ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 975
ราชันเร้นลับ 975 : สัมผัสที่คุ้นเคย
หลังจากมองเห็นไพ่ในมือของท่านพ่อจนทะลุปรุโปร่ง คุณจะไม่ทำอะไรเชียวหรือ? อย่างน้อยก็ต้องส่งผลเสียงต่อสิ่งที่ท่านพ่อพยายามส่งเสริมหรือต่อต้านแน่… ออเดรย์ที่ลอยกลางอากาศบนโลกแห่งจิต มองไปยังเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของตัวเองด้านล่าง สติเยือกเย็นจนน่าตกตะลึง
หลังจากนั้น เธอเข้าใจเรื่องหนึ่งทันที นั่นคือเหตุผลที่เฮอร์วิน·แรมบิสชักใยให้คารอนฆ่าตัวตาย
สำหรับเรื่องนี้ ออเดรย์นึกสงสัยมาตลอด และพยายามสืบสวนจากข้อมูลในมือ พยายามวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวม แต่ท้ายสุดก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้ชักใยเบื้องหลังประสงค์สิ่งใด
กับดักนี้ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปยังกระเป๋าสตางค์แห่งพรรคอนุรักษนิยม บารอนซินดราส ตราบใดที่มี ขอเพียงก้าวพลาดสักก้าว นายธนาคารใหญ่รายนี้มีแนวโน้มที่จะเผยปัญหาออกมาให้เห็นและถูกหน่วยพิเศษของทางการสืบสวน ทว่า เหตุไม่การณ์คาดฝันได้บังเกิด ดอน·ดันเตสไม่ยอมเล่นตามหมากที่วางไว้ แผนการอันรอบคอบจึงพังครืนไม่เป็นท่า ยากจะฟื้นฟูกลับมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูคล้ายกับเป็นฝีมือของผู้วิเศษเส้นทางผู้ชมที่ยังเป็นมือสมัครเล่น มิใช่ลำดับสูง
ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ ออเดรย์สังเกตเห็นร่องรอยความไม่สมเหตุสมผลจากมัน จนกระทั่งปัจจุบัน หลังจากได้ยินคำพูดของเฮอร์วิน·แรมบิส เธอตื่นจากภวังค์ทันที เข้าใจถึงแก่นสำคัญของแผนการก่อนหน้า
เฮอร์วิน·แรมบิสไม่สนใจว่ามันจะเอาชนะบารอนซินดราสได้หรือไม่ ตอนนี้ได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว
อย่างที่กล่าวไปเมื่อครู่ ภายในอาณาจักร รอยร้าวระหว่างพรรคอนุรักษนิยมพรรคหัวก้าวหน้าทวีความรุนแรงมากขึ้น!
เฮอร์วิน·แรมบิสกล่าวว่า มันต้องการเยียวยาปัญหานี้ แต่ในความเป็นจริง จุดประสงค์ของมันคือการทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง สร้างความสูญเสียขึ้น!
ทำไปทำไม? ออเดรย์ควบคุมเกาะแห่งจิตของตัวเอง ไม่เปิดเผยอารมณ์ที่น่าสงสัย
เธอตอบสนองคำพูดของเฮอร์วิน·แรมบิส
“เรื่องที่คุณเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในอาณาจักร ดิฉันขอชื่นชมจากก้นบึ้ง และจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่”
สิ้นเสียงหญิงสาว เฮอร์วิน·แรมบิสที่ชั่วร้ายบนเกาะแห่งจิตวางมือขวาที่กำลังจับหน้าผากลง ส่วนเฮอร์วิน·แรมบิสบนโซฟาเผยรอยยิ้มสบายใจ
“สมกับที่เป็นสตรีสูงศักดิ์ผู้เปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ”
กล่าวจบ สุภาพบุรุษสูงวัยในกางเกงขายาวสีน้ำเงินอมเทาเลิกไขว่ห้าง โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ดวงตาเผยความลุ่มลึก
“เนื่องด้วยสถานะและกิจวัตรของคุณ คุณจะต้องลืมผม จดจำเพียงฮิลเบิร์ด สตีเฟ่น และเอสลันด์กับคนที่เหลือ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งผ่านพวกเขา… เมื่อมีสิ่งสำคัญที่ต้องรายงาน คุณจะมาเยี่ยมผมโดยไม่รู้ตัว โดยอ้างว่าต้องการปรึกษาด้านวิชาการ… เมื่อคุณเข้ามาในบ้านของผม ความทรงจำที่หายไปทั้งหมดจะถูกเรียกคืน”
เฮอร์วิน·แรมบิสกล่าวพร้อมกันทั้งในเกาะแห่งจิตและด้านนอก ทันใดนั้น ‘หิน’ ก้อนหนึ่งก่อตัวขึ้นภายในโลกแห่งจิต ทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็ว จมดิ่งเข้าไปในห้วงจิตใต้สำนึกของหญิงสาว
ทันใดนั้น ออเดรย์รู้สึกราบกับตัวตนถูกแบ่งออกเป็นสอง
ตัวตนหนึ่งคือโลกความจริง ได้รับผลพวงจากเกาะแห่งจิต ส่งผลให้เธอมิอาจจดจำใบหน้าและชื่อของชายชราฝั่งตรงข้าม ทราบเพียงว่า ตนมาที่บ้านของสตีเฟ่น·ฮันเพรสและได้พบกับคณะกรรมการของสมาคมแปรจิตคนหนึ่ง ได้รับคำชมเกี่ยวกับพรสวรรค์ด้านเทคนิคสวมบทบาทและถูกมอบหมายงานใหม่
อีกตัวตนกำลังลอยอยู่ใต้ผืนนภาแห่งวิญญาณ จดจำได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีเพียงอารมณ์ที่ดูจะเยือกเย็นขึ้นเล็กน้อย เป็นไปในทิศทางที่ดี
ออเดรย์มั่นใจมาก ตัวตนกลางอากาศคือจิตใต้สำนึกที่แท้จริง เป็นร่าง ‘หลัก’ ของเธอในปัจจุบัน จึงทำการควบคุมตัวตนด้านนอกให้ยืนขึ้นและพูด
“ค่ะท่าน”
ทันทีที่ตอบสนอง หญิงสาวกลับหลังหัน คล้ายกับหุ่นเชิดที่ถูกด้ายล่องหนควบคุม ค่อยๆ ก้าวทีละนิดกลับไปยังทางเข้า เปิดประตูห้องและออกไป
ทันทีที่ปิดประตู ออเดรย์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ รวมตัวเข้ากับร่างบนโลกความจริงที่ใช้จิตใต้สำนึกของเกาะแห่งจิต กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สองความทรงจำที่แตกต่างผสานเข้าด้วยกันทันที ออเดรย์เกิดความสับสนนานหลายวินาที แต่หญิงสาวเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์รักษาคนไข้จิตเวช จึงล้างข้อมูลทั้งหมดใหม่และจัดระเบียบให้ถูกต้องตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
เป็นพลังการอ่านใจและสะกดจิตที่แข็งแกร่งมาก… เขาสามารถบุกรุกกายปัญญาของเราได้ทันที ทั้งที่ร่างวิญญาณของเรากำลังควบคุมเกาะแห่งจิตไว้อย่างสมบูรณ์… แม้ออเดรย์จะได้รับพรจากเทวทูตของเดอะฟูล แต่หลังจากนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกคล้ายกับกำลังเปิดอัลบัมภาพเก่าๆ สีเหลือง ภาพต่างๆ ค่อยๆ เลือนหายไปราวกับผ่านมานานมากแล้ว
เราเองก็ทำแบบเดียวกันได้ในอนาคต! พรของเทวทูตแห่งมิสเตอร์ฟูลช่างยอดเยี่ยม! ฮึ่ม! เราจะแจ้งเฉพาะข่าวสารที่ไม่สำคัญของท่านพ่อ! สติออเดรย์กลับมาสดใส อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
…
วี๊~!
รถจักรไอน้ำพ่นควันโขมงพร้อมกับลากขบวนรถเข้าไปในสถานีเบ็คลันด์
หลังจากเดินทางตลอดหลายวัน ในที่สุดไคลน์ก็กลับถึงมหานครในหมู่นคร
ในร่างดอน·ดันเตส มันสวมหมวกทรงสูง แต่งการด้วยสูทสุภาพ ถือไม้ค้ำเลี่ยมทอง เดินลงจากห้องโดยสารเฟิร์สคลาสอย่างไม่รีบร้อน ก้าวเหยียบพื้นชานชาลา
ตามมาด้านหลังเป็นชายลูกครึ่ง สูง 1.75 เมตร ถือกระเป๋าเดินทางสองใบ ไม่ใช่ใครนอกจากหุ่นเชิด ‘ผู้ชนะ’ ปัจจุบันเอ็นโซถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็นยูนซึ่งมีกลิ่นอายของชาวทวีปใต้มากกว่า โดยหลังจากนี้ มันจะเป็นตัวแทนของเศรษฐีใหม่และพ่อค้าอาวุธดอน·ดันเตสในการติดต่อกับลูกค้าทวีปใต้ คอยจัดการเรื่องจิปาถะทั้งหมดแทน ไม่ต้องให้ดอน·ดันเตสเดินทางขึ้นลงระหว่างทวีปเหนือใต้บ่อยครั้ง
แน่นอน นี่เป็นเพียงเปลือกนอก แต่ในความเป็นจริง ไคลน์ยังต้องเดินทางไปเอง
แผนการก็คือ อาศัยพลังของ ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า ส่งสาวกสองสามคนไปยังไบลัมตะวันตก จัดการธุรกิจเล็กๆ แทนตนทั้งหมด งานนี้ไม่สามารถใช้เดนิสได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นโจรสลัดที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและมีค่าหัวสูง แถมยังใกล้ชิดกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นั่นจะทำให้ดอน·ดันเตสตกเป็นเป้าสงสัย
ออกจากสถานี ไคลน์นั่งรถม้า กลับไปยังบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน
ในเวลานี้ ท้องฟ้าด้านนอกค่อนข้างมืด โคมไฟถนนสองข้างทางกำลังมองแสงสว่าง เฉกเช่นแสงไฟในคฤหาสน์ของดอน·ดันเตส หน้าทางเข้ามีพ่อบ้านวอลเตอร์และแม่บ้านทาเนญ่า นำเหล่าคนใช้ สาวใช้ คนสวน คนขับรถม้า และบริวารที่เหลือออกมาตั้งแถวรอรับนายจ้าง
ในตอนที่กลับมาถึงอ่าวเดซีย์ หลังจากซื้อตั๋วรถจักรไอน้ำ ไคลน์ส่งโทรเลขกลับไปที่เบ็คลันด์ บอกกับมิสเตอร์พ่อบ้านว่ากำลังจะกลับ แต่กำชับว่าไม่ต้องส่งคนไปรับที่สถานี เพราะความเร็วของรถจักรไอน้ำนั้นยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ อาจกลับถึงช้ากว่าปรกติ
ชำเลืองไปทางเหล่าคนใช้ที่ยืนด้วยท่วงท่าสง่างามเจือความเคารพ ไคลน์พยักหน้าเล็กๆ ขณะเดินผ่านไป รำพันในใจ
มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก แม้นายจ้างจะไม่อยู่ แต่พ่อบ้านก็มิได้หย่อนยาน…
เดินมาถึงประตู มันพยักหน้าเล็กน้อยให้วอลเตอร์และทาเนญ่า
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักในช่วงที่ผมไม่อยู่”
“นั่นคือหน้าที่ของพวกเรา” วอลเตอร์และทาเนญ่าคำนับพร้อมกัน
สายตาไคลน์หันไปทางริชาร์ดสัน บุรุษรับใช้ส่วนตัว สังเกตเห็นว่าลูกครึ่งรายนี้หน้าซีดเล็กน้อย คอยแอบชำเลืองเอ็นยูน คนรับใช้รายใหม่ที่กำลังติดตามนายจ้างของตน
ไคลน์หัวเราะในลำคอ พยักหน้าและกล่าว
“คุณทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่บางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของทวีปใต้ ผมต้องฝากให้เอ็นยูนจัดการแทน… อา… เอาอย่างนี้เป็นไง คุณย้ายไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยมิสเตอร์วอลเตอร์ ร่วมมือกับเขาเพื่อรวบรวมข้อมูลของคฤหาสน์ด้านนอกเขตเมือง”
ผู้ช่วย… ผู้ช่วยพ่อบ้าน… ริชาร์ดสันผงะในตอนต้น ก่อนจะตอบสนองความประหลาดใจ
“ครับ นายท่าน!”
ด้วยตำแหน่งนี้ หมายความว่ามันหลุดพ้นจากการเป็น ‘คนรับใช้’ อย่างแท้จริง ก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ!
วอลเตอร์มิได้ถามถึงเหตุผลของคฤหาสน์ เพียงต้อนรับนายจ้างเข้าบ้านตามที่จัดเตรียมไว้ ชำระล้างร่างกายและรับประทานอาหาร
รอจนกระทั่งทุกสิ่งจบลง เมื่อส่งดอน·ดันเตสขึ้นมาบนชั้นสามพร้อมกับบุรุษรับใช้คนใหม่ เอ็นยูน มันตัดสินใจซักถาม
“นายท่านวางแผนจะซื้อคฤหาสน์นอกเบ็คลันด์ใช่ไหม? มีข้อกำหนดในเรื่องใดบ้าง?”
ต้องไม่แพง… ฉันไม่รู้ว่าตัวตนนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน… ไคลน์จิกกัดในใจ เรียบเรียงคำพูดและกล่าว
“มีไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์”
หลังจากเสร็จสิ้นการค้าอาวุธครั้งล่าสุด มันค่อนข้างมั่นคงในแวดวงทางสังคมของเบ็คลันด์ แถมยังได้รับทรัพย์สินจำนวนมหาศาล จึงเป็นต้องมีคฤหาสน์นอกเมือง รอใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ชักชวนเพื่อนฝูงมาล่าสัตว์หรือเที่ยวพักผ่อน เพราะหากทำเช่นนี้ไม่ได้ จะถูกมองว่าเป็นพวกไม่เอาไหน
ราคาของที่ดินแถบชานเมืองเบ็คลันด์ค่อนข้างสูง แตกต่างจากอ่าวเดซีย์ที่เงินจำนวนแปดพันถึงหนึ่งหมื่นปอนด์สามารถนำไปใช้ซื้อที่ดินจำนวนมาก แต่สำหรับเบ็คลันด์ อย่างเก่งก็แค่คฤหาสน์ที่มีไร่องุ่น สวนปลูกธัญพืช และโรงบ่มไวน์เป็นของตัวเอง
“ผมจะรวบรวมข้อมูลมาให้โดยเร็ว” พ่อบ้านวอลเตอร์ตอบด้วยสีหน้าเคารพ
มันทราบว่านายจ้างกำลังเหนื่อยกับการเดินทาง หลังจากรายงานสถานการณ์เบื้องต้น มันเดินลงจากชั้นสามเพื่อไปจัดการเรื่องอื่น ส่วนไคลน์รับได้ความช่วยเหลือจากบุรุษรับใช้คนใหม่ เอ็นยูนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและซักทำความสะอาด
ระหว่างนี้ ไคลน์ซึ่งกลายเป็นครึ่งเทพได้สักพักแล้ว อดไม่ได้ที่จะรำพัน
ถ้าไม่ใช่เพราะหุ่นเชิดไม่สามารถออกนอกระยะหนึ่งกิโลเมตรรอบตัวเรา เราคงไม่คิดเปลี่ยนบุรุษรับใช้ที่แสนสะดวกสบาย… ทั้งที่กลายเป็นเศรษฐีคนดัง แต่กลับยังต้องคอยบริการตัวเอง… เฮ้อ…
ขณะถอนหายใจ มันส่ง ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนไปยังห้องข้างๆ เดินไปที่หน้าต่าง เฝ้ามองกรุงเบ็คลันด์ซึ่งกำลังส่องสว่างท่ามกลางแสงดาว ปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอย
ถัดไป… เป้าหมายของเราคือโจนาส·โคลเกอร์ รองผู้อำนวยการ MI9…
สำหรับองครักษ์หลวง ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด คงต้องปล่อยให้ทริสซี่เป็นคนจัดการ… เธอหายไปนานมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไร พบวิธีเข้าใกล้ไวเคาต์คนดังกล่าวได้หรือยัง… เราเคยแจ้งเธอไปว่า จะมีช่วงหนึ่งที่ไม่สะดวกสำหรับการติดต่อ แถมยังออกไปไหนไม่ได้อย่างอิสระนัก ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะแจ้งให้อีกฝ่ายทราบว่าตนมีเวลาว่าง สามารถกลับมาร่วมงานกันใหม่…
ถัดมาไม่นาน ไคลน์หยุดความคิด ทิ้งตัวลงบนเตียง หลับสนิทโดยไม่ต้องเข้าฌาน
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มันลืมตาขึ้นกะทันหัน พบว่ามีใครบางคนลอบเข้ามาในบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน!
อีกแล้วหรือ… ไคลน์อดไม่ได้ที่จะยกมือลูบหน้าผาก
ย้อนกลับไปในวันแรกที่มันเดินทางมายังเบ็คลันด์ คืนนั้นมันถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก