ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 303 ยั่วยุองค์จักรพรรดิ
“ท่านกำลังหึงรึ”
เจียงหลีไม่ยอมแสดงด้านที่อ่อนแอของตนให้เห็น และจ้องไปที่ชายผู้แข็งแกร่งจนน่าเกรงขามคนนี้
หึงงั้นรึ
เขาขมวดคิ้ว นัยน์ตาแสดงออกถึงความไม่เข้าใจว่า ‘หึงคืออะไร’
ความเย็นชาในสายตาของเขาไม่ได้หายไปเลย เพียงแค่จ้องไปที่นางด้วยสายตาอันแหลมคมนี้ก็มากพอที่จะฆ่านางได้หลายพันครั้ง
เจียงหลีเดินเข้าไปใกล้อีกก้าว “เพราะเหตุใดจึงไม่ให้ข้าเข้าใกล้ชายอื่น”
ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของจักรพรรดิก็คมขึ้นและสว่างไสวเหมือนดวงดาว ‘เพราะเหตุใด’ เขาไม่ได้พูดออกมาว่าเพราะเหตุใด แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ชอบใจยิ่งนัก
“ข้าไม่ชอบ” เขาพูดตามความจริง
คำเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่กลับทำให้เจียงหลีอดยิ้มออกมาไม่ได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางและรอยยิ้มที่เหมือนดั่งดาวดวงน้อยๆ ในตาของนาง ทำให้ชายผู้นี้รู้สึกถึงความน่าเกรงขามของตนเองถูกทำลายลงเสียแล้ว
“ท่านไม่ชอบงั้นรึ ถ้าเช่นนั้นท่านชอบอะไร” เจียงหลีก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ร่างกายที่เริ่มเป็นสาวอิงแอบไปที่แผ่นอกของเขา
ท่าทางของนางที่ค่อยๆ เดินเข้าใกล้นั้น ทำให้เขาขมวดคิ้ว แต่ทว่าศักดิ์ศรีของเขาเองก็ไม่ได้ทำให้เขาถอยหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว แม้จะโดนแผ่นอกของเขาเบาๆ ก็สามารถทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวแล้ว
ทั้งสองจ้องมองกันอย่างใกล้ชิด ลมหายใจของกันและกันก็ได้โอบรอบปลายจมูกของพวกเขา
ทันใดนั้นเจียงหลีก็เขย่งเท้า ยืดตัวและเงยศีรษะขึ้น แล้วจูบลงที่ริมฝีปากหนาของเขาเบาๆ
ช่างกล้าเสียจริง!
ดวงตาทั้งคู่ของชายผู้นี้เบิกกว้างทันที และจ้องไปที่หญิงสาวด้วยสายตาอันแหลมคมดุจมีด
“ท่านชอบแบบนี้หรือ” เจียงหลีถามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ชอบหรือไม่
ความโกรธในดวงตาของชายคนนี้ค่อยๆดับลง เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาไม่เพียงไม่ปฏิเสธการเข้าใกล้ของนาง แม้จะเป็นเพียงลมหายใจของนางก็ทำให้เขารู้สึกสบายได้
หลงใหล! หลงใหล! นี่คือความหลงใหล!
ชายผู้นี้พึมพำกับตนเองในใจอย่างไม่หยุด
“หึ!” เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างดุดัน แล้วหายไปต่อหน้าต่อตาเจียงหลี
เจียงหลียื่นมือออกไปเพื่อจะคว้าเขาไว้ แต่ก็พาดผ่านเรือนร่างของเขาไป แล้วจ้องมองเขาที่หายไปต่อหน้าต่อตา ความผิดหวังเสียใจปรากฏออกมาในดวงตาอันสว่างไสวคู่นั้น
แต่นางยังคงรู้สึกว่ามีความสุข เขาปรากฏตัวบ่อยขึ้น ถึงเขาจะโกรธเพราะนาง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอยากจะฆ่านางทั้งวันเหมือนก่อน และไม่ขับไล่นางไม่ให้เข้าใกล้ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดว่าเขายังคงเป็นลู่เจี้ยคนเดิม!
…
ที่ไหนสักแห่งในซิงไห่ในเมืองล่องหนนั้น เงาของคนร่างสูงยาวก็ปรากฏขึ้น ผ่านหน้าเสินอวี่และอวี้ฉี แต่กลับดูเหมือนว่ามองไม่เห็นพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาทเป็นอะไรหรือ” อวี้ฉีถาม
ความคิดอันล้ำลึกปรากฏขึ้นในดวงตาของเสินอวี่ และกล่าวอย่างรอบคอบว่า “ดูเหมือนฝ่าบาทจะเพิ่งกลับมาจากข้างนอก”
“อืม” อวี้ฉีพยักหน้า
“เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าช่วงนี้ฝ่าบาทดูแปลกไป” จู่ๆ เสินอวี่ก็เอ่ยถาม
อวี้ฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและขมวดคิ้ว “เทียบกับเมื่อก่อน หลังจากที่ฝ่าบาทเสร็จสิ้นภารกิจ เขาควรจะเข้าสู่การเกิดใหม่ในครั้งต่อไปแล้ว”
“นั่นสิ แต่ตื่นมาครั้งนี้ ภารกิจก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่าบาทไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการเข้าสู่การเกิดใหม่อีกครั้ง” เสินอวี่บ่นพึมพำ
ดวงตาของอวี้ฉีสว่างขึ้น และตื่นเต้นขึ้นมาทันที “หรือว่า ฝ่าบาทจะจัดการวิกฤตอันใหญ่หลวงนั้นเรียบร้อยแล้ว”
เสินอวี่มองเขาอย่างพูดไม่ออก เหตุใดคนที่ปกติก็ดูฉลาดนั้น ในบางทีจึงได้ดูโง่เขลาเช่นนี้เล่า
“อืม ไม่น่าใช่ ถ้าหากว่าจัดการได้แล้วจริงๆ ฝ่าบาทไม่น่าแสดงอาการออกมาอย่างนี้” อวี้ฉี
กล่าวอย่างมั่นใจ
“ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงนี้ฝ่าบาทได้เข้าออกไปมาบ่อยครั้ง” เสินอวี่เตือน
อวี้ฉีมองเขาอย่างสงสัย “นี่หมายความว่าอย่างไร เจ้ากับข้าไม่อาจยุ่งเกี่ยวการเดินทางของฝ่าบาทได้”
“พูดจาไร้สาระ” เสินอวี่ส่ายหน้า “เจ้าสอนไม่ได้” หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันหลังจากไป ขี้เกียจที่จะสาธยายเรื่องนี้กับอวี้ฉีต่อ
‘ท่านชอบแบบนี้หรือไม่’
เสียงของหญิงสาวปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง สัมผัสที่นุ่มนวลบนริมฝีปากของเขา ความรู้สึกที่อ้อยอิ่งทำให้หัวใจที่มั่นคงของเขามีร่องรอยแห่งความปรารถนา
ชอบ! เขาชอบมันอย่างมาก!
แต่ทว่า นี่เป็นอาการที่ไม่ควรแสดงออกมาให้เห็น!
ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง และแรงกดดันที่น่ากลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมารอบตัวเขา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เข้าใกล้เขาก็จะถูกบีบคอจนไม่มีแม้กระทั่งฝุ่นหลงเหลืออยู่
หัวใจของเขา กำลังว้าวุ่นแล้ว
ฮัม!
เมื่อหัวใจของเขาสั่นคลอน พลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ปะทุออกมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา
แสงที่น่ากลัวพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา เงาร่างของเขาก็หายไป เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ในห้องลับของตนเองแล้ว
เขานั่งไขว่ห้างอยู่ในห้องลับ ดูเหมือนรูปปั้นรูปหนึ่งเมื่อเขามีสมาธิ ไม่มีความเศร้าหรือความสุข เงียบสงบจนแทบหยุดหายใจ
“พลังนี้!”
เสินอวี่และอวี้ฉีที่เพิ่งเดินออกจากพระราชวังหยุดกะทันหัน ทั้งสองจ้องตากันโดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกันสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก รีบหันกลับและวิ่งเข้าไปในวัง
“ให้ตายเถอะ! เพราะเหตุใดพลังนี้จึงน่ากลัวได้เพียงนี้ ผ่านการกลับชาติมาเกิดหลายครั้งหลายหน เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทสามารถควบคุมมันได้” อวี้ฉีพูดอย่างกระวนกระวาย
ดวงตาของเสินอวี่มีความกังวลไม่แพ้กัน แต่ก็สงบกว่าเขาเล็กน้อย “พลังนั้น ไม่ง่ายที่จะควบคุมได้ คราวนี้เจตจำนงของฝ่าบาทคงจะสั่นคลอนบ้าง ถึงได้ปล่อยมันเข้าไป”
“ตั้งแต่แรกฝ่าบาทก็ไม่ควรถูกกำหนดให้ขัดเกลามัน!” อวี้ฉีกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
เสินอวี่ส่ายหัว “โชคดีที่พลังเช่นนี้ฝ่าบาทได้รับไป ถ้าหากมันตกอยู่ในมือของวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น ข้ามิอาจรู้ได้เลยว่ามันจะทำให้เกิดเหตุใดขึ้นบ้าง”
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปมา ก็ได้มาถึงนอกประตูห้องลับแล้วรอคอยอยู่ที่นั่น
การรอในครั้งนี้นานถึงสามวัน
สามวันต่อมา ประตูห้องลับก็เปิดออก ชายหนุ่มผู้นั้นเดินออกมา
“ฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาท!”
เสินอวี่และอวี้ฉีที่รออยู่ข้างนอกมองมาที่เขาด้วยความกังวล
ใบหน้าใบนั้น ดูไม่ออกเลยว่ามีอารมณ์แบบไหนกัน ถ้าอย่างนั้น…ก็ถือว่าเป็นไปด้วยดี สะกดไว้ได้แล้วรึ
เสินอวี่และอวี้ฉีมองหน้ากัน รวบรวมความกล้าก้าวไปข้างหน้าและพูดกับเขาว่า “ฝ่าบาท พลังนั้นยังคงต่อต้านหรือว่าต้องการเตรียมพร้อมสำหรับการเกิดใหม่ในชาติหน้า”
“ไม่ต้องรีบ” เขาตอบเรียบๆ
ไม่รีบหรือ
ยังไม่รีบหรือ
อวี้ฉีต้องการที่จะเปิดปากพูด แต่ก็ถูกสายตาของเสินอวี่ห้ามเอาไว้
“เสินอวี่ ข้าจะออกไปสักพัก ประมาณสองวัน เจ้าต้องดูแลจัดการเรื่องในวัง” จู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น
เสินอวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และอวี้ฉีก็งงงวยมากเช่นกัน
แต่ก็ไม่มีใครถามอะไรออกไป ได้แต่อำลาชายคนนั้นด้วยความเคารพ แล้วออกจากพระราชวังอย่างสง่างาม
“แปลกยิ่งนัก” อวี้ฉีส่ายหัวอย่างคิดหนัก
เสินอวี่ครุ่นคิดถึงสถานที่ที่ชายคนนั้นจากไปและพูดเบาๆ ว่า “ไม่รู้ว่าฝ่าบาทกำลังจะไปทิศทางไหน”
“ต้องการที่จะติดตามไปอย่างเงียบๆ หรือไม่” อวี้ฉีเข้ามาถามใกล้ๆ
เสินอวี่มองไปที่เขาและพูดด้วยสายตาคล้ายจะสื่อว่า ‘เจ้ากำลังมองหาที่ตาย’ “เจ้ากล้ารึ”
ร่างกายของอวี้ฉีสั่นสะท้านและถอยหลังสองก้าว “ข้าไม่กล้า”
เสินอวี่ถอนหายใจราวกับปลอบใจตัวเอง “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฝ่าบาทรู้อยู่แก่ใจ”
…
หนึ่งวันในพระราชวังเท่ากับโลกที่ว่างเปล่าทั้งเก้าโลกหนึ่งเดือน
เขาหลบหนีเป็นเวลาสามวัน นั่นคือไม่เห็นนางมาสามเดือน หลังจากปราบปรามพลังนั้นอีกครั้งเขาก็สงบลง และวางแผนที่จะใช้เวลาสองเดือนในดินแดนว่างเปล่าเก้าโลกนี้เพื่อหาวิธีกำจัดความหลงใหลนี้
หากไม่สามารถขจัดความหลงใหลนี้ได้ เขาจะทำเยี่ยงไร