ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 277 นางคือทรราชผู้มักมากหรือ
ปีที่สองของราชวงศ์จยาเซียน ฤดูใบไม้ผลิ จักรพรรดินีจยาเซียนขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ เป็นฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์จยาเซียนและเป็นจักรพรรดินีหญิงองค์แรก
รัชสมัยของจักรพรรดินี เลือดนองไปทั่วแผ่นดิน สังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะเป็นนักโทษ แต่การเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ ถือเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยม ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว
จักรพรรดินีครองราชย์ได้สองวัน ฉายาจักรพรรดินีทรราชนี้เริ่มแพร่กระจายไปอย่างช้าๆ
เมื่อข่าวมาถึงพระกรรณของพระองค์ เจียงหลีรับรู้ว่าราษฎรพูดถึงตัวนางอย่างไร แต่ก็หาได้สนใจไม่ และมองเป็นเรื่องน่าขัน “เป็นจักรพรรดินี หากไม่อาจทำให้ราษฎรเคารพได้ ก็ต้องทำให้พวกเขาหวาดกลัว”
“ฝ่าบาท นี่มันหลักการอะไรเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
เจียงหลีโค้งมุมปาก นำสาสน์ที่ทำให้นางปวดหัววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ทิ้งตัวพิงบัลลังก์มังกร แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “นี่คือการการควบคุมคน”
“การควบคุมคน” อวี้ซูขมวดคิ้ว พิจารณาคำพูดของนางอย่างถี่ถ้วน
อันที่จริงแล้ว นางไม่ได้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับการควบคุมคนเลย อาณาจักรที่เคยอาศัย เพียงใช้โลหิตจัดการก็ได้แล้ว ไม่ได้ซับซ้อนถึงเพียงนั้น
แต่ว่าหลักการอันเรียบง่าย เป็นจักรพรรดินีที่ดีอย่างไร ดูแลราษฎรอย่างไร นางยังไม่เข้าใจถ่องแท้นัก
อยากให้ราษฎรเคารพศรัทธา ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในรัชสมัยเดียว แต่ว่าความหวาดกลัวก็สามารถกดความทะเยอะทยานของพวกเหล่ากบฏไว้ได้ ก่อนกระทำการใดๆ ให้พวกเขาได้ไตร่ตรองอีกสักพัก ว่าจะรับผลที่ตามมาได้หรือไม่
นางเชื่อว่าในวันที่ขึ้นครองราชย์ การเข่นฆ่าผู้คนมากมาย ก็เพียงพอที่จะทำให้รัชสมัยนี้สงบไปชั่วขณะหนึ่ง ฉายาจักรพรรดินีทรราช นางไม่ได้สืบสาวเอาความอะไร ก็นับว่าใจกว้างแล้ว หากคิดการณ์ก่อกบฏ บทลงโทษคือตายสถานเดียว นี่ถึงจะทำให้สั่นสะเทือน
เจียงหลีเหล่ตาเหมือนลำพองใจ ทำให้อวี้ซูที่หันกลับมามองอดไม่ได้ที่จะยิ้มเม้มปาก “ฝ่าบาท งานในราชสำนักเหล่านี้ต้องรีบจัดการนะเพคะ”
อืม…! งานในราชสำนัก!
เจียงหลีกลอกตาและมองไปที่อวี้ซู ทันใดนั้น ดวงตาของนางสั่นไหวแล้วยิ้มเอ่ย “อวี้ซู ข้าคิดว่าเจ้าต้องเรียนรู้อีกมาก”
หา อวี้ซูมองไปที่นางอย่างประหลาดใจ
เจียงหลีหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องเรียนรู้งานในราชสำนักกับเหล่าเสนาบดี ข้าที่เป็นนายของเจ้า ตอนนี้เป็นถึงจักรพรรดินีแล้ว เจ้าก็ต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้ พยายามเป็นหน้าเป็นตาให้กับอาณาจักรจยาเซียนของข้า ห้ามมาเป็นภาระให้กับข้า!”
“…” อวี้ซูมองไปที่นางอย่างตกใจ รีบส่ายหน้าทันที และรีบเอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท หากท่านอยากพักก็ทรงพักเถิด ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดให้ข้าทำหน้าที่แทนท่านเช่นนี้เลยเพคะ”
เมื่อถูกรู้ทัน เจียงหลีก็ไม่รู้สึกขายหน้า กลับตอบกลับด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ “จิตใจและกำลังของข้า ต้องมุ่งมั่นไปที่การฝึกฝน ข้ายิ่งแข็งแกร่ง อาณาจักรจยาเซียนก็จะไม่มีใครกล้ามารุกราน ภาระหน้าที่ของข้าใหญ่หลวงนัก จะให้ข้ามาสนใจแต่งานราชสำนักได้อย่างไรเล่า ส่วนเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้วางใจที่สุด การแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเจ้านาย ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ เจ้าต้องรู้สึกเป็นเกียรติ!”
“ใช่ ใช่ ใช่! นายที่ดีของข้า ท่านอย่าเพิ่งตรัสอันใดไปเลย บ่าวจะตั้งใจเรียนรู้งานในราชสำนัก จะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านอย่างแน่นอน เพื่อให้ท่านฝึกฝนอย่างสบายใจ”
“แบบนี้สิถึงจะถูกต้อง” เมื่อเป้าหมายบรรลุผล เจียงหลียิ้มจนดวงตาคล้ายจันทร์เสี้ยว
“เพียงแต่ว่า…” อวี้ซูรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าและขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ฝ่าบาทจะยอมรับและให้ราษฎรคิดว่าฝ่าบาทเป็นจักรพรรดินีทรราชนั้นหรือเพคะ”
“จักรพรรดินีทรราชก็ทรราช เพียงแค่ให้พวกเราเกรงกลัวกับพระนามนี้ และใช้ชีวิตต่อไป อย่าไปคิดเรื่องพวกนั้นให้หนักสมองเลย” เจียงหลีตอบแบบไม่ใส่ใจ
อวี้ซูพยักหน้า
“เจียงหลีมองไปที่สาสน์บนโต๊ะ ส่ายหน้าแล้วถอดหายใจ “พึ่งครองราชย์ได้เพียงสามวัน ทำไมถึงมีงานมากมายเพียงนี้ ตอนนี้ข้าละสงสัยจริงๆ ว่าตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนครองราชย์อยู่ ละเลยทรงงาน และโยนงานเหล่านี้มาให้ข้าทำ”
“คงไม่เป็นเช่นนั้นหรอกเพคะ ช่วงที่ฮ่องเต้องค์ก่อนครองราชย์ งานในราชสำนักให้นายน้อยเป็นคนจัดการ…” อวี้ซูนึกขึ้นมาได้ จึงรีบปิดปากตัวเอง แล้วแอบมองไปที่เจียงหลี
สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลับทำให้หัวใจของอวี้ซูยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย
“เพราะฉะนั้นเจ้าจะบอกว่า เขาโยนตำแหน่งฮ่องเต้ให้ข้า เพื่อทำให้เขาสบายล่ะสิ” ยังดีที่เจียงหลีไม่ทันฟังที่อวี้ซูกล่าวถึงๆ บุคคลนั้น และนางได้บิดขี้เกียจ
กริยาทาทางของนาง ทำให้อวี้ซูที่มองอย่างงงงวยเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท พระสิริโฉมของท่านยิ่งอยู่ยิ่งงดงามเพคะ”
“เจ้าปากหวานเสียงจริง” เจียงหลียิ้มมุมปาก
“ไปเอากระดาษเปล่าที่เขียนพระราชโองการมาให้ข้าที” เจียงหลีจู่ๆ เอ่ยขึ้น
“เพคะ” อวี้ซูไม่ได้สงสัยอะไร หันหลังแล้วเดินจากไป และรีบไปนำกระดาษที่เขียนราชโองการมาอย่างรวดเร็ว แล้วนำมาวางไว้ตรงหน้าเจียงหลี
เจียงหลียกพู่กันขึ้น เขียนตัวอักษรลงบนพระราชโองการ ประทับตราประทับ แล้วกำชับกับอวี้ซู “เรียบร้อยแล้ว นำราชโองการนี้ไปประกาศทั่วราชอาณาจักร”
อวี้ซูนำขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ หลังจากอ่านเนื้อความด้านในจนจบ นางตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีแล้วเอ่ย “ฝ่าบาท ท่านจะทรงให้ค้นหาทารกเกิดใหม่เมื่อเก้าวันก่อนทั่วราชอาณาจักรหรือเพคะ และให้บิดาและมารดาของเด็กพามาเมืองหลวงด้วยเรื่องอันใดเพคะ”
“หาคน” เจียงหลีตอบกลับแบบไม่ลังเล
“หาคนหรือเพคะ” อวี้ซูยิ่งงงเข้าไปใหญ่
ดวงตาของเจียงหลีเหมือนมองไปที่ดินแดนไกลแสนไกล ลู่เจี้ยกลับมาเกิดใหม่ ท่านจะมาเกิดในทารกเหล่านี้หรือไม่ และรอยนั้นจะติดตัวท่านตอนไปเกิดใหม่ด้วยหรือไม่
“ไปเถิด ไปทำตามที่ข้าสั่ง”
อวี้ซูมิได้ถามต่อและนพระราชโองการออกจากตำหนักไป
ไม่นาน เนื้อความทีอยู่ในพระราชโองการก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วสารทิศและทุกเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรจยาเซียน
แต่ทว่า ข่าวนี้กลับทำให้พ่อและแม่ของเด็กจำนวนไม่น้อยต่างหวาดผวา พวกเข้าไม่รู้ว่า เหตุใดจักรพรรดินีถึงสนใจในทารกชายที่พึ่งเกิดใหม่ หรือนางจะนำทากรกชายที่ถูกใจนำไปเลี้ยงดูในวังหลวงและค่อยๆ ให้เติบโต เพื่อสนองความต้องการที่มิอาจบอกใครให้ล่วงรู้ได้ของนางเอง
เจียงหลีที่สืบทอดบัลลังก์นั้น ได้ใช้วิธีการเข่นฆ่า ทำให้เลือดนองไปทั่วแผ่นดิน และเพราะเนื้อหาในพระราชโองการนี้ก็ยิ่งทำให้ความคิดที่มีต่อราชสำนักยิ่งบานปลายไปกันใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจักรพรรดินีทรราช ยังมีคำว่า ‘มักมาก’ เพิ่มขึ้นอีกคำ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง มักมากถึงขั้นทารกชายก็ไม่ละเว้น!
ช่างไร้มนุษยธรรม! เป็นเรื่องที่น่าสังเวชจนนึกไม่ถึงว่าจะเรื่องแบบนี้อยู่!
ณ จวนของตระกูลหรง หรงเทียนเผิงมองเห็นความโกรธแค้นของราษฎรและได้เผยให้เห็นสีหน้าที่ดุร้าย “เจียงหลี ครั้งนี้ถือว่าเจ้ารนหาที่เอง!”
…
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในซิงไห่ ที่ม่านน้ำตกในเมืองแห่งความว่างเปล่าบนดวงดาว
ใต้เมืองบาดาลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ในตำหนักอร่ามงามตาที่สูงใหญ่ มีบุคคลที่รูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับชายผู้สูงศักดิ์ลู่เจี้ยอาศัยอยู่ หน้าผากของเขาย่น ย่นจนสีหน้าดูไม่ได้
รอยสัญลักษณ์ที่อยู่บนกระดูกไหปลาร้า ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใด ก็ไม่สามารถลบมันออกได้ เรื่องนี้ หากรู้ไปถึงหูของผู้อื่น คงน่าขันจนฟันหลุดแน่นอน
ชายหนุ่มที่เพียงแค่ดีดนิ้วก็ทำให้ทั้งโลกมลายหายไปได้ นึกไม่ถึงว่าจะลบรอยแปลกๆ นี้ออกไปไม่ได้
ดวงตาอันอันตรายคู่นั้นของเขาหรี่ลง กลางดวงตาคล้ายมีพลังทำลายร้าง ซึ่งหลังจากเขากลับมาเกิดใหม่ ก็มีรอยนี้ปรากฏแล้ว
นั่นพิสูจน์ได้ว่า รอยนี้เกี่ยวข้องกับวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดของเขาในเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเจ็ดชาติ
หากจะหาความจริงของเรื่องราวนี้ คงจะต้อง…
บนมือที่วางเปล่าของเขา มีลูกแก้วแห่งความทรงจำสีฟ้าปรากฏขึ้น ความทรงจำในอดีต หลังจากที่เขาตื่นขึ้น กลับรู้สึกเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ครั้งนี้ ไม่รู้ทำไมถึงมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์…