ราชาซากศพ - ตอนที่ 11 ลงทะเบียนทหารรับจ้าง
บทที่ 11 ลงทะเบียนทหารรับจ้าง
หลังจากที่หลินเว่ยเดินออกมาจากร้านกู่หยุนจ๋าย หลินเว่ยก็เริ่มใช้เงินเป็นจำนวนมาก เหรียญเงินหกเหรียญที่เขาเพิ่งได้มาถูกหลินเว่ยใช้ซื้อของไปจนเกือบหมด เขาซื้อเสื้อผ้าใหม่เป็นเสื้อคลุมชุดขนสัตว์ จำนวนสองชุด ซึ่งไม่ได้มีราคาแพงมากมาย เพราะพวกมันใช้เพียงหนังจากสัตว์ป่าธรรมดา ๆ หลินเว่ยซื้อกระเป๋าหนังใบหนึ่ง และสิ่งของวัตถุดิบเพื่อทำอาหารบางอย่าง
แน่นอนว่าเงินส่วนใหญ่ของหลินเว่ยถูกใช้ไปกับอาวุธ เป็นดาบยาว 30 ซม. กว้าง 3 ซม. และน้ำหนัก ประมาณ 2 กิโลกรัมกว่า ถือว่าเป็นอาวุธที่มีราคาถูกที่สุด อย่างไรก็ตาม เขายังซื้อมีดขนาดเล็ก 7 ซม. ซึ่งเขาเตรียมที่จะใช้ในการชำแหละชากสัตว์อสูร เงินที่เหลือก็ใช้ซื้อยาทำแผลเพื่อเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
หลินเว่ยกลับมาที่เมืองหมั่นฉีเป็นเวลา 2 วันแล้ว หลังจากสองวันผ่านไป เขาก็เร่งฟื้นฟูร่างกาย ส่วนสูงของหลินเว่ยเปลี่ยนไป ร่างกายของเขาเเข็งแรงขึ้น และความสูงก็เพิ่มมากขึ้นตาม เขามีพลังและร่างกายแข็งแกร่ง แน่นอนว่าเกิดจากเนื้อของสัตว์อสูรที่หลินเว่ยเพียรบำรุงร่างกายของตนเองให้ฟื้นฟูทดแทนช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากที่หลินเว่ยสามารถฟื้นฟูร่างกายจากเนื้อสัตว์อสูรระดับศูนย์ได้เต็มที่ เขาก็รู้ว่าร่างกายของเขาเหมือนจะมาถึงจุดอิ่มตัวของการเพิ่มพูนความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามหลินเว่ยนั้นเชื่อว่าหากว่าเขานั้นสามารถกินเนื้อสัตว์อสูรที่มีระดับสูงขึ้น เขามั่นใจมากว่าร่างกายเขาจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นไปได้อีกมากโข
แน่นอนว่าสองวันที่ผ่านมา หลินเว่ยไม่ได้บำรุงร่างกายเฉย ๆ แต่เขายังคงฝึกฝนร่างกายและคิดค้นหาวิธีการฟื้นฟูพลัง เพราะหมอกพลังปราณที่เขาสามารถใช้ในการคืนชีพโครงกระดูกได้นั้นหมดลงไปแล้ว ในตอนที่เขาเข้ามาในเมือง เขาแอบซ่อนเสี่ยวเฮยไว้ในป่านอกเมืองและไม่สามารถเก็บมันเข้ามาไว้ในพื้นที่มิติของตนเองได้
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ คือการเลื่อนขั้นระดับของศิลปะการฟื้นคืนชีพนักรบโครงกระดูกและพื้นที่มิติ เพื่อที่จะสามารถฟื้นฟูพลังงานและเก็บเสี่ยวเฮยไว้ในพื้นที่มิติของตนเองได้ โชคดีที่เขาออกไปล่าสัตว์อสูรสามารถพบแก่นคริสตัลสองชิ้น ดังนั้นเขาจึงใช้แก่นคริสตัลขั้นศูนย์ระดับสี่ เพื่อมาทดสอบก่อน อย่างที่เขาคิด เมื่อเขาทำตามวิธีก่อนหน้านี้ แก่นคริสตัลนี้หลังจากถูกดูดซับจะสลายกลายเป็นผุยผง
เมื่อแก่นคริสตัลกลายเป็นผงสีขาว หลินเว่ยนั้นรับรู้ได้ว่าภายในร่างของเขา มีพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 40 หน่วย ในทะเลลมปราณ จากนั้นพวกมันก็ควบรวมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพื่อสร้างหมอกพลังงานขนาดใหญ่ขึ้น
ในตอนแรก หลินเว่ยวางแผนที่จะขายแก่นคริสตัลทั้งสอง เพื่อแลกกับแก่นคริสตัลที่ถูกที่สุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะคุ้มค่ากว่ามาก หากเขาจะใช้มันกับตนเอง ไม่ใช่ว่าหลินเว่ยไม่ต้องการเหรียญเงิน เพื่อซื้อแก่นคริสตัลระดับหนึ่ง แต่เมื่อเอาไปขายเขาพบว่าราคามันจะถูกลงอย่างมากหนึ่งระดับ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเก็บเอาไว้ใช้ หลินเว่ยนั้นไม่ใช่คนโง่เขลาที่ทำเรื่องเสียเวลาเช่นนั้น
ในความเห็นของหลินเว่ย แก่นคริสตัลสามารถเพิ่มพลังงาน 100 หน่วยให้เขา เป็นผลให้เขาสงสัยว่า หากว่าพลังงานที่เขาดูดซับมาได้นั้น จู่ ๆ ก็หายวับไปกับเขา หลินเว่ยนั้นกังวลใจและรู้สึกเสียดาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เขาดูดซับพลังงาน
แก่นคริสตัลจะสลายกลายเป็นผงและไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก หากจะนำออกไปขายก็จะโดนกดราคา ทำให้หลินเว่ยไม่ยินยอมที่จะทำการค้าที่ขาดทุน เว้นแต่ว่าหลินเว่ยจะไม่ดูดซับพลังงานจากแก่นคริสตัลอีกต่อไป
ดังนั้นหลินเว่ยจึงต้องยอมรับในที่สุด
ทันใดนั้นหลินเว่ยรู้สึกกดดันมาก เขาหยิบเหรียญเงินเหรียญสุดท้ายและเตรียมไปที่สหภาพแรงงานทหารรับจ้าง เพื่อลงทะเบียนเป็นทหารรับจ้าง ด้วยวิธีนี้เมื่อเขาออกล่าสัตว์เขายังสามารถรับงานจ้างวานและเพิ่มรายได้
สหภาพแรงงานทหารรับจ้างตั้งอยู่กลางเมือง ในฐานะที่เป็นกองกำลังทั่วทั้งดินแดน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสาขาธรรมดา ๆ ที่นี่ แต่พูดง่าย ๆ มันก็คือฐานที่มั่นที่ไม่มีใครกล้าจะเข้าไปก่อเรื่อง แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพราะความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีทหารรับจ้างจำนวนมาก ที่เต็มใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อหลายปีก่อนมีชายคนหนึ่งมีชื่อว่า จ้านสง เขาเป็นขุนศึกขั้นที่ห้า เขาได้ทำลายสหภาพแรงงานทหารรับจ้างในเมืองเล็ก ๆ แน่นอนผลที่ตามมาคือความโกรธของสหภาพแรงงานทหารรับจ้างระดับสูง ไม่เพียงทุกค ตั้งค่าหัวเพื่อไล่ล่าเขา และยังดึงดูดขุนศึกขั้นที่ห้าจำนวนมากเพื่อตามล่าตัวจ้านสง มีหลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกับจ้านสงและออกไล่ล่าเขา และสหภาพแรงงานทหารรับจ้างเองก็ได้ส่งผู้มากฝีมือเพื่อตามไล่ล่าจ้านสง หลังจากนั้นไม่นานจ้านสงหนีไปไหนไม่พ้น ท้ายที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาได้พบกับเทพสงครามในตำนานที่สังหารเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อหลินเว่ยเข้ามาในสหภาพแรงงานทหารรับจ้าง เขาพบว่ามีคนมากมายที่มารับงาน บางคนมาส่งงานและบางคนก็มาลงทะเบียนทหารรับจ้างเช่นเดียวกับหลินเว่ย
สหภาพแรงงานมีขนาดใหญ่มาก และมีทหารรับจ้างที่ลงทะเบียนไม่กี่คน ดังนั้นจึงถึงรอบของหลินเว่ยในไม่ช้า
“เหรียญเงิน!” พนักงานที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างเป็นผู้หญิงอายุยี่สิบ เธอเพียงแค่มองไปที่หลินเว่ยและไม่ได้แสดงอะไรผิดปกติ เธอบอกให้เขาวางเงินสมัครลงมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวหลินเว่ยก็วางเหรียญเงินลงบนโต๊ะ
“ชื่อแซ่ อายุ ระดับความแข็งแกร่ง” หญิงสาวหยิบเหรียญเงิน โยนลงในกล่องไม้ แล้วเอ่ยถามกับหลินเว่ย
“หลินเว่ย, อายุ12 ปี, ผู้ฝึกหัดขั้นแรกเริ่ม ระดับเจ็ด.” หลินเว่ยตอบตามความจริง แต่เขาบอกว่าตนเองเป็นผู้ฝึกหัด เพราะเขารู้ว่าทหารรับจ้างที่ขึ้นทะเบียนหลายคน มักจะปกปิดความแข็งแกร่งของพวกเขา เพื่อที่จะไม่ให้สหภาพแรงงานทหารรับจ้างมาสนใจและจับตาดูเขา
“นี่คือตราทหารรับจ้างของเจ้า เจ้าสามารถเปิดใช้งานได้โดยการใช้เลือดของเจ้า นับจากนี้มันเป็นของเจ้า ทุกครั้งที่เจ้าส่งมอบงาน เจ้าต้องแสดงหลักฐานคือตรานี้ในทุก ๆ ครั้ง มันจะบันทึกข้อมูลทั้งหมดของเจ้า หากเจ้าทำมันหายไปอย่างไม่ระมัดระวัง เจ้าต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อให้ออกใหม่ ” การลงทะเบียนเสร็จสิ้นในไม่ช้า หญิงสาวยื่นตราให้หลินเว่ยและอธิบายวิธีใช้เบื้องต้น
หลังจากได้รับตรา หลินเว่ยก็ใช้มีดกรีดเลือดออกมา เขาบีบเลือดออกมาเปิดใช้งานตรา จากนั้นเดินไปที่ห้องโถงของภารกิจ
ห้องโถงเผยแผ่แบ่งออกเป็นห้องจัดแสดงผลงานมากมาย ของระดับของทหารรับจ้างตั้งแต่ เหล็กนิลระดับต่ำสุดไป จนถึงระดับสูงสุดของระดับราชันอสูร ซึ่งแบ่งออกเป็น: เหล็กนิล ทองแดง เงิน ทอง ทองคำขาว เพชร ตำนาน มหากาพย์ ระดับเทพเจ้า.
ในอีกทางหนึ่ง ตำแหน่งของทหารรับจ้างยังแบ่งออกเป็น: “เหล็กนิล, ทองแดง, เงิน, ทอง, ทองดำ, ทองคำขาว, เพชร, ตำนาน, มหากาพย์, ราชัน และทหารรับจ้างระดับราชา ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม ราชันอสูร
ตามข้อบังคับของสหภาพแรงงานทหารรับจ้าง ไม่ได้รับอนุญาตให้รับงานนอกเหนือ เกินไปจากระดับของตนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทหารรับจ้างระดับทองแดง สามารถรับงานที่เทียบเท่าหรือมีระดับต่ำกว่าระดับทองแดงเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว ในงานระดับตำนาน ระดับมหากาพย์ และระดับราชัน แม้แต่ทหารรับจ้างระดับเหล็กนิล ก็สามารถรับงานได้ ถ้าคนคนนั้นไม่ตายไปเสียก่อน และสามารถบรรลุภารกิจได้ เขาก็จะได้รับเงินตามตกลง
มีงานหลายประเภท ซึ่งส่วนใหญ่คือการรวบรวมวัสดุบางอย่างจากสัตว์อสูรหรือรวบรวมยาและแร่ธาตุที่พิเศษ งานเหล่านี้ไม่ต้องวางเงินมัดจำ แม้แต่งานก็ไม่จำเป็นต้องรับช่วงต่อจากใคร เพราะสิ่งที่ต้องทำคือการนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนที่นี่เท่านั้น และสามารถทำภารกิจ และส่งมอบให้เสร็จได้ ในครั้งเดียว บางคนมีอาชีพเป็นการรับจ้างทำงานอื่น ๆ งานเหล่านี้ต้อง
ได้รับการตกลงล่วงหน้าและจ่ายเงินมัดจำ และสามระดับสุดท้าย คือสำหรับงานประเภทอื่น ๆ ต้องจ่ายเงินมัดจำ
Related