ราชาซากศพ - บทที่ 273 ทุ่งเขียวขจี
บทที่ 273
ทุ่งเขียวขจี
เมื่อมองไปที่หมาป่าลมกรดที่ดุร้าย ใบหน้าของหลินเว่ยแสดงสีหน้ามีความสุข และบ่นพึมพำกับตัวเอง โชคดีที่เป็นสัตว์อสูรขั้นเจ็ด และโชคดีที่เขาตอบสนองได้เร็วพอ มิฉะนั้นหลินเว่ยจะได้รับบาดเจ็บ จากแรงกระแทก
การเคลื่อนย้ายในเมืองลับเป็นแบบสุ่ม และเป็นอันตราย ทุกครั้งที่เปิดเมืองลับ ผู้คนมากมายดังเช่นหลินเว่ย จะถูกเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณใกล้เคียงกับสัตว์อสูร ถ้าพวกเขาโชคดี ก็จะสามารถหลบซ่อนได้ แต่ถ้าโชคไม่ดี ก็จะปะทะกับสัตว์อสูรโดยตรง
หลินเว่ยกระพือปีก และบินขึ้นไปที่ความสูง เขามั่นใจในที่ที่ ที่เขายืนอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากก่อนที่เขาจะเข้ามาที่นี่ ได้จดจำแผนที่ตามที่ซางกวนฮ่าวหยางอธิบายให้ฟัง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่า ที่ที่เขาถูกส่งมานั้นคือ ทุ่งหญ้า
ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่มาก ดังนั้นที่นี่น่าจะเป็น สถานที่ที่เรียกกันว่า “ทุ่งขจี”
ในทุ่งขจี มีกลุ่มสัตว์อสูรจำนวนมาก ในหมู่พวกมันจำนวนที่มากที่สุด คือ สัตว์อสูรหมาป่าลมกรด อย่างไรก็ตามโดยทั่วไป มันจะอาศัยอยู่รวมๆ กับ และอยู่ละแวกใกล้เคียงกัน เพื่อออกหาอาหาร
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดทุ่งขจี คือมีหญ้าสีเขียวปกคลุมทั่วไปบนพื้นดิน อย่างไรก็ตาม มีหมาป่าลมกรดจำนวนมากที่ขนของมันนั้นกลายเป็นสีฟ้าอมเขียวอ่อน ๆ ผู้คนจึงเรียกมันว่า “หมาป่าแห่งทุ่งขจี”
แม้ว่าหมาป่าลมกรด จะถูกสังหารโดยสัตว์โครงกระดูก โดยการลงมือเพียงครั้งเท่านั้น ก่อนที่มันจะตาย มันก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ดังนั้นเมื่อหลินเว่ยอยู่ในอากาศสูง เขาจึงสามารถมองเห็นสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าจะไม่มีสัตว์อสูรหมาป่าลมกรด ในบริเวณนี้ แต่ไม่นาน พื้นที่กว้างใหญ่ของหญ้าสีเขียว จู่ ๆ หลินเว่ยพบว่า มีคลื่นลูกหนึ่งมุ่งหน้าเข้ามายังบริเวณที่เขาอยู่ทันที
สัตว์อสูรหมาป่าลมกรด เดิมเป็นกลุ่มเผ่าพันธุ์ที่เก่งกาจในการไล่ล่า และที่สำคัญที่สุด มันจะติดตามแก้แค้นไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าศัตรูจะอยู่ที่ใด ดังนั้นหลินเว่ยจึงหยุดรออยู่นิ่ง ๆ และรอการมาถึงของสัตว์อสูรหมาป่าลมกรดเหล่านั้น
เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในไม่กี่นาที หมาป่าลมกรดหลายร้อยตัว ก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลินเว่ย หลินเว่ยเชื่อว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับบริเวณนี้…. อีกไม่นานจะมีหมาป่าลมกรดมาเพิ่มอีกจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ หลินเว่ย จึงยังไม่ได้ปล่อยโครงกระดูกทั้งหมดออกมาในทันที เขายังคงปล่อยให้สัตว์ร้ายโครงกระดูก ต่อสู้กับหมาป่าลมกรดนับร้อยเพียงลำพัง
โชคดีที่เหล่าหมาป่าลมกรด ระดับสูงสุดเป็นเพียงขั้นแปด ระดับสาม สัตว์โครงกระดูกก็สามารถรับมือได้ โดยไร้ความกดดัน
เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนหมาป่าลมกรดก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองดูแล้ว พวกมันหลายหมื่นตัว ซึ่งก่อตัวขึ้นเป็นกองกำลังย่อย ๆ ในระดับหนึ่ง
ในช่วงเวลานี้สัตว์อสูรโครงกระดูกได้สังหารหมาป่าลมกรดไปหลายร้อยตัว แต่ด้วยจำนวนหมาป่าลมกรดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และระดับพลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าสัตว์ร้ายโครงกระดูกนี้ ไม่สามารถต้านทานได้ และร่างกายของมันเต็มไปด้วยรอยแผลขีดข่วน
โชคดีที่สัตว์โครงกระดูกมีเพียงโครงกระดูก แม้มันจะไม่รู้สึกเจ็บปวด และหลินเว่ย จะไม่ปล่อยให้สัตว์ร้ายโครงกระดูกตายลงที่นี่ ท้ายที่สุดแล้ว มีสัตว์โครงกระดูกที่มีพลังใกล้เคียงกับ ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ไม่มากนัก ภายใต้คำสั่งของเขา ถ้าตายลงแม้แต่ตัวเดียวก็จะไร้กำลังเสริมที่มีพละกำลังเช่นเดียวกัน หลังจากนั้น หลินเว่ยโบกมือของเขา จากนั้นโครงกระดูกมากกว่าหนึ่งพันร่างก็ปรากฏตัว หลังจากได้รับคำสั่งจากหลินเว่ย พวกมันก็ตรงเข้าสังหารหมาป่าโดยตรง
หลังจากนั้นไม่นาน เลือดของหมาป่าก็กระซ่านไปทั่ว กลายเป็นละอองเลือดจางๆ และซากศพของหมาป่าก็เกลื่อนกลาดทุกหนทุกแห่ง เมื่อหมาป่ากำลังจะตายลง เสียงหอนของพวกมันนั้นไร้ที่สิ้นสุด
เพียงแค่หายใจไม่กี่ครั้ง จำนวนหมาป่าลมกรดก็ลดลงหลายพันตัว แต่จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นหลายครั้ง แทนที่จะลดลงไป
ในความเป็นจริงทุ่งขจี ได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งเมืองลับของสัตว์ร้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดุร้าย สิบอันดับแรก ที่นี่ไม่มีกลุ่มใดกล้ามาไล่ล่าสังหารที่นี่
เนื่องจากที่นี่ มีหมาป่าลมกรดมากมายเกินไป จนไม่มีใครรู้ว่ามีทั้งสิ้นกี่ตัว อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้หมาป่าลมกรดได้ร่างถูกสับเป็นชิ้นๆ โดยสัตว์โครงกระดูก เช่นเดียวกับการหั่นกระเทียม
เพื่อเร่งความคืบหน้าในการสังหาร หลินเว่ยยังปล่อยเสี่ยวหลงและเสี่ยวชิงออกมา รวมทั้งไม้นักรบต้นไม้โบราณทั้งห้า อย่างไรก็ตาม หลินเว่ย มีเสี่ยวหลงและเสี่ยวชิงที่ก้าวหน้าไปเบื้องหน้าเพื่อจัดการกับสัตว์อสูรหมาป่าลมกรด
ในแง่หนึ่ง หลินเว่ยต้องการที่จะทำให้หมาป่าลมกรดเหล่านี้เกรงกลัว ในทางกลับกัน เขาเฝ้าระวังหมาป่าลมกรด ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ที่ยังไม่ได้เผยตัวออกมา
เนื่องจากจนถึงตอนนี้ มีหมาป่าลมกรด เกือบ 100,000 ตัว และยังมีหมาป่าลมกรดขั้น 9 อีกมากมาย นอกจากนี้หมาป่าจำนวนนี้ ยังเป็นพื้นที่ต้องห้ามของมนุษย์มาโดยตลอด เป็นเวลาหลายปีแล้ว
ที่ไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ หลินเว่ยไม่เชื่อว่าจะไม่มี หมาป่าลมกรดขั้นศักดิ์สิทธิ์
การต่อสู้ยังคงดำเนินไปไม่จบสิ้น สามวันต่อมา จำนวนหมาป่ายังคงมีมากขึ้น ไม่ลดลง สิบวันต่อมา
ภายใต้เท้าของหลินเว่ย ซากศพของหมาป่าลมกรด กองอยู่คล้ายกับภูเขาย่อมๆ แม้แต่มังกรเล็ก ก็ยังเหนื่อยล้าและพักผ่อนอยู่หลายครั้ง มีเพียงสัตว์โครงกระดูกมากกว่า 1,000 ตัวเท่านั้น ที่ต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มาจนถึงขณะนี้
ในช่วงเวลานี้ หลินเว่ยยังใช้ทักษะการฟื้นตัวที่ติดมากับเครื่องมือซวนฉี เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของสัตว์โครงกระดูก อย่างไรก็ ตามราชาหมาป่านั้นก็ยังไม่ปรากฏตัว
สิบวันต่อมา หลินเว่ยจึงตัดสินใจ ไม่เสียเวลารอ ราชาแห่งหมาป่าลมกรด แต่ในใจของเขานั้น…รอกลุ่มของเหล่าหนู
ขนาดของหนูเหล่านี้มีขนาดเท่ากับสุนัขบ้าน และพฤติกรรมของพวกมันแย่มาก พวกมันไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างหมาป่าลมกรดและสัตว์ร้ายโครงกระดูก แต่แอบนำศพของหมาป่าลมกรดออกไป อย่างแนบเนียน
ในตอนแรก หลินเว่ยไม่ได้สังเกต แต่ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขา มักจะสังเกตสถานการณ์รอบตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นพวกหนูก็โลภมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีการนำศพออกมากไม่หยุดหย่อน ในที่สุด หลินเว่ยก็ค้นพบพวกเขา
ด้วยการโบกมือของเขา ซากศพหมาป่าจำนวนนับแสนบนพื้น ก็ถูกเก็บกลับไปโดยหลินเว่ย บนพื้นดินถ้ำหนาทึบ สะท้อนอยู่ในดวงตาของหลินเว่ยและมีร่างของหมาป่าลมกรดจำนวนมาก
เมื่อซากศพของสัตว์อสูรหมาป่าลมกรด ที่จู่ ๆ ก็หายไปทันที พวกหนูทั้งหมดตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติ พวกมันก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว
เหล่าหนูกลุ่มใหญ่ผุดออกมาจากพื้นดิน เข้าโจมตีหมาป่าลมกรด และสัตว์โครงกระดูกของหลินเว่ยโดยตรง
ในบรรยากาศนั้น ก็เริ่มสับสนเล็กน้อย ด้านหนึ่งมีหนูหลายตัวรวมตัวกับหมาป่าลมกรด เพื่อโจมตีสัตว์ร้ายโครงกระดูก ในขณะที่อีกด้านหนึ่งมีหนูหลายตัว พร้อมกับสัตว์ร้ายโครงกระดูก เข้าโจมตีหมาป่าลมกรด
ในเรื่องนี้ หลินเว่ยยิ้มเล็กน้อย เขาโบกมือของเขา เก็บโครงกระดูกทั้งหมดออกไป หลงเหลือเพียงสงครามของสองเผ่าพันธ์ุ
จำนวนของสัตว์ต่าง ๆ และจำนวนโครงกระดูกที่สามารถมองเห็นได้บนพื้นนั้น มีมากเกินไป และจำนวนของสัตว์อสูรที่โครงกระดูกที่สามารถสังหารได้นั้น มากมายจนน่าทึ่ง