ราชาซากศพ - บทที่ 182 เก็บเกี่ยวผลึกวายุ
บทที่ 182
เก็บเกี่ยวผลึกวายุ
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินเว่ยเชื่อมั่นว่าน่าจะมีขุนพลภูตวายุมากมาย ในดินแดนคลื่นลมที่ราบสูงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ต้องมีแม่ทัพภูตวายุมากมายตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่าน
เหตุผลที่หลินเว่ยต้องการพบขุนพลภูตวายุนั้น โดยธรรมชาติแล้ว มันต้องติดตามราชันภูตวายุ และต้องมีลูกน้องติดตามเป็นจำนวนมาก ตราบใดที่เขาได้พบ เขาจะสามารถเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ได้ซึ่งดีกว่าทหารภูตวายุที่เขากวาดล้างกลุ่มเล็ก ๆ หรือแม้แต่ทหารภูตวายุที่อยู่เพียงลำพัง
ประการที่สอง มีเพียงอสูรวายุที่อยู่เหนือระดับขุนพลภูตวายุเท่านั้นที่มีผลึกวายุที่ดีที่สุดในร่างกายของพวกมัน โดยเฉพาะราชันภูตวายุที่ถึงระดับสูงสุดของผลึกวายุในร่างกาย เทียบเท่าระดับขั้นจักรพรรดิได้
จำนวนของอสูรวายุที่ถูกพบโดยผึ้งโลหิตในครั้งนี้ มีมากถึงเกือบ 10,000 ตน เห็นได้ชัดว่าสามารถรวบรวมอสูรวายุจำนวนมากเช่นนี้ได้ ในบรรดาอสูรวายุเหล่านี้ต้องมีราชันภูตวายุ
แน่นอนว่า เมื่อเผชิญกับอสูรวายุจำนวนมาก หากส่งฝูงผึ้งโลหิตออกไปรังแต่จะเสียเปรียบ หากต้องใช้ผึ้งโลหิตทั้งหมดและหลินเว่ยร่วมมือกันจึงจะสามารถทำลายอสูรวายุทั้งหมด รวมถึงแม่ทัพภูตวายุ และราชันภูตวายุได้โดยง่ายดาย
หนึ่งชั่วโมงต่อมาหลินเว่ยและผึ้งโลหิตทั้งหมด ก็มาถึงจุดหมายปลายทาง และฝูงผึ้งทั้งหมดก็ตามมาสมทบจนครบถ้วน ทางด้านหน้าของฝูงผึ้งโลหิต ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร พบอสูรวายุจำนวนมาก
ดูคล้ายว่าที่แห่งนี้เป็นรังของอสูรวายุ แม้ว่าอสูรวายุจะเดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย แต่พวกมันก็วนเวียนอยู่ในบริเวณนั้น และไม่ได้ตั้งใจว่าจะออกไปไหนไกล
ระยะทาง 10 กิโลเมตร เป็นระยะการรับรู้ของราชันภูตวายุ เพราะก่อนหน้านี้ผึ้งโลหิตได้ทำการทดสอบ ตราบเท่าที่พวกมันเข้าสู่ระยะ 10 กิโลเมตร และเดินไปในระยะไกลภายใต้สภาวะปกติ อสูรวายุจะวิ่งเข้าหาฝูงผึ้งโลหิต
เหตุผลที่หลินเว่ยตัดสินว่าอสูรวายุกลุ่มนี้มีราชันภูตวายุอยู่ด้วยนั้น ส่วนหนึ่งเป็นการคาดเดาเกี่ยวกับจำนวน และอีกส่วนหนึ่งก็คือการรับรู้ระยะทางของอสูรวายุตนนี้นั้นสูงกว่าอสูรวายุตนอื่น ๆ มาก
เพราะแม้แต่อสูรวายุขั้นเจ็ดและขั้นหก ระยะการรับรู้ของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลเมตร เท่านั้น
หลังจากที่ผึ้งโลหิตทั้งหมดรวมตัวกัน หลินเว่ยก็ขอให้ผึ้งช่วยตรวจสอบจำนวนทั้งหมด พบว่ามีผึ้งโลหิตประมาณ 230,000 ตัว มีผึ้งโลหิตขั้นที่ห้าและขั้นที่หกเท่านั้น ระยะการโจมตีอยู่ที่ 5000 ฟุต และผึ้งโลหิตขั้นที่เจ็ด
ล้วนไม่มีตนใดถูกสังหาร สัดส่วนที่เหลือของผึ้งโลหิต จึงเพิ่มขึ้นมีเพียง 230,000 ตัว
การตายของผึ้งโลหิตนับพันเหล่านี้ กลับเปลี่ยนเป็นผลึกวายุมากกว่า 20,000 ชิ้น แน่นอนว่ามากกว่าเก้าส่วนเป็นระดับของทหารภูตวายุ และส่วนที่เหลือส่วนใหญ่อยู่ในระดับขุนพลภูตวายุ ในขณะที่จำนวนแม่ทัพภูตวายุมีไม่มากน้อยกว่า 100
หลินเว่ยค่อนข้างพอใจกับเรื่องนี้ แม้ว่าคนอื่นจะใช้เวลาทั้งหมดที่นี่ แต่ก็คงไม่สามารถได้อะไรติดมือกลับไปมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นหลินเว่ยใช้เวลาเพียงสามวัน เว้นแต่จะมีใครโชคดี พอที่จะพบกลุ่มที่มีราชันภูตวายุ
และมีความแข็งแกร่งพอที่จะล่าและสังหารมันได้
ในขณะนี้หลังจากพักผ่อนไม่นาน หลินเว่ยพร้อมกับกองทัพของเขา ก็เริ่มโจมตีเผ่าอสูรวายุเบื้องหน้า
ปีกสายฟ้าของหลินเว่ยกางออกและบินไปในอากาศ รอบ ๆ ตัวเขามีผึ้งโลหิตจำนวนมาก ใต้เท้าของเขามีสัตว์โครงกระดูกเกือบพันตัว ในขณะนี้ทักษะการป้องกันของสัตว์โครงกระดูกถูกเปิดการใช้งานอย่างเต็มที่ปกป้องพวกมันและผึ้งโลหิตทั้งหมด
แน่นอนว่าเมื่อกองทัพของหลินเว่ยก้าวไปไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร และเข้าสู่ระยะที่สิบกิโลเมตร อสูรวายุจำนวนมากราวกับได้รับคำสั่ง ในทันใดก็เริ่มรวมตัวกันและพุ่งเข้าโจมตีหลินเว่ย
ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย กองทัพของหลินเว่ยและเหล่าอสูรวายุเหล่านั้นไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ได้ ระยะห่างระหว่างพวกเขาคือสิบกิโลเมตร แม้ว่ามันจะเป็นผึ้งโลหิตขั้นที่เจ็ด แต่ระยะทางที่ไกลที่สุดของหารใช้เข็มหางของมัน คือ สิบสองกิโลเมตร
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงค่อนข้างระมัดระวัง พวกมันเริ่มขยับเข้ามาใกล้ และย่นระยะทาง เมื่อระยะเพียงพอ พวกเขาจะเปิดการโจมตี
ระยะทางเกือบสิบกิโลเมตรสั้นลงเก้าส่วน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เมื่อทั้งสองฝ่ายมาบรรจบกัน หลินเว่ยก็หยุดผึ้งโลหิตและสัตว์ร้ายโครงกระดูก และเริ่มรวบรวมกำลัง
หลินเว่ยหยุดนิ่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอสูรวายุจะหยุดนิ่งตาม ในความเป็นจริงพวกมันแทบไม่ได้หยุดหรือแม้กระทั่งช้าลงเลย เมื่อระยะทางห่างออกไปไม่ถึง 500 เมตร อสูรวายุทั้งหมดก็หยุดนิ่ง และเริ่มเปิดการโจมตีด้วยใบมีดลม
ในเวลานี้ผึ้งโลหิตทั้งหมดพร้อมกับโครงกระดูกโจมตีระยะไกลทั้งหมดได้เปิดตัวการโจมตีระลอกแรก ด้วยเข็มหางจำนวน 230,000 เล่ม แม้ว่าจำนวนของพวกมันจะไม่สามารถเทียบได้กับฝูงผึ้งโลหิตระลอกแรกที่หลินเว่ยพบ
แต่พลังของพวกมันก็แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีมากกว่า 5,000 ตัว ซึ่งเป็นผึ้งโลหิตขั้นที่เจ็ด ถ้าหลินเว่ยไม่สังหารมันทิ้งไปในช่วงแรก เขาคงจะมีพลังมากกว่านี้ คาดว่าสถานการณ์การต่อสู้กับอสูรวายุจะไม่ยืดเยื้อ
ในเวลานี้ มีผึ้งโลหิตเพียงไม่กี่ร้อยตัว ในระดับขั้นที่ 7 และขั้นที่ 5 และระดับขั้นที่ 6 ซึ่งทำให้การป้องกันของหลินเว่ยค่อนข้างตึงมือ
แม้ว่าโครงกระดูกจะมีจำนวนน้อย แต่ระยะการโจมตีของมันก็ไม่น้อยไปกว่าฝูงผึ้งโลหิต เพียงแค่ว่าในแง่ของพลังมันอาจจะทิ้งห่างกันไม่มากแต่ก็ช่วยได้มากเช่นกัน
เมื่อการโจมตีจากผึ้งโลหิตและสัตว์ร้ายโครงกระดูก เริ่มขยับก้าวไปไกลกว่าครึ่งหนึ่ง อสูรวายุจะเริ่มโจมตี อย่างไรก็ตาม ด้านหน้าของอสูรวายุหมื่นตัวก็มีใบมีดลมนับแสนใบโผล่ออกมาและพุ่งไปยังทิศทางของหลินเว่ย
ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนใบมีดลมยังคงเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัวมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าใบมีดลมจะมีจำนวนมาก แต่พลังของมันก็ไม่สามารถเทียบได้กับผึ้งโลหิต และโครงกระดูกของหลินเว่ย
เฉพาะในช่วงแรกใบมีดลมส่วนใหญ่ถูกทำลายลงไป ในขณะที่การโจมตีของผึ้งและโครงกระดูกที่กระหายเลือดไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ใบมีดลมจำนวนมาก ยังคงพุ่งออกมาจากร่างของอสูรวายุ แต่พวกมันไม่ได้มีบทบาทสำคัญมากนัก หลังจากเผชิญหน้ากับการโจมตีของผึ้งโลหิต และสัตว์ในโครงกระดูก อย่างไรก็ตาม จำนวนใบมีดลมลดลงเพียงเล็กน้อยและเข็มหางของผึ้งโลหิตสามารถพุ่งไปยังอสูรวายุได้สำเร็จ
หากเป็นเพียงหนึ่งหรือสองเข็มก็จะไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับอสูรวายุ แต่หากมีมากมายจนนับไม่ถ้วน! อสูรวายุจำนวนมากถูกเข้มหางยิงเข้าที่ร่าง และสลายไปในอากาศ อสูรวายุที่ได้รับบาดเจ็บบางส่วนถูกสังหารโดยทักษะความสามารถที่ปล่อยออกมาโดยสัตว์โครงกระดูก ในภายหลังก่อนที่พวกมันจะฟื้นตัว
เพียงแค่คลื่นแรกของการโจมตีหลินเว่ย ฝ่ายตรงข้ามอสูรวายุยังคงลอยอยู่ในอากาศ แต่หลงเหลือไม่ถึงพันตัว และตำแหน่งของราชันภูตวายุก็ปรากฏในสายตาของหลินเว่ย
สติปัญญาของอสูรวายุเหล่านี้แย่มาก จนแม้แต่ผึ้งโลหิตระดับต่ำสุดก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ หลินเว่ยยังสงสัยว่าอสูรวายุทั้งหมดรวมถึงราชันภูตวายุที่ยืนอยู่ด้านบนสุดนั้นมีสติปัญญาหรือไม่ แต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าพวกมันสั่งการลูกน้องของตนเองได้อย่างไร ซึ่งแม้แต่จะพูดมันยังไม่สามารถสื่อสารกันได้
เช่นเดียวกับตอนนี้ มีอสูรวายุที่รอดชีวิตหลงเหลืออยู่เพียง 1,000 ตัวและเก้าส่วนสลายไป เช่นเดียวกับอสูรวายุทั้งหมดที่หลินเว่ยพบมาก่อนหน้านี้ อสูรวายุ 1,000 ตัว รวมถึงราชันภูตวายุไม่ได้ชะลอการโจมตีของพวกมัน
การโจมตีของอสูรวายุไม่ได้หยุดลง แต่การโจมตีของผึ้งโลหิตนั้นต้องรอการฟื้นตัวสักครู่ และรอให้เข็มหางฟื้นตัวจึงจะสามารถโจมตีได้อีกครั้ง ในเวลานี้เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยใบมีดลมของอสูรวายุอย่างต่อเนื่อง
ผึ้งโลหิตไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยง
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป บทบาทที่แท้จริงของโครงกระดูกนั้นถูกนำออกมาใช้อย่างกะทันหัน การโจมตีของพวกมันเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น เทียบไม่ได้กับอสูรวายุเหล่านั้น แต่มันรวดเร็วกว่าผึ้งโลหิตนับไม่ถ้วน
ก่อนสิ้นสุดการโจมตีระลอกแรก การโจมตีครั้งที่สองของพวกมัน ก็ถูกปล่อยออกมาหักล้างกับใบมีดลมจำนวนมาก
การโจมตีที่ปล่อยออกมาโดยสัตว์อสูรโครงกระดูกนั้น น้อยกว่าเข็มหางของผึ้งโลหิตมาก แต่พลังของมันไม่แตกต่างกันมากนัก
ในขณะนี้จำนวนของทั้งสองฝ่ายไม่แตกต่างกันมากนัก ในแง่ของคุณภาพสัตว์โครงกระดูก มีข้อได้เปรียบมากกว่า แต่อสูรวายุอาจจะชนะ หากพวกมันปล่อยการโจมตีเพียงพอและรวดเร็ว
แม้ว่าใบมีดลมจำนวนมากจะกระจัดกระจาย แต่ก็มีจำนวนที่เท่ากันเติมเต็มช่องว่างทันที ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของแม่ทัพภูตวายุและราชันภูตวายุก็ไม่ได้มีเพียงแค่ใบมีดลมเท่านั้น
เมื่อเทียบกับทหารภูตวายุและขุนพลภูตวายุ พวกมันสามารถปล่อยใบมีดลมได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อพวกมันเลื่อนระดับไปถึงขั้นที่เจ็ด และกลายเป็นแม่ทัพภูตวายุ ไม่เพียงแต่สามารถกักเก็บและปล่อยใบมีดลมได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังเก็บความแข็งแกร่ง
และปลดปล่อยพลังของพวกมัน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าใบมีดลมธรรมดาหลายสิบเท่า
การโจมตีแบบนี้เป็นเพียงทักษะหลักระดับกลางของสัตว์อสูรธาตุลมระดับกลาง นอกจากนี้ยังเป็นทักษะการโจมตีกลุ่มระดับกลางชนิดหนึ่ง เข้าใจว่าราชันภูตวายุ พลังของมันเทียบเท่ากับทักษะต้นกำเนิดขั้นสูงของสัตว์อสูร
การโจมตีของทั้งสองฝ่าย ก่อให้เกิดการหักล้างสำหรับการโจมตีท้งสองฝ่าย แม้ว่าการโจมตีของสัตว์อสูรโครงกระดูกจะยังคงพุ่งไปข้างหน้าแต่มันก็ถูกหักล้างโดยการโจมตีที่ปล่อยออกมาโดยอสูรวายุ
หลังจากระยะครึ่งทางผ่านไป
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เข็มหางของผึ้งโลหิตได้งอกออกมาทั้งหมด และพวกมันก็โจมตีใส่อสูรวายุเหล่านั้นโดยตรง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับคำสั่งจากหลินเว่ย
ไม่มีความระส่ำระสายในการต่อสู้ รวมถึงราชันภูตวายุซึ่งถูกโจมตีโดยตรงไป เป็นผลให้เบื้องหน้ากลายเป็นความว่างเปล่า หลงเหลือไว้เพียงกองหินคริสตัลสีฟ้าที่กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
ต่อมาก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ไม่กี่นาทีต่อมา ภายใต้คำสั่งของหลินเว่ย ผึ้งโลหิตเก็บผลึกวายุจำนวน 10,000 ชิ้นและไม่มีหลงเหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลึกวายุของราชันภูตวายุ ถูกเก็บรวบรวมโดยหลินเว่ยเพียงผู้เดียว เมื่อเทียบกับผลึกวายุของแม่ทัพภูตวายุแล้ว ผลึกวายุของราชันภูตวายุนั้นมีสีที่ไม่ชัดเจนมากนัก พื้นผิวเรียบรูปร่างคล้ายก้อนกรวด
หยาบ ๆ และมีสีเข้ม