ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 272 ข้ามาเพื่อแสดงความเสียใจ
หรงจิ่งหรือ
มีแสงไฟส่องผ่านดวงตาของเจียงหลีไป
นางเพิ่งรู้แผนการหลอกใช้หรงจิ่งของลู่เจี้ย พอเห็นหน้าเขาตอนนี้ จึงทำให้รู้สึกแปลก
แต่ทว่า นางจะไม่บอกการวางหมากของลู่เจี้ยให้แก่หรงจิ่งรู้เด็ดขาด เพราะนางกับลู่เจี้ยเป็นพวกเดียวกัน!
แววตาของเจียงหลี ทำให้หัวใจของหรงจิ่งฉายความตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก ไม่ได้เจอหน้ามาหนึ่งปีกว่า ดูเหมือนนางโตขึ้นและสวยขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ใบหน้าเล็กๆ นั้นเริ่มแสดงให้เห็นความสง่างามแล้ว และคาดเดาได้ว่าอีกสองสามปีข้างหน้า จะมีใบหน้าที่งดงามและมีเสน่ห์ในโลกนี้ปรากฏขึ้นแน่นอน
“ไม่คาดคิดเลยว่าคุณชายจิ่งก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน” อีกฝ่ายนิ่งเงียบ ตนจึงเอ่ยปากพูดก่อน
หรงจิ่งผงะไปชั่วขณะ แต่เสียงของเจียงหลีดึงความคิดที่ล่องลอยกลับมา
เขายืนนิ่งและพูดกับเจียงหลี “ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความเสียใจ”
“พิธีทำบุญแก่ผู้ที่ถึงแก่กรรมจัดขึ้นที่พระที่นั่งหน้า เหตุใดคุณชายจิ่งถึงเดินมาถึงที่นี่ได้” เจียงหลีถามด้วยเสียงเรียบ
ขณะนี้ สีหน้าของนางสงบนิ่ง มิได้แสดงความสุขหรือความทุกข์ใดๆ ออกมาให้เห็น และดวงตาอันสดใสก็ไม่มีความเศร้าโศกใดๆ ปรากฏ แต่สิ่งนี้กลับทำให้หรงจิ่งยิ่งรู้สึกเป็นกังวล
เขาก้าวไปข้างหน้าและเดินไปหาเธออย่างช้าๆ “หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา นายน้อยลู่กับข้าถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และมักจะได้รับเชิญให้มาที่นี่เพื่อพูดคุย เล่นหมากล้อม ชมดอกไม้และดื่มสุราอยู่บ่อยครั้ง สำหรับข้าแล้ว ที่นี่จึงเป็นสถานที่เดียวที่จะแสดงความเสียใจอันสุดซึ้งได้เหมาะสมที่สุด”
หลังจากฟังเขาพูดจบ เจียงหลีจึงยิ้มตอบพอเป็นพิธี “หากเป็นเช่นนี้ ข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนการแสดงความเสียใจของคุณชายจิ่ง”
หลังจากพูดจบ นางก็วางแผนที่จะเดินจากไป
แน่นอนว่าเมื่อนางกำลังจะเดินจากไป หรงจิ่งก็หันหน้ากลับมาและรั้งนางไว้ “องค์หญิงอยู่ต่อจะได้หรือไม่”
เจียงหลีหยุดและหันกลับไปมองเขา
“หากองค์หญิงไม่รังเกียจ ท่านสามารถร่วมแสดงความเสียใจกับหรงจิ่งได้หรือไม่” หรงจิ่งร้องขอ
เจียงหลีหรี่ตาถาม “ท่านจะแสดงความเสียใจอย่างไร”
หรงจิ่งยิ้มเบาๆ “คนได้จากไปแล้ว คนที่มีชีวิตจะทำมากเพียงใด ผู้ตายก็มิอาจรับรู้ได้ หรงจิ่งเพียง อยากอาศัยช่วงเวลาที่นายน้อยลู่ยังมิได้จากไปไกล ดื่มกับเขาอีกสักสองสามแก้ว”
มีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดของหรงจิ่ง ดวงตาของเจียงหลีจึงขยับเล็กน้อย
“หากองค์หญิงมิได้มีงานรีบเร่งอะไร จะดื่มเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่” หรงจิ่งเอ่ยชวน
แววตาของเจียงหลีเป็นประกายและเดินเข้าไปหาเขา “ได้”
เมื่อได้ยินคำตอบของนาง ดวงตาของหรงจิ่งก็เต็มไปด้วยความสุข เขาและเจียงหลีเดินไปที่ศาลาในลานกว้างและนั่งลง จากนั้นนางกำนัลก็รีบยกและจัดวางอาหารกับสุรามาทันที
มีแก้วเหล้าสามใบวางอยู่บนโต๊ะ เจียงหลีและหรงจิ่งรู้ดีว่าอีกแก้วเป็นของใคร
ดวงตาของเขากวาดไปที่แก้วอันว่างเปล่าอย่างเงียบๆ ขณะที่เจียงหลีก็มิได้พูดอะไร
หรงจิ่งสังเกตเห็นอารมณ์ของนางเงียบสงบเกินไป จึงยิ่งทำให้เขาเป็นกังวล ใบหน้าของหญิงสาวที่สาบานว่าจะปกป้องลู่เจี้ยอย่างยืดหยัดนั้น ราวกับว่ายังตราตรึงอยู่ตรงหน้า
บัดนี้ ลู่เจี้ยได้จากไปแล้ว นางกลับสงบนิ่งเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่านางได้กดความรู้สึกเศร้าโศกทั้งหมดไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจแล้ว
“องค์หญิง หากท่านเสียใจก็ร้องไห้ออกมาเถิด” หรงจิ่งผลักเหล้าเต็มแก้วไปที่เจียงหลี
ดวงตาของเจียงหลีหยุดนิ่งอยู่ที่เหล้าสีน้ำตาลอ่อนและเอื้อมมือหยิบแก้วเหล้าดื่ม แล้ววางแก้วเปล่าลงพร้อมกับมองไปที่หรงจิ่ง “แก้วนี้ ข้าขอบคุณในนามของลู่เจี้ยที่ท่านมาแสดงความเสียใจในครั้งนี้”
หรงจิ่งขมวดคิ้ว
เขาไม่วางใจถึงได้มาที่นี่ แต่ดูเหมือนนางจะปิดกั้นตัวเอง
เจียงหลีรินเหล้าให้ตัวเองอีกแก้ว “แก้วนี้ ข้าขอบคุณสำหรับหนึ่งปีที่ผ่านมาที่อยู่เป็นเพื่อนเขา” หลังจากนั้นนางก็ดื่มอีกครั้ง
“องค์หญิง หากท่านดื่มเร็วไป จะทำให้เมาได้ง่าย” หรงจิ่งเตือนสติ
แต่เขายังคงดื่มเหล้าตามที่เจียงหลีแสดงความขอบคุณมา
เจียงหลีหัวเราะเบาๆ และยิ้ม “ข้าดื่มได้มากอยู่ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“เหตุใดองค์หญิงถึงเก็บกดถึงเพียงนี้ ความดีใจ ความโกรธ ความเศร้าโศก และความสุขนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิต หากท่านข่มความเป็นธรรมชาตินี้ไว้ อาจจะถูกต่อต้านได้” หรงจิ่งกล่าวเตือนอีกครั้ง
เขายอมเห็นเจียงหลีร้องไห้ฟูมฟายมากกว่าที่อยากจะเห็นเจียงหลีตรงหน้าที่สงบนิ่งจนน่ากลัวเช่นนี้
“ท่านกลัวว่าข้าจะล้มไม่เป็นท่า หรือกลัวข้าจะดุร้าย เป็นบ้า” เจียงหลีมองเขาอย่างขี้เล่น
หรงจิ่งเม้มริมฝีปากและนิ่งเงียบ ซึ่งสีหน้าได้พูดทุกอย่างออกมาหมดแล้ว
“วางใจเถิด ข้าไม่เป็นเช่นนั้นหรอก” เจียงหลีรินเหล้าให้ตัวเองเต็มแก้ว
รอยยิ้มอมทุกข์ของนาง ทำให้หรงจิ่งรู้สึกปวดใจ เมื่อลู่เจี้ยจากไปแล้ว เขาทำตามอย่างที่เขาพูด เขาได้เอาหัวใจของเจียงหลีไปและเอาจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ของเจียงหลีไปด้วย เจียงหลีตอนนี้…
“ท่านเป็นเช่นนี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่านายน้อยลู่จะตายตาหลับ” หรงจิ่งไม่มีทางเลือกอื่นจึงอ้างถึงลู่เจี้ย
เจียงหลีกลับหัวเราะขึ้น “เขาตายตาหลับอยู่แล้วและรู้ว่าข้าจะไม่ล้มเพราะเรื่องนี้หรอก”
“ท่านทำไมต้องแบกมันไว้เช่นนี้ ปลดปล่อยออกมาบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไร ที่นี่ไม่ได้มีคนนอก” หรงจิ่งพูดตรงไปตรงมา
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองเขาเหมือนอยากพูดว่า เจ้าไม่ใช่คนนอกหรือ
“…” จู่ๆ หรงจิ่งก็ส่ายหัวและหัวเราะลั่น
ดูเหมือนเขาจะหมดคำพูดแล้ว
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ อารมณ์ของเขาถึงควบคุมไม่ได้เช่นนั้น ทำไมเขาถึงต้องกังวลและเป็นห่วงนางมากด้วย
“องค์หญิง อย่าถือสาข้าเลย” หรงจิ่งก้มหน้าและสงบสติอารมณ์
เจียงหลียักคิ้วโดยมิได้ให้ความสนใจมากนัก “ไม่เป็นไร คุณชายสูญเสียเพื่อนรักไป ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา ข้าเข้าใจ”
คำพูดของนางดูเรียบง่ายเกินไป ราวกับว่าลู่เจี้ยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางเลย
มันเป็นไปได้หรือ
หรงจิ่งไม่เชื่อ เขาแค่รู้สึกว่าเจียงหลีกดทับความรู้สึกไว้มากเกินไป
“องค์หญิงวางแผนในอนาคตไว้อย่างไร” หรงจิ่งเปลี่ยนเรื่อง
เจียงหลียิ้มและกล่าวว่า “ข้าเป็นจักรพรรดินีและองค์หญิงแห่งอาณาจักรจยาเซียน คุณชายจิ่งคิดว่าข้าควรวางแผนอย่างไรดี”
ความระมัดระวังและความหยั่งเชิงในคำพูดนี้ ทำให้หรงจิ่งยิ้มอย่างขมขื่น บางทีในใจของนาง ข้ายังคงเป็นหรงจิ่งที่ข่มเหงและดูแคลนลู่เจี้ย
“ตอนนี้องค์หญิงมิได้ฝึกฝนอยู่ที่สถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนแล้วหรือ” หรงจิ่งถามอีกครั้ง
เขาคิดว่าหากให้เจียงหลีออกจากสถานที่อันน่าหดหู่ใจนี้ และตั้งใจฝึกฝนจะช่วยลดความคิดถึงที่มีต่อลู่เจี้ยได้บ้าง
“คุณชายจิ่งถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” เจียงหลีถามกลับ
หรงจิ่งยิ้มจางๆ “ช่วงนี้ข้าอยากออกไปเที่ยวเล่น หากองค์หญิงจะกลับซีเฉียน ไม่ทราบว่าหรงจิ่งจะร่วมเดินทางกับท่านด้วยจะได้หรือไม่”
เขาอยากร่วมเดินทางไปกับนางในช่วงเวลาที่นางไม่สบายใจที่สุด
“เกรงว่าจะทำให้คุณชายจิ่งผิดหวังแล้ว ข้ามิได้มีแผนที่จะกลับไปซีเฉียนตอนนี้” คำพูดของเจียงหลีลบความหวังของเขาไปจนหมด
หรงจิ่งมองไปที่นาง สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง
วันนี้คงพูดคุยกันต่อไม่ได้แล้ว เขารู้สึกได้ว่าเจียงหลีเตรียมตัวไว้ดีมากและต่อต้านเขาอย่างมากเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีแรงอาฆาตพยาบาท แต่เมื่อถูกคนระมัดระวังตัวเช่นนี้ ความรู้สึกนี้มันช่าง…
หรงจิ่งส่ายหัวและยิ้มอย่างลับๆ แล้วลุกขึ้นกล่าวลา “เป็นเช่นนี้นี่เอง นานทีๆ องค์หญิงถึงจะกลับมาที่นี่ พักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน ก็ดีเหมือนกัน หรงจิ่งได้มาร่วมพิธีแล้ว จึงขอตัวลากลับก่อน หวังว่าองค์หญิงจะดูแลสุขภาพและไม่เศร้าโศกจนเกินไป”
“คุณชายจิ่ง เดินทางปลอดภัย” เจียงหลียกแก้วเหล้าขึ้นและดื่มแสดงความเคารพ ซึ่งถือเป็นการส่งอำลา
หรงจิ่งหันกลับไปและจากไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ดวงตาของเจียงหลีหม่นหมองลง เมื่อจ้องมองไปที่ด้านหลังของเขา เมื่อข้าตาย ตระกูลหรงต้องคิดกบฏเป็นแน่ หรงจิ่งเก็บไว้ใช้การได้ นี่คือคำพูดที่ลู่เจี้ยทิ้งไว้
“ตระกูลหรง หรงจิ่ง…” เจียงหลีพึมพำและดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงเล็กน้อย
………………………………..