ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 309 โฉมงามคิดจะทำอะไร
ในเวลากลางคืน ณ พระตำหนักหวงจี๋
เจียงหลีไม่รู้ว่า เมื่อตนคิดว่ามีชายคนหนึ่งจากไปแล้ว แต่ใครคนนั้นยังคงเฝ้ามองตนอยู่เงียบๆ ของทุกการเคลื่อนไหวในพระตำหนักหวงจี๋
แน่นอนว่ารวมถึงการที่นางเรียกชายหนุ่มมารับใช้ในคืนนี้ด้วย
บ้าเอ้ย! ไม่สามารถนอนหลับโดยไม่มีชายหนุ่มหรือ ใบหน้าดำแดงของจักรพรรดิมองไปที่จักรพรรดินีที่เอนเอียงอย่างเกียจคร้าน สั่งให้สาวใช้เตรียมสุราและอาหาร ทำให้ความโกรธในใจของเขากำลังลุกโชน
“หืม” ความรู้สึกเหมือนมีของคมแทงที่หลัง ทำให้จักรพรรดินีรู้สึกขนลุกซู่ไปทีหนึ่ง
“ฝ่าบาท” อวี้ซูกระซิบเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของเจียงหลี
สายตาของเจียงหลีหันไปเล็กน้อย บอกกับอวี้ซูและคนอื่นๆ “พวกเจ้าออกไปก่อน แล้วรอนอกประตู หากเขามาแล้วค่อยรายงานข้า”
“เพคะ” อวี้ซูไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง จัดการตัวเองแล้วก็ค่อยๆ ถอยออกจากห้องบรรทมไปพร้อมกับคนอื่นๆ
หลังจากที่ประตูห้องนอนปิดลง เจียงหลีก็ลุกขึ้นจากเตียงและมองไปรอบๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดจึงต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย”
ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง ร่างของจักรพรรดิพร้อมใบหน้าดำแดง ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นสักที่ในห้องบรรทม
“ลู่เจี้ย!” เมื่อเห็นเขา เจียงหลีก็เผยรอยยิ้มและเดินตรงไปหาเขา
แต่เมื่อนางพึ่งเข้าไปใกล้ตัวชายหนุ่ม ก็โดนสะบัดแขนเสื้อออกและถูกขัดขวาง “เจ้ากล้าเรียกผู้ชายมารับใช้ได้ยังไง” คำถามออกจากปากชายหนุ่มอย่างไม่แยแส
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหลี่ก็ยิ่งกว้างขึ้น “ทำไม ท่านหึงหรือ”
หึงอย่างนั้นหรือ
นี่เป็นครั้งที่สองที่นางพูดแบบนี้กับเขา
ใบหน้าของจักรพรรดิยิ่งดำแดงขึ้นราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ เขาไม่ได้หึง!
“ไม่พูด แปลว่าท่านยอมรับ” เจียงหลีรู้สึกว่า ตนดูเหมือนจะจับจังหวะของชายคนนี้ได้ทีละก้าวแล้วคว้าเขาไว้ในฝ่ามือของตน
“ไม่” ชายหนุ่มชี้แจงอย่างอ่อนแอไร้กำลัง
เจียงหลีไม่สนใจคำอธิบายของเขาเลย โน้มตัวไปข้างหน้าและกอดแขนของเขาไว้ในอ้อมอกของตนและพูดอย่างอดทน “ไม่ต้องกังวลใจ ร่างกายและใจของข้าเป็นของท่านผู้เดียว ชายอื่นคิดที่จะเข้าใกล้ ท่านไม่ต้องลงมือ ข้าลงมือจะฆ่าพวกเขาเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
ใบหน้าของจักรพรรดิแสดงอาการผ่อนคลาย ความรู้สึกอึดอัดในใจก็ค่อยๆ ดีขึ้น
“คืนนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญ ท่านอย่ามาทำลายแผนของข้าล่ะ” เจียงหลีพูดเตือนสติ
จักรพรรดิลู่เจี้ยขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา “หากรู้สึกว่าตระกูลหรงนั้นเกะกะ ฆ่าทิ้งเสียก็หมดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“… ” เจียงหลีมองไปที่เขาโดยไม่พูดอะไรออกมา
อืม นี่คือคำที่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะกล่าวออกมาได้
“ข้าก็อยากจะฆ่าล้างตระกูลหรงเสียให้สิ้น ใครกล้าปฏิเสธก็ฆ่าทิ้ง แต่ข้ายังไม่ถึงระดับนั้น ที่ข้าได้ทำไปมากมาย ในที่สุดก็ทำให้พวกเขาเผยตัวออกมา ข้าจะทำให้จบในคืนนี้ สรุปแล้ว ท่านแค่ดูอย่างเงียบๆก็พอ อย่าสร้างปัญหา” เจียงหลีเตือนอีกครั้ง
จักรพรรดิลู่เจี้ยยังคงขมวดคิ้ว “ข้าช่วยเจ้าได้” เจียงหลีผงะ หลังจากพูดคำเหล่านี้ออกจากปก เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ
เพียงแต่ หลังจากที่เจียงหลีผงะ กลับมองเขาอย่างจริงจัง “ท่านสามารถอยู่เคียงข้างข้าได้ และช่วยข้าจัดการทุกสิ่งได้รึ ข้าจะต้องเติบโต ข้าต้องการที่จะเข้มแข็ง ข้าต้องเผชิญกับทุกสิ่งเพียงลำพัง ลู่เจี้ย หลังจากที่ท่านจากข้าไป ทำให้ข้ารู้ว่า ข้ามีแต่ต้องแข็งแกร่งและแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ข้าถึงจะอยู่เคียงข้างท่านได้อย่างแท้จริง ถึงจะสามารถรักษาท่านไว้และป้องกันไม่ให้ท่านทิ้งข้าไป”
!
หัวใจของจักรพรรดิรู้สึกถูกกระทบกระทั่ง
เป็นเรื่องยากที่หญิงสาวจะกล่าวแบบนี้กับเขาอย่างจริงจัง นางกล่าวว่า นางต้องเผชิญกับทุกสิ่งเพียงลำพังและแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว เพียงเพื่อยืนเคียงข้างเขาและรักษาเขาเอาไว้
“สำหรับคืนนี้ ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ท่านเพียงแค่มองดูอยู่ข้างๆ ก็พอ” เจียงหลีกล่าวเตือนอีกครั้ง
ดวงตาของจักรพรรดิกระพริบวูบวาบเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ยอม “หากเขากล้าแตะต้องเจ้าล่ะก็ ข้าจะฆ่าเขาเสีย หากเจ้ากล้าปล่อยให้เขาสัมผัสเจ้า”
เจียงหลีกระพริบตาและรอฟังประโยคต่อจากนี้จากเขา
ด้วยท่าทีของนาง สายตาของจักรพรรดิก็กระตุกอย่างรุนแรง และพูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าก็จะฆ่าเขาเสีย”
ฮ่าๆ!
เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทำไมนางถึงคิดว่าลู่เจี้ย มีความน่ารักแบบที่หายากเช่นนี้
เสียงหัวเราะของนาง ทำให้จักรพรรดิเขินอายเล็กน้อย
เพื่อไม่ให้นางได้พูดต่อ เขาจึงหายตัวไปอีกครั้ง
เมื่อดูวิธีการหลบเลี่ยงที่หลอกตัวเองของเขา เจียงหลีกลั้นยิ้ม ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าชายคนนี้เฝ้าอยู่ที่นี่ อืม อีกสักครู่เวลาจัดการ ไม่สามารถเล่นแรงเกินไป
มิฉะนั้น เมื่อชายคนนี้โกรธ นางก็ไม่สามารถควบคุมไว้ได้
“ฝ่าบาท คุณชายหรงมาถึงแล้วเพคะ” ในตอนนี้ เสียงของอวี้ซูดังมาจากนอกวัง
เจียงหลีเก็บรอยยิ้ม และมองไปรอบๆ ในวังอีกครั้ง จัดการท่าทางขี้เกียจและสง่างามของตน กลับไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง ค่อยพูดอย่างเฉื่อยชา “ให้เขาเข้ามาเถอะ”
สิ้นเสียง ประตูของตำหนักถูกผลักออก อวี้ซูนำตัวหรงอวี้ที่ได้อาบน้ำแต่งตัวอย่างละเอียดลออเข้ามาข้างใน
สายตาของเจียงหลีจ้องมองไปที่ร่างของหรงอวี้ สายตาเจ้าชู้ที่มองมา ทำให้หัวใจของหรงอวี้เต้นรัวอย่างช่วยไม่ได้
นางมองไปที่เขา และเขาก็แอบมองนางด้วยเช่นกัน คืนนี้นางสวยมาก! เอนกายบนเตียงอย่างเกียจคร้าน มีความรู้สึกขบขันที่ไม่อาจพรรณนาได้ สิ่งหายากขนาดนี้ เขาจะได้ครอบครองมันในคืนนี้แล้วอย่างนั้นหรือ
หึ!
ทันใดนั้นเสียงสบถเย็นยะเยือก ก็ดังขึ้นในจิตใจของเจียงหลี
นางเพียงรู้สึกเจ็บแปลบในสมองและหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว “อวี้ซูออกไปก่อนเถอะ ให้หรงอวี้อยู่รับใช้ที่นี่ก็พอ”
อวี้ซูเงยหน้าขึ้นมองเจียงหลี จากนั้นพยักหน้าและถอยออกไป
ขณะที่เดินออกไป ก็ไม่ลืมปิดประตูห้องบรรทม
ดังนั้น นอกเหนือจากใครบางคนที่มองไม่เห็น ในห้องบรรทมนี้ก็เหลือเพียงแค่เจียงหลีและหรงอวี้
“มานี่” เจียงหลีพูดกับหรงอวี้พร้อมกับยกมุมปากขึ้น
หัวใจของหรงอวี้กระตุกและเข้าไปใกล้นางตามคำสั่ง
เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้น สายตาของเขาก็ไปมองที่ไวน์และอาหารบนโต๊ะระหว่างทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติ
“นั่งสิ” เจียงหลีกล่าวอีกครั้ง
หรงอวี้นั่งลง และเงยหน้าขึ้นมองนาง ความอ่อนโยนในสายตาของเขาแทบจะเอ่อล้นดั่งสายน้ำ
“คุณชายหรงไม่รู้วิธีรับใช้คนหรือ” เมื่อเห็นเขานิ่ง เจียงหลีก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
หรงอวี้ผงะไปชั่วขณะ และเมื่อเขาพบกับสีหน้าเกียจคร้านที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มของนาง ก็เข้าใจในทันที เขาหยิบเหยือกขึ้นมาและรินสุราลงจอก ยังคงไม่ลืมที่จะอธิบาย “หรงอวี้เห็นความสง่างามราวเทพบนสวรรค์ของท่าน ลืมงานไปชั่วขณะ หวังว่าฝ่าบาทจะให้อภัย”
พูดจบ ก็วางเหยือกลงและหยิบแก้วเหล้าตรงหน้าเจียงหลีพร้อมยื่นให้เจียงหลี ความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ ช่างสุขตาสุขใจยิ่งนัก
เจียงหลียิ้มกริ่มเมื่อมองไปที่เขา และไม่ได้ลงโทษเขาจริงๆ นางยื่นมือไปรับจอกสุราที่ยื่นให้ด้วยความคาดหวังในสายตาของเขา
แน่นอนว่าก่อนที่ปลายนิ้วของนางจะสัมผัสจอกสุรา หรงอวี้ก็หยิบแก้วขึ้นมาและปัดมือออก ทำให้มือของนางว่างเปล่า
เจียงหลีค่อยๆ ดึงมือเลิกคิ้วและถามด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะไม่ยิ้ม “คุณชายหรงทำไมถึงทำเช่นนี้”
หรงอวี้ยิ้มอย่างนุ่มนวล นำจอกสุรามาชิดที่ริมฝีปากนาง พร้อมกล่าวอย่างรักใคร่ว่า “หรงอวี้ป้อนฝ่าบาทเอง”