ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1092 : พวกบ้า
แบร์นาแดตกำลังนั่งเงียบงัน แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวสไตล์อินทิสสำหรับสตรี ผมสีเกาลัดพาดบ่าอย่างเป็นธรรมชาติ คิ้วโก้งโค้งได้รูปทรงสมบูรณ์แบบ มอบความรู้สึก ‘สาวมั่น’ จากโลกเก่า คล้ายกับสตรีที่ไต่เต้าจนถึงตำแหน่งระดับสูงได้ด้วยลำแข้งตัวเอง
รสนิยมของจักรพรรดิส่งผลกับราชินีเงื่อนงำไม่น้อย… แต่ก็ถูกจำกัดไว้ด้วยสภาพแวดล้อมจนยากจะแสดงออกมาได้ทั้งหมด… ไคลน์ถอดหมวกพร้อมกับเลื่อนลงมาทาบหน้าอก โค้งศีรษะคำนับเล็กน้อยและดึงเก้าอี้ออกมานั่งด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ดวงตาสีฟ้าซึ่งดูคล้ายกับน้ำทะเลของแบร์นาแดต กวาดไปรอบตัว ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลและสงบนิ่ง
“ทำไมคราวนี้ถึงนัดพบอย่างกะทันหันนัก”
เธอเป็นผู้หยั่งรู้ไม่ใช่หรือ? ไม่ได้รับวิวรณ์หรือไง? ไคลน์ตอบในใจตามอารมณ์ ทันใดนั้นก็ฉุกคิดได้ว่าตนโอหังเกินไป
คงเป็นเพราะเราคุยกับวิญญาณมารเทวทูตสีชาดเป็นเวลานาน… ด้วยบุคลิกและลำดับของเจ้านั่น เป็นธรรมดาที่คู่สนทนาจะได้รับอิทธิพลบางอย่างกลับมา และหากมันปรารถนา ก็คงกัดกร่อนอีกฝ่ายได้ในทันที… ไคลน์รีบตรวจสอบตัวเองพร้อมกับประเมินอย่างคร่าว
ชายหนุ่มไตร่ตรองสักพักก่อนจะถาม
“คุณสะสางงานที่เบ็คลันด์เสร็จหรือยัง”
แบร์นาแดตส่ายหน้า
“ยัง… เรียกว่าล้มเหลวก็ได้”
“หือ…” ไคลน์เล่นเสียงแทนความประหลาดใจ
แบร์นาแดตชำเลืองชายหนุ่มพลางตอบเชื่องช้า
“โอสถลำดับ 2 ของเส้นทางผู้ส่องความลับมีชื่อแปลกๆ ว่า ‘ผู้ทรงปัญญา’ หากต้องการเลื่อนเป็นลำดับดังกล่าว คุณต้องป้องกันภัยพิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับพลังเหนือธรรมชาติในลำดับสูงให้สำเร็จ”
ผู้ทรงปัญญา… ที่มาของปราชญ์เร้นลับสินะ… ไคลน์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเตรียมถามกลับ แต่ทันใดนั้น ราชินีเงื่อนงำเล่าต่อ
“ฉันเล็งเห็นว่าโอกาสดังกล่าวจะเกิดขึ้นในกรุงเบ็คลันด์ จึงแวะมาเตรียมการล่วงหน้าที่นี่หลายปี โดยในระยะหลังตั้งใจรอเป็นพิเศษ… น่าเสียดายที่คำพยากรณ์แจ้งว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ปลายปีที่แล้วไม่ได้อยู่ที่เบ็คลันด์จนพลาดการป้องกันโศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน… ก่อนสงครามจะเริ่ม ฉันพยายามอย่างหนักในการทำบางสิ่ง และประสบความสำเร็จในบางอย่าง แต่กลับต้องผิดคาด ฟุซัคเปิดฉากโจมตีเบ็คลันด์ตรงๆ จนภัยพิบัติปะทุขึ้น”
นี่คือสาเหตุที่บอกว่าล้มเหลวสินะ… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
“ผมไม่คิดว่าฝ่ายที่เปิดศึกจะเป็นฟุซัค”
ขณะกล่าว ไคลน์ตัดพ้อเล็กน้อยหลังจากประเมินว่าพิธีกรรมเลื่อนลำดับของราชินีเงื่อนงำนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับดวงเป็นหลัก
ต้องไม่ลืมว่า ในตอนที่ยังไม่ได้เป็นครึ่งเทพ ไคลน์ประสบความสำเร็จในการป้องกันมิให้พระผู้สร้างแท้จริง ‘เสด็จเยือน’ ถึงสองครั้ง เป็นส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องทิงเก็นและเบ็คลันด์ เรียกได้ว่าบรรลุพิธีกรรมของ ‘ผู้ทรงปัญญา’ อย่างง่ายดาย แต่ภายใต้สถานการณ์ปรกติ การป้องกันภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งเกิดขึ้นไม่บ่อยและต้องใช้ความแข็งแกร่งในระดับสูง
เฉกเช่นสถานการณ์ปัจจุบัน พี่ชายอามุนด์วางแผนมานานนับพันปีหรืออาจถึงสองพันปี ต่อให้จอร์จที่สามเกิดปัญหา แต่สงครามก็ต้องปะทุขึ้นอย่างมิอาจเลี่ยง เนื่องจากปัญหาสำคัญอย่าง ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาคือปมที่ไม่มีวันแก้ได้
นั่นทำให้ไคลน์สงสัยว่า ชะตาชีวิตของมิสเตอร์อะซิกบนทวีปเหนือ อาจถูกกำหนดโดยพี่ชายอามุนด์มาตั้งแต่ต้น ไม่อย่างนั้น ทั้งที่ปราศจากหน้ากากแปลงโฉม เหตุใดชายผู้สูญเสียความทรงจำถึงหลบหนีจากเงื้อมมือของโบสถ์หลักมาได้ตลอด?
เหนือสิ่งอื่นใด ในช่วงชีวิตปัจจุบัน มิสเตอร์อะซิกกลับใช้ชื่อจริงของตัวเองด้วยเหตุผลบางประการ!
และแม้จะเป็นเช่นนั้น กลับไม่มีฝ่ายใดเลยที่ฉุกคิดได้และทำการสืบสวนเขา!
ทั้งหมดเป็นแผนของคุณหรือ? พี่ชายอามุนด์… คิดถึงตรงนี้ แผลใจของไคลน์เริ่มกำเริบ ร่างกายสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม
ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว จ้องหน้าราชินีเงื่อนงำและพูดเสริม
“สงครามในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับบุตรแห่งพระผู้สร้าง ราชาเทวทูต และเทพแท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะยับยั้งได้”
จากความรู้และประสบการณ์ของแบร์นาแดต สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว ก่อนจะทวนคำสำคัญด้วยเสียงแผ่วเบา
“บุตรแห่งพระผู้สร้าง… ราชาเทวทูต… เทพแท้จริง…”
เธอไม่ประหลาดใจมากนัก คล้ายกับพอจะเห็นเค้าลางมาตั้งแต่ต้น แต่นั่นก็ยังหมายความว่า ต่อให้เป็น ‘ผู้หยั่งรู้’ ก็ยังมองไม่เห็น ‘บทละคร’ ของพี่ชายอามุนด์ได้ชัดเจน
หลังจากทวนคำ แบร์นาแดตเงียบงันสองสามวินาที กล่าวกึ่งถอนหายใจกับตัวเอง
“แบบนี้นี่เอง…”
ไคลน์เปลี่ยนท่านั่ง สมองเริ่มประมวลผล
“อันที่จริง สงครามในปัจจุบันยังมีโอกาสสำหรับคุณ… ในอนาคตจะเกิดภัยพิบัติอีกมาก หลายเหตุการณ์มีต้นตอมาจากการปะทะระหว่างกองทัพเทวทูต ผมคิดว่าคุณคงยับยั้งได้สักครั้งหากพึ่งพาพลังสมบัติปิดผนึกระดับ 0… แต่แน่นอน ต้องเลือกจังหวะและวิธีการให้ดี”
แบร์นาแดตพยักหน้าแผ่วเบา เห็นพ้องกับคำกล่าวของไคลน์ ขณะเดียวกันก็ไม่ปฏิเสธว่าเธอมีสมบัติปิดผนึกระดับ 0อย่างน้อยหนึ่งชิ้น
แน่นอน ในฐานะลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ‘ตัวเอก’ ในยุคก่อนอย่างจักรพรรดิโรซายล์ คงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อหากบิดาของเธอจะไม่ยกสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ให้สักชิ้นสองชิ้น
และเหนือสิ่งอื่นใด แบร์นาแดตเตรียมประกอบพิธีกรรมเลื่อนขั้นเป็น ‘ผู้ทรงปัญญา’ เรียบร้อยแล้ว หมายความว่าต้องมีตะกอนพลังของลำดับ 2 เส้นทางผู้ส่องความลับอยู่กับตัว ในแง่หนึ่ง วัตถุดังกล่าวมีระดับเทียบเท่าสมบัติปิดผนึกระดับ 0
หลังจากยอมรับโดยนัย น้ำเสียงอันนุ่มนวลแต่เฉยเมยของราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่ชอบสงคราม แม้มันจะมอบโอกาสให้ก็ตาม… ฉันเคยเกลียดเขามาก เคยไม่เข้าใจทุกสิ่งที่เขาทำจนเลิกเรียกเขาว่าพ่ออยู่หลายปี นั่นเป็นเพราะเขาเอาแต่ขวางกระแสแห่งยุคสมัยจนทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน ทั้งหมดเพียงเพื่อจะเลื่อนเป็นจักรพรรดิมืดในช่วงบั้นปลาย… ฉันรับไม่ได้ที่พ่อซึ่งเป็นเหมือนฮีโร่มาตลอด ต้องกลายเป็นทรราชเสียสติ… แต่ปัจจุบัน พิจารณาจากคำตอบของบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคุณ รวมถึงการสอบสวนของตัวเอง ฉันพอจะเข้าใจสถานการณ์ของเขาขึ้นมาบ้าง… เข้าใจว่าเขาต้องทุกข์ทรมานจากความสิ้นหวัง ความเจ็บปวด และความโดดเดี่ยว เข้าใจว่าเขาเป็นเหมือนกับคนกำลังจมน้ำ เพียงดิ้นรนเอาตัวรอดไปตามสัญชาตญาณ”
“…” ไคลน์ถอนหายใจห่อเหี่ยว ยากจะสงบอารมณ์ของตน
บนโลกปัจจุบัน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้จัก ‘ฮวงเทา’ โรซายล์·กุสตาฟได้ดีกว่าใคร และทั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่นี่
แต่แน่นอน อารมณ์ห่อเหี่ยวมิได้ปิดกั้นประสาทสัมผัสของไคลน์ มันยังคงตระหนักว่า ราชินีเงื่อนงำอยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างจากปรกติ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการพบกันครั้งก่อนซึ่งเธอแทบไม่เล่าสิ่งใด ไม่เคยเปิดใจของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างแสดงความโศกเศร้าแผ่วเบาอย่างมีมารยาท
ไตร่ตรองสักพัก ไคลน์แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น เพียงถามต่อไป
“เขาเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหน? คุณคิดว่าสิ่งใดเป็นจุดเปลี่ยน หรือสิ่งใดควรค่าให้จดจำ”
ดวงตาสีฟ้าของราชินีเงื่อนงำสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับถูกดึงเข้าไปในความทรงจำอันยาวนาน
ผ่านไปสักพัก เธอกล่าวเชื่องช้า
“ก่อนที่จะเปลี่ยนไปได้ไม่นาน เขาพูดกับฉันด้วยความภูมิใจว่า: ลูกอยากรู้ไหมว่าบนดวงจันทร์และดาวเคราะห์ดวงอื่นมีสิ่งใดอยู่? ในอนาคต พวกเราอาจได้เดินทางท่ามกลางทะเลแห่งดวงดาว”
ทะเลแห่งดวงดาว… สิ่งที่อยู่บนดวงจันทร์และดาวเคราะห์ดวงอื่น… ไคลน์นึกทบทวนคำพูดของราชินีเงื่อนงำ ทันใดนั้นก็ฉุกคิด ‘บางเรื่อง’ พร้อมกับคำสำคัญบางคำ
คำสำคัญก็คือ:
อวกาศ!
และเรื่องที่ว่าก็คือ:
มิสเตอร์ประตูเคยบอกกับจักรพรรดิโรซายล์ว่า หากเมื่อใดที่มีเวลาและพลังมากพอ ให้ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ เพราะนั่นจะช่วยไขปริศนาที่คาใจได้กระจ่าง
ท้ายที่สุด จักรพรรดิไปเหยียบดวงจันทร์? ไดอารีที่เปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งหน้านั้น (ตอนที่ 715) ถูกเขียนขึ้นหลังจากการสำรวจ? นั่นทำให้บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นคนอารมณ์รุนแรงและสุดโต่ง? ไคลน์นึกทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง และภายใต้การจ้องมองจากราชินีเงื่อนงำ มันกล่าวด้วยสีหน้าขบคิด
“ด้วยระดับของคุณ คงทราบดีว่าอวกาศเต็มไปด้วยมลพิษ”
แบร์นาแดตพยักหน้าโดยไม่ถามซักไซ้ คล้ายกับมั่นใจว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็คงไม่รู้มากกว่าตน สิ่งที่เธอทราบมีเพียง หากไม่ใช่เทวทูต ผู้วิเศษทั่วไปหมดสิทธิ์ตรวจจับอันตรายและต้านทานมลพิษจากอวกาศ
หลังจากเงียบงันราวสิบวินาที ไคลน์ชักนำบทสนทนาเข้าสู่ประเด็นหลักของการนัดพบ
“หนึ่งในเหตุผลที่สงครามปะทุขึ้นก็คือ กษัตริย์จอร์จที่สามแห่งโลเอ็นค้นพบสุสานลับทั้งเก้าแห่งที่จักรพรรดิโลหิตสร้างไว้ จึงเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนไปยังลำดับ 0 เส้นทางจักรพรรดิมืดแทน… นั่นคือจุดเริ่มต้นของการยกเลิกพระราชบัญญัติเมล็ดพันธุ์…”
ไคลน์ไม่แยแสว่าราชินีเงื่อนงำจะเข้าใจหรือไม่ ยังคงเล่าไปตามจังหวะของตัวเอง อธิบายเสริมเพียงเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยประโยคที่ว่า
“จักรพรรดิมืดมีพลังในการคืนชีพ แต่หากจักรพรรดิมืดคนใหม่ปรากฏตัว จักรพรรดิมืดองค์เก่าจะร่วงหล่นโดยสมบูรณ์”
องค์เก่าหมายถึงจักรพรรดิโรซายล์ซึ่งอาจเลื่อนลำดับสำเร็จ แต่ถูกลอบสังหารหลังจากนั้น
ในบางครั้ง ไคลน์สงสัยว่าโรซายล์จงใจปล่อยให้นักลอบสังหารปลิดชีพตนอย่างง่ายดาย เพราะด้วยวิธีดังกล่าว เมื่อคืนชีพอีกครั้งในดินแดนดารา โรซายล์จะเลือกดูดซับตะกอนพลังของลำดับ 1 เส้นทางจักรพรรดิมืดทั้งสามก้อน รวมไปถึง ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทาง แต่จะไม่ดูดซับตะกอนพลังของเส้นทางอื่นอย่าง ‘จักรพรรดิความรู้’ หรือ ‘ผู้บรรลุความลับ’ เพราะต้องการเปลี่ยนให้ตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อขจัดอาการเสียสติ
นั่นคือขั้นตอนในการฟื้นคืนจากความตาย แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า โรซายล์ถูกฆ่าหลังหรือระหว่างพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับ 0 เท่านั้น ต้องไม่ใช่ก่อนพิธีเริ่ม
ราชินีเงื่อนงำตั้งใจฟังจนจบก่อนจะกล่าวเชื่องช้า
“คุณต้องการหยุดจอร์จที่สาม?”
“ใช่” ไคลน์พยักหน้าเยือกเย็น
“เพราะเหตุใด” แบร์นาแดตถามโดยไม่เปลี่ยนน้ำเสียง
มุมปากไคลน์ยกขึ้น ยิ้มและกล่าว
“เหตุผลไร้สาระที่ไม่ควรค่าแก่การอธิบาย”
ดวงตาแบร์นาแดตจ้องบนใบหน้าชายหนุ่มสักพัก
“แค่นั้นก็เพียงพอ… แม้แต่ฉันก็ยังหวังในสิ่งที่แทบจะไม่มีโอกาสสำเร็จ… พวกเราจะร่วมมือกันเพื่อหยุดจอร์จที่สาม”
เป็นพวกบ้าเหมือนกันสินะ… ไคลน์ถอนหายใจเงียบและกล่าว
“ผมจะบอกวิธีอัญเชิญผู้ส่งสาร”
“ตกลง” แบร์นาแดตเหยียดมือขวาทาบลงบนโต๊ะ
ปากกาซึ่งวางอยู่ด้านข้างพลันลอยขึ้นราวกับมีภูตล่องหนคอยขยับ ก่อนที่จะถูกตวัดอย่างอิสระและราบรื่นบนกระดาษ
“นี่คือวิธีอัญเชิญผู้ส่งสารของฉัน” แบร์นาแดตกล่าวอย่างใจเย็น
………………………………….