ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1216 : ความอดทนย่อมผลิดอกออกผล
- Home
- ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
- ราชันเร้นลับ 1216 : ความอดทนย่อมผลิดอกออกผล
เมืองเงินพิสุทธิ์ บนยอดหอคอยกลม ห้องเจ้าเมือง
โคลิน·อีเลียดเจ้าของผมสีขาวและรอยแผลเป็นเก่าบนใบหน้า มองออกไปนอกหน้าต่างท่ามกลางความมืดมิด จากนั้นก็ถอนสายตากลับเมื่อเห็นแสงสายฟ้าเส้นที่สองแลบจากจุดห่างไกล
เฌอมงต์เลื่อนลำดับสำเร็จ…
สายตาของมันจ้องไปทางเด็กหนุ่มเจ้าของส่วนสูงสองเมตรที่กำลังยืนกลางห้อง
“เดอร์ริค คุณทราบไหมว่าทำไมผมที่กลายเป็นลำดับสาม อัศวินสีเงินแล้วถึงไม่จัดทีมไปสำรวจวังราชาคนยักษ์ตามแผนเดิม”
เดอร์ริคใช้ความคิดสักพัก
“แง่หนึ่งท่านเจ้าเมืองต้องการค้นหาว่ามีเส้นทางอื่นที่นำไปสู่ทะเลหรือไม่ อีกแง่หนึ่งเป็นเพราะท่านเจ้าเมืองต้องการให้อาวุโสท่านอื่นในสภาเลื่อนเป็นลำดับสาม ให้เรียบร้อย”
และทั้งสองสิ่งก็ได้ข้อสรุปแล้วในปัจจุบัน:
เมื่อราวห้าเดือนก่อน ทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์ค้นพบเส้นทางลับสำหรับอ้อมภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวังราชาคนยักษ์ไปยังทะเลได้โดยตรง แต่ทะเลดังกล่าวกลับเป็นเพียงภาพมายา ร่างกายของผู้ที่ฝืนผ่านเข้าไปจะแหลกสลาย
และเมื่อครู่ ในที่สุดครึ่งเทพของหกสภาอาวุโส ฮอยต์·เฌอมงต์ ก็ประสบความสำเร็จในการเลื่อนเป็นลำดับสามและสามารถมีพระนามเต็มอันทรงเกียรติเพื่อตอบสนองคำวิงวอนของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ได้ในขอบเขตจำกัด
โคลิน·อีเลียดถอนหายใจและกล่าว
“เยี่ยมมาก คุณเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนและครอบคลุม… หากเลือกได้ ผมไม่อยากพาคุณไปสำรวจวังราชาคนยักษ์ซึ่งมีเทวทูตมืดหลับใหลสักเท่าไร…”
โคลินเว้นวรรคเมื่อกล่าวถึงตรงนี้
“พวกเราไม่มีทางคาดเดาได้ว่าอันตรายแบบใดกำลังรออยู่ เรื่องเดียวที่ทำได้คือการเตรียมตัวให้พร้อมและรัดกุมมากที่สุด… ตอนนี้เฌอมงต์ทำสำเร็จแล้ว หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างการสำรวจ เขากับโลเฟียร์จะช่วยกันค้ำจุนเมืองเงินพิสุทธิ์ให้เดินหน้าต่อไปได้ จากนั้นก็รอคอยโอกาสใหม่ในอนาคต”
มันจ้องเดอร์ริคหัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าเชิงชื่นชม
“คุณมีพัฒนาการไวกว่าที่ผมคิดไว้มาก หากไม่ใช่เพราะคุณเป็นคนสำคัญในการสำรวจวังราชาคนยักษ์ ผมอยากเก็บคุณไว้ที่นี่และบ่มเพาะให้กลายเป็นอาวุโส”
ได้ยินเช่นนั้น เดอร์ริครีบตอบโต้
“ต่อให้คุณอยากเก็บผมไว้ที่เมือง แต่ผมก็จะสมัครเข้าร่วมทีมสำรวจอยู่ดี”
นี่คือแสงแห่งความหวังที่เด็กหนุ่มมองเห็น เป็นโอกาสอันแสนล้ำค่าที่จะช่วยเหลือเมืองเงินพิสุทธิ์ เดอร์ริคยินดีที่จะสละทุกสิ่งเพื่อเดิมพัน
โคลิน·อีเลียดเผยรอยยิ้มที่หาได้ยาก
“คุณยังหนุ่มยังแน่น… หากเคยผ่านประสบการณ์มากมายมาแบบผม คุณจะเข้าใจว่าการชักดาบสละชีพด้วยศรัทธาอันแรงกล้านั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายเมื่อเทียบกับการต้องกล้ำกลืนความสิ้นหวังและอับอายในความมืดอย่างเจ็บปวดขื่นขม… หรือถ้าไม่เชื่อผม คุณรอถามเฌอมงต์ก็ได้… ถามว่าอยากนำทีมไปสำรวจวังราชาคนยักษ์หรือประจำการอยู่ที่เมืองเงินพิสุทธิ์มากกว่ากัน”
เดอร์ริคจมอยู่กับความเงียบ ปากอ้าขึ้นเล็กน้อยโดยไม่มีเสียงใดเล็ดลอด
โคลิน·อีเลียดไม่สานต่อบทสนทนาและตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อ
“ย่อยโอสถนักบวชแสงเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยัง”
“เสร็จแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนครับ” เดอร์ริคตอบเถรตรง
โคลินพยักหน้า
“รวบรวมวัตถุดิบเสริมได้ครบถ้วนไหม”
เดอร์ริคอืมในลำคอ
“รวบรวมครบหมดแล้ว เหลือแค่พิธีกรรมครับ”
พิธีกรรมคือการสกัดอารมณ์ที่เข้มข้นที่สุดซึ่งไม่ต้องการละทิ้งออกมา จากนั้นค่อยบรรจุกลับเข้าไปใหม่หลังจากดื่มโอสถ
หลังจากผ่านชุมนุมทาโรต์มาหลายครั้งและมีการพูดคุยส่วนตัวกับมิสจัสติส พวกมันร่างแผนซึ่งค่อนข้างมีประสิทธิภาพขึ้นมา
เดอร์ริคจะเลื่อนลำดับภายใต้ความช่วยเหลือจากอ้อมกอดเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลและพลังในขอบเขตจิตใจของนักวางแผน
นักล่าปีศาจโคลินเพียงกล่าวอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องกังวลไป กำหนดการสำรวจวังราชาคนยักษ์ครั้งที่สองจะยังไม่มีขึ้นในเร็วๆ นี้”
“ทุกคนกำลังรอให้ผมกลายเป็นผู้เจิดจรัส?” เดอร์ริคถาม
โคลินพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ปฏิเสธ
“นอกจากนั้นพวกเรายังรอให้โลเฟียร์กลายเป็นอัศวินมืด เธอเตรียมวัตถุดิบกับพิธีกรรมเรียบร้อยแล้ว”
เดอร์ริครู้สึกกดดันทันทีเมื่อได้ยิน
…
ณ เมืองหลวงของหมู่เกาะรอสต์ เมืองแห่งการให้ บายัม บนยอดหอระฆังสูงสุด
คาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน อาวุโสใหญ่แห่งทูตพิพากษา เจ้าสมุทรแยนน์·ค็อตแมน กำลังยืนริมราวกั้นพลางจ้องเข้าไปในทะเลที่มิได้สีครามเหมือนเมื่อก่อน บนผิวทะเลเต็มไปด้วยซากโลหะของเรือรบที่บางส่วนกำลังลุกไหม้
“ฮึ… ในน่านน้ำของข้า แม้แต่นักบวชสงครามก็ยังต้องยอมศิโรราบ…” ครึ่งเทพกล้ามใหญ่ที่มีใบหน้าชัดลึกถอนสายตากลับพลางพึมพำ
เจ้าของดวงตาและเส้นผมสีน้ำเงินเข้มที่เส้นใหญ่หนาราวกับตัวหนอน ปัจจุบันกำลังควบคุมสภาพอากาศบนน่านน้ำหมู่เกาะรอสต์
อัลเจอร์·วิลสันที่กำลังยืนเคียงข้างเจ้าสมุทรมิได้เผยท่าทีกระอักกระอ่วน เพียงรอให้แยนน์·ค็อตแมนหันมาสนใจด้วยตัวเอง
ธรรมชาติของผู้วิเศษเส้นทางลูกเรือไม่เพียงจะมีอารมณ์หุ่นหันพลันแล่น แต่ยังจะตัวสั่นยอมจำนนเมื่ออยู่ต่อหน้าลำดับสูงของเส้นทางเดียวกัน นี่คือคุณลักษณะเฉพาะของ ‘ทรราช’
หลังจากพึมพำกับตัวเองสักพัก เจ้าสมุทรแยนน์·ค็อตแมนหันมาสนใจอัลเจอร์ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัด ตามด้วยกล่าวไร้อารมณ์
“ความสำเร็จของคุณน่าชื่นชมมาก… สภาคาร์ดินัลอนุมัติคำร้องของคุณและจัดแจงให้ผมเป็นประธานในพิธีกรรมเลื่อนลำดับ”
หลังได้รับมรดกจากราชินีแห่งภัยธรรมชาติ อัลเจอร์อดทนรออย่างใจเย็นจนกระทั่งสบโอกาสแจ้งข่าวแก่เจ้าสมุทรแยนน์·ค็อตแมน
มันเล่าประสบการณ์ขณะสำรวจโบราณสถานเอลฟ์ในป่าดงดิบบนเกาะโซเนียออกไปตามจริงโดยบิดเบือนเพียงสองเรื่อง:
เรื่องแรก อัลเจอร์เล่าว่าตนมุ่งหน้าไปยังโบราณสถานเอลฟ์เพื่อเตรียมดักซุ่มโจมตีกองทัพฟุซัค ระหว่างทางก็ตระเวนหาจุดเหมาะสมไปเรื่อยๆ โดยมีสักขีพยานเป็นลูกเรือจำนวนมาก
เรื่องที่สองคือการโกหกว่าตนไม่ค่อยมีสติหลังจากสำรวจโบราณสถานเอลฟ์ และเล่าว่าตนฝันถึงเอลฟ์สาวลำดับสูงในคืนเดียวกัน แต่เมื่อไม่มีความผิดปรกติเกิดขึ้นกับร่างกายแม้จะดื่มไวน์จากหล่อนไปหนึ่งแก้ว มันจึงไม่ได้เก็บไปคิดมากนัก จนกระทั่งเมื่อเดินทางมาถึงหมู่เกาะรอสต์และสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในคืนหนึ่ง อัลเจอร์พบว่าตนกำลังอยู่ในวังปะการังใต้ทะเล จากนั้นก็หยิบปะการังสายฟ้าขึ้นมา
ในตอนแรก แม้หลักฐานยืนยันของอัลเจอร์จะแน่นหนาทั้งในเชิงกายภาพและข้อมูล แต่เจ้าสมุทรแยนน์·ค็อตแมนก็ยังไม่ปักใจเชื่อในทันที มันส่งอัลเจอร์ไปยังเกาะปาซูเพื่อให้สังฆราชคาร์ดที่สองตรวจสอบด้วยตัวเอง
ภายใต้ความช่วยเหลือจากอ้อมกอดเทวทูต อัลเจอร์แสร้งตัวสั่นต่อหน้าออร่าของทรราช จากนั้นก็ทำทีเป็น ‘เล่าความจริง’ ต่อหน้าสังฆราชโดยเกริ่นว่า มันเกิดความโลภหลังจากได้พบกับเอลฟ์ลำดับสูงในความฝัน จึงจงใจมุ่งหน้ากลับมายังหมู่เกาะรอสต์เพื่อตามหามรดกของเธอ แต่ในความเป็นจริง ยังมีความลับและปัญหาอีกมากมายที่อัลเจอร์ไม่ได้เล่าออกไป
มันอาศัยเทคนิคการ ‘สารภาพ’ และ ‘ทำไปเพราะความทะเยอทะยาน’ เพื่อผลักดันให้ตัวเองผ่านบททดสอบ สำหรับประเด็นเกี่ยวกับเอลฟ์หญิงระดับสูง เธอจะสนใจอัลเจอร์เพราะในตัวชายหนุ่มมีเลือดเอลฟ์ไหลเวียนโดยบังเอิญ หรือทำไปเพราะมีเจตนาอื่นแอบแฝง อัลเจอร์แจ้งว่าตนเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน และอยากให้สังฆราชช่วยตรวจสอบหาความจริง
อัลเจอร์แสร้งทำเป็นหวาดกลัวในสิ่งที่ตนไม่รู้อย่างสมจริง และนั่นทำให้คาร์ดินัลเชื่อว่าเป็นเหตุผลที่อัลเจอร์ยอม ‘สารภาพ’
มันเป็นคนคิดแผนการนี้ด้วยตัวเอง แต่ได้มิสจัสติสช่วยปรับแต่งให้สมบูรณ์แบบและตรงตามธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้น
แน่นอนว่าอัลเจอร์ยังไม่ได้เข้ารับพิธีกรรมเลื่อนตำแหน่งในทันที แต่เป็นช่วงเวลาสำหรับการ ‘พิสูจน์ตัวเอง’
สังฆราชคาร์ดที่สองแห่งโบสถ์วายุสลาตัน – เทวทูตเดินดิน ได้ใช้พลังผนึกตะกอนพลังผู้สังเวยภัยพิบัติในตัวอัลเจอร์ไว้ราวสองถึงสามปี ป้องกันมิให้รั่วไหลออกมาส่งผลกระทบต่อร่างกาย
ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา อัลเจอร์นำกองเรือโจรสลัดที่ได้รับการจัดหา ทำการบุกโจมตีเรือของฟุซัคและเฟเนพ็อตอย่างขยันขันแข็ง แถมยังเข้าร่วมยุทธนาวีอันดุเดือดพร้อมกับพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อสร้างผลงานชิ้นใหญ่ เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตนศรัทธาในวายุสลาตันเป็นล้นพ้นและอุทิศกายใจให้ศาสนจักร
จนกระทั่งสงครามน่านน้ำเกาะรอสต์จบลง สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ความพยายามของมันได้ผลิดอกออกผลจนสภาคาร์ดินัลให้การยอมรับ
อัลเจอร์สูดลมหายใจยาวพร้อมกับกระแทกกำปั้นขวาลงบนอกซ้าย ตามด้วยตะโกนกึกก้อง
“แด่มหาวายุสลาตัน!”
ครึ่งหนึ่งของความฮึกเหิมเป็นการเสแสร้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งคือความรู้สึกจากก้นบึ้ง เพราะมันต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาลตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา
มาดามเฮอร์มิทย่อยโอสถจอมเวทพิสดารเสร็จแล้วและเตรียมเลื่อนเป็นลำดับสาม
แม้มิสจัสติสจะยังย่อยโอสถจอมบงการไม่เสร็จ แต่ก็มีความคืบหน้าไปไกลพอสมควร นอกจากนั้นยังต้องไม่ลืมว่า เธอเคยเป็นเพียงเด็กใหม่ไร้เดียงสาในช่วงที่เพิ่งเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ แต่ปัจจุบันกลับได้เป็นครึ่งเทพแซงหน้าอัลเจอร์ แถมไม่ใช่แค่การมีลำดับสูงกว่าหนึ่งขั้น แต่นั่นหมายถึงหนึ่งระดับตัวตน
ในอีกไม่ช้าเดอะซันก็จะกลายเป็นครึ่งเทพลำดับสี่ ผู้เจิดจรัส
เดอะสตาร์เองก็ย่อยโอสถลำดับห้า เสร็จแล้วและรวบรวมคะแนนผลงานได้มากมาย รอแค่โอกาสที่เบื้องบนจะหยิบยื่นให้
มิสเมจิกเชี่ยนเองก็ใกล้จะย่อยโอสถนักท่องเที่ยวเสร็จหลังจากใช้พลังอย่างต่อเนื่อง แถมเธอยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากอาจารย์ วัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถลำดับสี่ ถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว
ไม่ต้องเอ่ยถึงเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ อัลเจอร์จะไม่แปลกใจแม้แต่น้อยหากวันดีคืนดีชายคนนี้แจ้งว่าตนกลายเป็นเทวทูตเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันมิสจัดจ์เมนต์กำลังอยู่ในลำดับห้า อัศวินวินัย เธอเองก็พยายามย่อยโอสถเพื่อไล่ตามสมาชิกคนอื่นให้ทัน
แม้แต่เดอะมูน เอ็มลินซึ่งค่อนข้างขี้เกียจก็ยังตื่นตัวและพยายามผลักดันตัวเองให้กลายเป็นเอิร์ลผีดูดเลือด
ท่ามกลางสถานการณ์ข้างต้น หนึ่งในสมาชิกชุมนุมทาโรต์ยุคบุกเบิกอย่างอัลเจอร์ย่อมไม่ต้องการถูกทิ้งไว้ด้านหลัง มันพยายามไขว่คว้าหาการเลื่อนระดับเป็นครึ่งเทพอย่างแรงกล้ายิ่งกว่าใคร
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานอย่างมีความหวัง อัลเจอร์สลัดความกระสับกระส่ายและรอคอยอย่างอดทน ระหว่างทางเกือบคลุ้มคลั่งไปสองรอบจนต้องหยิบยืมความช่วยเหลือจากมิสจัสติส
และบัดนี้ ในที่สุดมันก็ได้ยินในสิ่งที่ปรารถนามานาน
มันผ่านการทดสอบและเตรียมเข้ารับพิธีกรรม!
…………………………………..