ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 147 ช่างเป็นการเดินหมากที่เสี่ยงจริงๆ!
เสวียนกังกุย! เสวียนกังกุย!
เปลวไฟลุกโชนในดวงตาที่แวววาวของเจียงหลี
เห็นความเก่งกาจของเสวียนกังกุยด้วยตาตัวเอง นางจะปล่อยวิญญาณยุทธ์อันที่สองไปได้อย่างไร
พลังป้องกันของเสวียนกังกุยแข็งแกร่งมาก!
อีกทั้งพลังโจมตีของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย หรือควรจะพูดแบบนี้ว่าภายใต้พลังป้องกันของมัน ถึงแม้ว่าการโจมตีของมันจะธรรมดาแค่ไหน ก็สามารถทำให้ศัตรูสิ้นหวังได้
“ข้าจะเหยียบเจ้าให้ตาย! เหยียบเจ้าให้ตาย! กวนเวลานอนของข้า!”
ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนโยนของหญิงสาวที่ดูจะโง่เขลาก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่น่าหวาดกลัวนั้นลง
เอ่อ……
นี่มัน……อะไรกัน เจียงหลียิ้มมุมปาก ทันใดนั้นภาพของเสวียนกังกุยก็หมุนหนึ่งร้อยแปดสิบองศาในหัวของนาง
“น่าเกลียด! น่าเกลียด! หนวกหู! หนวกหู!”
เสียงไม่เหมาะสมกับรูปร่างที่ใหญ่มหึมาและดุร้าย ดังขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าของเจียงหลี ทันใดนั้นก็รู้สึกสดใสขึ้นมา ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าการกระทำอันป่าเถื่อนของเสวียนกังกุยถึงได้เปลี่ยนเป็นการออดอ้อนหลังจากที่ได้ยินเสียงนั้นทันที
เหอะๆ
เจียงหลียิ้มมุมปากอีกครั้ง รู้สึกว่าภาพเสวียนกังกุยในหัวนางได้หายไปหมด!
ในตอนที่หลอมรวมเข้ากับเลี่ยเทียนซื่อ นางก็เคยคุยกับเลี่ยเทียนซื่อ เสียงคร่ำครึที่ผ่านโลกมามากมายนั้น ถึงจะเหมาะสมกับมัน!
แต่เสวียนกังกุย……
เจียงหลีอยากจะตะโกนออกมาด้วยความโมโหในใจ นี่! อันดับของเจ้าสูงกว่าเลี่ยเทียนซื่อ รักษาภาพลักษณ์หน่อยได้หรือไม่
“เสียง……เสียงของเสวียนกังกุย……มี……มีความพิเศษมาก”
เจียงเฮ่าที่หายตะลึง กลั้นไม่อยู่พูดออกมาประโยคหนึ่ง
เจียงหลีพูดในใจ เหอะๆ มองเสวียนกังกุยด้วยแววตาที่ขมขื่น ดูสิๆ ทำให้พี่ชายที่ไม่เอาไหนของนางตะลึงขนาดไหน
“ดูแล้ววิญญาณยุทธ์ของเสวียนกังกุยยังอยู่ในวัยทารก ครั้งนี้พวกเราเก็บได้ของล้ำค่าแล้ว!” ทันใดนั้นคำพูดของไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ดังมาจากข้างหลัง
ทารก!
เจียงหลีหรี่ตาแล้วสบตากับเจียงเฮ่า ฟังที่ไป๋เซี่ยงเลี่ยพูดกับลูกศิษย์วัยรุ่นเหล่านั้นต่อ
เขารู้ทั้งรู้ว่าเจียงหลีและเจียงเฮ่าก็อยู่ตรงนี้ แต่กลับไม่เลี่ยงเลยสักนิด
ชัดเจนมากว่าเดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสองอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะกลัวฐานะของเจียงหลีนิดหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้ผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า แย่งชิงวิญญาณยุทธ์ของเสวียนกังกุยถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญ
“อารอง วิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยนี้กลับยังไม่โตเต็มวัย”
“เจ้าจะไปรู้อะไร วิญญาณยุทธ์ที่อยู่ในวัยเด็กหลอมรวมเข้ากับเจ้าของ เสริมสร้างการเติบโตของกันและกัน ไม่เพียงแต่จะแสดงศักยภาพของกันและกันได้ถึงขีดสุดและยังทำให้การหลอมรวมกันลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น” ไป๋เซี่ยงเลี่ยพูดต่อ “เฉิงเอ๋อร์ ถึงเวลาแล้วที่เจ้าควรจะหลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ที่สอง ประจวบเหมาะกับที่เจ้าก็เป็นประเภทป้องกันเหมือนกัน เสวียนกังกุยนี้เตรียมมาเพื่อเจ้าจริงๆ!”
ชายหนุ่มดีใจ รีบพูดว่า “ขอบคุณขอรับอารอง”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าเป็นหลานชายของข้า ข้าก็ต้องดูแลเจ้าอยู่แล้ว” ไป๋เซี่ยงเลี่ยหัวเราะเสียงดังแล้วพูด
ในคำพูดเหมือนว่าเสวียนกังกุยเป็นสัตว์ที่อยู่ในกระเป๋าของพวกเขาแล้ว จะจัดการอย่างไรก็ตามแต่พวกเขา
เจียงหลีแววตาเย็นชาเล็กน้อย บนใบหน้าเล็กๆ มีความเยือกเย็น
รับรู้ได้ว่าเจียงหลีอารมณ์เปลี่ยนไป เจียงเฮ่าพูดปลอบโยนเสียงเบา “อาหลี เจ้าไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่น เจ้าอยากได้เสวียนกังกุยตัวนี้ พี่ก็จะช่วยเจ้าแย่งชิงมันมา”
แย่ง?
เจียงหลีเงยหน้ามองไปที่การต่อสู้ที่ดุเดือด แย่งอย่างไร ด้วยศักยภาพของนางและเจียงเฮ่า อย่าพูดถึงว่าจะรับมือกับชาวเป่ยโหรวเลย เกรงว่ายังไม่ถึงที่ต่อสู้ก็โดนคนอื่นฆ่าตายก่อน
อ่อนแอก่อนไป! ยังอ่อนแอเกินไป
เจียงหลีอึดอัดใจมาก ไม่พอใจกับศักยภาพของตัวเองในตอนนี้
เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูด อย่างไรก็ต้องได้เสวียนกังกุยมา! เจียงหลีตัดสินใจ
แย่ง คงเป็นไปไม่ได้
แต่ว่า……
เจียงหลีแววตาเปล่งประกาย ในใจมีแผนแล้ว นางบอกแผนการของตัวเองข้างหูเจียงเฮ่า หลังจากที่เจียงเฮ่าฟังจบ มองนางด้วยความตกใจ “เสี่ยงมากเกินไป! ข้าไม่เห็นด้วย”
“ความเสี่ยงนั้นมีอยู่แน่นอน แต่ว่าอยากจะแข็งแกร่ง แล้วจะไม่เสี่ยงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ถึงทำแบบนี้ความเสี่ยงจะสูง แต่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสรอด หรือว่าพี่มีวิธีที่ดีกว่านี้” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
“……” เจียงเฮ่าเงียบไป
เขาไม่รู้จะโต้แย้งคำพูดของเจียงหลีอย่างไร
แต่ทว่าตอนนี้ไป๋เซี่ยงเลี่ยเดินมาหาพวกเขาทั้งสอง “สาวน้อย วิญญาณยุทธ์อันแรกของเจ้าคือเลี่ยเทียนซื่อ เป็นประเภทโจมตี ประเภทของเสวียนกังกุยไม่เหมาะกับเจ้า ดูเอาสนุกก็พอแล้ว จะหาเรื่องใส่ตัวทำไม”
เจียงหลีหันมามองไป๋เซี่ยงเลี่ยที่ยิ้มอยู่ ไม่ปิดบังจุดประสงค์ของตัวเองอีกต่อไป “ข้าก็อยากได้มันเหมือนกัน”
ไป๋เซี่ยงเลี่ยแววตาจริงจัง หุบยิ้ม “เหอะ เห็นแก่ต้นตระกูลของเจ้า ข้าถึงมาพูดด้วยดีๆ ถ้าหากเจ้าไม่สนอะไร ยังจะทำตามที่ตัวเองคิด ตายในอาณาเขตหลิงอู่แล้วอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งไปหาผู้ใหญ่ที่บ้านล่ะ”
“ขอบคุณท่านมากที่หวังดี” ฟังคำสาปแช่งของเขา เจียงหลียิ้มเยาะเย้ยกลับไป
ไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ยิ้มเยาะเย้ยเช่นกัน ถกแขนเสื้อแล้งพูดกับคนอื่นว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ชาวเป่ยโหรวเดินตามเขาผ่านด้านข้างสองพี่น้องไป ในตอนที่ชายวัยรุ่นคนนั้นที่อยากหลอมรวมเข้ากับเสวียนกังกุยเดินผ่านข้างตัวเจียงหลี ยังยิ้มเยาะเย้ยด้วยสายตาที่เหยียดหยามอีกด้วย
เห็นสีหน้าของเขา เจียงเฮ่าหรี่ตาทั้งสองข้างที่อยู่ใต้หน้ากาก ปล่อยรังสีอำมหิตที่ดุดันผ่านดวงตา
ชาวเป่ยโหรวรีบเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อแย่งชิงเสวียนกังกุยโดยที่ไม่สนใจทั้งสองคน
พวกเขาไม่รู้ว่าเจียงหลีมีแผนอะไร แต่ก็รู้ว่าด้วยพละกำลังของทั้งสองคนไม่สามารถเข้าใกล้เสวียนกังกุยได้
“ตามแผนที่วางไว้ ถ้าหากว่าเจ้าแบกรับไว้ไม่ไหวก็ถอย ไม่ต้องสนใจข้า” เจียงหลีมองเจียงเฮ่าอย่างจริงจัง
เจียงเฮ่ากลับตอบว่า “อาหลีทำหน้าที่ของเจ้าไป ที่เหลือข้าจัดการเอง”
ท่าทางที่ดื้อรั้นของเขา ทำให้เจียงหลีทำอะไรไม่ได้ แต่ก็จะไม่เสียเวลาอีกแล้ว
ทั้งสองย่องเข้าไปอย่างเงียบๆ ค่อยๆ เข้าใกล้การต่อสู้แล้วรอจังหวะ
ด้วยจำนวนของคนที่เข้าร่วมการแย่งชิง เสวียนกังกุยรับมือมั่วไปหมด คนพวกนี้ทำอะไรมันไม่ได้ แต่ก็ทำให้มันรำคาญมากเหมือนกัน
ขาทั้งสี่เหยียบย่ำไม่หยุด สั่นสะเทือนจนหนองน้ำเป่ยยวนพุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“โอกาสมาถึงแล้ว!”
ทันใดนั้น ในตอนที่กระดองของเสวียนกังกุยเข้าใกล้ในทิศทางของพวกเขาทั้งสอง เจียงหลีหรี่ตาทันที ร่างกายกระโดดออกไปราวกับสายฟ้าฟาด และมาอยู่บนกระดองของเสวียนกังกุยอย่างรวดเร็ว
และในตอนที่ทุกคนและเสวียนกังกุยยังไม่ทันได้ตอบโต้ นางปลดปล่อยเนตรญาณที่สองของตัวเอง
ชั่วพริบตาแสงสีทองก็ปกคลุมไปทั่วตัวนางและเสวียนกังกุย ลวดลายที่สวยงามและลึกลับก็ยิ่งดูชัดเจนขึ้นมา ในอาณาเขตหลิงอู่ พลังวิญญาณบ้าคลั่งที่แข็งแกร่งก็พุ่งมาหาเจียงหลี
โฮ้กกก
เสวียนกังกุยเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงร้องคำรามดิ้นรนด้วยความโกรธ
ผู้คนที่อยู่บนพื้นต่างมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตะลึง ไป๋เซี่ยงเลี่ยที่ได้สติเร็วที่สุด แววตาโหดร้าย พูดตะโกนกับผู้คนด้วยความโหดเ**้ยมว่า “นางจะหลอมรวมเข้ากับเสวียนกังกุย!”