ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 225 ข้ามาพาเจ้ากลับบ้าน
เจียงหลีผู้ที่ทิ้งเจียงเฮ่าและลู่เสวียน พามู่ชิงเกอเดินเล่นไปรอบๆ ในป่าหิน ดูเหมือนว่านางไม่สนใจเบาะแสภารกิจของการสอบวัดผลเลย
มู่ชิงเกอก็ปล่อยนางไป เดินเล่นเรื่อยเปื่อยตามหลังนาง
“ที่นี่น่าจะไม่มีใครมารบกวนเราแล้ว” เจียงหลีมองไปรอบๆ และยิ้มอย่างพอใจหลังจากแน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้
มู่ชิงเกอมองไปยังสถานที่ที่นางเลือก ซึ่งอยู่ในส่วนลึกของป่าหินอันแปลกประหลาดนี้
เสาหินที่เกิดขึ้นจากกองพะเนินของหิน หนาแน่นราวกับป่า ซึ่งดูแปลกตาและคาดเดาไม่ได้ ก้อนหินทรงกลมด้านบนเสาหิน มีสีแตกต่างกันไป โดยที่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
สถานที่ที่เจียงหลีเลือกคือลานกว้างทรงกลมที่ล้อมรอบด้วยเสาหิน
ลานกว้างเว้าลงเล็กน้อย ขั้นบันไดด้านในเหมาะสำหรับคนนั่งพอดี
“มา เรามานั่งกันเถอะ” เจียงหลีกวักมือเรียกมู่ชิงเกอ เดินนำไปยังลานกว้างทรงกลมและนั่งลงด้วยตัวเอง
มู่ชิงเกอก้าวไปข้างหน้า เดินเข้าไปหานาง ปล่อยพลังที่ไร้รูปร่างออกจากมือ และลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะระเบิดออกไป พลังนั้นเปิดออกราวกับร่มที่ปกคลุมพื้นโลกแห่งนี้
เจียงหลีเห็นการเคลื่อนไหวในมือนางและดวงตาสว่างวาบ “เจ้าปิดกั้นพื้นที่นี้หรือ”
มู่ชิงเกอพยักหน้า “เช่นนี้จะไม่มีใครบุกเข้ามาขัดขวางการรำลึกความหลังของเราโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว”
“เป็นเช่นนี้แหละดีที่สุด! ” รอยยิ้มของเจียงหลีสดใสไร้ใครทัดเทียม
ขณะนี้ การสอบวัดผลทั้งหมดทั้งมวลถูกนางทิ้งไว้ข้างหลังชั่วคราว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพูดคุยกับมู่ชิงเกอเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกนางหลังจากแยกจากกัน
“เจ้าไม่กังวลเกี่ยวกับการสอบหรือ” มู่ชิงเกอพูดติดตลกเมื่อเห็นนางดูเฉยเมย
เจียงหลียิ้มอย่างมั่นใจ “กลัวอะไรเล่า ไม่ใช่ว่ามีเวลาเจ็ดวันหรือ ให้พวกเขาต่อกันสู้ก่อน ไม่ได้เหนือกว่าบ่าหนักกว่าแรงอะไรกับการที่ข้าออกไปกำจัดคนไม่กี่คน แล้วแย่งคะแนนสะสมเท่านั้นก็สิ้นเรื่อง”
มู่ชิงเกอหัวเราะ เจียงหลียังคงเป็นเจียงหลีคนเดิม เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองและความหยิ่งผยองที่ไม่มีใครเบื่อได้เลย
ทั้งสองนั่งลงบนพื้น มู่ชิงเกอยกมือขึ้นและโบกมือไปมา สุราชั้นดีสองสามไหตกลงบนพื้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง “ดื่มสักหน่อยไหม” นางมองและยิ้มให้เจียงหลี
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย รีบคว้าไหสุรา เปิดและสูดดมกลิ่นลึกๆ ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นก่อนจะก็ร้องว่า “นี่คือสุราแห่งอูกั๋วนี่!” นางจะลืมสุราชั้นดีของบ้านเกิดได้อย่างไร
มู่ชิงเกอพยักหน้าแกมยิ้ม
ตั้งแต่ตอนที่นางออกตามหาเจียงหลี นางพกสุราของอูกั๋วติดตัวไปด้วยตลอด เพื่อรอวันที่นางจะได้ดื่มกับเจียงหลีอีกครั้ง
“หอมมาก! ข้าคิดถึงรสชาติของบ้านเกิดของข้าจริงๆ” เจียงหลีสูดหายใจลึกๆ ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความมึนเมา
มู่ชิงเกอที่จดจ่ออยู่กับนางอยู่ตลอด เมื่อเห็นสีหน้าของนาง ความรู้สึกผิดก็ปรากฏในดวงตาอันแจ่มชัด หากไม่ใช่เพราะนาง เจียงหลีจะไม่พเนจรห่างไกลจากโลกเดิม ยิ่งไปกว่านั้นจะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ด้วย
นางรู้สึกผิด สงสาร ทำให้รอยยิ้มบนมุมปากของมู่ชิงเกอค่อยๆ หยุดชะงัก
“ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!” เมื่อจิบสุราไปหนึ่งอึก เจียงหลียกมือขึ้นเช็ดสุราออกจากมุมปาก อดไม่ได้ที่จะอุทาน พอหันไปนางก็พบกับดวงตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของมู่ชิงเกอ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วด่าทอ “เจ้าอย่ามองข้าด้วยสายตาที่น่าขนลุกแบบนี้ได้หรือไม่”
มู่ชิงเกอรู้สึกขบขันเพราะนาง จากนั้นมองนางอย่างจริงจัง “เจียงหลี ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”
กลับบ้าน!
เจียงหลีตะลึง รอยยิ้มอันสดใสที่มุมปากค่อยๆ จางลง
สายตานางคล้อยลง ใช้นิ้วมือจับปากไหสุราไว้ เขย่าไหสุราเบาๆ ภายใต้การเคลื่อนไหวที่คุ้นเคย มู่ชิงเกอดูเหมือนจะมองเห็นเจียงหลีในอดีต จักรพรรดินีที่เป็นความภูมิใจของผู้คน
“ชิงเกอ เล่าเรื่องหลังจากที่ข้าหายตัวไปว่าเกิดอะไรขึ้นเถิด มู่เทียนอินคนนั้น สุดท้ายแล้วเจ้าฆ่าเขาได้อย่างไร” เจียงหลีถามพลางหลบสายตา
น้ำเสียงของนางสงบราวกับคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ
ดวงตาของมู่ชิงเกอเป็นประกาย เชื่อฟังคำพูดของนาง ค่อยๆ พูดเรื่องราวของตัวเองออกมา นางไม่ใช่คนที่เล่าเรื่องเก่ง เรื่องที่นางเล่าขาดความตื่นเต้นไปไม่น้อย แต่ก็พูดถึงทุกสิ่งที่นางได้ประสบออกมาอย่างครบถ้วน
การสาธยายในครั้งนี้มีความยาวกว่าหนึ่งชั่วยาม
เมื่อนางพูดจบ ก็รู้สึกคอแห้ง จึงหยิบไหสุราขึ้นมา ขณะที่ดื่ม เจียงหลีก็ถอนหายใจ “ที่แท้โลกแห่งความจริงมันใหญ่เสียจริง! ปรากฎว่าสถานที่ที่เราอยู่นั้น เป็นเพียงแค่หยดน้ำในมหาสมุทรในโลกสามพันภพอันกว้างใหญ่เท่านั้น”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเห็นด้วย
ขณะที่นางโดยสารเรือใหญ่นับพัน ตามหาเจียงหลีในโลกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นางก็ค้นพบว่าโลกสามพันภพนั้นกว้างใหญ่มากจริงๆ
แต่ละโลก ต่างโคจรอย่างอิสระ ขณะเดียวกัน ยังปฏิบัติตามกฎของโลกหลักด้วย
ในทุกวันมีการทำลายล้างเช่นเดียวกับการเกิดใหม่ของโลก วนไปมาไม่หยุดยั้ง
“ชิงเกอ ข้ารู้สึกดีใจมากที่ได้พบเจ้าอีกครั้งในวันนี้ อันที่จริง สวรรค์ไม่ได้เลวร้ายกับข้าเสียขนาดนั้น” เจียงหลีมองไปที่มู่ชิงเกอ
ดวงตาของมู่ชิงเกอเป็นประกายทว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา
“มา ข้าขอดื่มให้เจ้า!” เจียงหลียกไหสุราขึ้นและยืดออกต่อหน้ามู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอก็ยกไหสุราขึ้นมาเช่นกัน ชนกับไหสุราของนาง แต่กลับถามขึ้นมาก่อนที่จะดื่ม “เจ้าดื่มให้ข้าเรื่องอะไร”
เจียงหลียิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะเจ้าไม่เคยลืมข้า ข้ามโลกร้อยพันภพตามหาข้าจนเจอ”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้หัวใจของมู่ชิงเกอเจ็บปวด นางยกไหสุราขึ้นอีกครั้งและกระแทกไหในมือของเจียงหลีแรงๆ หนึ่งที “ข้าก็อยากจะดื่มให้เจ้าด้วย ดื่มให้กับที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ รอจนข้าได้พบเจ้า!”
เจียงหลีผงะ ก่อนสบตาแล้วยิ้มให้กับนาง
มิตรภาพที่เคยเผชิญกับความเป็น ความตาย ดังก้องอยู่ในหัวใจของคนทั้งสอง หลังจากยิ้มให้แก่กัน ทั้งคู่ก็เริ่มดื่มกันอย่างครื้นเครง
ดื่มสุราชั้นดีในไหหมดเพียงอึดใจ
“เฮ้อ! มีความสุขจริงๆ!” หลังจากดื่มสุราชั้นดีไป เจียงหลีก็โยนไหออกไป
ไหสุราแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงคมชัดกลับทำให้กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น มู่ชิงเกอทำเช่นเดียวกัน โยนไหเปล่าทิ้งไว้ข้างหลัง
หลังจากทั้งสองมองหน้ากัน ก็หัวเราะอย่างสุขสันต์
“เจียงหลี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หลังจากยิ้ม มู่ชิงเกอถามด้วยเป็นห่วง นี่คือคำถามที่นางอยากรู้มากที่สุด
เจียงหลีสบายดีหรือไม่
ก่อนที่นางจะเกิดใหม่ นางไปเจออะไรมาอีกบ้าง
นี่คือปมในใจของนาง แม้แต่ตอนที่นางฝึกอยู่ในโลกหลัก ก่อเกิดปีศาจหัวใจของนางในระหว่างการพัฒนาครั้งสำคัญ หากไม่ได้ซือมั่วปกป้องอยู่ข้างกายนางในเวลานั้น นางอาจถูกปีศาจที่ถือโอกาสเข้ามาหัวใจในขณะอ่อนแอ เข้ามารบกวนจิตใจ ทำให้ถูกแว้งกัดระหว่างการฝึกตนได้
“ข้าน่ะหรือ ดีสิ สบายดีอยู่แล้ว!” เจียงหลีหยิบไหสุราชั้นดีขึ้นมาอีกหนึ่งไห เอนตัวไปข้างหลัง ข้อศอกยืดไปตามขั้นบันไดด้านหลัง ดวงตาดุจพระจันทร์เสี้ยว แฝงความมึนเมาไว้บางส่วน
ท่าทีสบายๆ และรอยยิ้มอันไม่แยแสของนาง กลับทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกเจ็บปวดใจ เจียงหลีไปพบเจอสิ่งใดมากันแน่
“เจียงหลี” เสียงของมู่ชิงเกอทุ้มต่ำลง และมองหน้านางอย่างไม่พอใจ “ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรกัน ถ้าเจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นห่วง สู้ให้ข้าพาเจ้าหนีไปเสียจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้าเชียนโคจรอยู่นอกโลกใบนี้ และความสามารถในร่างแยกของข้าก็เพียงพอที่จะพาเจ้าไปด้วยได้”
เจียงหลีกระตุกยิ้ม มองไปที่มู่ชิงเกอ ความโศกเศร้าปรากฏขึ้นในดวงตาอันประกาย “ชิงเกอ หัวใจของข้าอยู่ที่นี่แล้ว