ตาแก่อาจมีระดับสูงกว่าที่เราคิด… ไม่สิ… ก่อนที่เรากับมาดามดาลีย์จะไปถึง วิญญาณมารตนนั้นอาจทำให้ถูกอ่อนแอลงโดยอาดัม หรือแม้กระทั่งมิสเตอร์ฟูล ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่ศัตรูที่เราจะรับมือไหว… ว่าแต่อาดัมทำอะไรในการต่อสู้บ้าง? เราแทบไม่เห็นท่านเลย… หรือว่าจะมีอีกหนึ่งตัวตนที่เก่งกาจทัดเทียมราชาเทวทูต คอยตรึงอาดัมเอาไว้? เลียวนาร์ดผุดความคิดมากมายจนลืมสังเกตอากัปกิริยาของสมาชิกที่เหลือ
เทวทูตสงคราม… กลายเป็นวิญญาณมารหลังจากร่วงหล่น… แบนชีคือเมืองที่ทายาทของมันอาศัยอยู่… เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกุหลาบไถ่บาป… อัลเจอร์เชื่อมต่อข้อมูลอย่างรวดเร็ว เข้าใจหลายสิ่งในพริบตา
จิตรกรรมฝาผนังที่เราเห็นในท่าเรือแบนชี ในสำนักงานโทรเลข จะต้องเป็นฝีมือวิญญาณมารตนนี้แน่!
เกอร์มัน·สแปร์โรว์วานให้เราไปสำรวจแบนชีเพื่อค้นหาร่องรอย เพื่อที่จะวางแผนจับวิญญาณมารโดยไม่ให้ถูกขัดขวางล่วงหน้า
โชคดีที่เราไม่ได้ทำลายจิตรกรรมฝาผนัง ไม่อย่างนั้นคงถูกวิญญาณมารสังเกตเห็น…
ขณะอัลเจอร์โล่งใจ มันเพิ่มความระมัดระวัง เตรียมแล่นโทสะสีครามออกจากท่าเรือแบนชี หักหัวเรือขึ้นไปทางทิศเหนือของทะเลโซเนีย สืบส่วนเรื่องอื่นที่เดอะเวิร์ลมอบหมายไว้ก่อนหน้า
สมาชิกคนอื่นๆ อย่างออเดรย์ แคทลียา ต่างตั้งใจฟังและบันทึกในสมอง แต่มิได้เชื่อมต่อกับสิ่งใดมากนัก เพราะข้อมูลดังกล่าวเต็มไปด้วยความสำคัญและเข้มข้น ซึ่งพวกตนยังขาดประสบการณ์และความรู้ในขอบเขตดังกล่าว มิอาจคิดต่อยอดเพิ่มเติม
หลังจากแจ้งข่าวสารที่ทุกคนควรทราบ เดอะเวิร์ลหัวเราะในลำคอและกล่าว
“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้”
หลังจากความเงียบปกคลุมระยะสั้น ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเหยียดหลังตรง มองไปข้างหน้าและพูด
“คนใหญ่คนโตของเผ่าพันธุ์กำลังจะมาถึงเบ็คลันด์ ท่านต้องการพบกับข้า”
เว้นวรรคสักพัก เมื่อเห็นสมาชิกคนอื่นไม่ตอบสนอง มันกระแอมแห้งในลำคอ
“ข้าควรทำยังไงกับท่าน?”
ท่าน… เทวทูตอีกแล้ว… เลียวนาร์ดตัวชาไปสักพัก ก่อนจะพบความผิดปรกติในคำพูด: มิสเตอร์มูนพูดถึง ‘เผ่าพันธุ์’ … แถมเขายังมีดวงตาสีแดง…
เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อย ในใจเริ่มคาดเดา
ผีดูดเลือด?
ผีดูดเลือด… อย่าบอกนะว่า ชายคนนี้คือเอ็มลิน·ไวท์แห่งวิหารฤดูเก็บเกี่ยว? ไม่ผิดแน่ เขาสนิทกับไคลน์ที่ใช้ตัวตนนักสืบชื่อดัง!
เลียวนาร์ดอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าด้านข้างของเดอะมูน ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งคุ้นเคย จนเกิดเป็นความมั่นใจ
แน่นอนว่า เอ็มลินสังเกตเห็นการจ้องมองของเดอะสตาร์ เช่นเดียวกันกับออเดรย์ที่เริ่มตื่นเต้นเมื่อพบว่า เดอะสตาร์อาจรู้จักกับเดอะมูนในโลกความจริง
เราพูดอะไรผิดงั้นหรือ? ชายคนนี้ดูตกใจแปลกๆ … เขารู้จักกับเราบนโลกความจริง? แล้วเรารู้จักเข้าไหม? ชุดความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน จิตใต้สำนึกอยากใช้จมูกสูดดมกลิ่นตัวสมาชิกใหม่เก้าอี้ติดกัน แต่น่าเสียดายที่สายหมอกได้ขัดขวางเรื่องนั้น
มันมองไปรอบตัว รอฟังบทวิเคราะห์และคำแนะนำจากเฮอร์มิท เดอะเวิร์ล และแฮงแมน โดยขณะเดียวกันก็พยายามนึกทบทวนว่าเดอะสตาร์เป็นใคร
ผ่านไปสักพัก มันเริ่มเกิดความคุ้นเคยเล็กๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออก
ทันใดนั้น ออเดรย์พบอีกหนึ่งปัญหา
มิสเตอร์เวิร์ลรู้จักมิสเตอร์สตาร์… มิสเตอร์สตาร์รู้จักมิสเตอร์มูน… ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์เวิร์ลก็น่าจะรู้จักมิสเตอร์มูนเช่นกัน…
เธอมองไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวฝั่งที่อยู่ต่ำกว่า แต่ก็มิอาจรวบรวมข้อมูลได้จากอากัปกิริยาของเดอะเวิร์ล
ในส่วนของอัลเจอร์ มันมองหน้าเดอะมูน ครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด
“มิสเตอร์ฟูลเพิ่งระบุว่า กระแสเวลากำลังจะเปลี่ยนผัน… ถึงแม้คนใหญ่คนโตของผีดูดเลือดจะไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของเรื่องราว แต่พวกเขาก็น่าจะสัมผัสบางสิ่งได้อย่างผิวเผิน… คนใหญ่คนโตที่ว่าน่าจะสนใจในตัวคุณ รวมถึงต้องการจับตามองคุณ… ไม่ต้องห่วง ทำตัวไปตามปรกติ อาจมีการทดสอบเล็กๆ จากพวกเขาหลังจากนี้”
ตรงกับที่เราคิด… อาจมีการทดสอบที่สองและภารกิจตามมา คราวนี้เราไม่ทราบว่าท่านบรรพบุรุษได้มอบวิวรณ์ใดให้พวกเขา… เอ็มลินพยักหน้ารับ กล่าวกับแฮงแมน
“ขอบคุณ”
เมื่อได้เห็นการถามตอบ ฟอร์สที่อดทนเก็บงำมานาน ตัดสินใจเปิดปาก
“มิสเตอร์มูน เกี่ยวกับปราสาทร้างในป่า ข้อมูลที่คุณให้มานั้นมีปัญหา… จริงอยู่ที่ในห้องใต้ดินของปราสาทมีวิญญาณอาฆาตโบราณสองตนอาศัยอยู่ แต่ในห้องเดียวกันยังประตูทองแดงบานหนึ่ง หลังประตูมีพลังลึกลับบางอย่างถูกผนึกเอาไว้ ใครก็ตามที่เข้าไปใกล้จะถูกกัดกร่อน”
อะไรนะ… เอ็มลินขมวดคิ้วเล็กน้อย
มันมิได้โกรธเคือง แถมยังมองว่าคำอธิบายของเมจิกเชี่ยนค่อนข้างสมเหตุสมผล
ถ้าคนให้ข่าวอย่างตนรู้เรื่องวิญญาณมาร ก็ควรต้องรู้เรื่องประตูที่อยู่ในห้องเดียวกันด้วย! แล้วทำไมไม่ตักเตือนให้ทราบถึงอันตราย?
ในฐานะตระกูลผีดูดเลือดผู้สูงส่ง เอ็มลินไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของตน ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ
“ข้าจะตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลให้ ได้ความคืบหน้ายังไงจะนำมาแจ้ง”
เนื่องจากฟอร์สกลับมาอย่างปลอดภัย เธอจึงไม่ถือสานัก เพียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และรอฟังผลลัพธ์ในอนาคต
สำหรับความช่วยเหลือของมิสเตอร์ฟูล เนื่องจากเธอได้รับมันแทบทุกเดือน หรือบางเดือนก็สองหน จนตอนนี้ไม่อยากจะนับแล้ว เพียงคิดว่าในอนาคต หากมิสเตอร์ฟูลสั่งให้ทำอะไรก็คงต้องยอม
ขณะการสนทนากำลังดำเนินไป ‘จัสติส’ ออเดรย์เผยความกังวล ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณพอจะทราบต้นตอของพลังกัดกร่อนไหม?”
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สส่ายหน้า
“ไม่ทราบ”
เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลไม่คิดจะอธิบาย และเนื่องจากตนไม่มีไดอารีจักรพรรดิโรซายล์มาแลกกับข้อมูลของไพ่เย้ยเทพใบใหม่ ออเดรย์ถอนสายตากลับ เปลี่ยนไปอยู่ในโหมดผู้ชมที่เอาแต่ฟังและดู
ผ่านไปสักพัก เมื่อคาบเรียนจบลง ชุมนุมทาโรต์เองก็ใกล้ถึงคราวยุติ สมาชิกทุกคนยืนขึ้นและทำความเคารพบุคคลบนหัวโต๊ะทองแดงยาว
ในคราวนี้ เลียวนาร์ดไม่ช้ากว่าคนอื่น
เมื่อแสงสีแดงเข้มจางหายและมันพบว่าตัวเองถูกส่งกลับโลกความจริง เลียวนาร์ดชำเลืองเห็นถุงมือสีแดงตรงหน้าซึ่งยังไม่ถูกหยิบมาสวม
ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นใจใน
“เจ้าไปเข้าฝันใครมาอีก?”
ตาแก่ตื่นแล้ว… เลียวนาร์ดมีความสุขในตอนต้น ก่อนจะกลายเป็นความโลกใจ
มันยังไม่ตอบคำถามของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ทันที แต่ครุ่นคิดสักพักก่อนเปิดปากถาม
“ขอถามหน่อยว่า มีโอกาสเป็นไปได้ไหมที่ดอน·ดันเตสคืออะซิก·อายเกสปลอมตัวมาด้วยสมบัติวิเศษบางชนิด?”
หลังจากได้ทราบว่าดอน·ดันเตสเป็นตัวตนร่วม มันเริ่มเคลือบแคลงในทฤษฎีของตาแก่ เพราะปรสิตตนนี้เคยยืนกรานว่า อะซิก·อายเกสมีออร่าที่แตกต่างจากดอน·ดันเตสโดยสิ้นเชิง ไม่มีทางเป็นคนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ข้ารับใช้ของเดอะฟูลนั้นมีหลายคน และไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่บนเส้นทางนักทำนาย และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีหน้าตาเหมือนดอน·ดันเตส หากคิดในมุมมองของตัวตนร่วม คนเหล่านั้นย่อมต้องพึ่งพาพลังของสมบัติปิดผนึกหรือสมบัติวิเศษบางชิ้น ผนวกกับออร่าโบราณที่มิสเตอร์ฟูลอวยพร ส่งผลให้แม้แต่เทวทูตก็เข้าใจผิด
สองวินาทีแห่งความเงียบงันผ่านไป พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบ
“ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้… ข้าเพิ่งนึกได้ว่า อะซิก·อายเกสมีหน้ากากที่ช่วยให้ปลอมตัวเป็นใครก็ได้”
ราชันเร้นลับ 963: ข้อมูลมีปัญหา
เท่าที่เลียวนาร์ดทราบ ในหมู่ขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิทูดอร์แห่งยุคสมัยที่สี่ ตระกูลอับราฮัมถือเป็นแถวหน้าอย่างแท้จริง ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตระกูล ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์เสียอีก แน่นอน มันยังไม่มั่นใจว่าตระกูลอามุนด์มีสมาชิกอยู่เท่าไรกันแน่ บางทีอาจมีบุตรแห่งเทพเป็นสมาชิกเพียงคนเดียว โดยที่เหลือเป็นแค่ร่างโคลน
มิสเมจิกเชี่ยนเป็นคนสำคัญของตระกูลอับราฮัม… ทุกคนที่นี่ล้วนไม่ธรรมดา… เป็นชุมนุมลับที่รวมตัวเอกของโลกเอาไว้? เลียวนาร์ดถอนหายใจในตอนต้น ก่อนจะรำพันจิกกัดตัวเอง
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคมิได้เปล่ากล่าวคำใด ไม่เชื่อมต่อสิ่งใดในหัว เพียงบันทึกสิ่งที่เดอะเวิร์ลพูด รวมถึงบทสนทนาของสองสาวไว้ในใจ
สำหรับมัน สมาชิกคนอื่นอาศัยอยู่บนโลกภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับตนและเมืองเงินพิสุทธิ์ มีเพียงประเด็นราชาเทวทูตเท่านั้นที่น่าสนใจ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นเทวทูตโชคชะตา เทวทูตมืด หรือเทวทูตสีชาด ล้วนเคยทิ้งร่องรอยไว้รอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์ แถมยังเคยเผชิญหน้ากับเทวทูตกาลเวลาเป็นการส่วนตัว ก่อเกิดเป็นความหวาดกลัวที่มิอาจพรรณนา
รอจนกระทั่งทุกคนเงียบ เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดในบางประเด็น
ทุกการเอ่ยถึงจะถูกล่วงรู้… แล้วเราจะเล่าให้ท่านเจ้าเมืองฟังได้ยังไง? จริงสิ ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็ได้… แค่บอกว่าเป็นพี่ชายของอามุนด์ เป็นบุตรแห่งพระผู้สร้าง เป็นผู้วิเศษเส้นทางเดียวกับมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล…
และถ้าเราเผชิญภัยพิบัติที่มิอาจต้านทาน การเอ่ยชื่ออาดัม จะทำให้ท่านล่วงรู้ไหม? และเดินทางมายังดินแดนเทพทอดทิ้งได้ไหม?
คิดถึงตรงนี้ เดอร์ริคเกิดความละอายใจ เพราะต่อให้เมืองเงินพิสุทธิ์เผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้าย ชื่อที่มันควรเอ่ยถึงคือเดอะฟูลมากกว่า
ทันใดนั้น เกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวอีกครั้ง
“แม้ว่าเทวทูตสงคราม เมดีซีจะร่วงหล่นไปนานแล้ว แต่ก็มิได้หายไปโดยสมบูรณ์ วิญญาณที่หลงเหลือผสานเข้ากับวิญญาณของเซารอนและไอน์ฮอร์น กลายเป็นวิญญาณมาร… ผมพบร่องรอยของมันเหตุการณ์สังหารอินซ์·แซงวิลล์”
ไคลน์จงใจนำเรื่องนี้ออกมาเล่า ในแง่หนึ่งเพื่อเตือนเลียวนาร์ดที่เป็นคนแจ้งข้อมูลให้โบสถ์รัตติกาล ในอีกแง่หนึ่งเพื่อเตือนแฮงแมน เพราะชายคนนี้เคยเดินไปทางที่แบนชีถึงสองครั้ง อาจเกี่ยวข้องในเชิงชะตากรรมกับวิญญาณมาร ‘เทวทูตสีชาด’
วิญญาณมารตนนั้นคือเทวทูตสงคราม เมดีซี? เลียวนาร์ดทั้งตกใจและไม่ตกใจ เพราะมันเพิ่งคาดเดาไปว่า บุคคลระดับสูงที่เข้าร่วมเหตุการณ์ไม่น่าจะมีแค่อาดัม!
จากนั้น มันเริ่มเปรียบเทียมสมญานามระหว่างเทวทูตจินตภาพกับเทวทูตสงคราม และเริ่มสงสัยว่ารายหลังเองก็อาจเคยเป็นราชาเทวทูตเช่นกัน!
และวิญญาณมารตนนั้น ภายใต้พลังของยันต์โจรปล้นดวง ถูกส่งเข้าไปในโลกแห่งความตายโดยมิอาจต่อต้าน!
ตาแก่อาจมีระดับสูงกว่าที่เราคิด… ไม่สิ… ก่อนที่เรากับมาดามดาลีย์จะไปถึง วิญญาณมารตนนั้นอาจทำให้ถูกอ่อนแอลงโดยอาดัม หรือแม้กระทั่งมิสเตอร์ฟูล ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่ศัตรูที่เราจะรับมือไหว… ว่าแต่อาดัมทำอะไรในการต่อสู้บ้าง? เราแทบไม่เห็นท่านเลย… หรือว่าจะมีอีกหนึ่งตัวตนที่เก่งกาจทัดเทียมราชาเทวทูต คอยตรึงอาดัมเอาไว้? เลียวนาร์ดผุดความคิดมากมายจนลืมสังเกตอากัปกิริยาของสมาชิกที่เหลือ
เทวทูตสงคราม… กลายเป็นวิญญาณมารหลังจากร่วงหล่น… แบนชีคือเมืองที่ทายาทของมันอาศัยอยู่… เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกุหลาบไถ่บาป… อัลเจอร์เชื่อมต่อข้อมูลอย่างรวดเร็ว เข้าใจหลายสิ่งในพริบตา
จิตรกรรมฝาผนังที่เราเห็นในท่าเรือแบนชี ในสำนักงานโทรเลข จะต้องเป็นฝีมือวิญญาณมารตนนี้แน่!
เกอร์มัน·สแปร์โรว์วานให้เราไปสำรวจแบนชีเพื่อค้นหาร่องรอย เพื่อที่จะวางแผนจับวิญญาณมารโดยไม่ให้ถูกขัดขวางล่วงหน้า
โชคดีที่เราไม่ได้ทำลายจิตรกรรมฝาผนัง ไม่อย่างนั้นคงถูกวิญญาณมารสังเกตเห็น…
ขณะอัลเจอร์โล่งใจ มันเพิ่มความระมัดระวัง เตรียมแล่นโทสะสีครามออกจากท่าเรือแบนชี หักหัวเรือขึ้นไปทางทิศเหนือของทะเลโซเนีย สืบส่วนเรื่องอื่นที่เดอะเวิร์ลมอบหมายไว้ก่อนหน้า
สมาชิกคนอื่นๆ อย่างออเดรย์ แคทลียา ต่างตั้งใจฟังและบันทึกในสมอง แต่มิได้เชื่อมต่อกับสิ่งใดมากนัก เพราะข้อมูลดังกล่าวเต็มไปด้วยความสำคัญและเข้มข้น ซึ่งพวกตนยังขาดประสบการณ์และความรู้ในขอบเขตดังกล่าว มิอาจคิดต่อยอดเพิ่มเติม
หลังจากแจ้งข่าวสารที่ทุกคนควรทราบ เดอะเวิร์ลหัวเราะในลำคอและกล่าว
“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้”
หลังจากความเงียบปกคลุมระยะสั้น ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเหยียดหลังตรง มองไปข้างหน้าและพูด
“คนใหญ่คนโตของเผ่าพันธุ์กำลังจะมาถึงเบ็คลันด์ ท่านต้องการพบกับข้า”
เว้นวรรคสักพัก เมื่อเห็นสมาชิกคนอื่นไม่ตอบสนอง มันกระแอมแห้งในลำคอ
“ข้าควรทำยังไงกับท่าน?”
ท่าน… เทวทูตอีกแล้ว… เลียวนาร์ดตัวชาไปสักพัก ก่อนจะพบความผิดปรกติในคำพูด: มิสเตอร์มูนพูดถึง ‘เผ่าพันธุ์’ … แถมเขายังมีดวงตาสีแดง…
เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อย ในใจเริ่มคาดเดา
ผีดูดเลือด?
ผีดูดเลือด… อย่าบอกนะว่า ชายคนนี้คือเอ็มลิน·ไวท์แห่งวิหารฤดูเก็บเกี่ยว? ไม่ผิดแน่ เขาสนิทกับไคลน์ที่ใช้ตัวตนนักสืบชื่อดัง!
เลียวนาร์ดอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าด้านข้างของเดอะมูน ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งคุ้นเคย จนเกิดเป็นความมั่นใจ
แน่นอนว่า เอ็มลินสังเกตเห็นการจ้องมองของเดอะสตาร์ เช่นเดียวกันกับออเดรย์ที่เริ่มตื่นเต้นเมื่อพบว่า เดอะสตาร์อาจรู้จักกับเดอะมูนในโลกความจริง
เราพูดอะไรผิดงั้นหรือ? ชายคนนี้ดูตกใจแปลกๆ … เขารู้จักกับเราบนโลกความจริง? แล้วเรารู้จักเข้าไหม? ชุดความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน จิตใต้สำนึกอยากใช้จมูกสูดดมกลิ่นตัวสมาชิกใหม่เก้าอี้ติดกัน แต่น่าเสียดายที่สายหมอกได้ขัดขวางเรื่องนั้น
มันมองไปรอบตัว รอฟังบทวิเคราะห์และคำแนะนำจากเฮอร์มิท เดอะเวิร์ล และแฮงแมน โดยขณะเดียวกันก็พยายามนึกทบทวนว่าเดอะสตาร์เป็นใคร
ผ่านไปสักพัก มันเริ่มเกิดความคุ้นเคยเล็กๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออก
ทันใดนั้น ออเดรย์พบอีกหนึ่งปัญหา
มิสเตอร์เวิร์ลรู้จักมิสเตอร์สตาร์… มิสเตอร์สตาร์รู้จักมิสเตอร์มูน… ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์เวิร์ลก็น่าจะรู้จักมิสเตอร์มูนเช่นกัน…
เธอมองไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวฝั่งที่อยู่ต่ำกว่า แต่ก็มิอาจรวบรวมข้อมูลได้จากอากัปกิริยาของเดอะเวิร์ล
ในส่วนของอัลเจอร์ มันมองหน้าเดอะมูน ครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูด
“มิสเตอร์ฟูลเพิ่งระบุว่า กระแสเวลากำลังจะเปลี่ยนผัน… ถึงแม้คนใหญ่คนโตของผีดูดเลือดจะไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของเรื่องราว แต่พวกเขาก็น่าจะสัมผัสบางสิ่งได้อย่างผิวเผิน… คนใหญ่คนโตที่ว่าน่าจะสนใจในตัวคุณ รวมถึงต้องการจับตามองคุณ… ไม่ต้องห่วง ทำตัวไปตามปรกติ อาจมีการทดสอบเล็กๆ จากพวกเขาหลังจากนี้”
ตรงกับที่เราคิด… อาจมีการทดสอบที่สองและภารกิจตามมา คราวนี้เราไม่ทราบว่าท่านบรรพบุรุษได้มอบวิวรณ์ใดให้พวกเขา… เอ็มลินพยักหน้ารับ กล่าวกับแฮงแมน
“ขอบคุณ”
เมื่อได้เห็นการถามตอบ ฟอร์สที่อดทนเก็บงำมานาน ตัดสินใจเปิดปาก
“มิสเตอร์มูน เกี่ยวกับปราสาทร้างในป่า ข้อมูลที่คุณให้มานั้นมีปัญหา… จริงอยู่ที่ในห้องใต้ดินของปราสาทมีวิญญาณอาฆาตโบราณสองตนอาศัยอยู่ แต่ในห้องเดียวกันยังประตูทองแดงบานหนึ่ง หลังประตูมีพลังลึกลับบางอย่างถูกผนึกเอาไว้ ใครก็ตามที่เข้าไปใกล้จะถูกกัดกร่อน”
อะไรนะ… เอ็มลินขมวดคิ้วเล็กน้อย
มันมิได้โกรธเคือง แถมยังมองว่าคำอธิบายของเมจิกเชี่ยนค่อนข้างสมเหตุสมผล
ถ้าคนให้ข่าวอย่างตนรู้เรื่องวิญญาณมาร ก็ควรต้องรู้เรื่องประตูที่อยู่ในห้องเดียวกันด้วย! แล้วทำไมไม่ตักเตือนให้ทราบถึงอันตราย?
ในฐานะตระกูลผีดูดเลือดผู้สูงส่ง เอ็มลินไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของตน ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ
“ข้าจะตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลให้ ได้ความคืบหน้ายังไงจะนำมาแจ้ง”
เนื่องจากฟอร์สกลับมาอย่างปลอดภัย เธอจึงไม่ถือสานัก เพียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และรอฟังผลลัพธ์ในอนาคต
สำหรับความช่วยเหลือของมิสเตอร์ฟูล เนื่องจากเธอได้รับมันแทบทุกเดือน หรือบางเดือนก็สองหน จนตอนนี้ไม่อยากจะนับแล้ว เพียงคิดว่าในอนาคต หากมิสเตอร์ฟูลสั่งให้ทำอะไรก็คงต้องยอม
ขณะการสนทนากำลังดำเนินไป ‘จัสติส’ ออเดรย์เผยความกังวล ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณพอจะทราบต้นตอของพลังกัดกร่อนไหม?”
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สส่ายหน้า
“ไม่ทราบ”
เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลไม่คิดจะอธิบาย และเนื่องจากตนไม่มีไดอารีจักรพรรดิโรซายล์มาแลกกับข้อมูลของไพ่เย้ยเทพใบใหม่ ออเดรย์ถอนสายตากลับ เปลี่ยนไปอยู่ในโหมดผู้ชมที่เอาแต่ฟังและดู
ผ่านไปสักพัก เมื่อคาบเรียนจบลง ชุมนุมทาโรต์เองก็ใกล้ถึงคราวยุติ สมาชิกทุกคนยืนขึ้นและทำความเคารพบุคคลบนหัวโต๊ะทองแดงยาว
ในคราวนี้ เลียวนาร์ดไม่ช้ากว่าคนอื่น
เมื่อแสงสีแดงเข้มจางหายและมันพบว่าตัวเองถูกส่งกลับโลกความจริง เลียวนาร์ดชำเลืองเห็นถุงมือสีแดงตรงหน้าซึ่งยังไม่ถูกหยิบมาสวม
ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นใจใน
“เจ้าไปเข้าฝันใครมาอีก?”
ตาแก่ตื่นแล้ว… เลียวนาร์ดมีความสุขในตอนต้น ก่อนจะกลายเป็นความโลกใจ
มันยังไม่ตอบคำถามของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ทันที แต่ครุ่นคิดสักพักก่อนเปิดปากถาม
“ขอถามหน่อยว่า มีโอกาสเป็นไปได้ไหมที่ดอน·ดันเตสคืออะซิก·อายเกสปลอมตัวมาด้วยสมบัติวิเศษบางชนิด?”
หลังจากได้ทราบว่าดอน·ดันเตสเป็นตัวตนร่วม มันเริ่มเคลือบแคลงในทฤษฎีของตาแก่ เพราะปรสิตตนนี้เคยยืนกรานว่า อะซิก·อายเกสมีออร่าที่แตกต่างจากดอน·ดันเตสโดยสิ้นเชิง ไม่มีทางเป็นคนเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ข้ารับใช้ของเดอะฟูลนั้นมีหลายคน และไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่บนเส้นทางนักทำนาย และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีหน้าตาเหมือนดอน·ดันเตส หากคิดในมุมมองของตัวตนร่วม คนเหล่านั้นย่อมต้องพึ่งพาพลังของสมบัติปิดผนึกหรือสมบัติวิเศษบางชิ้น ผนวกกับออร่าโบราณที่มิสเตอร์ฟูลอวยพร ส่งผลให้แม้แต่เทวทูตก็เข้าใจผิด
สองวินาทีแห่งความเงียบงันผ่านไป พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบ
“ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้… ข้าเพิ่งนึกได้ว่า อะซิก·อายเกสมีหน้ากากที่ช่วยให้ปลอมตัวเป็นใครก็ได้”