ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 312 สวรรค์กําลังจะล้มล้างตระกูลหรงของข้า
“แม่ทัพเฉิง” หรงเทียนเผิงเข้ามาหาตรงหน้าและทักทายเขาอย่างขอไปที
เรื่องยังไม่ทันแล้วเสร็จ เขาก็เริ่มแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งราวกับตนเป็นจักรพรรดิ
แม่ทัพเฉิงหัวเราะเยาะในใจ แสดงรอยยิ้มขี้ประจบ “ยินต้อนรับด้วยความเคารพประมุขตระกูลหรง ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว จากที่นี่ไปสามารถเข้าส่วนในของพระราชวังได้โดยตรง”
“แม่ทัพเฉิงท่านทำได้ไม่เลวนัก” หรงเทียนเผิงรู้สึกถึงผลประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง
เขายกมือขึ้นและทุกคนในตระกูลหรงก็ตรงเข้าไปที่ประตูวัง
ภายในประตูวังมีสนามต่อสู้ขนาดใหญ่ ในเวลานี้สนามต่อสู้นั้นเงียบงัน อีกด้านหนึ่งของสนามต่อสู้ ประตูที่ตรงไปสู่พระราชวังก็เปิดออกเช่นกัน ตราบใดที่ผ่านเข้าไปก็สามารถเข้าไปถึงในวังได้
หรงเทียนเผิงมองไปที่ทางตรงด้วยความตื่นเต้นในใจ
“เชิญ ประมุขตระกูลหรง” แม่ทัพเฉิงกล่าวเชิญ
ดวงตาของหรงเทียนเผิงเป็นประกายและเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของแม่ทัพเฉิง เผยให้เห็นร่องรอยของความตื่นตัว เขายิ้มและพูดกับแม่ทัพเฉิง “แม่ทัพเฉิงเชิญก่อนเถอะ ข้าไม่คุ้นเคยกับวังนี้ หากข้าเดินนำไป ข้ากลัวว่าจะหลงทางและจะเสียเวลาในการทำการใหญ่”
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ แม่ทัพเฉิงหัวเราะเยาะในใจ เขาไม่ได้ปฏิเสธการหยั่งเชิงของหรงเทียนเผิง แต่เดินตรงไป “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะเป็นผู้นำทางให้กับตระกูลหรงเอง”
เมื่อเห็นเขาเดินตรงไปโดยไม่ลังเลทำให้หรงเทียนเผิงรู้สึกโล่งใจ
เขากวักมือเรียกคนในตระกูลหรงก็ติดตามเขาอย่างใกล้ชิดและเดินตามทางตรงไปจนสุด ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนสติ “หลังจากที่เข้าไปแล้ว อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องระวังให้ดี”
ทางเส้นตรงนี้แคบมาก สามารถรองรับรถม้าหลวงได้เพียงสองคันเท่านั้น กําแพงทั้งสองด้านสูงประมาณร้อยจั้ง ความสูงเช่นนี้ ต่อให้เป็นหลิงไซว่ก็ยากที่จะเหาะออกไปได้
นอกจากนี้เส้นทางตรงนี้ยังยาวมาก ทางที่ลึกนี้เพียงพอที่จะให้ทุกคนในตระกูลหรงเข้าไปได้
เสียงฝีเท้าอย่างระมัดระวังสะท้อนไปในเส้นทางตรงอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกที่เงียบสงัดจนเกินไปนี้ทําให้หัวใจของหรงเทียนเผิงเกิดความกังวลขึ้น เขามองแม่ทัพเฉิงที่เดินนําหน้าด้วยแววตาดุดัน แต่กลับเห็นเขายังคงเดินนําหน้าอย่างสบายๆ แผ่นหลังสง่าผ่าเผยไม่มีการป้องกันใดใด
หรือข้าจะคิดมากไป หรงเทียนเผิงพึมพําอยู่ในใจ
ทางด้านหรงอวี้ เขาไม่เป็นกังวล ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใกล้จักรพรรดินี ระหว่างที่ทั้งสองใกล้ชิดกันก็มีโอกาสมากมายที่จะลอบวางยา นอกจากนี้ถ้าเขาทำไม่สําเร็จ เขาจะไม่ปล่อยระเบิดควันแน่นอน
หรงเทียนเผิงตั้งสติและเร่งฝีเท้า
ในที่สุดเขาก็เห็นประตูใหญ่อีกบานของเส้นทางตรงนี้
ประตูใหญ่นั้นปิดอยู่ราวกับกําลังกวักมือเรียกเขา ขอเพียงเขาเข้าไปก็จะสามารถขึ้นสู่บัลลังก์และกลายเป็นคนที่มีอํานาจในใต้หล้านี้ได้!
ความปรารถนากระหายต่ออํานาจนั้นทําให้หรงเทียนเผิงตื่นเต้นขี้นมา
เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า แม่ทัพเฉิงที่เดินนําทางอยู่ด้านหน้านั้น กำลังพลันเร่งความเร็วขึ้น เมื่อกระโดดก็ข้ามไปยังหลังประตูที่ปิดเอาไว้อยู่
เคร้งๆ!
ในชั่วขณะที่เขากระโดดออกไป ประตูเหล็กที่แข็งกระด้างก็ร่วงหล่นลงมาจากกําแพงเมือง กระแทกเข้ากับทางเดินอย่างแรงที่ขวางทางออกเอาไว้
โครม!
ประตูเหล็กร่วงหล่นลงมา สั่นสะเทือนจนเกิดรอยร้าวบนพื้น
หรงเทียนเผิงถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว แล้วคิดในใจว่า ไม่ได้การแล้ว!
ในขณะนั้นเอง แสงไฟหลายๆ ดวงได้ทำลายความมืดในยามค่ำคืน ทําให้ทางเส้นตรงนี้สว่างไม่ต่างกับในเวลากลางวัน
โครม!
มีเสียงโครมดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นประตูเหล็กลึกลับที่ทางเข้าร่วงลงมาปิดตายทางเส้นตรงนี้ไว้กลายเป็นกับดัก
“ประมุขพวกเราถูกกับดักและหลงกลมันเข้าแล้ว!”
มีคนพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว
สีหน้าของหรงเทียนเผิงมืดครึ้มลงทันที แสงแห่งความโกรธเกรี้ยวส่องประกายออกมาจากดวงตาของเขา เขาเงยหน้ามองไปยังกําแพงสูง เหล่าองครักษ์ในวังที่มีสีหน้าเย็นชา ความเกลียดชังแผ่ซ่านไปทั่วก้นบึ้งของหัวใจ
“หรงเทียนเผิง!” ทันใดนั้น เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมากลางอากาศ
หรงเทียนเผิงมองไปยังที่ต้นเสียง เขามองเห็นลู่จ้าน ด้วยรูปลักษณ์ของลู่จ้าน ท่ามกลางแสงไฟนั้นยังคงมีความมืดสลัวและยากที่จะมองเห็นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเขาสามารถรู้สึกถึงการเยาะเย้ยและดูถูกจากแววตาของลู่จ้าน
“เจ้าเป็นแค่ทาส แล้วเจ้ามีสิทธิ์มาพูดกับข้าได้อย่างไร” หรงเทียนเผิงกัดฟันพูดด้วยความเกลียดชัง
ลู่จ้านยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “นักโทษผู้น้อย”
“เขาไม่มีสิทธิ์ แล้วข้ามีด้วยหรือ” เสียงใสกระซิบกระซาบของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับความสูงส่งและสง่างาม
หรงเทียนเผิงตกใจเขาหันไปมองกําแพงฝั่งตรงข้าม ในเงาร่างเขามองเห็นจักรพรรดินีผู้วัยเยาว์เจียงหลี
เขายิ้มเยาะและแดกดัน “เจ้าก็เป็นเพียงแค่ทาสคนหนึ่ง”
ท่ามกลางแสงไฟ ใบหน้าเล็กที่มีเสน่ห์ของเจียงหลีดูไม่จริงมากนัก หลังจากได้ยินคําพูดของหรงเทียนเผิง นางก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ นางเพียงหัวเราะเยาะ “ไม่ว่าเจ้าจะดูถูกข้าอย่างไร ตอนนี้ข้าก็เหยียบอยู่เหนือศีรษะเจ้าแล้ว หรงเทียนเผิง ตระกูลหรงของเจ้าอาจจะยังคงรุ่งเรืองต่อไป แต่ตอนนี้เพราะความโลภของเจ้าได้ทําลายมันจบสิ้นแล้ว ข้าอยากจะถามเจ้าจริงๆ ว่าตอนนี้ความรู้สึกเป็นอย่างไร”
รู้สึกยังไงหรือ
หรงเทียนเผิงมองเจียงหลีด้วยแววตาเย็นชา อยากจะฆ่านางเป็นพันๆ ครั้ง! ในใจยิ่งโกรธเกลียดหรงอวี้ มีโอกาสดีเช่นนี้ ทำไมถึงยังล้มเหลวได้!
ผู้หญิงคนเดียวก็ไม่สามารถจดการได้ ขยะไร้ค่าเช่นนี้ ไม่ตายก็ไม่รู้จะใช้ทำประโยชน์อะไรแล้ว
“เจ้าเป็นสตรีที่ขึ้นเป็นจักพรรดินี มันไม่สมเหตุสมผลแต่มันกลับตาลปัตร แม้ว่าข้าจะไม่คัดค้านแต่ก็ต้องมีคนอื่นๆ ออกมาต่อต้านแน่นอน!”
“อย่าพูดจายกย่อองความโลภของเจ้าอย่างมีเกียรติเช่นนี้เชียว” เจียงหลีกล่าวเย้ยหยัน “ใต้หล้านี้ ยังคงมีผู้มีพรสวรรค์อาศัยอยู่ ไม่ว่าชายหรือหญิง เพียงแค่มีความสามารถและกล้าแบกรับภาระ สามารถแบกรับโลกนี้เอาไว้ได้ พวกเขาล้วนสามารถเป็นจักรพรรดิได้ แม้ว่าเจ้า หรงเทียนเผิงจะเป็นผู้ชาย แต่ในสายตาของข้า แม้แต่หญิงรับใช้ข้างกายข้า เจ้ายังไม่สามารถเทียบได้แม้แต่ปลายเล็บ เจ้าเป็นแค่หนอนน่าสงสารที่ถูกควบคุมโดยความโลภของเจ้าเอง”
“เจ้า!” สีหน้าของหรงเทียนเผิงซีดเผือด เขารู้ว่าเจียงหลีมีปากที่ร้ายกาจ แต่ไม่รู้ว่ามันจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
“เจ้าคิดว่า คืนนี้จะจบลงเยี่ยงนี้หรือ” หรงเทียนเผิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
เจียงหลียิ้มเยาะ “ถ้าเจ้าหมายถึงตระกูลที่สัญญาว่าจะร่วมกบฏกับเจ้า และแผนอื่นที่วางไว้ ข้าสามารถบอกเจ้าได้เลยว่ามันจบลงแล้วจริงๆ”
ดวงตาของหรงเทียนเผิงเบิกกว้างและมองไปที่เจียงหลีอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทําไมเขาถึงรู้สึกว่า แผนการทั้งหมดของเขาถูกหญิงสาวตรงหน้ามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
มันเป็นผู้ใด!
ผู้ใดกันที่เป็นคนทรยศ!
แววตาของหรงเทียนเผิงดุดันขึ้น เขารู้สึกว่าต้องมีคนทรยศเขาและบอกแผนการทุกอย่างกับจักรพรรดินี คนที่ผุดขึ้นมาในใจของเขาก็คือ บุตรชายที่เขาภาคภูมิใจมาตลอดอย่างเช่น…หรงจิ่ง!
หรือจะเป็นเขาจริงๆ! ดวงตาของหรงเทียนเผิงเต็มไปด้วยความโกรธ
“หรงเทียนเผิง ยังไม่ยอมถูกจับอีกหรือ” เสียงของลู่จ้านดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง
ดวงตาของหรงเทียนเผิงเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและกล่าวด้วยสีหน้าดุดัน “ตระกูลหรงของข้าสาบานว่าถึงตายก็ไม่ยอมแพ้! ฆ่ามันนนน!”
“ช่างโง่เขลาเสียจริง” เจียงหลียืนบนกําแพงและไขว้มือไว้ข้างหลัง เมื่อได้ยินคําสั่งของหรงเทียนเผิง แววตาก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
กําแพงสูงตระหง่านประหนึ่งภูเขาใหญ่ นอกจากยอดฝีมือไม่กี่คนที่สามารถขึ้นไปได้ แล้วคนอื่นๆ ในตระกูลหรงจะขึ้นไปได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เมื่อยอดฝีมือกลุ่มนั้นพุ่งเข้าไป ก็ถูกยอดฝีมือของตระกูลลู่หยุดยั้งเอาไว้ไม่สามารถพลิกผันได้แน่นอน
“อ้ากกก! สวรรค์กําลังจะล้มล้างตระกูลหรงของข้า!” หรงเทียนเผิงคํารามด้วยความโกรธ
แต่เจียงเหล่ตามองเขา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจขัดขืนได้ “ผิดแล้ว เป็นข้าเอง ที่ต้องการจะล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า เป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้างความพินาศให้ตัวเอง!”