ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 108 จักรพรรดิพิโรธ ศพพันลี้
อ่อนหัด! ยังอ่อนหัดเกิน!
เจียงหลีคับแค้นใจ ศึกครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่อึดอัดยิ่งนัก แต่ว่านางยอมแพ้ไม่ได้ มิฉะนั้นก็ต้องตาย!นางตายไม่ได้ ไม่อยากตายด้วย!
“ฉินเทียนอีเจ้าแน่ใจหรือที่จะเข้ามาพัวพันเรื่องนี้” เมื่อเห็นฉินเทียนอีปกป้องลู่เสวียนที่ไร้เรี่ยวแรง ชายเสื้อดำถามอีกครั้ง ในการสอบถามสองครั้งนี่ แสดงให้เห็นถึงความเกรงกลัวที่มีต่อฉินเทียนอี
ครั้งนี้ฉินเทียนอีกลับไม่ให้เกียรติตอบเขา เพียงกวาดมองคนทั้งเจ็ดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้ม
เจ็ดคนที่ถูกเขามองต่างรู้สึกใจสั่น
ดูเหมือนว่าการอำพรางของพวกเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินเทียนอีแล้วก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี เพียงเขามองแวบเดียวก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ภารกิจพวกเขาคือฆ่าลู่เสวียน ไม่ใช่แม่หนูคนนั้น ทว่าลู่เสวียนในตอนนี้มีฉินเทียนอีคอยปกป้องอยู่ หากพวกเขาจะฆ่าลู่เสวียนก็ต้องเผชิญหน้ากับฉินเทียนอี ทำอย่างไรดี ชายชุดดำทั้งเจ็ดใช้สายตาสื่อสาร โอกาสหายไปแล้ว ถอย! สุดท้ายพวกเขาลงความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกัน
ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวฉินเทียนอีหรอก หากต่อสู้ขึ้นมาจริง จะทำให้ภารกิจล่าช้าลง อีกทั้งตอนนี้สถานบันไป๋หยวนต้องได้รับข่าวแล้วแน่ พวกยอดฝีมือทั้งหลายกำลังสืบมาที่นี่ หากปะทะกันขึ้นมาเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ
“ถอย!” ผู้เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง ทั่งเจ็ดคนรีบเตรียมตัวถอยทันที พวกเขายังไม่ลืมเก็บศพที่ถูกลู่เสวียนฆ่าทิ้งไปด้วย อาจเป็นเพราะกลัวการตรวจสอบตัวตนก็เป็นได้
บางเรื่องตอนยังไม่มีหลักฐานยังปลอดภัยไร้กังวล หากมีหลักฐานที่แน่ชัด จะเกิดความปั่นป่วนโกลาหล การฆ่าลู่เสวียนเพราะจะทำลายรากฐานตระกลูลู่! ดูเสียว่าตระกูลลู่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรบ้าง! แต่ไม่ใช่ให้ตระกูลลู่หาข้ออ้าง สร้างปัญหาให้เจ้านายผู้อยู่เบื้องหลัง
“ข้าให้พวกเจ้าไปหรือยัง” ทว่าเสียงอ่อนเยาว์กลับเอ่ยขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
ทั้งเจ็ดคนนิ่งอึ้ง มองไปยังเจียงหลี แม้กระทั่งฉินเทียนอีเองก็ยังเหลือบมองนางเช่นกัน ส่วนลู่เสวียนเองก็กังวลใหญ่ นักฆ่าจะถอยอยู่แล้วเชียว นางพูดอย่างนี้มันรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ
เมื่อสายตาทุกคนจับจ้องยังสาวน้อยในชุดดำ ต่างต้องตะลึง ราวกับว่า เจียงหลีมีอะไรเปลี่ยนไป สาวน้อยตัวเล็กในชุดสีดำ ยืนอยู่กลางโพรงป่าไม้ ผมเงาดำของนางกลับปลิวไปมากลางอากาศ
กลิ่นไอของพลังลมปราณ ระเบิดออกมาจากตัวนาง เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นอีก! ใบหน้าที่แสนจะอ่อนเยาว์นั้นเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แสนงดงาม ราวกับว่าแทนใบหน้าเดิมของนาง แม้แต่ดวงตานางยังมีประกายทองอ่อนๆ แฝงด้วยความเกรงขามของจักรพรรดิที่มิอาจละเมิด ตอนนี้ ราวกับเจียงหลีไม่ใช่ทาสสาวของตระกูลลู่อีก แต่เป็นจักรพรรดิผู้สยบแผ่นดิน เพียงใช้สายตา ก็ยากที่จะมีคนปฏิเสธคำสั่งนางได้
นางกล่าวว่า ‘ข้าให้พวกเจ้าไปหรือยัง’
ผู้คนที่อยู่ในนั้น ล้วนตกใจกับพลังทรงอนุภาพของเจียงหลี ความรู้สึกที่หวาดกลัวและต้อยต่ำ เกิดขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจอย่างงุนงง ก่อให้พวกเขาเกิดความเคารพยำเกรงในตัวสาวน้อย
“นี่มันทักษะต่อสู้อะไรกัน”
“ข้า ขยับไม่ได้!”
“ข้าก็เหมือนกัน!” เหล่านักฆ่าตกตะลึงจนอธิบายเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ถูก
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากไป ในใจพวกเขาไม่แยแสต่อคำพูดนาง แต่ร่างกายกลับต่อต้านไม่ได้! ฉินเทียนอีหรี่ตาลงจ้องไปทางเจียงหลีอย่างจริงจัง ความประหลาดใจในดวงตาซ่อนก็ซ่อนไม่อยู่ ตอนนี้ เขามีความรู้สึกที่ชัดเจนเลยว่า มีวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าซ่อนอยู่ภายใต้ร่างร่างเล็กๆ ของเจียงหลี
“หลียาโถ่ว…” ลู่เสวียนตกตะลึงอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว ในใจราวกับว่ามีคลื่นทะเลซัดสาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง นี้มัยยังเป็นหลียาโถ่วที่เขารู้จักอยู่ไหมเนี่ย
นางช่างเก่งกาจเหลือเกิน!
เก่งกาจจน แม้แต่เขาก็ไม่กล้าเพ่งมองนางตรงๆ!
“ผู้ใดริอาจหมิ่นจักรพรรดิ ฆ่าไม่เว้น!” เจียงหลีกล่าวออกมา แต่คำพูดนาง ยากที่จะมีคนเข้าใจความหมายนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาไร้ความปราณี ทำให้หลิงเจี้ยงทั้งเจ็ดรู้สึกใจสั่น มีลางสังหรณ์ว่าเรื่องร้ายแรงจะเกิดขึ้น
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เจียงหลีพูดคำว่า ‘ฆ่า’ ต่อเนื่องกันสามครั้ง
ทันใดนั้น ภูเขาที่อยู่รอบๆ พืชไม้ แม่น้ำ ฟ้าดินต่างรวมแรงอาฆาตไว้เป็นหนึ่ง มุ่งตรงมาหานักฆ่าทั้งเจ็ดคน
แย่ล่ะ! ในใจทั้งเจ็ดรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
แรงอาฆาตที่มาจากรอบทิศทาง ไม่ได้เกิดจากการกระทำของคน แต่เกิดจากความพิโรธของฟ้าดิน
มีคนจะฆ่าพวกเขา พวกเขายังสามารถต่อกรได้ หากฟ้าดินจะกำจัด พวกเขาจะต่อต้านได้อย่างไร
ฆ่าาา
แรงอาฆาตที่มาจากทุกทิศทาง รวมตัวกันเป็นตัวอักษร ‘ฆ่า’ ขนาดใหญ่ ปรากฏกลางอากาศ อนุภาพแห่งแรงอาฆาต ล้วนทำทุกอย่างกลายเป็นผุยผง เสียงโครมครามดังสนั่น สถานที่หุบเขาโยวโยวแห่งนี่กลายเป็นธาตุธุลีในชั่วพริบตา เดิมที่หุบเขาโยวโยวอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ กลับถูกกวาดล้างไปหมด เสียงดังสนั่นขนาดนี้ ดึงดูดความสนใจของพวกยอดฝีมือจากสถาบันไป๋หยวนที่ได้รับข่าวจากผู้คุม ในนั้น มีหนานอู๋เฮิ่นที่เจียงหลีรู้จักด้วย
“อยู่ทางนั้น เร็วเข้า”
“ใครกันที่มีพลังเก่งกาจเช่นนี่ได้ นี่…นี่มันเกินระดับหลิงเจี้ยงแล้ว!” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ หนานอู๋เฮิ่นกล่าวออกมาอย่างตกใจ
“ท่านอาจารย์หนาน หุบเขาโยวโยวเกิดอะไรกันแน่ หรือว่ามีผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งจากข้างนอกเข้ามาอย่างนั้นหรือ” อีกคนหนึ่งถาม
หนานอู๋เฮิ่นสีหน้าเคร่งเครียด จับจ้องไปยังทิศทางที่เกิดเหตุ ครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องรักษาความปลอดภัยของลูกศิษย์ทั้งหลายก่อน เจ้าแบ่งคนไปส่วนหนึ่ง ให้ไปอพยพลูกศิษย์ที่อยู่ในการประเมิน ส่วนคนที่เหลือตามข้ามา”
“ขอรับ!”
“ขอรับ!”
…
อ้ากกก
“นี่มันอะไรกัน เป็นไปไม่ได้!” ตัวอักษร ‘ฆ่า’ จากบนฟ้า ค่อยๆ ลงสู่บนดินที่ทั้งเจ็ดคนยืนอยู่ ภายใต้ตัวอักษร ‘ฆ่า’ นี้ พวกเขาไม่สามารถที่จะต่อต้านได้เลยสักนิด ทำได้แต่คุกเข่าลงด้วยความกลัว ความหายนะที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้พวกเขาหวาดกลัวตัวอักษร ‘ฆ่า’ ที่กำลังจะฆ่าพวกเขา กลับไม่เห็นสีหน้าเจียงหลีที่ซีดลงเรื่อยๆ
“อย่าาา” ตัวอักษร ‘ฆ่า’ ร่วงลงมา บดขยี้ทุกอย่าง
ตูมมม!
แผ่นดินสั่นสะเทือน ภูเขาลำธารตื่นตระหนก ฝุ่นละอองกระจาย ปิดกั้นสายตาที่สอดส่อง
“เอื้อก!” เจียงหลีกระอักเลือกออกมาเต็มปากจนทรุดลงกับพื้น เมื่อนางทรุดลงกับพื้น พลังแรงอาฆาตแห่งฟ้าดินหายไปในชั่วพริบตาเดียว ราวกับไม่เคยปรากฏออกมาก่อน หลังเรื่องทุกอย่างจบสิ้นลง บนพื้นไม่มีคนทั้งเจ็ดคนแล้ว เหลือเพียงหลุมขนาดใหญ่ ที่มีตัวอักษร ‘ฆ่า’ ฝั่งลึกไป ใต้หลุมมีแต่เศษซากเนื้อเป็นก้อนๆ ฉินเทียนอีเก็บสีหน้าที่หยิ่งยโสนั่น ดวงตาแสดงอาการเคร่งขรึมมองไปยังเจียงหลีที่ทรุดลงกับพื้น ส่วนลู่เสวียนตกตะลึงจนกลายเป็นหินแกะสลักไปแล้ว ไม่แม้แต่จะขยับเลยสักนิด
อึก เอือก เอื้อกก
เจียงหลีกระอักเลือดติดต่อกันสามครั้ง
มือนางที่พยุงกับพื้น ได้เกาะแน่นเข้าไปในดิน หน้าผากและลำคอนางมีเส้นเลือดเขียวปูดขึ้น สีผิวกลายเป็นสีม่วง
ทันใดนั้น มีเสียง พลุบ พลุบ อย่างแผ่วบาง ดังมาจากตัวเจียงหลี…