ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 292 ปลุกความฮึกเหิมในจิตใจ
เผชิญกับคำถามของเจียงหลี แม่ทัพที่กัดฟันพูดกับเจียงหลีว่า “ฝ่าบาท ท่านสั่งให้จวิ้นหวังแห่งสุ่ยหันโยกย้ายทหารที่แข็งแกร่งมาต่อสู้อยู่แนวหน้า แต่ท่านดูสิ พวกเราท่าทางเหมือนทหารที่แข็งแกร่งหรือไม่”
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย ได้กลิ่นความไม่ปกติแล้วถาม
นางสงบเยือกเย็น พูดอย่างเย็นชาว่า “พูดต่อสิ”
“คนที่มีพื้นเพไม่ธรรมดาเหล่านั้น ได้ผ่านการติดต่อ แล้วถูกส่งไปที่อื่นที่ปลอดภัยนานแล้ว ทหารที่แข็งแกร่งในหมู่ทหารก็ถูกจวิ้นหวังสั่งให้อยู่ในวัง เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับตัวของเขาเอง” แม่ทัพหัวเราะเยาะ “เขากลัวว่าทหารซีเฉียนจะบุกไปถึงวังแล้วฆ่าเขา”
เจียงหลียิ้มเยาะเย้ย ที่แท้ก็เป็นฮ่องเต้ที่ขี้ขลาด!
“แบบนี้แล้ว เหลือพวกเราเหล่านี้ที่ไม่มีดีอะไรสักอย่าง ก็ถูกส่งมาตายที่นี่” แม่ทัพถอนหายใจอย่างอึดอัด
“ใครบอกว่าพวกเจ้ามาตายหรือ” เจียงหลีเลิกคิ้วสูง มองเขาอย่างหยอกเย้า
แม่ทัพเงยหน้าอย่างประหลาดใจ มองเจียงหลีด้วยความไม่เข้าใจ
ที่นี่คือแนวหน้า เป็นที่ๆ อยู่ใกล้ทหารซีเฉียนมากที่สุด ทหารซีเฉียนโหดเหี้ยมขนาดนั้น วิธีการโหดร้าย พวกเขาไม่กี่พันคน เดิมก็เหมือนถูกส่งไปตายเปล่าๆ!
“ชีวิต อยู่ในกำมือของตัวเอง ถ้าหากไม่อยากตาย เช่นนั้นก็พยายามมีอยู่ชีวิตอยู่ต่อไปให้ถึงที่สุด”
คำพูดของเจียงหลี ทำให้ทหารสุ่ยหันเหล่านี้รู้สึกแปลกใจ
เอาแต่สั่ง แล้วจะมีประโยชน์อะไร
สีหน้าของพวกเขา ทำให้เจียงหลีไม่พูดต่ออีก
แต่ว่า รอยยิ้มของนางกลับทำให้คนรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงกระดูก
แม่ทัพสุ่ยหันคนนั้นสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ผิดปกติของนางได้ก่อน เพียงแต่ไม่ทันได้เปิดปากพูด ก็ได้ยินจักรพรรดินีของพวกเขาเปิดปากพูด
“เหล่าทหารสุ่ยหันทุกคนจงฟัง รีบจัดขบวนแล้วไปจัดการศัตรูกับข้า ชาวสุ่ยหันจัดคนตรวจดูการสู้รบหนึ่งพันคน เฝ้าป้องกันอยู่ด้านหลัง ถ้าหากมีคนหนี คนที่ขลาดกลัว ตายสถานเดียว!”
ตูม!
คำสั่งนี้ออกไป คนที่ตะลึงไม่หยุดคือทหารสุ่ยหัน และประชาชนชาวสุ่ยหันนับพันก็ตะลึงเช่นกัน
ทหารไปรบ แล้วประชาชนตรวจดูการสู้รบหรือ
นี่! นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
“ฝ่าบาท นี่มัน…”
แม่ทัพสุ่ยหันอยากจะพูด แต่กลับถูกเจียงหลียกมือให้หยุด
“มีจักรพรรดินีอย่างข้าร่วมสู้กับพวกเจ้า ข้ายังไม่กลัว แล้วพวกเจ้ากลัวอะไร”
คำพูดนี้ อุดปากทหารสุ่ยหันทุกคน แม่ทัพคนนั้นก็เก็บคำพูดที่อยากจะพูดกลับไป
เจียงหลีไม่มองพวกเขาแล้ว แต่มองไปยังประชาชนที่ยังคงที่ตกตะลึงอยู่เหล่านั้น พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งที่สุด “ปกป้องประเทศชาติบ้านเมือง เดิมเป็นเรื่องของทหาร แต่ว่าทหารสุ่ยหันขี้ขลาดเกินไป พวกเขาแบกรับหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองไม่ไหว ดังนั้น ทำได้พียงให้พวกเจ้าเข้ามาตรวจดูการสู้รบด้วยตัวเอง ถ้าหากพวกเขาตายในสนามรบหมด…”
นางหยุดพูด ดวงตาที่แวววาวค่อยๆ มองไปยังทหารสุ่ยหันและประชาชนสุ่ยหันทุกคน “…เช่นนั้น บ้านเมืองก็ต้องอาศัยตัวเองปกป้องเองแล้ว พวกเจ้าคือประชาชนของข้า ที่นี่คือดินแดนของข้า ด้วยตำแหน่งจักรพรรดินีของข้าร่วมสู้รบด้วยกันกับพวกเจ้า ถามพวกเจ้าแค่นี้ว่ากล้าหรือไม่กล้า!”
กล้าหรือไม่กล้า!
กล้าหรือไม่กล้า!
นางถามว่าพวกเขากล้าหรือไม่กล้า
เพียงแค่สี่คำ กลับทำให้ความเร่าร้อนที่ดับไปนานในใจของพวกเขา เริ่มค่อยๆ ลุกขึ้นมา
“กล้า!”
“กล้า!”
“กล้า! พวกเรากล้า! ฝ่าบาทลดตัวลงมาร่วมสู้รบกับพวกเรา พวกเราจะมีอะไรไม่กล้าอีกล่ะ บ้านเมืองของตัวเอง ตัวเองก็ต้องปกป้องเอง!” ทหารซีเฉียนยังคงไม่พูดอะไร แต่ท่ามกลางประชาชน ได้มีชายผู้ที่ฮึกเหิมลุกยืนขึ้นแล้ว
เจียงหลีมองเขา ในแววตามีความยิ้ม พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดี! เป็นลูกผู้ชาย”
ปฏิกิริยาของประชาชน ทำให้หน้าของทหารสุ่ยหันที่ก้มหน้าอยู่เหล่านั้นร้อนวูบๆ
พวกเขามองตากัน แต่สุดท้ายกลับยังไม่ได้ตัดสินใจเลย จนกระทั่งมีคนหัวเราะเยาะความไร้เดียงสาของประชาชนในใจ พวกเขาไม่เคยเห็นความโหดเหี้ยมของสงครามด้วยตาตัวเอง มิฉะนั้นจะกล้าวิจารณ์อย่างหนักอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“ดี! หลังจากครึ่งชั่วยามออกเดินทาง” เจียงหลีพูดชี้ขาดคำตัดสินด้วยคำพูดคำเดียว
แม่ทัพสุ่ยหันมองนางด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาท พวกเราจะไปที่ใดรึ”
เจียงหลีหันมามอง เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าต้องไปฆ่าคน”
…
หลังจากครึ่งชั่วยาม เจียงหลีนำทหารสุ่ยหัน แล้วก็ประชาชนที่ตรวจดูการสู้รบอีกพันคน
ประชาชนที่เหลือ รอพวกเขากลับมาอย่างกระวนกระวาย แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนที่กลับมาจะเหลือกี่คน
เหล่าทหารสุ่ยหันสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ไปรบ แต่ไปตาย
แต่ว่า ประชาชนพันคนนั้น กลับดูมีชีวิตชีวา ในแววตามีเปลวไฟลุกโชน
เจียงหลีแอบมองพวกเขาเหล่านี้ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ช่วงนี้ กองกำลังทหารซีเฉียนถูกเจียงหลีฆ่าไปไม่น้อย แต่ยังคงมีกองทัพมากมายที่กระจายออกไปอยู่ในเมืองเหล่านี้ เพื่อสังหารผู้คน เผาบ้านเรือน ปล้นชิงทรัพย์สิน
ไม่ต้องมีข่าวกรอง พวกเขาก็สามรถหากองกำลังทหารซีเฉียนพันกว่าคนได้อย่างง่ายดาย
กองทัพทั้งสองเจอกันอยู่ในที่ๆ กว้างใหญ่นอกเมือง ทหารสุ่ยหันห้าหกพันคน ทหารซีเฉียนพันกว่าคน จำนวนที่แตกต่างกันเช่นนี้ เมื่อประจันหน้ากัน เจียงหลีกลับเห็นเพียงความขี้ขลาดในแววตาของทหารสุ่ยหัน
กองกำลังทหารแบบนี้ ทำให้สายตาของนางเย็นชา
แต่ทหารซีเฉียน…
หลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา ไม่หวาดกลัวทหารสุ่ยหันที่จำนวนมากกว่าพวกเขาหลายเท่าเลยสักนิด
เจียงหลีแววตาดับลง ออกคำสั่งว่า “ฆ่ามันนน!”
ฆ่าเลยหรือ
ทหารสุ่ยหันแข็งทื่อไปทั้งตัว
พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้กับทหารซีเฉียนที่โหดร้ายเป็นนิสัยได้อย่างไร
แม่ทัพสุ่ยหันยังคงลังเล แต่กลับรู้สึกได้ว่าสายตาที่เยือกเย็นของจักรพรรดินีกำลังมองมายังตัวเอง ความรู้สึกที่น่ากลัวแบบนั้น เหมือนว่าถ้าเขาลังเลใจอีกนิดเดียว ก็จะถูกตัดหัว
เพื่อที่จะรอด เขาทำได้เพียงฝืนใจทำ ออกคำสั่งต่อทหารสุ่ยหัน “ฆ่ามันนน!”
ทหารซีเฉียนยิ้มขึ้นมาอย่างหยอกเย้า ผู้นำทัพคนนั้นถึงขนาดพูดอย่างถือดีว่า “น้องชายทั้งหลาย มีพวกกระจอกมาอีกแล้ว พวกเราก็ฆ่ามันเสียหน่อยเถอะ”
“รับทราบ!” ทหารซีเฉียนตะโกนสียงดัง แล้วเข้าสู้
พวกเข้าพุ่งเข้ามาอย่างกับเสือหิว ทำให้พวกทหารสุ่ยหันกลัวจนต่างพากันวิ่งหนีกระเจิงไปทางด้านหลัง เจียงหลีมองเหตุการณ์นี้อย่างเย็นชา ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
แต่ทว่า ในตอนที่ทหารหนีศึกเหล่านี้เจอกับประชาชนที่ตรวจดูการสู้รบ กลับถูกดาบเล่มใหญ่ฟันเข้าที่กลางหน้าผากและคอ…
“ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าคนที่หนีศึก คนที่ขี้ขลาด ต้องตายสถานเดียว!”
“ตายสถานเดียว!”
ประชาชน มีกำลังมาก
ทหารสุ่ยหันที่ยังอยากจะหนีเหล่านั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ สายตาเผยความดิ้นรนออกมา ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก พวกเขาขาดความเชื่อมั่นในการสังหารศัตรู แต่ก็คงจะไม่ทำร้ายประชาชนของตนเอง
แม่ทัพสุ่ยหันมองเจียงหลีที่ในแววตามีความเยาะเย้ย แล้วก็มองทหารซีเฉียนที่เข้ามาอย่างดุดัน แล้วก็มองประชาชนที่มองพวกเขาด้วยความโกรธ
“พี่น้องทั้งหลาย! สู้มัน! ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เป็นทหารของสุ่ยหัน! ตายในสนามรบอย่างยิ่งใหญ่ ก็ยังดีกว่าเป็นทหารหนีศึกที่ตายด้วยมือของประชาชน! เกิดมาก็ต้องตายไม่ใช่รึ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ยี่สิบปีข้างหน้า พวกเราก็ยังคงเป็นวีรบุรุษ!” ทันใดนั้น แม่ทัพก็ตะโกนขึ้นมา
ใช่แล้ว! ถึงอย่างไรก็ตายเหมือนกัน เช่นนั้นก่อนตาย…ก็ขอสู้จนตัวตายเสียดีกว่า!
“ฆ่ามัน!” ทหารสุ่ยหันที่ไม่กลัวตาย ในที่สุดตอนนี้ก็เกิดความฮึกเหิมขึ้นมา