ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ตอนที่ 988
ราชันเร้นลับ 988 : ปฏิบัติการร่วม
‘เดอะมูน’ เอ็มลินประสานมือโดยไม่รู้ตัว เชิดคางขึ้นเล็กน้อย หันไปมองหน้ามิสเมจิกเชี่ยนในแนวทแยงพร้อมกับกล่าว
“ข้ายืนยันแล้วว่า ปราสาทร้างที่อยู่กลางป่าเดแลร์เป็นบททดสอบที่ผีดูดเลือดมอบให้ข้า ที่นั่นมีเพื่อปกปิดสถานการณ์บางอย่าง”
กล่าวจบ คล้ายกับมันยกหินออกจากอก มิได้กระอักกระอ่วนและรู้สึกผิดเหมือนคราวก่อน
มันถือโอกาสมองไปยังแฮงแมนและเฮอร์มิทรอบๆ ทั้งสองทำสีหน้าปรกติคล้ายกับคาดเดาได้
จากที่เห็น พวกเขาคงค้นพบความผิดปรกติหลังจากได้ยินสิ่งที่มิสเมจิกเชี่ยนเล่า… เอ็มลินพยักหน้าเล็กๆ รีบเสริมก่อนที่ฟอร์สจะได้กล่าวคำใด
“ข้าเสียใจจริงๆ … จะยกเงินจำนวนสามร้อยปอนด์ค่านายหน้าให้ และแถมให้อีกสามร้อยปอนด์… นอกจากนั้น ข้าวางแผนจะลงโทษผีดูดเลือดที่จงใจแจ้งข้อมูลไม่ครบ”
แม้ว่ามิสเตอร์มูนจะเป็นคนหยิ่งทระนง แต่ก็จริงจังในการแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองมาก ไม่คิดจะปัดความรับผิดชอบแม้แต่น้อย… แต่ทางเราก็ได้คำสาปและละอองวิญญาณของวิญญาณอาฆาตโบราณมาครบแล้ว เรื่องราวจบลงด้วยดี ในเมื่อมิสเตอร์มูนไม่มีเจตนาทำร้ายเรากับซิล เขาก็ไม่จำเป็นต้องชดเชยมากเกินเหตุ… ฟอร์สจำคำแนะนำของซิลได้ กล่าวโดยไม่หันไปมองเพื่อสนิท
“ความผิดไม่ได้เกิดจากตัวคุณ ไม่จำเป็นต้องชดเชยเพิ่ม แค่เงินค่านายหน้าก็พอแล้ว”
กล่าวจบ เธอฉุกคิดบางสิ่งได้กะทันหัน: ในเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทร้างเป็นบททดสอบจากผีดูดเลือด เช่นนั้นแล้ว เธอกับซิลจะถูกเฝ้าจับตามองโดยผีดูดเลือดด้วยไหม?
ในที่สุดฟอร์สก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจหัวไปมองด้านข้าง เห็นมิสจัดจ์เมนต์ส่ายหน้าเล็กน้อย บอกเป็นนัยว่ายังไม่ถูกใครสะกดรอยตาม
หมายความว่ายังไง… ฟอร์สประหลาดใจ ขบคิดไม่ออก
เธอพยายามทำสมาธิ นึกทบทวนเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนั้น
พวกเราใช้เวลาสำรวจนานเกินไป ผีดูดเลือดจึงหมดความอดทน?
เจ้าของโรงแรมในเมืองเล็กๆ คนนั้นรู้จักปราสาทร้าง… หรือว่าจะเป็นผีดูดเลือดปลอมตัวมา? ไม่เสมอไป ชาวเมืองทุกคนล้วนรู้เรื่องนี้ เพียงแต่ปราสาทหลังนั้นอยู่ไกลเกินไป และไม่มีสิ่งของมีค่าหลงเหลือ คงไม่มีใครคิดจะมุ่งหน้าไปทางนั้น เว้นเสียแต่จะเข้าป่าล่าสัตว์…
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… ปราสาทร้างหลังนั้นอันตรายมาก ไม่มีทางที่คนเข้าไปหลบฝนเฉยๆ จะปลอดภัย แล้วทำไมชาวเมืองถึงอธิบายเพียงว่า ‘ค่อนข้างน่ากลัว’ ? อาจเป็นไปได้ว่า ผีดูดเลือดมักผนึกทางลงใต้ดินไว้ตลอดเวลา และเปิดออกเฉพาะในตอนที่มีการทดสอบ? หมายความว่ามีการจับตามองอยู่จริงๆ?
หืม… เป็นเพราะปราสาทหลังนั้นอันตรายเกินไป คนที่คอยจับตามองจึงซ่อนตัวอยู่ในป่ารอบนอก ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างใน? แต่เป็นเพราะเรากับซิลหลงทางเดินอ้อม ก็เลยไม่เจอพวกเขา?
‘มิสเตอร์ฟูล’ ไม่ได้ตักเตือน ไม่น่าจะเป็นปัญหาร้ายแรงนัก… กลับโลกแห่งความจริงเมื่อไร เราต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น!
ขณะฟอร์สกำลังเค้นสมอง เอ็มลินครุ่นคิดและกล่าว
“…ตกลง”
มันไม่ยืนกรานจะคืนเงินเพิ่ม เพราะเชื่อว่าวิธีชดเชยที่ดีที่สุดก็คือ ลงโทษเออร์เนส·โบยาร์!
จากนั้น มันรอให้มิสเมจิกเชี่ยนเสนอว่าจะลงโทษอย่างไร และตั้งใจจะใช้โอกาสนี้เพื่อปรึกษาหารือกับสมาชิกคนอื่นในชุมนุมทาโรต์ ดูว่ามีความคิดที่น่าสนใจหรือไม่
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สมองว่าเรื่องนี้เป็นความบาดหมางภายในตระกูลผีดูดเลือด ส่วนตนเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้าย เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์มูนไม่ได้เสนอแผนใด เธอจึงปิดปากเงียบ รอฟังข้อสรุปในตอนสุดท้ายทีเดียว
วังที่เหมือนกับถิ่นพำนักคนยักษ์เงียบลงกะทันหัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
‘จัสติส’ ออเดรย์มองฝั่งตรงข้าม มองด้านข้าง เม้มปากเล็กน้อยและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มิสเตอร์มูน คุณจะลงโทษผีดูดเลือดตนนั้นอย่างไร?”
ฟู่ว… เอ็มลินถอนหายใจเงียบ ชำเลืองไปทางเดอะเวิร์ลโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะกล่าว
“เขาทำเรื่องนี้ภายใต้คำสั่งของเบื้องบน ข้าคิดว่าโทษไม่ควรรุนแรงถึงความตาย”
ความหมายโดยนัยก็คือ มิสเตอร์เวิร์ล เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่ง
เมื่อพบว่าเดอะเวิร์ลสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่งไม่คัดค้าน มันหันไปที่อีกมุมหนึ่ง
“ข้าจะล่อลวงผีดูดเลือดตนนั้นมาที่วิหารแห่งหนึ่งของพระแม่ธรณีในกรุงเบ็คลันด์”
หลังจากเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์มานาน แม้เอ็มลินจะไม่ใช่คนที่ใส่ใจอะไรมาก แต่มันก็ทราบว่าการปกปิดสถานการณ์ของตัวเองคือสิ่งจำเป็น มันจึงมิได้เอ่ยชื่อวิหารฤดูเก็บเกี่ยวออกไป
ในกรุงเบ็คลันด์มีวิหารของพระแม่ธรณีเพียงแห่งเดียว นั่นคือวิหารฤดูเก็บเกี่ยว! ส่วนที่เหลือจะตั้งอยู่แถวชานเมืองและชนบท… ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดกลั้นขำ แหงนหน้ามองหลังคาโดมสูง
“คุณต้องการให้ผู้วิเศษของวิหารพระแม่ธรณีชำระล้างผีดูดเลือดตนนั้น?” ฟอร์สโพล่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ
สำหรับเธอ นี่ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าทิ้ง!
“เอ่อ…” เอ็มลินกระอักกระอ่วน ตอบไม่ถูกไปสักพัก
ทันใดนั้น ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพูดแทรก
“โบสถ์พระแม่ธรณีชอบที่จะเปลี่ยนให้ผีดูดเลือดมานับถือศาสนาของตน จากนั้นก็ให้ทำงานรับใช้ในฐานะบิชอปหรือนักบวช”
แบบนี้นี่เอง… ‘จัสติส’ ออเดรย์แอบชำเลืองไปทางเดอะมูนฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หากเปลี่ยนให้ผีดูดเลือดตนนั้นกลายเป็นนักบวช อีกฝ่ายต้องเดินทางไปสวดมนต์ที่วิหารทุกวัน กลายเป็นอาสาสมัครที่ถูกชะล้างจิตใจ… ต้องตกอยู่ในกิจวัตรเช่นนี้เป็นเวลานาน… แผนลงโทษของมิสเตอร์มูนร้ายกาจมาก… แต่เราชอบ! ผีดูดเลือดตนนั้นเกือบทำเราให้และซิลถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นวิญญาณอาฆาตโบราณ… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเริ่มถามอย่างสนใจ
“มิสเตอร์มูน แล้วคุณคิดจะล่อลวงผีดูดเลือดตนนั้นมายังวิหารพระแม่ธรณีด้วยวิธีใด? วางแผนไว้บ้างหรือยัง? บางทีพวกเราอาจให้ความช่วยเหลือได้… แล้วก็ คุณต้องระวังอย่าให้ตัวเองหลงเข้าไปในวิหารดังกล่าวแทน เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ทางรอดเดียวคงต้องสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล”
แต่นี่อาจเป็นสิ่งที่มิสเตอร์ฟูลต้องการก็ได้ จะได้มีคนของชุมนุมทาโรต์แทรกซึมเข้าไปในโบสถ์พระแม่ธรณี… หลังจากกล่าวจบ ฟอร์สรำพันในใจ
ได้ยินเช่นนั้น ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดเกือบหลุดขำ เพราะมันมั่นใจแล้วว่า ‘เดอะมูน’ ไม่ใช่ใครนอกจากเอ็มลิน·ไวท์แห่งวิหารฤดูเก็บเกี่ยว และอีกฝ่ายกลายเป็นนักบวชของพระแม่ธรณีเรียบร้อยแล้ว!
เหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ พยายามลากคนอื่นลงไปด้วย… เลียวนาร์ดกลั้นยิ้ม พลางหันไปทาง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ พบว่าอดีตเพื่อนร่วมงานของตนยังคงไม่มีท่าทีตอบสนอง สุขุมเยือกเย็นผิดคาด
นั่นทำให้มันอดคิดไม่ได้ว่า:
นี่คือพลังหน้าตายของตัวตลก หรือว่าไคลน์เคยชินกับสถานการณ์ไปแล้ว?
ณ สุดขอบโต๊ะทองแดงยาวในตำแหน่งประธาน ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เกือบเผลอเลื่อนมือขึ้นมาปิดปาก
มันคิดไม่ถึงว่าเอ็มลินจะมีไอเดียบรรเจิดขนาดนี้!
ฟังดูเหมือนกับแชร์ลูกโซ่… คนในพยายามลากคนนอกเข้าไปเป็นพวก… ไม่สิ แตกต่างกันเล็กน้อย… ในกรณีนี้ เอ็มลินรู้อยู่แก่ใจว่านี่คือการลงโทษ… ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้ รอคอยการเปลี่ยนแปลงด้วยใจจดจ่อ
ในการรักษาอาการทางจิตครั้งล่าสุด มิสจัสติสแนะนำว่าอย่าสวมหน้ากากมากเกินไป ไคลน์ยังไม่ลืมและพยายามทำทุกครั้งที่มีโอกาส
เอ็มลินที่ได้ยินคำห่วงใยจากมิสเมจิกเชี่ยน ภาษากายของมันเผยความกระอักกระอ่วนทันที เพราะตนยังต้องคอยเดินทางไปวิหารพระแม่ธรณีทุกวัน วันละสองสามหน เลิกคิดถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ไปได้เลย
มันกระแอมแห้งและกล่าว
“ตอนนี้ยังไม่มีแผนการที่ชัดเจน ข้าต้องการฟังความเห็นและคำแนะนำจากทุกคนก่อน… เอ่อ… หวังว่าจะไม่มีการปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นคงจากที่จะควบคุมสถานการณ์ และข้าเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนตรงๆ … มิสเมจิกเชี่ยน เจ้าจะให้ความร่วมมือด้วยก็ได้ แต่พวกเราห้ามพบหน้ากันโดยเด็ดขาด”
การที่ไม่อยากเปิดเผยตัวตน ไม่ใช่เพราะเอ็มลินกลัวว่าเออร์เนส·โบยาร์และญาติพี่น้องตนอื่นจะรู้ว่าเป็นฝีมือของตน เพราะท้ายที่สุด นี่เป็นเพียงการสั่งสอนและมอบบทเรียน อีกฝ่ายจะรู้ตัวคนทำก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพียงแต่ว่า การไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เลยจะถือว่าดีที่สุด
‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สอืมในลำคอ จากนั้นก็เลียนแบบคำแนะนำจากผู้มากประสบการณ์ภายในชุมนุม
“ก่อนอื่น คุณต้องบอกก่อนว่า ผีดูดเลือดตนนั้นลำดับเท่าไร ชำนาญสิ่งใด”
‘เดอะมูน’ เอ็มลินตอบทันทีราวกับเตรียมไว้แล้ว
“เทียบเท่าลำดับ 5 ประสบการณ์ต่อสู้พอตัว ชำนาญการสร้างอิทธิพลแบบเดียวกันพระจันทร์เต็มดวง…”
อิทธิพลแบบเดียวกับพระจันทร์เต็มดวง? ฟอร์สตกตะลึงสักพัก อ้าปากค้าง แต่มิได้กล่าวคำใด
รอจนกระทั่งเอ็มลินอธิบายจบ เธอยิ้มและพูด
“ฉันเพิ่งนึกออกว่า พักนี้อาจมีธุระด่วน อาจไม่สะดวกที่จะเข้าร่วม”
หากตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คล้ายพระจันทร์เต็มดวง เธอจะได้ยินเสียงเพรียกจากมิสเตอร์ประตู!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอจะเป็นได้แค่ก้อนภาระ หมดสิทธิ์ต่อสู้โดยสิ้นเชิง!
เอ็มลินขมวดคิ้วเล็กน้อย งุนงงกับท่าทีกลับกลอกของเมจิกเชี่ยน
ในเวลาเดียวกัน ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลที่ฟังเงียบๆ มาตลอด เป็นฝ่ายเปิดปากพูด
“ฉันเข้าร่วมได้… ถ้ามีส่วนแบ่งที่เหมาะสม”
น้ำเสียงของมิสจัดจ์เมนต์ฟังดูขึงขัง คล้ายกับเธอต้องการแก้แค้น… เอ็มลินพึมพำกับตัวเอง แอบชำเลืองไปทางแฮงแมนและเฮอร์มิท พบว่าทั้งสองไม่มีคำแนะนำเพิ่มเติม คล้ายกับปล่อยให้สมาชิกที่อยู่ในกรุงเบ็คลันด์คุยกันเองไปก่อน
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวกับเพื่อนของเธอโดยตรง และยังเป็นภารกิจแรกที่ชุมนุมทาโรต์มีร่วมกัน ออเดรย์จึงค่อนข้างให้ความสนใจ หลังจากเฝ้าสังเกตสักพัก เธอไตร่ตรองและกล่าว
“ดิฉันอาจสะกดจิตเขาได้… ชักนำให้อีกฝ่ายเข้าไปในวิหารพระแม่ธรณี… แต่ถ้าไม่อยากเปิดเผยตัวตนและอยากให้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง ก่อนที่ฉันจะสะกดจิตเขา คุณต้องทำให้เหยื่อตกอยู่ในสภาพเหม่อลอยหรือกึ่งรู้สึกตัว… มิสเตอร์มูน คุณพอจะทำได้ไหม?”
ขณะเอ็มลินกำลังนึกทบทวนพลังของตนและสมบัติวิเศษที่ครอบครอง ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดด้านข้างโพล่งขึ้นทันที
“ของกล้วยๆ … แต่บอกไว้ก่อน หน้าที่ของผมมีแค่ทำให้ผีดูดเลือดตนนั้นหมดสติ… แน่นอน กุญแจสำคัญคือข้อมูล พวกเราต้องวางแผนจากข้อมูลของอีกฝ่าย”
ทันทีที่สิ้นเสียง ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลพยักหน้ารับและกล่าว
“ดิฉันชำนาญการสืบสวนและสะกดรอย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ทางนี้ได้เลย… อา… ก่อนอื่น มิสเตอร์มูน ช่วยบอกชื่อของผีดูดเลือดตนนั้น รวมถึงที่อยู่และรูปลักษณ์”
“ตกลง” เอ็มลินถอนหายใจโล่งอก กล่าวด้วยสีหน้ามึนงงเล็กๆ “แล้วข้าต้องทำอะไร? นอกจากนั้น พวกเจ้าต้องการค่าตอบแทนแบบไหน?”