ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 332 หยวนหวังท่านคิดเห็นอย่างไร
ความรักที่ซ่อนอยู่ในแววตาของมั่วฉุนเจียงหลีกลับไม่ได้สังเกต
สายตาที่เย็นชามองไปที่ไป๋เซี่ยงไท่ที่ดึงดันจะคลานขึ้นมาจากพื้นอารมณ์เย็นชาและบารมีจักรพรรดิเต็มเปี่ยม
จงเจิ้งเหยี่ยตื่นขึ้นมารีบร้อนไปอยู่ข้างกายไป๋เซี่ยงไท่และจับเขากดไว้ในขณะเดียวกันก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งเอ่ยกับเจียงหลี“ฝ่าบาทโปรดอภัยให้แก่ไป๋เซี่ยงไท่ที่ไร้มารยาทพวกเราสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“จงเจิ้งเหยี่ย!”ไป๋เซี่ยงไท่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาวาวโรจน์
จงเจิ้งเหยี่ยขมวดคิ้วใช้สายตาตักเตือนอย่าทำเสียเรื่อง!
ขณะเดียวกันเขาเอ่ย“ให้คนเข้ามารีบพยุงใต้เท้าไป๋เซี่ยงไท่ไป”ผู้ติดตามที่มาด้วยกันจึงรีบเข้าไปพยุงไป๋เซี่ยงไท่ลุกขึ้นเตรียมออกจากตำหนักฝูฉวี
ในขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนย้ายเสียงเยือกเย็นของเจียงหลีก็ดังขึ้น“ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าไปได้แล้วหรือ”
จงเจิ้งเหยี่ยนึกเกรงกลัวในใจขมวดคิ้วรีบคิดแผนรับมือไป๋เซี่ยงไท่เงยหน้าขึ้นมุมปากยังมีรอยเลือดหลงเหลืออยู่สายตาอาฆาตมองไปที่นาง
เจียงหลีเหน็บแนมเย้ยหยันด้วยสายตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ“เจ้าฟังให้ดีนะข้าไม่สนว่าเจ้าอยู่ที่เป่ยโหรวจะมีอำนาจมากสักเพียงใดยศตำแหน่งสูงถึงเพียงใดหรือจะมีบ้านตระกูลใหญ่โตคอยส่งเสริมเจ้าเช่นไรแต่เมื่ออยู่ในอาณาเขตของราชสำนักจยาเซียนยังไงซะพวกเจ้าก็เป็นแค่แขกก็ต้องทำตามกฎของราชสำนักจยาเซียนของข้าหากผู้ใดบังอาจปลุกปั่นก็จะต้องรับโทษตามกฎของอาณาจักรข้า”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทในระหว่างที่อยู่อาณาจักรจยาเซียนจ้าจะประพฤติตามกฎอย่างเคร่งคัดจะมิให้พวกเขากระทำการมิควรเป็นอันขาด”
เขาตอบกลับเช่นนั้นทำให้ความเกรี้ยวกราดของเจียงหลีเบาลง“หากเป็นเช่นนั้นฟ้าเริ่มมืดแล้วพวกท่านทูตทั้งหลายรีบกลับเรือนรับรองพักผ่อนเสียเถิด”ทีท่ากลับพลิกผันทำให้คนรู้สึกคล้ายกับว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาเพ้อเจ้อขึ้นมาเอง
ทว่าไม่ว่าอย่างไรการกระทำของเจียงหลีเมื่อสักครู่นี้กระตุ้นเร่งเร้าทหารของราชสำนักจยาเซียนอย่างเหี้ยมโหด
ขุนนางพวกนี้ยามที่เจียงหลีลงมือเองก็รู้สึกโกรธมากจึงเพิ่มอำนาจอาณาจักรของราชสำนักจยาเซียนขึ้นอาณาจักรแข็งแกร่งไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใดๆขุนนางเช่นพวกเขาถึงจะยืดอกได้อย่างองอาจและภาคภูมิใจ
“พ่ะย่ะค่ะกระหม่อมขอทูลลา”จงเจิ้งเหยี่ยจึงรีบลุกขึ้นตอบ
เจียงหลีเหยียดยิ้มถามกลับเพื่อแสดงความปรารถนาดี“ต้องการให้ข้าจัดหมอหลวงไปเรือนรับรองหรือไม่”
“ไม่…ไม่ต้องแล้ว”จงเจิ้งเหยี่ยก็ปฏิเสธอย่างรีบร้อนเขากล้ายอมรับ‘ความปรารถนาดี’ของเจียงหลีซะที่ไหนหากรักษาไป๋เซี่ยงไท่จนอาการทรุดหนักผลลัพธ์จะยิ่งรุนแรง“พวกเราพาหมอรักษาตามอาการมาจึงมิต้องรบกวนหมอหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ดีถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ฝืนท่านแล้ว”เจียงหลีหรี่ตายิ้มเทียบกับคนเมื่อชั่วครู่ที่เหี้ยมโหดอย่างกับคนละคนกันเลย
จงเจิ้งเหยี่ยเดาอุปนิสัยของนางไม่ถูกเมื่อ‘สู้รบปรบมือ’กับนางอยู่หลายยกปกคอเสื้อที่เปียกเหงื่อไปหมดแล้วมิกล้าอยู่นานกว่านี้แน่หลังจากได้รับฉันทะจากเจียงหลีจึงรีบพาไป๋เซี่ยงไท่และคนอื่นๆออกไป
ส่งคนของไป๋โหรวเสร็จเจียงหลีหันมองทันใดนั้นเห็นขุนนางของตนโดยบังเอิญซึ่งล้วนมีสีหน้าที่เลื่อมใสกำลังมองมาที่ตนกายสั่นโดยมิอาจควบคุมไว้ได้ถึงแม้จะเป็นพี่ชายของตนก็ยังตามใจอย่างเต็มที่ทั้งยังชื่นชมทั้งยังมีท่าทีเชิดชูและจ้องมองนางนางเหยียดยิ้มอย่างเหี้ยมโหดรีบไล่คนออกไป“พวกเจ้าออกไปให้หมด”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทข้าน้อยทูลลา!”
เหล่าขุนนางต่างคำนับทูลลาออกจากตำหนักฝูฉวี
เจียงเฮ่าก่อนจะออกไปกลับถูกเจียงหลีเรียกไว้“ท่านพี่พรุ่งนี้ท่านเรียกลู่เสวียนไปที่ตำหนักหวงจี๋ด้วย”
“ได้”เจียงเฮ่าพยักหน้าตอบแล้วหันหลังกลับออกไป
รอคนที่ควรไปออกไปหมดแล้วสายตาของเจียงหลีจึงจดจ้องไปที่สายตาคู่ใสของมั่วฉุนที่กำลังมองตน
“เจ้า…”
“ฝ่าบาท!”มั่วฉุนกำลังมองนางด้วยความกระวนกระวายและดีใจ
เจียงหลีกระพริบตาเอ่ย“ตามข้ามา”
นางหันหลังออกจากวังฝูฉวีมองยังตำหนักหวงจี๋ที่ตนพำนักอยู่แล้วเดินไปมั่วฉุนเดินตามหลังนางไม่กล้าคลาดไปแม้แต่นิดเดียว
พอถึงตำหนักหวงจี๋แล้วหลังจากเจียงหลีนำมั่วฉุนไปไว้ที่อวี้ซูแล้วอาบน้ำล้างหน้าเข้านอน
คืนนี้ลู่เจี้ยไม่ปรากฏตัวเช่นเดิม
ฟ้าสว่างเจียงหลีลืมตาตื่นขึ้นยื่นมือไปลองคลำชุดนอนที่เย็นเฉียบข้างกายความผิดหวังผุดขึ้นในใจหลังจากลุกขึ้นมานางเห็นมั่วฉุนนางรำเมื่อคืน
รอนางมาปรนนิบัติตนอาบน้ำล้างหน้าล้างตาจนเสร็จเจียงหลีจึงมองที่อวี้ซูและเอ่ยขึ้น“นางบอกว่าอยากปรนนิบัติใกล้ชิดฝ่าบาทเพคะ”
เจียงหลีส่ายศีรษะ“ข้าไม่ต้องการคนปรนนิบัติใกล้ชิดมากมายถึงเพียงนั้นเจ้าลองดูว่านางยังทำอะไรได้บ้าง”
“เพคะ”อวี้ซูพยักหน้า
ขณะกำลังกินอาหารเช้าอยู่ลู่เสวียนก็หุนหันพลันแล่นบุกเข้ามาในตำหนักหวงจี๋
เป็นที่ประจักษ์เมื่อคืนเป่ยโหรวให้ขุนนางเอ่ยถึงเรื่องอภิเษกสมรสเชื่อมความสัมพันธไมตรีเรื่องได้มาถึงหูเขาแล้วเป็นที่แน่ชัดว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเจียงเฮ่าบอกกับเขาแล้ว
“พี่สะใภ้ไม่ใช่ว่าเจ้าขายข้าจนหมดเปลือกแล้วล่ะ”ลู่เสวียนโผเข้าไปที่หน้าโต๊ะอาหารเช้าของเจียงหลีเกือบจะหัวทิ่มลงไปในชามข้าวต้ม
เจียงหลีเหลือบสายตากวาดมองเขาแล้วกินข้าวต้มต่ออย่างช้าๆ“อภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธไมตรีกับทางเป่ยโหรวเลือกท่านแล้วท่านคิดเห็นเช่นไร”
“ข้าจะคิดอย่างไรได้!ข้าไม่ต้องการองค์หญิงเป่ยโหรวอะไรนั่น!”เสียงของลู่เสวียนดังขึ้นเท่าตัว
เจียงหลีเอ่ยถาม“ท่านกินอะไรมาหรือยัง”
“ข้าจะไปกินลงได้เยี่ยงไร”ลู่เสวียนสีหน้ากระวนกระวายกังวลถึงโชคชะตาของตน
เจียงหลีหัวเราะเยาะมองเขา“เพียงแค่แต่งภรรยาให้ท่านมิใช่ให้เจ้าไปลานลงโทษเสียเมื่อไหร่หน้าตาอมทุกข์ของเจ้าเอาไว้ให้ใครมองหรือ”
เจียงหลีลูบคาง“นั่งก่อนกินอาหารสักหน่อยหลังจากกินเสร็จพวกเราค่อยคุยกัน”
“ข้ากินไม่ลง”ลู่เสวียนตอบอย่างไร้อารมณ์
เจียงหลีถลึงตา“เรื่องแค่นี้ก็กินอะไรไม่ลงแล้วหรือตอนนี้พวกเขาเพียงแค่ยื่นข้อเสนอข้าก็ยังมิได้ตอบตกลงเหตุใดเจ้าถึงได้มีท่าทีราวกับว่าจะถูกจับมัดขึ้นเกี้ยวเยี่ยงนั้น”
ลู่เสวียนอ้าปากค้างไม่รู้จะตอบกลับคำกล่าวของเจียงหลีอย่างไรเพียงทำได้แค่กินอาหารอย่างหมดอาลัยตายอยากอย่างไม่รู้รสชาติ
อาหารตำรับชาววังพวกนี้ล้วนถูกเขากลืนลงคอไปอย่างจืดชืดไร้รสชาติ
รอจนเจียงหลีกินข้าวต้มคำสุดท้ายเสร็จและกินขนมในจานเล็กจนหมดหลังจากนั้นนางจึงรับผ้าเช็ดปากที่มั่วฉุนส่งให้มาเช็ดมุมปากแล้วจึงมองไปที่ลู่เสวียน
พบว่าเจียงหลีกินเสร็จแล้วลู่เสวียนรีบกลืนอาหารในปากลงคอแล้วยืนขึ้นพร้อมกัน
“ไปออกไปเดินย่อยอาหารกันสักหน่อย”เจียงหลีเดินออกจากตำหนักหวงจี๋ขณะเดียวกันก็สั่งคนอื่น“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”
ทั้งสองคนเดินออกมาจากตำหนักหวงจี๋ลู่เสวียนรอสักพักไม่เห็นว่าเจียงหลีจะยอมพูดขึ้นจึงรีบเอ่ยขึ้น“ข้าพูดก่อนแล้วกันถึงอย่างไรข้าก็จะไม่ไปเป่ยโหรวเลือกองค์หญิงนั่นหรอก”
เจียงหลีหยุดฝีเท้าสองมือจับที่ราวหินหยกมองไปยังสวนบุบผาด้านหน้าที่ตัดแต่งอย่างประณีตทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้น“เจ้าไม่แปลกใจหรือเหตุใดพวกเขาถึงต้องการนำตัวเจ้ากลับไปเป่ยโหรวเจียงเฮ่าเป็นพี่ชายแท้ๆของข้าหากตั้งใจจะล่อลวงทำไมคนที่จะแต่งเชื่อมสัมพันธ์ไม่ใช่เขาแต่กลับเป็นเจ้าที่เป็นหยวนหวังผู้ถูกลืม”
ลู่เสวียนอ้าปากค้างมองนางถามอย่างตะลึงงัน“เรื่องนี้ต้องมีกุศโลบายอยู่เบื้องหลัง!”
เจียงหลีพยักหน้า“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้กระถางสามขาสามารถทำให้โลกสงบสุขได้แต่ว่าบัดนี้บนโลกนี้ที่หนานฮวงมีเพียงแค่สองอาณาจักรท่านคิดว่าใครจะยอมทนให้ข้างเตียงนอนมีคนหลับสนิทได้ในเมื่อทั้งคู่ต่างเห็นกันเป็นหนามยอกอกอย่างนั้นแล้วเป้าหมายอะไรที่อยู่เบื้องหลังการอภิเษกสมรสเชื่อมสัมพันธไมตรีกันแน่”
………………………………….