ราชาซากศพ - บทที่ 301 สัตว์เลี้ยงระดับ 9
บทที่ 301
สัตว์เลี้ยงระดับ 9
แน่นอนว่ากวนเจิ้นนั้นไม่ใช่คนโง่ โดยธรรมชาติ เขารู้ดีว่าในเวลานี้ เขาต้องเลือกที่จะทิ้งเนื้อในปากของเขา หรือร่วมมือกับหวงเหยา เพื่อต่อสู้กับผู้คนจากดินแดนแห่งแสง อย่างไรก็ตาม สำหรับสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กกลายพันธุ์ตนนี้ เขายังไม่ต้องการที่จะยอมแพ้
ท้ายที่สุด หากมันเป็นเพียงสัตว์อสูรกลายพันธุ์ธรรมดา หากเขาเลือกที่จะต่อสู้แล้วไม่เหลือชีวิตรอดก็ไม่คุ้มค่า แม้ว่าสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กกลายพันธ์ุจะมูลค่าถึงล้านหินหยวน แต่เพื่อความปลอดภัยเขา บางทีเขาอาจจะต้องเลือกที่จะยอมแพ้
แต่ในตอนนี้มันต่างออกไป เนื่องจากสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กได้ใช้ทักษะความสามารถอันทรงพลังโล่เหล็ก มูลค่าของมันจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าต่อหลายเท่านัก ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านหินหยวนระดับสูง
มันเพราะโล่หนาม! มันเป็นของทักษะการป้องกันประเภทพลังงาน และโล่เหล็กเป็นทักษะการป้องกันทางกายภาพ มีทั้งทักษะการป้องกันอาวุธที่ยอดเยี่ยม หากได้รับการขัดเกลาจะกลายเป็นสิ่งล้ำค่า หากมีวัสดุเพียงชนิดเดียว มันอาจจะมีมูลค่าหลายล้าน หากมีทักษะความสามารถทั้งคู่ ก็เพียงพอแล้วที่จะเสี่ยง
“ พี่หวงพูดถูกแล้ว พวกเจ้า…คนจากอาณาจักรแห่งแสงที่น่ารังเกียจ หากเจ้าต้องการสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็ก ก็จงใช้ความสามารถของเจ้า” กวนเจิ้นกล่าวด้วยท่าทีที่แข็งแกร่งมากและตัดสินใจเด็ดขาด
“ฮ่าฮ่า! ข้าเองเคยเห็นความไร้ยางอายของพี่หวงเช่นกัน แต่เจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะสู้พวกข้าได้งั้นหรือ เจ้าเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งหัวนอนปลายเท้า จงอยู่เฉยไว้จะเป็นอันดี แต่กลับเลือกที่จะร่วมมือกับหวงเหยา, หน่าตี้อาสี่แสดงสีหน้าประชดประชันและพูดด้วยความรังเกียจ
“ฮ่าฮ่า! เรื่องบางเรื่องเป็นมาอย่างไรไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ” เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของหน่าตี้อาสี่ หวงเหยาก็ไม่ได้โกรธ แต่หัวเราะเบา ๆ สองครั้งและพูดด้วยความมั่นใจ
ในความเป็นจริงทั้ง กวนเจิ้นและ หวงเหยา ไม่ต้องการให้คนจากอาณาจักรแห่งแสงเข้ามาแทรกแซง เพราะพวกเขาเชื่อว่า หากมีอาณาจักรเฟิงหยูร่วมมือกับอาณาจักรกังหลัน พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะ
“งั้นหรือ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหวงเหยา หน่าตี้อาสี่ และ หวงเหลียนก็มองหน้ากัน ทันใดนั้นพวกเขาก็เงียบขรึมและหัวเราะ
“หืม?” เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของพวกเขา กวนเจิ้นก็รู้สึกไม่ดีในหัวใจ ใบหน้าของเขากลายเป็นจริงจังเล็กน้อย เขาเดาในใจว่า คนพวกนี้อาจจะมีไพ่ลับอยู่ในมือ?
ราวกับว่าสามารถยืนยันความคิดในใจของกวนเจิ้น ทั้งหวงเหลียงและหน่าตี้อาสี่ รีบโบกแหวนมิติบนข้อมือของพวกเขา จากนั้นปรากฏแสงสว่างวาบด้วยแสงสีดำ และปรากฏร่างเบื้องหน้าสาธารณชน
“ สัตว์เลี้ยงสงคราม?” เมื่อเห็นร่างทั้งสองปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน กวนเจิ้นและ หวงเหยา ก็ตกตะลึงในใจ เพราะพวกเขารู้สึกว่าการปรากฏตัวของสัตว์อสูรนั้นมีลมปราณที่หนักหน่วง
“ โฮก!”
“ โฮก!” เสียงคำรามของสัตว์ร้ายทั้งสอง ดังขึ้นทีละตัว สัตว์เลี้ยงสงครามของหน่าตี้อาสี่นั้น เป็นแมวดำ ขั้นเก้าระดับสาม ในขณะที่ หวงเหลียน นั้นมี หมีขั้นเก้า ระดับหนึ่ง
สำหรับกวนเจิ้นและคนอื่น ๆ พวกเขามีพลังมาก ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจสามารถต่อสู้ได้สูสีกับหมีของ หวงเหลียนได้
เมื่อมองไปที่การปรากฏตัวของสัตว์เลี้ยงสงครามอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งอาณาจักรเฟิงหยู หรือฝั่งประเทศโบราณกังหลัน ใบหน้าของเขาซีดเผือด และไม่มีใครพูดอะไร ทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
ใครจะคิดว่า พวกเขาจะมีสัตว์เลี้ยงสงครามขั้นเก้า ของอาณาจักรแห่งแสง มีคนเคยได้ยินว่า พวกเขามีมังกรเงิน ระดับสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่หลังจากนั้น พวกเขากลับมีสัตว์อสูรขั้นเก้าอีกสองตัว
เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกคนก็รู้สึกไร้พลังใจ
“รู้หรือไม่ตอนนี้ สีหน้าของพวกเจ้านั้นแย่มาก พวกเราทำให้เจ้ารู้สึกหมดหวังหรือไม่?” มุมปากของเขายกขึ้น และแสดงรอยยิ้มประชดประชันอย่างสนุกสนาน
“เราเต็มใจที่จะยอมแพ้!” กวนเจิ้นระงับความโกรธในใจ และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เราเต็มใจที่จะยอมแพ้” หวงเหยารีบกล่าวอย่างเร่งรีบ พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า ในตอนนี้นับประสาอะไรกับสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็ก แม้แต่ชีวิตของพวกเขาก็ตกอยู่ในมือของผู้อื่น!
“ จะยอมจำนนตอนนี้เลยงั้นหรือ ข้านั้นเคยให้โอกาสเจ้ามาก่อน แต่เจ้าไม่ได้ใส่ใจ ในกรณีนี้ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เป็นสุสานของพวกเจ้าแทน” หวงเหลียนโค้งริมฝีปากของเขา และพูดด้วยความเยาะเย้ย
เมื่อเห็นดวงตาของ หน่าตี้อาสี่ และ หวงเหลียนแสงเย็นก็กะพริบ และมีร่องรอยของเจตนาสังหารแผ่ออกมาจากร่างของพวกเขา
“ ฟิว!”
“ ฟิว!” เมื่อเห็นว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างบีบคั้น หมิงจิ้งและนักรบจักรพรรดิ ระดับเจ็ดอีกคน จึงยอมแพ้ต่อสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กที่กลายพันธุ์ เมื่อเห็นเช่นนั้นสัตว์อสูรจึงรีบฉวยโอกาสเพื่อที่จะหลบหนีออกไปจากที่นี่
“หืม?” หน่าตี้อาสี่ขมวดคิ้ว แล้วร่างของเขาก็กะพริบปรากฏขึ้นต่อหน้าสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็ก เขายิ้มเย็นและกล่าวว่า ” คิดหนีงั้นหรือ?”
“ โฮก!” เมื่อมันเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า ดวงตาของสัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กแสดงท่าทางหวาดกลัว อยู่ไม่สุข และส่งเสียงคำราม
ในตอนแรก หลังจากหมิงจิ้งละทิ้งการต่อสู้ไป สัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กก็พร้อมที่จะหลบหนี แต่ก็ถูกขัดขวางโดย หน่าตี้อาสี่
“กำจัดพวกมันซะ ข้าจะจับสัตว์ร้าย” หน่าตี้อาสี่ ตะโกนใส่ หวงเหลียนและพรรคพวกของเขา
“ดี!” หวงเหลียนพยักหน้า และออกคำสี่งกับสัตว์เลี้ยงสงครามของเขาว่า ” สังหารพวกมันซะ แล้วข้าจะให้อาหารเพิ่ม”
“ได้! จำสัญญาของเจ้าไว้ล่ะ” เสียงหนัก ๆ ของหมีดังขึ้นช้าๆ
“เดี๋ยวก่อน พวกเราคืออาณาจักรเฟิงหยูและอาณาจักรกังหลัน เจ้ากล้าที่จะสังหารพวกเรา ไม่กลัวว่า เรื่องนี้แพร่งพรายไป พวกเจ้าจะลำบากงั้นหรือ เราไม่ต้องการให้สัตว์อสูรเสือดาวกำแพงเหล็กตัวนี้ ทั้งยังมอบให้กับเจ้าแล้ว พวกเราจะออกไปเดี๋ยวนี้ ”
เมื่อเห็นว่าสัตว์เลี้ยงสงครามของหวงเหลียนกำลังจะเริ่มโจมตี และแมวดำก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหว หวงเหยากลืนน้ำลายเต็มปากและพูดอย่างรีบร้อน
“ใช่! อย่าคิดว่า ช้างตายทั้งตัวจะเอาใบบัวมาปิด อย่าลืมว่ามีผู้คนมากมายที่ซ่อนตัวอยู่แถวนี้ และทำท่าทีแสร้งออกไปก่อนหน้านี้” กวนเจิ้นรีบพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง
“นี่ … ” เมื่อได้ยินคำพูดของกวนเจิ้น และหวงเหยา หวงเหลียงหันศีรษะและมองไปรอบ ๆ ตัวเขาด้วยความรีบร้อน ใบหน้าของเขาแสดงความลังเล
“ หวาดกลัวอันใด การทดสอบนี้ไม่ได้จำกัดว่า จะเป็นหรือตาย อย่าชักช้า” เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เด็ดขาดของหวงเหลียน หน่าตี้อาสี่ก็ขมวดคิ้วและอ้าปากอย่างรวดเร็วตะโกนไปเบื้องหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าตายเสียเถอะ!” หวงเหลียนพยักหน้าอย่างชัดเจนและกล่าวอย่างเย็นชา
“โฮก!” เสียงคำรามออกมาจากปากของหมี และพุ่งตรงไปยัง กวนเจิ้น ร่างของแมวดำกะพริบเหมือนสายฟ้าวิ่งเข้าหาหวงเหยา ส่วนหวงเหลียงกระจัดกระจายและล้อมวงเป็นวงกลม