ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 347 คนล่ะ ไปไหนเสียแล้ว
“ตกลงนี่มันเป็นสุสานโบราณหรือนรกกันแน่!”
ทั้งสามคนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ลู่เสวียนหน้าถอดสี
ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสุดกำลังเพื่อจะเปิดประตูหิน ตอนนี้กว่าจะเปิดออกได้แต่กลับถูกปกคลุมด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น
“ข้าว่าแค่พวกเราก้าวข้ามธรณีประตูนี้ไปก็จะกลายเป็นคนตายแล้วล่ะ” แววตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว
“สัตว์ประหลาดทดสอบพวกเรา พอเอาชนะพวกมันจึงสามารถเปิดประตูได้ ไม่แน่ด้านหลังประตูนี้อาจมีบททดสอบอีกก็ได้” เมื่อเจียงหลีเอ่ยจบ เจียงหลีก็ยกขาก้าวขึ้นเหยียบขั้นบันได
ยิ่งเข้าใกล้ประตูหินที่เปิดระยะให้คนผ่านได้คนเดียวก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเฉียบคมของจิตสังหาร
“บททดสอบอย่างนั้นหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งถามอย่างไม่เข้าใจ
เจียงหลีหยุดเดิน สายตาจ้องมองความโกลาหลด้านหลังประตูแล้วอธิบายเสียงเรียบ “หางของสัตว์ประหลาดถูกสลักเข้ากับเสาหินอย่างมั่นคง นี่จึงอธิบายได้ว่า ขอเพียงไม่เข้าไปใกล้ประตูหิน พวกมันก็จะไม่ทำร้ายคนที่เข้ามา หากเจ้าของสุสานต้องการฆ่าทุกคนที่พยายามเข้ามาในสุสานจริงล่ะก็ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วจะทำเยี่ยงไรได้ ก่อนหน้านี้ก็เจอกองทัพอินซุ่ยมาแล้ว พอมาตอนนี้ยังเจอสัตว์ประหลาดเฝ้าสุสานอีก ถึงแม้จะน่ากลัว แต่ต้องทำลายทางตันเหลือทางรอดอันริบหรี่เอาไว้ให้ได้
“แล้วนี่หมายความว่าอย่างไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งขยี้ถาม
เจียงหลีกลับหัวเราะ “ใครจะไปรู้ล่ะ เจ้าของสุสานต้องการผู้สืบทอดหรือเปล่า”
เมื่อพูดจบแววตาของนางก็ดำดิ่งลงเข้มแข็งขึ้นไม่มีสิ่งใดเปรียบ “ในเมื่อถอยไม่ได้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้า”
“ใช่ ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องยอมแพ้” ลู่เสวียนพูดพลางเดินตามทันเจียงหลี
เหวินเหรินเห็นทั้งสองเลือกเช่นนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าจากนั้นจึงเดินตามขึ้นมาสมทบ
“เราไปกันเถอะ” เจียงหลีเอ่ยขึ้นและก้าวเข้าไปในประตูหินก่อนใคร
ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่รอช้ารีบตามนางเข้าไป หลังจากทั้งสามเข้าไปในประตูแล้ว ทันใดนั้นประตูหินก็ปิดกลับไปเหมือนเดิม ที่ด้านนอกประตูหิน เศษก้อนหินแตกของสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะลอยกลับเข้ามายังเสาหินดังเดิม มีเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังออกมาแผ่วเบาด้วยความโกรธแต่กลับทำอะไรไม่ได้ พวกมันกลับมาเป็นหินแกะสลักพันรอบเสาหินใหม่อีกครั้ง
“เซ่าจวิน เซ่าจวิน!”
คนล่ะ
ลู่เสวียนยืนอยู่กับที่กวาดสายตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของเจียงหลี
เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเขาสามคนเข้ามาพร้อมกัน แต่พอผ่านความมืดที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและจิตสังหารเข้ามาก็ไม่เห็นเจียงหลีเสียแล้ว
“ตอนเข้ามา เรายังได้ยินเสียงนางชัดเจนอยู่เลยนี่นา” เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็กระวนกระวายขึ้นมาบ้าง
ตอนนี้ นางและลู่เสวียนยืนอยู่ท่ามกลางห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ไม่มีสิ่งของที่ฝังมาพร้อมกับศพ แต่เป็นเพียงห้องโถงใหญ่ธรรมดาเท่านั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเข้ามาได้อย่างไร แค่รู้สึกว่าพอดวงตาได้รับแสงสว่างก็มาปรากฏตัวในที่แห่งนี้เสียแล้ว
แต่ทว่า เจียงหลีหายไปไหน
“หรือว่าเมื่อครู่นี้เดินแยกทางกัน” น้ำเสียงของลู่เสวียนมีความร้อนรนขึ้นมาบ้าง
ท่าทางกระวนกระวายของเขาทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งสงสัยในสถานะของเจียงหลี “เซ่าจวินคนนั้น เป็นนางกำนัลของเจ้าจริงๆ หรือ”
คำถามจู่โจมเช่นนี้ทำเอาลู่เสวียนนิ่งค้างไปทั้งร่าง สถานะของเจียงหลีจะแพร่งพรายออกไปมิได้เด็ดขาด ถึงอย่างไรอีกฝ่ายยังเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยโหรว
“อืม” ลู่เสวียนตอบหนึ่งเสียงด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเอ่ยประชด “ถึงจะเป็นแค่นางกำนัลแต่ก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจ”
เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจตนเองผิด เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็หน้าเสียแต่กลับไม่โต้เถียงเพียงแต่พูดออกมาหนึ่งประโยค “วางใจเถอะ ข้ามองเห็นความสามารถของนางที่แข็งแกร่งกว่าเรามาก จะให้ห่วงนางหรือมิสู้ห่วงพวกเราเองดีกว่า”
“เจ้า!” นัยน์ตาของลู่เสวียนฉายแววเดือดพล่าน
เหวินเหรินชิ่งชิ่งจ้องตากลับอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางโผงผางตรงไปตรงมาทำให้ลู่เสวียนโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นางตัวคนเดียว ทั้งยังไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนหรือตกอยู่ในสถานการณ์ใด แล้วไม่คุ้ยเคยกับสุสานโบราณแห่งนี้ เจ้ายังพูดจาแล้งน้ำใจอีก” ลู่เสวียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งแสยะยิ้ม “พูดอย่างกับว่าข้ารู้เรื่องสุสานโบราณนี้ดี ทุกคนต่างก็เคยเข้ามาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ทุกอย่างในนี้นอกจากพวกตระกูลไป๋เซี่ยงหน้าไม่อายแล้วใครจะไปรู้อีกล่ะ”
“…” มุมปากของลู่เสวียนกระตุกอย่างแรง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งสำรวจต่อแล้วเอ่ยขึ้นกับเขา “โชคดีที่เราเข้ามาถึงที่ๆ เหมือนโถงสุสานจนได้ ดูก่อนซิว่ามีสิ่งใดหรือไม่แล้วค่อยหาทางออกไป เซ่าจวินหายตัวไปกะทันหัน ไม่แน่เผื่อจู่ๆ นางอาจโผล่ออกมาจากที่อื่นก็เป็นได้”
ลู่เสวียนสูดหายใจเข้าลึก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับคำพูดของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
เขามาได้อย่างไรก็มิรู้ แล้วจะกลับทางเดิมเพื่อตามหาเจียงหลีได้อย่างไร สำหรับแผนการตอนนี้ดูเหมือนจะทำได้เพียงก้าวต่อไปข้างหน้า แล้วก็หวังว่าเจียงหลีจะปรากฏตัวออกมาเอง
ทั้งสองมองไปรอบๆ ห้องโถงแต่ก็ไม่เจอเบาะแสของมีค่าอะไร สิ่งเดียวที่ไม่ทำให้ทั้งสองต้องผิดหวังก็คือห้องโถงแห่งนี้มิได้ปิดผนึก ทั้งยังมีเส้นทางหนึ่งที่เชื่อมไปยังที่อื่นได้
“ตรงนั้น ตรงนั้นยังมีอีกห้อง เราไปค้นหากันเถอะ”
“อืม เร็วหน่อย เผื่อมีคนเข้ามาคงต้องได้ต่อสู้กันอีกระลอกแน่”
“…”
เสียงบทสนทนาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งหยุดฝีเท้าพร้อมกัน
ทั้งสองกลั้นหายใจเงี่ยหูฟัง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าดังมาจากที่ไกลๆ ทั้งสองสบตาแล้วตัดสินใจพร้อมกันว่า ตามไป!
เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นคือคนของตระกูลไป๋เซี่ยง อีกอย่างเมื่อฟังจากน้ำเสียงของพวกเขา พวกเขาได้เข้าไปในสุสานแล้วและได้ทำการค้นหาเผื่อยังพอได้อะไรกลับไปบ้าง
“เหอะ! พวกตระกูลไป๋เซี่ยงนี่ขี้โกงจริงๆ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งสบถ สายตาเต็มไปด้วยแววมาดร้าย
ถ้าไม่ใช่เพราะขี้โกงจะปล่อยทางให้คนในตระกูลตัวเองเดินเข้ามาง่ายๆ หรือ แล้วยังให้พวกเขาสามคนเดินเข้าไปในอันตราย ทางเข้าที่ห่างไกล ทำไมพวกเขาถึงได้เข้ามาในสุสานล่าช้าเยี่ยงนี้
ลู่เสวียนไม่ได้นึกโมโหมากมายขนาดนั้นแต่กลับหัวเราะเสียอีก “เจ้าบอกแล้วว่าให้ทำตามกฎกติกา สิทธิในการสำรวจครั้งแรกน่าจะเป็นของตระกูลไป๋เซี่ยงที่ค้นพบสุสานโบราณ เจ้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งราชวงศ์อยากแทรกแซง พวกเขาโกงนิดโกงหน่อยก็พอจะเข้าใจได้”
“นี่เจ้า!” เมื่อเหวินเหรินชิ่งชิ่งเห็นเขาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองจึงอดมีสีหน้าสลดลงไม่ได้ นางเอ่ยถาม “แล้วตกลงเจ้ามาจากตระกูลไหน ตระกูลไป๋เซี่ยงได้ให้ผลประโยชน์อะไรเจ้าหรือเปล่า”
“ข้าไม่ได้มาจากตระกูลไหนทั้งนั้น” ลู่เสวียนเอ่ยตอบ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “หากข้าแทรกแซงจริง เจ้าและนางกำนัลของเจ้าผู้นั้นจะมีโอกาสเข้ามาได้อย่างไร”
“…” ลู่เสวียนไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย
อันที่จริง ประสบการณ์ฝึกฝนเช่นนี้ หากเขารู้เขาก็จะหาทางเข้ามาลองดูเหมือนกัน
“เอาล่ะ เราอย่ามัวแต่เถียงกันเลย” เหวินเหรินชิ่งชิ่งปรับสีหน้าดีขึ้น แต่ดวงตาเฉียบคมกับมองไกล “เราตามศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงให้ทัน”
“ที่นี่ที่ไหน ลู่เสวียนล่ะ”
เจียงหลียืนงงอยู่บนเส้นทางหนึ่งในสุสาน ข้างกายนางกลับไม่มีใครสักคน
เห็นได้ชัดว่านางเข้ามาพร้อมกับลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แต่ไม่รู้เหตุใด หลังจากที่สายตานางกลับสู่สภาพเดิมก็มาปรากฏตัวบนเส้นทางนี้ในสุสานเสียแล้ว
แล้วปลายทางสุสานแห่งนี้ยังมีประตูอีกบาน
สิ่งที่ทำให้แปลกใจที่สุดคือ ประตูบานนั้นเปิดเอาไว้อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว