ราชาซากศพ - บทที่ 243 ปรากฏตัว
บทที่ 243
ปรากฏตัว
“ สุดท้าย..ก็ทนไม่ไหวงั้นหรือ” ดวงตาของหลินเว่ยกะพริบ และมุมปากของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ตำแหน่งหลินเว่ย อยู่ห่างจากเมืองหยูหลินไม่มากนัก ก่อนหน้านี้เสี่ยวจิน และเสี่ยวไป๋บอกเขาว่า อีกฝ่ายกำลังเร่งความเร็วขึ้น และจะมาถึงในไม่ช้า
หากหลินเว่ยไม่มั่นใจในกำลังของตนเอง เขาคงจะรีบจากไปโดยการขี่เสี่ยวเฟย ด้วยความเร็วของเสี่ยวเฟย และความแข็งแกร่งทั้งหมด เหล่าอรหันต์ธรรมดาเหล่านั้น ไม่สามารถติดตามหลินเว่ยได้ทัน
“ อะไร…เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อรูธมองเห็นท่าทางของ หลินเว่ย ที่กำลังหยุดฝีเท้า นางก็หยุดชะงักลงเช่นกัน นางขมวดคิ้วมองไปที่หลินเว่ยและถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามของรูธ ใบหน้าของหลินเว่ยก็แสดงรอยยิ้ม มองหน้าไปที่จูต้าชางและเสี่ยวชิง แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาหันกลับไปมองท้องฟ้าด้านหลัง
“นายน้อย … ” เมื่อเห็นท่าทีของหลินเว่ย รูธก็กัดฟันด้วยความโกรธ ทันทีที่นางกำลังจะเปิดปาก นางก็หยุดทันทีหันหน้าไปมองตามสายตาของหลินเว่ย
“ หวือ … !” การระเบิดของอากาศ และร่างจำนวนหนึ่งมากกว่าหนึ่งโหล ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ รูธหยุดถามคำถาม เพราะนางได้ยินเสียงดัง
เมื่อรูธและจูต้าชางเห็นผู้คนกลางอากาศ แล้วมองไปที่หลินเว่ย พวกเขาก็โล่งใจ หลินเว่ยพบว่า ตนเองถูกลอบติดตาม ไม่น่าแปลกใจที่ระหว่างทางพวกเขารู้สึกว่าหลินเว่ยมีท่าทีที่แปลกไป
กลางท้องฟ้า มีจำนวนคนรวม 14 คน พวกเขาทั้งหมด ปกปิดใบหน้าด้วยชุดสีดำเช่น มีเพียง ดวงตาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผยให้เห็นได้ชัดเจน
“นายท่าน! นี่มัน … ” จูต้าชางขมวดคิ้วและมองไปที่ หลินเว่ย
“แค่แมลงสาบเพียงไม่กี่ตัว!” หลินเว่ยเม้มริมฝีปาก และกล่าวด้วยความรังเกียจ
“ขอรับ!” จูต้าชางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหลินเว่ย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคนเหล่านั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ และความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในขั้นจักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่รู้สึกกังวล
จักรพรรดิ..ฮึ? ฮ่าฮ่าๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีสัตว์อสูรขั้นเก้าที่สิ้นชีพด้วยน้ำมือของหลินเว่ย จนนับไม่ถ้วน จะหวาดกลัวสิ่งนี้ไปใย?
ยิ่งไปกว่านั้นหลินเว่ยยังล้อมรอบไปด้วยสัตว์อสูร ทั้งเสี่ยวจิน สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ และมีสัตว์อัญเชิญหลายตัว ภายใต้คำสั่งของหลินเว่ย ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่า สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป
“เจ้าเป็นใคร…ติดตามพวกเรามาเพราะเหตุใด” จูต้าชางก้าวไปข้างหน้า เงยหน้าขึ้นมองคนเหล่านั้นในอากาศและตะโกนร้องถาม
“จูต้าชาง! คนรับใช้ของหลินเว่ย” ชายในชุดดำซึ่งเป็นหัวหน้า มองลงไปที่จูต้าชางและอ้าปาก น้ำเสียงของเขาสงบมาก และไม่มีอารมณ์แปรปรวน
หลังจากนั้นชายคนนั้นหันมาสบตากับหลินเว่ย และพูดว่า “หลินเว่ย! เด็กน้อยผู้มีพรสวรรค์แห่งอาณาจักรเฟิงหยู พรสวรรค์ของปีศาจ”
“ขอบคุณมากที่ชม! ข้าไม่ได้เก่งกาจอย่างที่เจ้าว่า ถ้ามีอะไรผิดพลาดโปรดชี้แนะ หลินเว่ยประสานมือกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“เข้ามา!” ผู้นำชายชุดดำไม่ได้ตอบโต้คำพูดของหลินเว่ย เขายังคงพูดอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงของเขา เผยให้เห็นว่าเขาไม่ยินยอม
“เจ้าเป็นผู้ใด?” หลินเว่ยถามตัวตนของอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นต้องรู้ ” หัวหน้าของชายในชุดดำกล่าว พลางส่ายหัว
“ขออภัย คนที่ไม่กล้าแสดงใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขา ย่อมเป็นคนชั่วอย่างแน่นอน ” หลินเว่ยยักไหล่มองหน้าอีกฝ่าย ด้วยความดูถูกเหยียดหยามและพูดออกมาดัง ๆ
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ทำตามที่ข้าบอก” ผู้นำของชายชุดดำ ยังคงมีน้ำเสียงราบเรียบสงบ และอารมณ์ของเขาไม่ได้ผันผวน เพราะการเยาะเย้ยของหลินเว่ย
“สู้กับท่านเพียงคนเดียว มั่นใจงั้นหรือ?” มุมปากของ หลินเว่ยยกยิ้มขึ้น และพูดด้วยความรังเกียจบนใบหน้าของเขา เมื่อมองตากันหลินเว่ยแสดงท่าทีดูแคลนเล็กน้อย
“หืม?” ผู้นำของชายในชุดดำเงยหน้าขึ้น และระเบิดพลังลมปราณแห่งอรหันต์ออกมาในทัน ข่มขู่หลินเว่ย จากนั้นโบกมือให้ชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังเขา…..พุ่งเข้าไปโจมตี
“ หวือ … !” หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว ชายที่เหลือ 13 คน ในชุดดำก็เปล่งประกาย และชายสิบเอ็ดคนในชุดดำ เป็นมหาจักรพรรดิ ล้อมรอบร่างของหลินเว่ยโดยตรง และสร้างกรอบล้อมพวกเขาทั้งหมด
อรหันต์ที่เหลืออีกสองคน ในชุดสีดำ ลอยตัวเหนือศีรษะของหลินเว่ย สร้างการโจมตีรูปแบบคล้ายสามเหลี่ยม เข้าโจมตีพร้อมกับผู้นำในชุดดำ
“หืม?” ทันใดนั้นผู้นำของชายชุดดำ ก็แสดงความประหลาดใจ เพราะเขาพบว่าแรงกดดันของเขาไม่ได้กดดัน หลินเว่ย แต่ถูกขัดขวางด้วยแรงกดดันจากสิ่งอื่น
“มันคือผู้ใด?” ผู้นำชายชุดดำมองไปรอบ ๆ และกล่าวอย่างเย็นชา
“ เงาสิบสาม เกิดอะไรขึ้น?” ชายชุดดำหันมาถามหัวหน้าชายชุดดำว่า เกิดอะไรขึ้น ชายคนนี้เป็นหนึ่งในสองอรหันต์ ระดับหนึ่ง
“เงายี่สิบสี่ เงายี่สิบห้า มีใครบางคนขัดขวางแรงกดดันพลังปราณของข้า พลังของมันอยู่ในระดับเดียวกับข้า ทุกคนระวังตัว” เงาสิบสามขมวดคิ้วแน่น ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เขาเอ่ยเตือนกันและกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อได้ยินคำพูดของ เงาสิบสาม เงายี่สิบสี่ และ เงาที่ยี่สิบห้า ก็ตื่นตกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะอุทาน แม้ว่าใบของพวกเขาจะถูกปิดบังโดยผ้าคลุมหน้าสีดำ แต่หลินเว่ยก็สามารถเดาได้ว่า ตอนนี้พวกเขากำลังมีสีหน้าตื่นตระหนก
เพราสิ่งที่ไม่รู้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนเหล่านั้น พวกเขาชอบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ตอนนี้กลับได้ค้นพบบางอย่างที่ลึกลับ ที่ไม่สามารถค้นพบได้ จึงหวาดกลัวโดยธรรมชาติ
“ แค่ก! อ้อ….มันเป็นแค่กลุ่มของหนูที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องเท่านั้นหรือ?” สถานการณ์ของหลินเว่ยดึงดูดสายตาของคนเหล่านั้น จากนั้นเขาก็โค้งงอปากของเขา และพูดด้วยความรังเกียจบนใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“เด็กชาย….ผู้ใดกำลังปกป้องเจ้า?” เงาที่สิบสามจ้องมองไปที่หลินเว่ย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผู้ใดน่ะหรือ?” ทันใดนั้นใบหน้าของหลินเว่ยก็มีรอยยิ้มแปลก ๆ จากนั้นหันไปหา เสี่ยวจินและพูดว่า “พวกเขากำลังมองหาเจ้า…..ต้องการทักทายพวกเขาหรือไม่”
“มันเป็นแค่เศษขยะ…..ข้าไม่อยากรู้จักพวกมัน” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เสี่ยวจินก็เงยหน้าขึ้นและพูดด้วยความรังเกียจ
หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็ไม่ปิดบังแรงกดดันบนร่างกายอีกต่อไป แรงกดดันที่เป็นเอกลักษณ์ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เผยให้เห็น ในชั่วพริบตาซึ่ง เงาที่สิบสามและคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็น
“วานรงั้นหรือ?” เงาที่สิบสาม และคนอื่น ๆพากันงุนงง พวกเขามองไปที่ เสี่ยวจิน ด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดว่าวานรตัวเล็ก ๆ ซึ่งดูเหมือนสัตว์เลี้ยง จะเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยพบเจอมาเป็นเวลานาน
แต่ความจริงก็คือความจริง แรงกดดันในร่างกายของเสี่ยวจิน ไม่สามารถหลอกลวงได้
“ มิน่าเล่า!” เงาที่สิบสามมองไปที่หลินเว่ยและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าเดินมาไกล….. ดูเหมือนว่าจงใจนำพวกเรามาที่นี่ ไม่เช่นนั้น เขาก็ควรเลือกที่จะขี่สัตว์อสูรหลบหนีไป?”
“รู้ตัวตอนนี้….มันไม่โง่ไปหน่อยหรือ แต่เจ้าระมัดระวังตัวมากพอ ที่จะติดตามข้ามานาน ก่อนที่จะทนไม่ไหว” คิ้วของ หลินเว่ยขมวด และพูดด้วยความรังเกียจ