ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ - ราชันเร้นลับ 1329 : ค่ำคืนอันปรกติสุข
- Home
- ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
- ราชันเร้นลับ 1329 : ค่ำคืนอันปรกติสุข
เรือโดยสารแล่นผ่านพายุและเข้าใกล้ประภาคาร
จากนั้น ในทัศนวิสัยของกัปตัน กะลาสี และผู้โดยสาร พวกมันเห็นท่าเรือขนาดย่อมหลังม่านฝนอันมืดมิด
ถัดมาไม่นาน ชายในวัยสามสิบ แต่งกายด้วยเครื่องแบบสีกรมท่า ถือร่มสีดำและตะเกียงแก้ว โผล่ขึ้นริมท่าเรือ มันส่งสัญญาณที่ไม่เป็นสากลนักเพื่อบอกให้เรือโดยสารเข้าจอดเทียบท่า
“เฮ้! พวกนายมาจากไหน?” ชายคนดังกล่าวอ้าปากพูดขณะเห็นบันไดเรือเริ่มทอดลง
แม้เสียงส่วนใหญ่จะเลือนหายไปกับลมฝน แต่ก็ยังมีบางส่วนเล็ดลอดขึ้นมาบนเรือโดยสารจนถึงหูของอัลเฟรด
“คุณทราบไหมว่าที่นี่คือที่ไหน” อัลเฟรดหันไปถามคนสนิทและทหารของตน
มันมิได้สวมชุดออกงานของนายพล ปัจจุบันกำลังแต่งกายด้วยเสื้อโค้ทสีดำที่พบเห็นได้ทั่วไปในเบ็คลันด์ ผมสีทองสง่างามปล่อยอิสระ ดวงตาสีฟ้าดูคล้ายกับทะเลสาบลึกภายในป่า
คนสนิทผู้หวีผมเรียบไปด้านหลัง ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นนัยว่าไม่ทราบ จากนั้นก็อธิบายเสริม
“พายุทำให้ผมหลงทิศ”
ในเวลาเดียวกัน กัปตันถือร่มเดินมาที่กราบเรือ โต้ตอบกับชายด้านล่าง
“พวกเราออกเดินทางจากไบลัมตะวันออกเมื่อสองวันก่อน แต่โชคไม่ดีเจอกับพายุ… ที่นี่คือท่าเรืออะไร?”
ชายคนดังกล่าวกลอกตาเล็กน้อย แต่มิได้ให้คำตอบในทันที เพียงกล่าวเสียงดัง:
“รอสักครู่”
จากนั้น มันหันหลังกลับ ถือร่มและตะเกียงวิ่งเข้าไปในอาคารใกล้กับท่าเรือ
ท่าทีตอบสนองดังกล่าวเหนือความคาดหมายผู้โดยสารอย่างอัลเฟรด แต่ไม่น่าแปลกใจสำหรับกัปตันและลูกเรือมากประสบการณ์ – พวกมันเคยแวะท่าเรือแถบทะเลคลั่งมาแล้วหลายแห่ง พบเจอเหตุการณ์ประหลาดมากมาย จึงทำเพียงอดทนรอชมสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ราวห้าหกนาทีถัดมา ชายคนเดิมพาสตรีคนหนึ่งวิ่งมาด้วยก้าวเล็กๆ
สตรีปราศจากร่ม สวมเสื้อกันฝนแบบคลุมหัวซึ่งเคลือบยางไม้ดอนนิงส์แมน
หลังจากทั้งสองเข้าใกล้เรือ พวกมันเดินขึ้นบันไดมายังดาดฟ้าท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของลูกเรือซึ่งกำลังถือปืน
ในระยะใกล้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ
ฝ่ายชายมีผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาล ผิวหยาบกร้าน มองผิวเผินก็ทราบทันทีว่าเป็นชนชั้นล่างที่ตรากตรำลมฝน ฝ่ายหญิงอายุยี่สิบกว่า ดวงตาสีเขียวทะเลสาบ ผมยาวสีป่าน ใบหน้ามีเสน่ห์และสดใส
เป็นสตรีที่งดงามแบบบ้านๆ
“ไงพวก ที่นี่คือท่าเรือยูโทเปีย” ชายคนดังกล่าวแนะนำด้วยท่าทีปราศจากความสุขุม “ฉันชื่อธีโอดอร์ เป็นนายท่าชั่วคราว”
ขณะกล่าว มันขำกับตัวเอง คล้ายกับมีความสุขที่ได้คิดค้นชื่อของตำแหน่งใหม่ซึ่งฟังดูทรงอำนาจ
แน่นอน กัปตันเรือพอจะเข้าใจว่า ‘นายท่าชั่วคราว’ หมายถึงสิ่งใด และมิได้ใส่ใจกับความสุขเล็กๆ ของชนชั้นล่าง
มันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
“ท่าเรือยูโทเปีย? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ธีโอดอร์ชำเลืองอีกฝ่าย
“ใครๆ เขาก็พูดกันแบบนั้น… ฮะฮะ! ถ้าไม่ใช่เพราะพายุ พวกนายก็คงไม่ได้มาที่นี่ชั่วชีวิต!”
โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดอะไรไปมากกว่านี้ สตรีด้านข้างชิงกล่าว
“ยูโทเปียไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดินเรือปลอดภัย ตามปรกติแล้ว จะมีเฉพาะคนที่ชำนาญเส้นทางแวะเข้ามาเติมเสบียง”
หมายความว่า… ลูกค้าหลักของท่าเรือนี้คือพวกโจรสลัด? ไม่มีทางที่กัปตันเรือจะไม่ทราบความนัยแฝง และด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การที่ต่างฝ่ายต่างปิดปากเงียบไว้ ถือเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของทั้งคู่
มันอืมในลำคอและกล่าว
“คุณคือ?”
“ฉันชื่อเทรซี่” หญิงสาวยิ้ม “เป็นเจ้าของโรงแรมในท่าเรือ และเป็นแผนกต้อนรับ รวมถึงบริกร”
เธอกวาดสายตาและพูดต่อ
“พายุกำลังรุนแรง หากฝืนแล่นต่อ เรืออาจเสียหายได้ คงฉลาดกว่าหากจะเลือกพักที่นี่สักคืน… โรงแรมของเรามีเตียงแข็งแรง มีน้ำอุ่น มีอาหารสะอาด และมีผ้าห่มอบอุ่นจนคุณต้องคิดถึงบ้าน… ราคาคืนละสิบเพนนี ฉันหมายถึงต่อหนึ่งห้อง… นอกจากนั้น คุณยังสามารถนั่งดื่มที่ผับใกล้เคียงได้เต็มคราบ เพลิดเพลินไปกับการต้อนรับแสนอบอุ่น”
เห็นได้ชัดว่า สตรีรายนี้ขึ้นเรือมาเพื่อขายของ
กัปตันยังคงค่อนข้างระแวง มิได้ตกปากรับคำอีกฝ่ายโดยตรง เพียงพยักหน้าและกล่าว
“ผมตัดสินใจแทนผู้โดยสารไม่ได้ พวกเขามีอิสระในการเลือก และแน่นอน ในฐานะกัปตันเรือ ผมจะพักอยู่ที่นี่กับลูกเรือ”
เทรซี่ยังคงรักษารอยยิ้ม:
“ฉันจะกลับไปที่โรงแรม รอแขกที่เต็มใจพักค้างคืนอยู่ที่นั่น”
คล้ายกับเธอได้รับการศึกษามาพอสมควร มิได้โผงผางหรือทำตัวห้าวเหมือนกับที่ลูกเรือเคยเจอในท่าเรืออื่น
เทรซี่หมุนตัวกลับ ขณะเตรียมลงจากเรือ ธีโอดอร์เดินเข้าไปใกล้และกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เธอต้องขอบคุณฉันที่แจ้งข่าวนี้”
ขณะกล่าว มือขวาของมันสัมผัสกับบั้นท้ายเทรซี่พร้อมกับออกแรงบีบ
ผัวะ!
เทรซี่ปัดมือพร้อมกับตะคอก:
“ไอ้ระยำ! ขอให้โดยลาเย็*เข้าสักวัน!”
หญิงสาวเร่งฝีเท้า เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็พ้นเขตเรือโดยสาร
ธีโอดอร์สะบัดมือพลางสบถด้วยรอยยิ้ม
“นังกะหรี่!”
ฉากดังกล่าวทำให้ผู้โดยสารหลายคนบนเรือเริ่มใจเต้นแรง
สำหรับพวกมัน ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของเรือคือความน่าเบื่อ แต่ปัจจุบัน บนท่าเรือแห่งนี้มีผับ
กล่าวคือ พวกมันมีโอกาสได้พบกับโสเภณีข้างถนนราคาถูก ซึ่งจะแตกต่างจากที่พบในทวีปเหนือใต้ มีเสน่ห์แบบชาวท้องถิ่น
หากโชคดีมากพอ หรือยินดีจ่ายหนัก อาจมีใครสักคนได้นอนกับหญิงงามแบบบ้านๆ คล้ายกับคนเมื่อครู่!
ทันใดนั้น ผู้โดยสารจำนวนมากรีบจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมเข้าพักโรงแรมท่าเรือ
ได้เห็นฉากตรงหน้า คนสนิทของอัลเฟรดหันมาถาม
“ท่านนายพล เราควรลงจากเรือไหม”
อัลเฟรดส่ายหน้า
“เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ต้องระมัดระวังให้มาก การอยู่บนเรือคือตัวเลือกที่ดีที่สุด”
คนสนิทมิได้คัดค้าน เพียงถามด้วยความเป็นกังวล
“ควรทำยังไงกับคนที่ลงจากเรือไปแล้ว?”.ไอรีนโนเวล.
“นั่นเป็นการตัดสินใจของพวกเขา” อัลเฟรดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้อารมณ์ “หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน พวกเราทำได้เพียงช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าเป็นเหตุไม่ร้ายแรง พวกเราจะแก้ไขสถานการณ์ทันที”
กล่าวจบ มันหันไปมองคนสนิทและทหาร
“ผลัดกันเข้าเวรเฝ้าระวังอุบัติเหตุ”
อัลเฟรดซึ่งเคยเผชิญหน้ากับองค์กรลับต่างๆ อย่างนิกายวิญญาณ โรงเรียนกุหลาบ และองค์กรอื่นในทวีปใต้ ย่อมหวาดระแวงกับสถานที่ไม่คุ้นเคยเป็นพิเศษ
หลังจากแลกเปลี่ยนความเห็นกับกัปตันสักพัก อัลเฟรดทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ฟังเสียงสายลมพัดกระทบกระจกหน้าต่าง เสียงฝนกระทบดาดฟ้าเรือ และเตรียมผล็อยหลับ
ทันใดนั้นเอง มันได้ยินท่วงทำนองอันอ่อนโยนและโศกเศร้าดังมาจากฝั่งท่าเรือ
คล้ายกับเสียงของขลุ่ย เนื้อเสียงแตกพร่าประหนึ่งมนุษย์กำลังคร่ำครวญกลางพายุ
อัลเฟรดดำดิ่งไปกับเสียงดนตรี ประหนึ่งได้กลับไปยังเบ็คลันด์ซึ่งมักปรากฏเพียงในความฝัน ย้อนกลับไปยังวัยเด็กที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและปัญหาผสมปนเป
มันส่ายหน้าหนักแน่น ขจัดความรู้สึกดังกล่าวทิ้งไป และยืนยันจนแน่ใจว่าไม่ใช่อิทธิพลจากพลังวิญญาณ แต่เป็นการตอบสนองตามปรกติ
อัลเฟรดพลิกตัวลุกจากเตียง เดินไปทางหน้าต่าง อาศัยพลังพิเศษของ ‘เจ้าพนักงาน’ ตรวจสอบจนพบว่า เสียงเพลงดังกล่าวมาจากโรงแรมราคาถูกในท่าเรือ
ไม่ใช่แขกที่เพิ่งลงจากเรือแน่ เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก คงไม่มีอารมณ์มัวเป่าขลุ่ย… แขกเก่าของโรงแรม? หรือจะเป็นฝีมือเจ้าของและพนักงานต้อนรับที่ชื่อเทรซี่? ถ้าเป็นเธอ สตรีผู้นี้ต้องผ่านเรื่องราวมามากมาย… อัลเฟรดถอนหายใจ ถอนสายตากลับและเลิกสนใจ
แม้มันจะอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะลงจากเรือ
เพียงไม่นาน เสียขลุ่ยก็หยุดลง โรงแรมท่าเรือกลับมาเงียบสงัดอีกครั้งโดยปราศจากเหตุการณ์ผิดปรกติ
ทุกสิ่งดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างราบรื่น จากวินาทีเป็นนาที จนกระทั่งพายุสงบลง ท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่าง
แปดโมงเช้า ผู้โดยสารที่ลงจากเรือทยอยกลับ แต่ละคนเผยท่าทีอิดโรยและซีดเซียว
เมื่อลูกเรือเห็นเช่นนั้น พวกมันโพล่งขึ้นทันที
“ดูเหมือนว่าสาวๆ ที่นี่จะเด็ดมาก!”
ผู้โดยสารพากันส่ายหน้าพร้อมกัน เผยความเสียดาย
หนึ่งในพวกมันลูบหน้าผากพลางอธิบาย
“แลงติร้อนแรงที่นี่แรงสมชื่อ แถมยังราคาถูกกว่าที่อื่น ฉันดื่มหนักเกินไปจนเผลอหลับ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาวสวยคนนั้น… เฮ้อ… กว่าจะตื่น เรือก็ใกล้ออกเต็มที จำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง… เทพธิดาจงเจริญ! อย่างน้อยพระองค์ก็ช่วยให้ฉันได้นอนบนเตียง ไม่ใช่กลางสายฝน”
ผู้โดยสารคนอื่นช่วยเสริมในทิศทางเดียวกัน
แน่นอน รายละเอียดของแต่ละคนแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น มีบางคนชมเชยว่าอาหารเช้าของโรงแรมมีราคาถูก แถมยังถูกปาก
ลูกเรือนึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ดื่มแลงติร้อนแรงของดีราคาถูก ทำได้เพียงล้อเลียนผู้โดยสาร
“บางที คนที่ค้างคืนอยู่กับพวกคุณอาจไม่ใช่สาวๆ แต่เป็นหมีป่าแบบธีโอดอร์ และพวกคุณก็เมาเกินกว่าจะรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น!”
“ฮะฮะ! อย่าลืมตรวจสอบรูก้นของตัวเองดูนะ!”
ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ลูกเรือดึงบันไดเรือกลับ ยกใบเรือ ปล่อยให้เรือโดยสารแล่นออกจากท่า
หลังจากผ่านเขตทะเลซึ่งบรรยากาศค่อนข้างมืดครึ้ม จนกระทั่งถึงเส้นทางเดินเรือปลอดภัยที่คุ้นเคย อัลเฟรดผ่อนคลายตัวเองโดยสมบูรณ์ อมยิ้มพลางกล่าวกับคนสนิทและทหาร:
“ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ของเรา ระบุว่าเหล้าและของหวานของที่นี่มีคุณภาพไม่เลว และสาวๆ ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”
หลังจากแล่นไปได้ไม่กี่วัน ในที่สุดเรือโดยสารก็มาถึงท่าเรืออิสเคอร์เซ่นในอ่าวเดซีย์บนเส้นทางเรือปลอดภัย
อัลเฟรดซึ่งเป็นชนชั้นสูงและมีพรสวรรค์ในการเข้าสังคม ตัดสินใจแวะเยี่ยมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฐานทัพในละแวกใกล้เคียง และร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน
เมื่อกลับถึงบ้านพักตากอากาศของบิดา มันพบว่าทหารที่ส่งไปสืบข่าวกลับมาพร้อมใบหน้าซีดเซียว
“เกิดอะไรขึ้น” อัลเฟรดขจัดความคิดที่ไม่เป็นระเบียบทิ้ง
ทหารคนดังกล่าวหรี่เสียงพูด
“ท่านนายพล แผนที่เดินเรืออย่างเป็นทางการของอาณาจักรทุกฉบับ… ไม่มีฉบับใดเลยที่ทำเครื่องหมายท่าเรือยูโทเปียเอาไว้”
………………………………