ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 222 แหกหน้ากฎเกณฑ์
“นายน้อย…” เงาปกป้องลู่เจี้ยอยู่ข้างๆ และทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาเป็นทุกข์
ลู่เจี้ยไม่ตอบกลับ แต่ยังคงมองไปที่เจียงหลีและมู่ชิงเกอด้วยดวงตาสีเขียวครามที่สงบนิ่งและไม่แยแส ชิงเกอ มู่ชิงเกอ เป็นคนสำคัญของนางล่ะสิ
ลู่เจี้ยจำได้ว่าเขาเคยถามเจียงหลีว่าชิงเกอคือใคร และคำตอบของนางแม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่านางใส่ใจคนๆ นั้นจริงๆ
และที่สำคัญที่สุดคือ…
จากคำพูดของเจียงหลี ‘ชิงเกอ’ ผู้นี้ดูเหมือนจะมาจากที่เดียวกับนาง
นางเป็นมนุษย์นอกโลกจริงๆ บัดนี้นางถูกค้นพบแล้ว นางจะจากไปพร้อมกับเขาหรือไม่ ทันใดนั้น ในใจของลู่เจี้ยก็ผุดความไม่แน่นอนขึ้นมาทันที
เขากลัวว่าเจียงหลีจะจากไป และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่กล้าเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ความเงียบของลู่เจี้ย ทำให้เงากังวลมากขึ้น
เขามองไปที่เจียงหลีด้วยความไม่พอใจและโกรธเคืองในใจ แม้ว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันของนางกับนายน้อยจะเป็นอาหลานกัน แต่คนของตระกูลลู่ทุกคนต่างรู้ว่าพวกเขารักใคร่กันอยู่
เห็นได้ชัดว่านางมีนายน้อยอยู่แล้ว และนายน้อยได้ทำเพื่อนางมากถึงเพียงนี้ นางจะไปคบผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร
“ข้าจะฆ่านาง! ” ดวงตาของเงาดุดันและจิตสังหารก็หลั่งไหลออกมาทันที
“หยุด” ลู่เจี้ยกล่าวและขวางการกระทำอันปราศจากการไตร่ตรองของเงา
ถึงกระนั้นก็ตาม จิตสังหารที่เขาเปิดเผยในตอนนั้นก็ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกได้
อืมมม
ในโลกนี้มีใครต้องการฆ่าข้าหรือ น่าสนใจนัก แสงจากหางตาของมู่ชิงเกอกวาดไปยังทางเงาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และมิได้ทำให้เจียงหลีตื่นตระหนก
!
ทันใดนั้น ท่าทางที่มีเสน่ห์ของคนข้างๆ เงาได้ดึงดูดความสนใจของนาง และทำให้นางเพิกเฉยต่อเงาที่เผยให้เห็นถึงจิตสังหารที่มีต่อนาง
ผู้ชายอะไรงดงามได้เพียงนี้! มู่ชิงเกอกล่าวชมอย่างลับๆ ในใจ
เมื่อเปรียบเทียบกับท่านอาวุโสโม่แล้ว หน้าตาของผู้นี้ก็มิได้แตกต่างกันเลย อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองมีเอกลักษณ์ในตัวเอง ท่านอาวุโสโม่น่าเกรงขามกว่า ส่วนเขางดงามดุจภาพวาด แต่ก็มิอาจละสายตาไปได้เช่นเดียวกัน
เขาคือใครกัน ดวงตาของมู่ชิงเกอหรี่ลง และประหลาดใจในตัวตนของลู่เจี้ย
แน่นอนว่าที่นางประหลาดใจไม่ใช่เพราะเขาหน้าตาดี แต่เป็นเพราะคนข้างกายเขาต้องการสังหารนางและเห็นได้ชัดว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดจิตสังหารนี้คือเจียงหลี
นางนั่งเรือลำใหญ่ ค้นหาไปในจำนวนโลกที่นับไม่ถ้วน และในที่สุดก็ติดตามลมปราณของวิญญาณชั่วร้ายจนได้พบเจอกับเจียงหลี
อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับเจียงหลีกันแน่ แต่คาดเดาได้แค่ว่าสิ่งเดิมๆ อาจเกิดขึ้นกับเจียงหลีก็เป็นได้
แย่งชิง สละ และเกิดใหม่!
การมองสำรวจของมู่ชิงเกอ มิได้ทำให้เจียงหลีตกใจ
อย่างไรก็ตาม ลู่เจี้ยคือเนี่ยนจง และเขารับรู้ถึงดวงตาอันแน่วแน่ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่ชิงเกออย่างนิ่งเงียบ
ดวงตาของทั้งสองประสานกันจนเกิดประกายจางๆ กลางอากาศ
นางทำเพื่อเจียงหลี
เขาก็ทำเพื่อเจียงหลี
มู่ชิงเกอซึ่งเป็นมารดาอยู่แล้ว ก็ได้เปิดลมปราณที่ไม่ดีของด้านความรู้สึกออกไปไม่น้อยตามคำแนะนำอย่างเป็นระบบจากซือมั่ว นางละสายตา แล้วมองไปที่เจียงหลีด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้ม แต่มิได้ยิ้ม “คู่หูเยี่ยงข้า เจ้ายังต้องการอยู่หรือไม่”
บางทีนี่อาจเป็นเพราะการหยั่งเชิง หรืออาจเป็นเพราะไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามารบกวนการพบกันอย่างยากลำบากในครั้งนี้ก็เป็นได้ มู่ชิงเกอจึงปกปิดเรื่องที่ลู่เจี้ยปรากฎตัว ณ ที่แห่งนี้
“ต้องการสิ ต้องการแน่นอน! ” เจียงหลีกล่าวโดยไม่ลังเล
แม้ว่าการไม่ปรากฏตัวของลู่เจี้ยจะทำให้นางรู้สึกผิดหวัง แต่การปรากฏตัวของมู่ชิงเกอ ก็ทำให้ความผิดหวังนี้แทนที่ด้วยความประหลาดใจ
นางมีคำถามมากมายที่ต้องการถามมู่ชิงเกอและมีหลายเรื่องที่อยากจะพูดกับนาง!
“ไปกันเถอะ” มู่ฉิงเกอพูดอย่างเย็นชาโดยมือวางไว้อยู่ด้านหลัง
การจับคู่ระหว่าง ‘ชายหนุ่มหน้าตาดี’ และหญิงงาม ต้องดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นธรรมดา พวกเขาไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอคือใคร แต่สิ่งที่พวกเขารู้ตอนนี้คือ นางจะเข้าสู่วงแห่งการสอบวัดผลในฐานะคู่ของเจียงหลี
“เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่ได้ ต้องแข็งแกร่งมากแน่ กฎของโลกแห่งนี้จำกัดพลังอำนาจของเจ้าหรือไม่” เจียงหลีถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่” มู่ชิงเกอตอบด้วยรอยยิ้ม
เจียงหลีถอนหายใจอย่างโล่งอก “โชคดีไป ข้าเกรงว่าเจ้าจะถูกจำกัดโดยกฎเหล่านี้ และไม่สามารถออกอาวุธในโลกแห่งนี้ได้ หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้องสังหารข้าอย่างแน่นอน! ”
เมื่อกล่าวถึงซือมั่ว มุมปากมู่ชิงเกอก็โค้งขึ้น “เจียงหลี เรื่องบางเรื่องค่อยพูดเถอะ ข้าบอกได้เพียงว่า ข้ามาที่นี่ได้แค่ร่างแยกของข้าเท่านั้น แม้จะถูกทำลาย ก็มิอาจทำร้ายข้าได้จริงๆ”
เจียงหลีตะลึงและพยักหน้าอย่างงงงวย
มู่ชิงเกอส่ายหัวอย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าปัญหาเก่าของเจียงหลียังคงเหมือนเดิม ตราบใดที่ยังมีคนที่ไว้ใจอยู่ข้างกาย นางก็จะเหมือนงูจำศีล กลายเป็นคนขี้เกียจ! ขี้เกียจใช้สมอง!
หากคนธรรมดาได้ฟังคำพูดของนาง คงจะต้องมีคำถามมากมาย แต่เจียงหลีทิ้งความสงสัยออกไปอย่างง่ายดาย
“ช้าก่อน!”
เมื่อทั้งสองมาถึงนอกวงแห่งการสอบวัดผล กลับถูกผู้อำนวยการสอบขวางไว้
เจียงหลีมองเขาอย่างสงสัย “รั้งข้าไว้ด้วยเหตุอันใดหรือ”
“เจ้าเข้าไปได้ แต่เขา…ไม่ได้” แววตาของผู้อำนวยการสอบสับสนนัก และมองไปที่มู่ชิงเกออย่างระมัดระวัง
เจียงหลีเหลือบมองไปที่มู่ชิงเกอและถามว่า “โปรดให้เหตุผลด้วย”
“…” สีหน้าของผู้อำนวยการสอบแย่ลงเล็กน้อย
เขาอยากบอกว่าชายหนุ่มชุดแดงผู้นี้รู้สึกแข็งแกร่งเกินไป หากเขาถูกจัดให้อยู่ในวงแห่งการสอบวัดผล เกรงว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ และนั่นจะทำให้การสอบวัดผลนั้นสูญเสียความสำคัญไป แต่เขาอับอายที่จะต้องพูดมันออกไป
แน่นอนว่าภายใต้ดวงตาอันสดใสของเจียงหลี มู่ชิงเกอจ้องมองด้วยรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มหลังจากอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันพูดว่า “เขาแข็งแกร่งเกินไปและไม่ยุติธรรมกับคนอื่น”
เหอะ!
เจียงหลีหัวเราะเยาะและกล่าวอย่างประชดประชันว่า “จำได้ว่ากฎของสถาบันไป๋หยวนสำหรับการสอบวัดผลครั้งนี้ ไม่จำกัดระดับการฝึกฝนและที่มาของผู้มาช่วยเหลือ ด้วยเหตุนี้ จึงมีบางคนทักท้วงโดยกล่าวว่าพวกเขาไม่จำกัดระดับการฝึกฝน ไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าสอบคนอื่นๆ คำตอบของสถาบันคือ หากในความเป็นจริง เจ้าจะได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับเจ้าไปตลอดเลยหรือ ทำไมประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของข้า แต่ตอนนี้พวกท่านต้องการกลับคำอย่างนั้นหรือ”
“…” พูดถึงเพียงเท่านี้ ผู้อำนวยการสอบถึงกับพูดไม่ออก คำพูดเช่นนั้นไม่ผิด แต่เพราะสถาบันรู้จักความตื้นลึกหนาบางของอาณาจักรซีเฉียนดี แม้แต่องค์ชายรองจาพาคู่หูเข้าไป ก็ได้แค่ระดับหลิงไซว่เท่านั้น ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนจะไม่ส่งคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาร่วมการสอบในครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่ทว่า คนที่อยู่ข้างกายเจียงหลี พวกเขากลับมองระดับการฝึกฝนอันแท้จริงของเจ้าไม่ชัดเจนนัก ดังนั้น ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวคือบุคคลผู้นี้อยู่แข็งแกร่งกว่าระดับหลิงจง!
“สถาบันไป๋หยวนจะพูดกลับไปกับมาเช่นนี้ มิเป็นการตบหน้าตัวเองหรอกหรือ” เจียงหลียิ้มเยาะอีกครั้ง
มู่ชิงเกอหัวเราะและไม่พูดอะไร นางมิได้พูดแทรก แต่เพียงอยู่ข้างๆ เจียงหลี นางรู้ดีว่าเจียงหลีสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้
เช่นเดียวกับตอนที่นางกำลังบุกตะลุยโจมตีข้าศึก เจียงหลีก็คอยปกป้องอยู่ข้างกายนางอย่างเงียบๆ เช่นกัน
“เจ้า! ” ดวงตาของผู้อำนวยการสอบเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาไม่สามารถโต้แย้งได้
การสอบวัดผลเหมือนจะหยุดชะงักลง
เฉียนจวิ้นที่ยืนอยู่ในวงแห่งการสอบวัดผล จู่ๆ ก็พูดกับโจวยวนว่า “ยวนเอ๋อร์ ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องหาคู่ใหม่แล้ว”
“ฝ่าบาทหมายความอย่างไรเพคะ” โจวยวนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ