ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 185 คู่อริย่อมอยู่ร่วมกันไม่ได้
ไม่มีผู้ใดรู้ หนึ่งวันก่อนหน้าในจวนลู่อ๋อง ได้มีการไล่บ่าวใช้ในจวนออกไปอย่างเงียบๆ แล้ว
บ่าวใช้เหล่านี้ถึงแม้จะขายตัวเองให้กับจวนลู่อ๋องแล้ว แต่ก็ไม่มีพันธะอะไรกับตระกูลลู่ ผู้ที่แอบสอดส่องตระกูลลู่ก็ไม่ได้ไล่ตามออกไป
ในวันนี้ คนที่เหลือในจวน เหลือเพียงคนสูงอายุที่ติดตามพระชายาลู่มานานหลายปี
พวกเขาไม่มีที่ไป และอยากจะติดตามพระชายาลู่เท่านั้น
ในเวลาอันรวดเร็ว สุราที่ดีที่สุดก็มาถึง
พระชายาลู่มองดูแล้ว ก็ยืดอกและเดินออกจากจวนไป ด้านหลังนาง มีบ่าวรับใช้สิบคนเดินตามด้วยความเศร้าโศก
จากจวนอ๋องลู่ถึงแท่นประหารอู่เหมิน มีระยะทางที่ค่อนข้างไกล
พระชายาลู่ไม่ได้นั่งรถม้า นางเพียงอาศัยขาทั้งคู่ เพื่อเดินไปใกล้สามีทีละก้าว
ในความทรงจำของนาง มีคำพูดที่กล่าวกับบุตรชายคนโตดังขึ้น สามีให้นางมีชีวิตต่อ แต่ว่า ถ้าหากโลกไม่มีเขาอยู่ จะให้นางมีชีวิตอย่างโดดเดี่ยวได้เช่นไร
บุตรก็เติบโตขึ้นแล้ว ขอแค่บุตรชายไม่มีเรื่องอะไร นางก็สามารถร่วมอยู่ร่วมกินกับสามีได้อย่างอิสระ เหล่านี้ล้วนเป็นเพียงคำพูดสวยหรู แม้ว่า ข้างหน้าจะยากลำบาก นางก็ไม่กลัวอะไร
นางไม่ได้หนีไปกับลู่เจี้ย แต่ก็เชื่อว่าบุตรชายคนโตของนางจะชำระแค้นแทนพวกนาง
สิ่งที่สามีต้องการจะทำ แน่นอนว่าคนที่เป็นภรรยาก็ต้องสนับสนุน
พระชายาลู่ใบหน้าขาวซีดอยู่บ้าง แต่ก็มีรอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฎขึ้น ภายใต้รอยยิ้มนั้นมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้ง มีเพียงแค่นางที่เข้าใจอย่างชัดเจน
การปรากฎตัวของนาง ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อยบนท้องถนน
บางทีนางก็เงียบเกินไป บางทีฝีเท้าของนางก็ปกติเกินไป มันดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้ติดตามโดยไม่รู้ตัว
…
ที่แท่นประหารอู่เหมิน บนแท่นประหารทรงกลม สลักด้วยรูปสัตว์ร้ายที่น่าเกลียดสีแดงเข้มด้านบนดูเหมือนว่าจะถูกทำให้ชุ่มไปด้วยเลือดเป็นปีๆ แฝงไปด้วยความหนาวเย็นที่น่าขนลุก
ลู่ซิ่งเฉายืนอยู่บนแท่นประหาร บนแท่นมีเพียงเพชฌฆาตและผู้พิพากษาเท่านั้น
ฮ่องเต้ที่ออกคำบัญชา ไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่ต้น
คนที่เข้าใกล้แท่นประหารมากที่สุดคือครอบครัวของเหล่าเทียนเจียว พวกเขาโยนสิ่งสกปรกหลากชนิดลงบนแท่นประหาร ใช้ความโกรธเรื่องการตายของลูก มาลงกับลู่ซิ่งเฉา
ประชาชนที่ไม่รู้ความจริง ด้วยการปลุกปั่นอารมณ์เหล่านี้ ก็ค่อยๆ หยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น และโยนไปที่ลู่ซิ่งเฉา
“ฆ่าเขาซะ!”
“ถุย! คนทรยศชาติ!”
“ในอดีตข้าเคยชื่นชมเขา ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนทะเยอทะยานเช่นนี้”
“ฆ่าเขาซะ ใช้เลือดของเขาเป็นอนุสรณ์ให้เหล่าเทียนเจียว”
“…”
โรงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลจากอู่เหมินนัก เต็มไปด้วยผู้คนตั้งนานแล้ว ในห้องส่วนตัวชั้นสอง หน้าต่างที่อยู่ตรงข้ามกับแท่นประหารถูกปิดไว้ และหรงจิ่งอยู่ในนั้น
“คุณชาย ในระยะนี้นายท่านเหมือนว่ากำลังวางแผนอะไรบางอย่างเงียบๆ” อาเฉวียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง กล่าวด้วยเสียงทุ้ม
หรงจิ่งมองไปยังลู่ซิ่งเฉาที่ถูกผู้คนดูถูก แววตาของเขายังคงนิ่งสงบ “นี่มันเป็นหมากระหว่างตระกูลลู่กับฮ่องเต้ จะเข้าไปยุ่งทำไม?”
“ถ้าเช่นนั้นคุณชาย พวกเรา…….” อาเฉวียนเงยหน้าขึ้นมองไปยังเขา
“เป็นแค่ผู้ชมก็พอแล้ว” หรงจิ่งกล่าวแบบไม่แยแส
อาเฉวียนมองไปและไม่พูดอะไร
ขณะนี้ ข้างนอกมีความปั่นป่วนเกิดขึ้น
หรงจิ่งมองไปตามเสียง กลับเห็นพระชายาลู่ที่รูปร่างสูงตระหง่าน เดินมาด้วยความสง่า ด้านหลังนาง ตามมาด้วยบ่าวสูงอายุที่ซื่อสัตย์ ในมือพวกเขา มีทั้งคนที่ถือเสื้อผ้าใหม่ของผู้ชาย ยังมีคนถือขวดเหล้าที่สวยหรู สีหน้าเศร้าหมองเหมือนตายทั้งเป็น
และด้านหลังพวกเขา ติดตามมาด้วยประชาชนมากมายของซั่งตู
แววตาของหรงจิ่งเกิดความประหลาดใจขึ้น จวนอ๋องลู่ขณะอยู่ซั่งตู ถ่อมตัวตลอด แต่ ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้พระชายาลู่เพียงคนเดียว จะสามารถทำให้มีผลลัพธ์เช่นนี้
“พระชายาลู่เองก็เป็นสตรีที่น่าทึ่ง” เมื่อพระชายาลู่เดินผ่านเขาไป หรงจิ่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ทันใดนั้น ร่างสีดำขนาดเล็กปรากฏขึ้นในใจของเขา เป็นแค่ร่างของทาสแท้ๆ แต่กลับภาคภูมิใจดุจจักรพรรดินี มีความมั่นใจเหลือล้น
หรงจิ่งมีความเสียใจเล็กน้อย
แต่ว่า แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกเสียใจนี้เป็นเพราะพระชายาลู่ หรือเป็นเพราะร่างที่ผอมบางนั้น
…
“ตามพระราชโองการ ความผิดของลู่ซิ่งเฉามีหลักฐานชัดเจนและไม่อาจอภัยโทษได้ การลงโทษจะเกิดขึ้นที่อู่เหมินวันนี้ จากการตรวจสอบจวนอ๋องลู่ รวมถึงตระกูลลู่ทั้งเก้าชั่วโคตร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงคนชราหรือเด็ก สายเลือดโดยตรงหรือทางอ้อม บ่าวรับใช้ของตระกูลลู่ ต้องโทษประหารทั้งหมด!”
ห้ะ!
หลังจากพระราชโองการได้เผยแพร่ออกไป ผู้คนก็ล้วนตกใจ
นี่มันเป็นการถอนรากถอนโคนเลยหนิ!
แม้ว่าลู่ซิ่งเฉาสมควรจะได้รับมัน แต่ว่าการลงโทษเช่นนี้ไม่หนักเกินไปหรือ
สมน้ำหน้า!”
“คนชั่วอย่างนี้ ควรจะให้สูญสิ้นไปทั้งตระกูล”
“……”
แน่นอน ในเวลาอันรวดเร็ว ความเหลืออดในใจประชาชน ถูกขับเคลื่อนด้วยเสียงบางอย่างในฝูงชน ทำให้รู้สึกว่าลู่ซิ่งเฉาสมควรได้รับมัน
“เทียนเจียวนับพัน ขอให้วิญญาณของผู้กล้าไปอย่างสงบ ส่วนคนบาปที่ทำให้พวกเจ้าตาย จะต้องชดใช้บาปผิดในวันนี้ เพื่อให้วิญญาณของพวกเจ้าที่อยู่บนสวรรค์สบายใจ” ผู้พิพากษาชูมือทั้งสองข้างชี้ขึ้นฟ้าและกล่าวทั้งน้ำตา
เสียงนี้ของเขา ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันร้องไห้อื้ออึง
ในขณะนี้ลู่ซิ่งเฉาที่เงียบมาตลอด กลับหัวเราะเยาะเย้ยออกมา เขาไม่สนใจความโกรธของทุกคนที่มีต่อเขา แค่พูดอย่างแผ่วเบา “ฝ่าบาท! ท่านใจร้อนเกินไปหน่อยหรือเปล่า ก็จริงอยู่ที่ตระกูลลู่ของข้าอยู่เทียบเท่าเคียงคู่ท่านมานานหลายปี ดูเหมือนว่าท่านน่าจะทนไม่ไหวมานานแล้วใช่หรือไม่ เพื่อจะจัดการต่อตระกูลลู่ของข้า ท่านได้สละชีพเทียนเจียวของราชวงศ์ข้า ภายในใจท่านไม่ได้รู้สึกถึงความละอายใจเลยหรือ”
“……”
คำพูดที่ถูกพูดออกมานี้ ทำให้รอบข้างต่างพากันเงียบ
“เจ้ากำลังพล่ามอะไรอยู่ ความตายใกล้มาเยือนแล้ว ยังกล้ามาใส่ร้ายฝ่าบาทอีก!” ผู้พิพากษารีบออกคำสั่ง “ส่งคนมา ปิดปากของเขาซะ”
“ฮ่าๆๆ ข้าลู่ซิ่งเฉาเป็นชายผู้ตรงไปตรงมา กล้าทำกล้ารับ วันนี้ ใครก็อย่ามาปิดปากข้า” ลู่ซิ่งเฉาหัวเราะอย่างกล้าหาญ
แม้ว่าตอนนี้สภาพของเขาจะน่าเวทนา แต่ความองอาจก็ไม่ลดลง
“พูดได้ดี สามีข้าเป็นยอดบุรุษ แม้นจะถูกฆ่าแต่ก็ต้องตายไปพร้อมศักดิ์ศรี” มีเสียงของสตรีส่งผ่านมา ทำให้ประชาชนถอยห่างและหลีกทางโดยไม่ต้องสั่ง
แต่เมื่อลู่ซิ่งเฉาได้ยินเสียงนี้แล้ว ทั้งร่างตกใจและมีความตื่นตระหนกในดวงตาเป็นครั้งแรก
ร่างของสตรีที่สูงสง่า ก้าวขาด้วยท่าทีที่สงบ
หลังจากที่นางเดินขึ้นแท่นประหารสายตานางมองสามีด้วยความพัวพัน ยกยิ้มมุมปาก “ฟูจวิน ข้ามาช้าไปแล้ว”
“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่” ลู่ซิ่งเฉามองพระชายาที่รักด้วยสายตาซับซ้อน รู้สึกโศกเศร้าในใจ ในนามของตระกูลลู่ เขาเต็มใจที่จะตาย แต่ว่าเขาจะทนได้เยี่ยงไรที่จะให้ภรรยาสุดที่รักมาตกตายพร้อมกับเขา
พระชายาลู่มาถึงหน้าเขาจัดการเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงและสกปรกของเขาจนเรียบร้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ฟูจวินของข้าอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะไม่มาได้อย่างไรล่ะ”
“เจ้าไม่ควรมา” ลู่ซิ่งเฉากัดฟันกล่าว ความหวงแหนในสายตา ทำให้ใบหน้าของพระชายาลู่ยิ้มมากขึ้น
“แล้วข้าควรจะไปที่ไหนเล่า” พระชายาลู่ถามกลับและมองเขาด้วยสายตาที่เศร้าหมอง
ทั้งสองยืนอยู่บนแท่นประหาร คำกระซิบที่ดูเหมือนว่ารอบข้างไม่มีผู้ใด พูดคุยราวกับว่าอยู่ภายในบ้าน บรรยากาศระหว่างนั้น ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้
ผู้พิพากษาทั้งโกรธและโมโห อยากจะออกคำสั่งให้ดึงนางลงไป แม้แต่เพชฌฆาตที่จะประหารก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่อยากที่จะรบกวนความสงบนี้
“เจ้า…ถ้าหากสามีเจ้าเป็นแพะรับบาป จะเต็มใจถูกลงโทษได้อย่างไร” ผู้พิพากษากลั้นไว้นาน จนพูดประโยคหนึ่งออกมา
“เต็มใจหรือ ข้าไม่เต็มใจ แต่มันเป็นการยากที่จะขัดขืนต่อพระราชโองการ” ลู่ซิ่งเฉาหัวเราะอย่างไม่เห็นคุณค่าของตนเอง และกวาดสายตาไปที่ยังผู้พิพากษา สายตาที่เย็นชานั้น ทำให้เขาต้องก้างถอยไปด้านหลัง