ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 356 ฉีกทึ้งตระกูลไป๋เซี่ยง
“เป็นเจ้านี่เอง!” ไป๋เซี่ยงเลี่ยโพล่งออกมาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ
รอยยิ้มที่มุมปากของเจียงหลียั่วยวนมากขึ้น มันทำให้หน้าตาธรรมดาของนางเปล่งประกายยิ่งขึ้น เป็นนางแล้วอย่างไรเล่า
เลือกที่จะต่อสู้เอง นางไม่คิดจะปิดบังสถานะของตนต่อหน้าไป๋เซี่ยงเลี่ยอีกต่อไป
ถึงอย่างไร ไป๋เซี่ยงเลี่ยนรู้เพียงว่าวิญญาณยุทธ์ของนางคือเต่าเสวียนกัง แต่ไม่รู้เรื่องสืบราชการลับของนาง วิญญาณยุทธ์ของจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์จยาเซียนคืออะไร เกรงว่ามีคนเป่ยโหรวไม่กี่คนที่ทราบ
อีกอย่าง หากกลัวข่าวรั่วไหล เช่นนั้นทุกคนในที่นี้ก็คง…
ฆ่าให้ตายก็ดี เจียงหลียังคงมีรอยยิ้มยั่วยวน ดวงตาทั้งคู่ของนางกลับควบแน่นไปด้วยไอสังหาร
เพียงร่างของนางสั่นไหวก็หายไปจากที่เดิม ความเร็วนั้นทำเอาพวกตระกูลไป๋เซี่ยงจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ทักษะท่าร่างชวนเสินอิ่นอันแสนปราดเปรียวของสถาบันไป๋หยวน ยิ่งเพิ่มความเร็วจากเลี่ยเทียนซื่อ แทบจะทำให้เจียงหลีเร็วประดุจดั่งลำแสง
นางหลบหลีกเหล่าสาวกของตระกูลไป๋เซี่ยงแล้วพุ่งเข้าไปหมายเอาชีวิตไป๋เซี่ยงเลี่ยในทันที แล้วการฝ่าทะลุพวกลูกศิษย์นั้นใช้วิธีเรียบง่ายและหยาบคายเพื่อสังหารศัตรู
“อ้ากก!”
เสียงร้องสยดสยองดังมาจากในกลุ่มคน
ยังไม่ทันที่ไป๋เซี่ยงเลี่ยเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นความโกลาหลในกลุ่มคน แขนที่ขาดลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วร่วงหล่นลงพื้น
สายตาของเขาติดตามการเคลื่อนไหวของแขนขาดในอากาศและเมื่อแขนขาดตกลงบนพื้นบาดแผลฉีกขาดทำให้มุมตาของเขากระตุก โหดเหี้ยม
วรยุทธ์ของเจียงหลีทำให้เขามิอาจยอมรับ ช่างเป็นอะไรที่เด็ดขาดและโหดเหี้ยม
ก่อนหน้านี้นางได้อ้อมค้อมกับพวกเขาคนสองคนและนั่นเป็นการถ่วงเวลาและสร้างโอกาสให้พวกลู่เสวียนหนีไป ตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมต่อไปซึ่งก็คือไม่เสียเวลาพูดไร้สาระมิสู้ฆ่าให้ตายไปเลยดีกว่า
“ฆ่านาง…”
“เร็ว ฆ่านางซะ!”
“อ้ากกกก!”
“….”
ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่าน คนหนุ่มของตระกูลไป๋เซี่ยงเหล่านั้นส่งเสียงร้องหวาดกลัวไม่หยุดหย่อน พวกเขาเกลียดแค้นเจียงหลีในใจยิ่งนักแต่ทำได้เพียงปล่อยให้นางฆ่าแกง
คนในตระกูลไป๋เซี่ยงถูกรังแกเยี่ยงนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ น่าหดหู่เยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้อีก
“เจ้าบังอาจนัก!” ไป๋เซี่ยงเลี่ยตะโกนอย่างโกรธจัด
แน่นอนว่าสิ่งที่ตอบสนองเขากลับมีเพียงแขนขาดที่ลอยมามากขึ้น ทั้งยังถูกฉีกทึ้งทั้งเป็นอีกด้วย เส้นเลือดที่โผล่มาในบาดแผลยังเต้น ‘ตุ้บๆ’ อยู่เลย
“พวกเจ้าต้องการฆ่าข้า แย่งสมบัติของข้า ข้าจะไม่บังอาจได้อย่างไร เลี่ยฉางเหล่า นี่มันเหตุผลอะไรกัน” น้ำเสียงยียวนและเย้ยหยันของเจียงหลีดังลอยมา
นางกำลังสังหารคนอยู่ ยังมิวายลืมตอกกลับเขาอีกหรือ
ไป๋เซี่ยงเลี่ยโกระจนตัวสั่น กลิ่นคาวเลือดจากหน้าอกที่หมองคล้ำถูกเจียงหลียั่วโมโหจนแทบกระอักเลือด
ฆ่านางซะ! ฆ่านาง!
ความตั้งใจในการฆ่าที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนความเกลียดชังครั้งใหม่และความเกลียดชังครั้งเก่าร่วมกันทำให้ใบหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยแดงก่ำ แทบระเบิดพร้อมพลังวิญญาณ
เขากระโดดตัวขึ้นแล้วปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาเพื่อสังหารเจียงหลี
“ตายซะ!”
ทันทีที่เขาปล่อยทักษะพรสวรรค์ออกมา พลังนั้นช่างเป็นธรรมชาติอันน่าทึ่งทีเดียว
แน่นอนเขาคิดว่าเขาจับร่องรอยของเจียงหลีได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าเมื่อทักษะการต่อสู้ของเขาถูกใช้เงาร่างของนางก็แวบผ่านมาและหายไปจากที่เดิม
ทันใดนั้นดวงตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยก็เบิกกว้างคิดที่จะเก็บทักษะการต่อสู้กลับมาแต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว…
ตู้ม!
“อ้ากก! เลี่ยฉางเหล่า…”
“…”
เสียงร้องจากการที่พลังวิญญาณถูกทำลายดังก้อง
แต่ทว่าเสียงร้องน่าอนาถนั้นไม่ได้มาจากเจียงหลี แค่กลับมาจากเหล่าลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยง กระบวนการฆ่าของไป๋เซี่ยงเลี่ยแฝงไปด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อเจียงหลี เขาไม่ได้โจมตีเจียงหลีแต่กลับโจมตีลูกศิษย์ของเขาแทน
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ไป๋เซี่ยงเลี่ยแทบคลั่ง ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงฉาน เส้นเอ็นที่ขมับเต้นตุ้บๆ แทบจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ความเกลียดแค้นในใจที่มีต่อเจียงหลีเพิ่มสูงขึ้นเป็นระดับใหม่
“ถุยๆ ไม่เจอแค่ไม่กี่ปี การฝึกฝนของเลี่ยฉางเหล่าไม่เพียงถอยหลังเข้าคลองแล้วแม้กระทั่งสายตายังไม่ดีอีกด้วย เหล่าลูกศิษย์ท่านต่อให้ไม่เอาไหนหรือจะมาเยี่ยงหมาหมู่ สั่งสอนสักหน่อยก็ได้แล้ว ทำไมถึงลงมือฆ่าได้เล่า ดูเจ้าสิ เพียงลงมือแม้กระดูกยังไม่เหลือ ส่วนข้ายังดีที่เหลือศพพิการให้พวกเขาดูต่างหน้า”
น้ำเสียงยียวนของเจียงหลีดังมาจากด้านหลังของไป๋เซี่ยงเลี่ย
ดวงตาแดงก่ำของไป๋เซี่ยงเลี่ยเมื่อพลิกมือโจมตีกลับไป แน่นอนว่า…
“อ้ากๆ!”
เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้งและยังไม่ใช่เสียงเจียงหลีเหมือนเดิม
“ฮ่าๆๆๆ! ช้าบอกแล้วไงว่าเจ้าสายตาฝ้าฟาง ทำคราวนี้ลงมือโดยไม่มองก่อนเล่า หรือว่าคนในตระกูลไป๋เซี่ยงยั้วเยี้ยไปหน่อยเจ้าเลยอยากล้างบาง”
ราวกับว่าจะไปทางไหนก็มีแต่เสียงของเจียงหลี
“เจ้าหุบปาก! หุบปากเดี่ยวนี้!” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเกือบจะบ้าคลั่งเพราะนาง เขาทำได้เพียงฆ่าเจียงหลีเพื่อชดเชยการกระทำผิดที่เขาฆ่าเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
มา! บางที เขายังมีอีกวิธีหนึ่ง
ความคิดน่ากลัวแวบเข้ามาในหัวของไป๋เซี่ยงเลี่ยแต่กลับถูกเขาจับเอาไว้แน่น
ในบรรดาสมาชิกตระกูลที่ออกมาในครั้งนี้ ผู้สืบทอดหลายคนเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูล แม้ว่าเขาจะสังหารเจียงหลีก็กลัวว่าญาติของรุ่นน้องเหล่านี้จะไม่ไว้ชีวิตเขาแน่ วิธีเดียวที่จะช่วยชีวิตเขาได้คือการฆ่าเจียงหลีตามด้วยสังหารผู้คนที่นี่ทั้งหมด จากนั้นความลับนี้จะจมลงสู่พื้นดินไปตลอดกาล ผลักบาปทั้งหมดที่มีให้เจียงหลี และเขาจะกลายเป็นขุนนางผู้มีบุญคุณที่สังหารศัตรูได้สำเร็จ!
ใช่! ไม่เลว!
ส่วนลึกในแววตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยได้จุดประกายความชั่วร้ายขึ้นมา
ในแสงมืดมนดวงตาของเขาวูบไหวและเงียบขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนซึ่งทำให้เขาตื่นเต้น “เจ้าหุบปาก! หุบปาก ฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ทันใดนั้นเขาก็คำรามอย่างบ้าคลั่ง พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขากลายเป็นทักษะการต่อสู้ที่ดีที่สุดของเขาพุ่งเข้าใส่สาวกหลายคนที่ไม่ได้ปกป้องเขาอย่างสะเปะสะปะไร้จุดหมาย
“อ้ากก!”
“อ้ากกๆ!”
สาวกเหล่านั้นถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ไป๋เซี่ยงเลี่ยลงมือโหดเหี้ยมทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะโบกสะบัดอย่างดุเดือด แต่พวกเขากลับถูกโจมตีจุดตันเถียนหรือจุดกำเนิดพลังอย่างแม่นยำ ตีพลังวิญญาณแตกดับจนทำลายการฝึกบำเพ็ญของพวกเขา
“เลี่ยฉางเหล่า นี่ท่าน!…”
“ไป๋เซี่ยงเลี่ยเจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
“…”
สาวกที่ถูกโจมตีส่งเสียงคำรามอย่างสิ้นหวัง การฝึกบำเพ็ญหลายปีถูกทำลายเพียงครั้งเดียว และจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์นับจากนี้ไป พวกเขาจะไม่สิ้นหวังได้อย่างไร จะไม่เกลียดได้อย่างไร
แต่ทว่า ต่อให้พวกเขาจะเกลียดแค้นอีกเท่าไหร่ก็ฆ่าแก้แค้นไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่ได้!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ไป๋เซี่ยงเลี่ยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาและตามฆ่าเจียงหลีต่อไป ราวกับว่าทุกคนในที่นี้ได้กลายเป็นเจียงหลีหมดแล้วในสายตาของเขา ทุกครั้งที่ลงมือช่างไร้ซึ่งความปราณี
“เขาเสียสติแล้ว พวกเจ้ารีบหนีเร็ว…”
ท่ามกลางความตกตะลึงและการเปลี่ยนแปลงสาวกตะโกนเตือนสาวกที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์
“รีบวิ่งสิ!”
“อ้ากๆๆ!”
เหล่าลูกศิษย์ที่ถูกเตือนสติต่างทยอยวิ่งหนี
แต่ไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาหนีไป เขาคว้าคอเสื้อด้านหลังของชายคนหนึ่งดึงกลับมาแล้วทึ้งหัวด้วยกรงเล็บ
บ้าไปแล้วหรือ
หลังจากที่ไป๋เซี่ยงเลี่ยบ้าคลั่ง เจียงหลีก็เก็บมือเงียบๆ แล้วถอยไปยังที่มืด นางหรี่ตาและมีแสงเย็นเยียบในดวงตาของนางกำลังเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้น…
…………………………..