ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 276 ข้าสังเวยโลหิตบูชาฟ้าดิน เพื่อตำแหน่งจักรพรรดินี
โฮกก!
เสียงคำรามของสัตว์ดุร้ายโบราณกาลดังมาจากด้านหลังของเจียงหลี หลิงเจี้ยงที่ถูกนางดึงมาไร้ซึ่งหนทางที่จะตอบโต้ พลังวิญญาณทั้งร่างกายหยุดหมุนทั้งหมด
เขามองไปที่เจียงหลีอย่างหวาดกลัว จักรพรรดินีทรงพระเยาว์องค์นี้ที่แท้เป็นหลิงไซว่! หลิงไซว่! นายของพวกเขา ไม่ได้บอกว่านางคือหลิงไซว่ระดับกลาง
“ไม่…!” ตอนที่ถูกดึงไปอยู่ตรงหน้าเจียงหลี เขาร้องตะโกนโวยวายด้วยความหวาดกลัว
โครมมม!
กรงเล็บอันแหลมคมของเลี่ยเทียนซื่อ เด็ดศีรษะของเขาแยกออกจากตัวทันที
หลิงเจี้ยงระดับสูง เมื่อโดนกระทำเช่นนี้ ก็ต้องตายสถานเดียว! เพียงโอกาสที่จะหนีเพื่อโต้ตอบยังไม่มี!
ศพที่ไร้ศีรษะร่วงลงมาจากกลางอากาศ กลิ้งตามขั้นบันไดลงมาถึงด้านล่าง บริเวณคอมีเลือดไหลออกมา และขั้นบันไดเต็มไปด้วยเลือด
ในกลุ่มคนนั้น สีหน้าของนายใหญ่แห่งตระกูลหรงหรงเทียนเผิงดูไม่เป็นสุขเท่าไรนัก เขามองไปยังศพที่กลิ้งลงบันไดมา ดวงตาปรากฏถึงเจตนาฆ่าอย่างเยือกเย็น
เพียงลมหายใจเดียว ก็ฆ่าคนตายได้ทั้งคนแล้ว
เจียงหลีแววตาปรากฏความเย้ยหยัน นักฆ่าที่เหลือสี่คนหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา และลั่นวาจาอย่างเหยียดหยามว่า “พวกเจ้าคู่ควรฆ่าข้ารึ!”
“…คู่ควรฆ่าข้ารึ!”
“ฆ่าข้า…!”
เสียงของนางดังก้องไปที่แท่นบูชาทั้งสี่ทิศ
“ฆ่า…!” มือทั้งสองข้างของเจียงหลีประสานอยู่ด้านหลัง ตะโกนคำว่าฆ่าออกมาจากลำคอ
ทันใดนั้น หลังเจียงหลีมีปีกนกเปลวไฟขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เลี่ยเทียนซื่อและเสวียนกังกุยปรากฏกายออกมาให้เห็น ร้องคำรามโหยโหน
แท่นบูชาสั่นสะเทือน ร่างของพวกนั้นทั้งสี่ในระหว่างที่วิญญาณยุทธ์คำรามได้ระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยเลือดและร่างร่วงหล่นประดุจเม็ดฝน
จบ……จบแล้วหรือ
คนทั้งในและนอกแท่นบูชา มีร่วมหมื่น แต่เวลานี้กลับไร้สิ้นเสียงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง หรือราษฎร หรือว่าคนจากตระกูลต่างๆ ต่างมองไปที่เจียงหลีอย่างหวาดกลัวโดยไม่มีอะไรเทียบเคียงได้
นึกไม่ถึงว่านางจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
หลิงเจี้ยงระดับสูงทั้งห้าอยู่ในกำมือนาง และยังไม่ทันได้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาสักตัวเลย
เมื่อเจียงหลีฆ่าคนเสร็จแล้ว ไม่ได้เดินขึ้นไปแท่นบูชาต่อ นางยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ดวงตานั้นมีประกายความดุร้ายสาดส่องไปทางเหล่าราษฎรที่มามุง
สายตานางที่กวาดมองผ่าย สีหน้าของเหล่าราษฎรต่างแสดงออกอย่างหวาดกลัว และคุกเข่าลงกับพื้น “พวกเราถูกใส่ร้าย! พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ในใจของพวกเขา ไม่มีใครไม่โทษพวกนักฆ่าที่มีตาหามีแววไม่ ทำไมต้องมาซ่อนตัวในกลุ่มพวกเขาด้วย
เหล่าทหารตรวจตาเมืองรีบมายืนรับโทษ
ผู้คนต่างหวาดกลัวอยู่ไม่สุข เจียงหลีค่อยๆ เปิดปากพูด “นักฆ่าไม่กี่คนก็ช่างมันไปเถอะ หากในใจไม่ได้คิดอะไร จะกลัวไปทำไมเล่า”
เสียงของหมู่ราษฎรที่ขอร้องให้ยกโทษให้ดังขึ้นมาทันที แต่ก็มีบางคนไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่จักรพรรดินีวัยเยาว์องค์นี้ตรัส
ทว่า เจียงหลีไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ หันหลังก้าวขึ้นบันไดต่อ เสียงของนางกลับดังไม่หยุด “อาณาจักรจยาเซียนของข้า สถาปนาได้เพียงปีเศษ หากใครคอยจ้องหาโอกาสก่อความวุ่นวาย ฆ่าสถานเดียว! พวกเผยแพร่วาจาเท็จ ฆ่า! พวกทีมีเจตนาชั่วร้าย ฆ่า! พวกจิตใจคิดชั่ว ฆ่า! พวกยุงยงปลุกปั่น ฆ่า!”
ฆ่า!
ฆ่า!
ทุกครั้งที่คำว่า ‘ฆ่า’ ออกจากปากนาง ทำให้คนพวกนั้นใจฝ่อ ร่างกายก็เย็นเยือกขึ้น
บางที จักรพรรดินีองค์นี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้ที่จะรับมือได้อย่างง่ายดาย! หากอยากได้อาณาจักรนี้ ยังต้องวางแผนกันอีกนาน
ตามที่นางพูดออกมา พวกเซียวเซียว ได้นำกลุ่มคนปรากฏขึ้นทันที คุกเขาเรียงเป็นแถวอยู่ที่ขั้นบันได
“อ่า! นี้ไม่ใช่คนของตระกูลเว่ยหรือ”
“นี่ตระกูลกงซุน!”
“นี่คนตระกูลฉีทั้งหมด…”
“ก่อนหน้านี้ไม่เห็นหน้าคนพวกนี้ ยังคิดอยู่ว่าพวกเขาไม่อยากมาเข้าร่วมพระราชพิธี ที่ไหนได้ที่แท้โดนจับนี่เอง!”
“…”
ตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลที่มีคนร่วมพัวพันอยู่ ถูกจับทั้งหมดแล้ว บนร่างกายโดนมัดด้วยเชือกและคล้องไว้คอแล้วเอามือไพล่หลัง ปากถูกยัดผ้าไว้อย่างสนิท พลังวิญญาณถูกสะกดไว้เรียบร้อย
คนนับพัน อยู่ที่ขั้นบันได้ นั่งคุกเขากันนับร้อยแถว!
หรงเทียนเผิงมองไปทางคนที่ถูกมัดไว้ด้วยดวงตาสั่นไหว
กลุ่มคนเหล่านั้นต่างพากันมึนงง เซียวเซียวเอ่ยเสียงดังฟังชัด “คนตระกูลเว่ย คนตระกูลกงซุน และคนตระกูลฉี เผยแพร่วาจาเท็จ ล่อลวงราษฎร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายชั่วร้ายที่วางไว้ จากการตรวจสอบ จากหลักฐานต่างๆ ได้มีการตรวจสอบสาส์นลับแล้วว่ามีการวางแผนปองร้าย…”
อ่า!
นึกไม่ถึงว่าตระกูลเหล่านี้จะก่อกบฏ
เหล่าราษฎรค่อยๆ ส่งเสียงเกรียวกราว เหล่าขุนนางก็ยิ่งตกใจ
หรงเทียนเผิงสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาเบิกกว้างทันที เหงื่อออกทั่วหลัง ตระกูลเหล่านี้ต่างถูกเขายั่วยุ แต่ตอนนี้พวกเขาถูกจับหมดแล้ว แต่เขากลับปลอดภัย จักรพรรดินีทรงพระเยาว์กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
“ท่านพ่อ นางกำลังเตือนตระกูลเราอยู่ ท่านพ่อดูไม่ออกหรือ” ไม่รู้ว่าหรงจิ่งปรากฏอยู่ข้างหรงเทียนเผิงตั้งแต่เมื่อใด แล้วเปิดปากอย่างกระทันหันทำให้คนที่ได้ยินถึงกับตกใจ
หรงเทียนเผิงเบี่ยงสายตา หันไปมองเขาอย่างตกใจ
ทำให้ใจเขาสั่นเล็กน้อย เมื่อเห็นตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลถูกจับ แต่เขากลับไม่รู้สักนิด! คนตั้งมากมาย และการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ขนาดนี้ นางจะจัดการอย่างไร
ไม่! ต้องเป็นลู่วั่งชวน! ต้องไม่ใช่ฝีมือของนางแน่ หรงเทียนเผิงค่อยๆ หันไปมองหญิงสาวที่ยังคงเดินขึ้นบันไดไป ในใจคิดว่าตนยังโชคดีอยู่
พอเห็นท่าทางของท่านพ่อ หรงจิ่งได้แต่ถอนหายใจแบบไม่มีเสียง สายตาที่ดูสับสนของเขามองไปยังเงาด้านหลังของเจียงหลี ความสามารถของนางปรากฏออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์
เซียวเซียวยังคงอ่านข้อกล่าวหาต่างๆ ของทั้งสามตระกูล แล้วก็โยนหลักฐานต่างๆ ออกมา ทำให้พวกเขาต่างไม่กล้าเอ่ยคำว่า “ถูกใส่ร้าย”
หลังจากที่เขาพูดข้อกล่าวหาทั้งหมดจบ เหลือเพียงสองก้าวเจียงหลีก็จะก้าวถึงแท่นบูชา
“ฆ่า!” ดวงตาที่เย็นชาออกคำสั่ง หลังจากนั้นเดินไปหาลู่วั่งชวน
“ฝ่าบาทมีคำสั่งให้ฆ่า!” เซียวเซียวตะโกนประโยคนี้ออกมา
ด้านล่างของแท่นบูชา เริ่มลงมือสังหาร
ตลอดทางมีคราบลอยเลือด คราบแดงเต็มไปทั้งด้านล่างของแท่นบูชา ไม่รู้ว่าจะต้องสังหารถึงเมื่อไร เหล่าราษฎรต่างหวาดกลัวกับฉากตรงหน้า
แต่สีหน้าของเจียงหลีกลับดูปกติและเอ่ยกับลู่วั่งชวน “เริ่มพิธีบูชาได้เลย”
ลู่วังชวนยิ้มเอ่ย “ฮ่องเต้องค์ก่อนหากขึ้นครองราชย์ คงจะอภัยโทษให้ เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด เพื่อความเป็นมงคล ทำไมเจ้าถึงเลือกทำเช่นนี้”
เจียงหลียิ้มอย่างทะนงตัว “ข้าสังเวยโลหิตเพื่อบูชาฟ้าดิน เพื่อตำแหน่งจักรพรรดินี ใช้โลหิตของพวกโจรชั่ว เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจในการเป็นฮ่องเต้ของข้า ทำให้สิ่งชั่วร้ายทั้งสี่ทิศตกใจกลัว และปกป้องราษฎรของข้าให้ปลอดภัย เพื่อกอบกู้ราชวงศ์ไว้! นี่ช่างมงคลยิ่ง”
ลู่วั่งชวนตะลึงไปชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นทันทีแล้วหัวเราะ “เป็นคำพูดที่ดี ใช้โลหิตของพวกโจรชั่ว เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจในการเป็นฮ่องเต้ของข้า สิ่งชั่วร้ายทั้งสี่ทิศตกใจกลัว ปกป้องประชาชนของข้าให้ปลอดภัย เพื่อกอบกู้ราชวงศ์ไว้! นี่แหละคือความมงคล! มงคล!”
“เริ่มกันได้!” ลู่วังชวนหันไปสั่งขุนนางของสำนักหอดูดาวหลวง
สำนักหอดูดาวหลวงมิบังอาจชักช้า ได้เตรียมบนกลอนที่จะเซ่นไหว้ไว้แล้ว และได้ส่งเสียงร้องออกมาตามแบบโบราณ
บนแท่นบูชา งานพิธีไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และดำเนินไปอย่างปกติ
แต่ด้านล่างแท่นบูชาเต็มไปด้วยเลือดและซากศพจำนวนมาก
งานพระราชพิธีราชาภิเษกนี้ คนที่มาชมเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง ต่างหวาดกลัวจนชั่วชีวิตนี้ก็มิอาจลืมได้ จักรพรรดินีทรงพระเยาว์องค์นั้น ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
หลังการขับร้องบทกลอนบูชาจนจบ พระราชโองการสละบัลลังก์อ่านจนจบแล้วเช่นกัน
ขั้นตอนสุดท้ายคือ ให้ลู่วั่งชวนสวมมงกุฎฮ่องเต้ให้กับเจียงหลีเองกับมือ
มงกุฎฮ่องเต้นี้ ทำขึ้นตามขนาดของเจียงหลี ดูงดงามประณีตและทรงอำนาจ นอกจากนาง ก็ไม่มีผู้ใดที่จะสวมมงกุฎนี้ได้
ลู่วั่งชวนใช้มือทั้งสองข้างสวมมงกุฎฮ่องเต้และกระซิบเบาๆ “นี่เป็นสิ่งที่เจี้ยเอ๋อร์ทำขึ้นมาเองกับมือ”
ร่างกายเจียงหลีเหมือนไร้ความรู้สึก!
ลู่วั่งชวนยิ้มเล็กน้อย แล้วสวมมงกุฎฮ่องเต้ลงบนศีรษะของเจียงหลี…