ราชาซากศพ - บทที่ 245 พลังแห่งความตาย
บทที่ 245
พลังแห่งความตาย
“ตูม หลังจากลมปราณมังกรสีน้ำตาลหม่นของสัตว์ร้ายโครงกระดูกมังกร ปะทะเข้ากับใบมีด มันก็ทำให้ใบมีดปลิวออกไปอย่างรวดเร็ว และสะท้อนกลับไปหาเงาสิบสามอย่างรวดเร็ว
“มันเป็นไปได้อย่างไร?” เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความประหลาดใจของเงาสิบสาม เมื่อเห็นว่าดาบของตนเองถูกสะท้อนกลับไป และกลายเป็นดาบเพลิงสีแดงที่สะท้อนกลับมาแทน
แม้ดาบเหล่านี้จะมีร่องรอยพลังของเงาสิบสามที่แฝงอยู่ แต่เพลิงที่ปรากฏอยู่บนตัวเรือนดาบกลับทรงพลังมากกว่าการโจมตีเต็มรูปแบบของนักรบขั้นมหาจักรพรรดิ ระดับสูงสุด
ผู้ที่กลายเป็นอรหันต์ได้คือการทำลายขอบเขตของมนุษย์ ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ย่อมเหนือกว่าคนปกติธรรมดา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเริ่มจาก อรหันต์สามารถเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งต่าง ๆทางด้านพลังและการฝึกฝน
สิ่งที่ทำให้ เงาสิบสามไม่อยากจะเชื่อคือ การโจมตีของเขาไม่สามารถหยุดลมหายใจของโครงกระดูกมังกรได้ เมื่อดาบที่เขาฟันออกไป ปะทะกับลมปราณมังกรของโครงกระดูก มันกลับถูกหักล้างไปจนหมดสิ้น
ทันทีทันใดใบหน้าของเงาสอบสามเปลี่ยนไปทันที เขามิอาจหลบหนีจากลมหายใจมังกร……มันสายเกินไปที่จะหลบ เขาจึงกัดฟัน และสร้างเกราะพลังปราณอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น จากนั้นเกราะพลังปราณปรากฏขึ้น
ทันใดนั้นเกิดแสงก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา และเขาถูกห่อหุ้มด้วยเกราะพลังปราณพร้อมอาวุธ และดาบของเขาก็สกัดลมปราณมังกร เป้าหมายคือการ ปกป้องหัวใจของตนเอง
ทันทีที่เงาสิบสามเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันลมปราณมังกรจากโครงกระดูกมังกร ได้ปะทะเข้าไปที่ร่างของเขาอย่างแม่นยำ
“ปัง!” ร่างกายของเงาสิบสาม ถูกสะท้อนกลับ ก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาเกราะพลังปราณ แต่ก็เริ่มมีรอยแตกร้าวบนเกราะพลังปราณมากขึ้นเรื่อย ๆ ในพริบตามันก็แตกสลาย
และลมหายใจที่เยือกเย็น ก็ปะทะไปทั่วร่างกายของเงาสิบสาม
“โอ้ๆ…”! นี่มันคือการโจมตีแบบใดกัน? ”
เงาที่สิบสามรู้สึกเยียบเย็นไปทั่วร่างกาย และการทำงานของพลังปราณในร่างก็เชื่องช้าลง ในใจของเขา เขาเริ่มรู้สึกหวาดระแวง และเริ่มควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้
โครงกระดูกมังกรเป็นสัตว์อสูรกลายพันธุ์ ซึ่งมีเจ้าสมบัติที่หาตัวจับได้ยากมาก เมื่อได้รับอิทธิพลจากลมหายใจแห่งความตาย เข้าสู่จิตใจ มันจะถูกกัดกร่อน และไร้ชีวิตชีวา หดหู่เศร้าหมอง มีเพียงสัญชาตญาณของการสังหารเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของลมปราณมังกร ยังเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธ์ุมังกร หลินเว่ยไม่ปล่อยให้โครงกระดูกมังกรใช้มัน แม้ว่าจะใช้ในการต่อสู้กับเสี่ยวจินก็ตาม
“ตูม โครงกระดูกมังกร เร่งเข้าไปโจมตีเงาสิบสามทันที ในไม่ช้าก็เกิดการระเบิดขึ้น ร่างของเงาสิบสามลอยกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรแล้วตกลงมากระแทกพื้น
ในเวลานี้เงาสิบสามอยู่ในสภาพที่น่าอนาถใจมาก แม้ว่าชุดเกราะพลังปราณของเขาจะปกป้องเขา จากผลกระทบของการระเบิด ซึ่งทำให้เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ในขณะนี้ พลังปราณในร่างกายของเขา กลับย่งเหยิง ราวกับว่า ธาตุไฟแตกซ่าน
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเว่ยขยับปีกสายฟ้าของตน ลอยอยู่เหนือศีรษะของเงาสิบสาม ที่กำลังก็ลุกขึ้นจากพื้น ด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินเว่ย ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยเส้นเลือด เขากำลังกัดฟัน มีเลือดไหลออกจากริมฝีปากของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ข้าไม่คาดคิดว่า….ในฐานะอรหันต์ แต่กลับเผชิญหน้ากับผู้อัญเชิญเด็กน้อยเช่นเจ้า จะทำให้ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นความประมาทของข้า การโจมตีของสัตว์อัญเชิญของเจ้า ผสานกับพลังแห่งความตายที่น่าหวาดกลัว”
เงาสิบสามกล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกออกมา
“ นี่เจ้ากำลังถ่วงเวลาอยู่งั้นหรือ?” หลินเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ข้าจะไม่ให้โอกาสนี้แก่เจ้า”
หลังจากพูดเช่นนั้น สัตว์โครงกระดูกมังกร และสัตว์โครงกระดูกวานรทั้งสองร่าง ก็รีบวิ่งไปที่เงาสิบสามอีกครั้ง
แม้ว่าหลินเว่ยจะไม่รู้ความหมาย ในเรื่องของพลังแห่งความตาย จากปากของอีกฝ่าย แต่เขารู้สึกได้ว่า เงาสิบสามกำลังสลายพลังลมปราณมังกรในร่างกายของเขา เพราะหลินเว่ยพบว่าลมปราณที่เยียบเย็นกำลังลดลง
และโดยธรรมชาติแล้ว หลินเว่ยจะเขาไม่ยอมให้เขาได้ทำตามปรารถนา
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย เงาสิบสามก็ใบหน้าเปลี่ยนสีทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นสัตว์ร้ายโครงกระดูกมังกร และสัตว์ร้ายโครงกระดูกวานรวิ่งเข้ามาหาเขา ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ดูตื่นตระหนก
“ช้าก่อน! หยุด…..ข้าจะมอบสมบัติทั้งหมดกับเจ้า และข้าสัญญาว่า จะไม่มาวุ่นวายกับเจ้าอีกต่อไป” เงาสิบสามตะโกนบอกหลินเว่ยอย่างรีบร้อน เขาพยายามข่มพลังแห่งความตายอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากตอนนี้ ภายในร่างไม่สามารถจัดระเบียบและเรียกใช้พลังปราณได้เลย หากเขาฝืนบังคับต่อต้าน พลังแห่งความตายจะระเบิดภายในร่างกายของเขา
แน่นอนเป็นไปตามที่หลินเว่ยคิด เขากำลังถ่วงเวลา แม้ว่าพลังแห่งความตายของมังกรโครงกระดูกนั้นยากที่จะจัดการ แต่พลังแห่งไฟของเขานั้นสามารถกำจัดมันออกไปได้ แต่ต้องใช้เวลา
ตราบใดที่มีเวลาให้เขาเพียงนิด พลังแห่งความตายในร่างกายของเขา จะถูกยับยั้งด้วยพลังแห่งไฟในร่างของเขา จากนั้นก็จะสามารถหลีกหนีจากอันตรายในครั้งนี้ แม้จะขับออกมาได้ไม่หมดในคราวเดียว ก็ไม่เป็นอันใด เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ก็เพียงพอ
ในขณะนี้ เขากำลังถ่วงเวลาและต้องการสร้างโอกาสให้ตนเอง เนื่องจากโครงกระดูกมังกร เป็นเพียงจุดสูงสุดของขั้นเก้า เขาไม่คาดคิดว่าการโจมตีของอีกฝ่าย จะมีพลังแห่งความตายที่ลึกซึ้ง และปล่อยให้มันปะทะร่างเขาอย่างเลินเล่อ
หากเขาใช้พลังฝืนต่อต้านในตอนแรก โครงกระดูกมังกร ย่อมไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้
เมื่อเทียบกับพลังแห่งไฟในร่างของเขา เปรียบเทียบกับ พลังแห่งความตายของโครงกระดูกมังกรนั้น ยากกว่าที่จะจัดการ เพราะพลังแห่งความตายนั้นมีพลังอำนาจเหนือกว่า พลังแห่งไฟ
“โอ้! ข้าจำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือ…..เมื่อเจ้าตายทุกอย่างในร่างของเจ้า ก็จะกลายเป็นของข้า” หลังจากหยุดคิดชั่วขณะ หลินเว่ยก็พูดอีกครั้ง “ตราบเท่าที่เจ้าถูกสังหาร…ข้าก็จะไม่มีอันตรายต่อไปในอนาคต! ”
เงาสิบสามนั้นโกรธมาก! หลินเว่ยมุ่งมั่นที่จะสังหารเขา……ในใจเขาทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงข่มโทสะที่พลุ่งพล่าน
“เจ้า…!” เงาสิบสามกำลังจะอ้าปากพูด….. แต่จู่ๆใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาหลบหนีอย่างรวดเร็ว และวัตถุพลังงานทรงกลมสีดำ ก็ลอยวนเวียนอยู่เหนือหน้าอกของเขา เขากลัวมากจนหลั่งเหงื่อเย็น ไหลรินเหนือหน้าผาก
จากนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า…..ในขณะที่กำลังกลิ้งไปข้างหน้าสองสามรอบ แล้วร้องว่า “เจ้าไม่ต้องการรู้…ว่าใครต้องการจับตัวเจ้าไปงั้นหรือ”
หลังจากนั้น เขาก็หลับตาและร้องว่า “ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง!”
หลังจากนั้นสักครู่ เปลือกตาของเงาสิบสามก็ขยับ จากนั้นเขาลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อมองไปเบื้องหน้าพบว่า มีเท้าใหญ่โตอยู่เหนือศีรษะของตนเอง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที และใบหน้าของเขาก็แสดงสีหน้าของความหวาดหวั่น
ปรากฏว่าในขณะที่เงาสิบสามกำลังพูด สัตว์โครงกระดูกวานรกำลังจะเหยียบลงบนศีรษะของเงาสิบสาม โชคดีที่หลินเว่ยหยุดมันในช่วงสุดท้าย มิฉะนั้นด้วยร่างกายขนาดใหญ่ของสัตว์ร้ายโครงกระดูกวานร
แม้ว่าจะไม่ได้ออกกำลังในการโจมตี แต่สภาพนั้น ด้วยน้ำหนักของมัน เกรงว่า สามารถทุบตีเงาสิบสามให้บาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ความตายได้ เนื่องจากเงาสิบสามไร้กำลังที่จะต้านทานด้วยลมปราณที่กวัดแกว่งไม่หยุดนิ่ง