ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 376 มาทำเรื่องสนุกๆ กันเสียหน่อย
“ข้าจะไม่เจอท่านอีกนานแสนนานเลยอย่างนั้นหรือ” ดวงตาของเจียงหลีแวววาว ที่นางไม่ร้องไห้ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะว่านางเข้มแข็ง แต่เป็นเพราะว่านางเกิดมาส่งสูง ในหลายๆ เรื่องและคนหลายๆ คน ไม่ควรค่าแก่การหลั่งน้ำตาของนาง
แต่ตอนนี้ ได้ยินเขาพูดแบบนี้ คงจะไม่ปรากฏตัวอีกนานแสนนาน นางก็อยากจะร้องไห้เสียแล้ว
ทั้งๆ ที่เขาก็อยู่ตรงหน้าแต่นางกลับเริ่มรู้สึกทุกข์ใจ
“อย่าร้องไห้เลย”
เขายื่นนิ้วมือที่เรียวยาวมาเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ที่หางตาของนางอย่างเบามือ
“ข้าไม่กลัว” นางพูดขึ้นมา
เซ่าตี้เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่กลัวหรือ
เจียงหลีส่ายหน้ามือทั้งสองข้างกอดคอเขาไว้แน่น “ข้าไม่กลัวความเจ็บปวดที่จะต้องพรากจากกันอีกครั้ง”
“แต่ข้ากลัว” จักรพรรดิเซ่าตี้ยกมือทั้งสองข้างจับหน้านาง ใบหน้าที่เหมือนจะไม่แสดงอาการอะไร เผยความดิ้นรนออกมาเล็กน้อย
นางบอกว่าไม่กลัวอย่างนั้นหรือ
พอถึงวันนั้นจริงๆ เมื่อนางเจ็บปวดจนจะขาดใจ คนที่ปวดใจก็คือเขาเอง
“…” คำพูดแค่สามคำทำให้เจียงหลีพูดไม่ออก
“อย่าดื้ออย่าซน ตั้งใจทำเรื่องที่เจ้าต้องทำแล้วรอข้ากลับมาก็พอ” เขาพูดปลอบโยน ทำไมเขาถึงทำใจที่จะไม่ได้เจอกันนานได้ เพียงแต่ถึงแม้ว่าเขาจะคอยอยู่ข้างๆ นางก็ไม่สามารถให้นางรู้ได้ “เจ้าก็คิดเสียว่าข้าไปจำพรรษา”
ท่าทางที่ไม่ยอมของจักรพรรดิเซ่าตี้ทำให้เจียงหลีทำได้เพียงยอม “ได้ แต่ว่าอีกนานแค่ไหนข้าถึงจะได้เจอท่านอีกครั้ง”
นางไม่รู้ว่าเมื่อเกิดใหม่แล้วเขาจะเป็นอย่างไร
“ไม่นานหรอก” เขาให้คำตอบ
“จริงหรือ” เจียงหลีมองเขาด้วยความสงสัย
“อืม” เซ่าตี้ตอบ
เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ ละทิ้งความทุกข์ที่ต้องพรากจากกันแล้วเผยรอยยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง “การจากไปครั้งนี้เป็นเพราะว่าต้องไปเกิดใหม่ใช่หรือไม่”
“อืม” เขาตอบอีกครั้ง
“แล้ว” เจียงหลีเข้าไปใกล้เขา ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนหายไป “หลังจากที่ท่านเกิดใหม่ จะไปชอบผู้หญิงอื่นหรือไม่”
“ไม่” เป็นคำตอบที่เด็ดขาดเช่นเดิม
“แน่ใจขนาดนั้นเลยรึ” เจียงหลีกระพริบตา
“อืม” เซ่าตี้พยักหน้า
“แล้ว”
“แล้วเจ้าล่ะ” ทันใดนั้นเซ่าตี้ก็พูดแทรกเจียงหลีขึ้นมา
“ข้าทำไมรึ” เจียงหลีนิ่งไป รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ทันทีหลังจากนั้น นางก็รู้สึกได้ว่ามือใหญ่ๆ ของเขาที่โอบเอวอยู่เริ่มรัดแน่นขึ้น ร่างกายที่แนบชิดกันอยู่แล้วแทบจะเหมือนถูกกดอยู่ที่หน้าอกของเขา
ตรงหน้ามีเงาปกคลุมลงมา เขาก้มหน้าลงมาดวงตาที่แวววาวของเขาจ้องมองที่นาง นางเห็นตัวเองที่ไม่ได้ทำอะไรผิดจากดวงตาของเขา “แล้วหลีเอ๋อร์ล่ะ จะไม่ฉวยโอกาสที่ข้าไม่อยู่ไปชอบคนอื่นใช่หรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่!” เจียงหลีเสียงดังขึ้นแปดระดับเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง
“จริงรึ” เขาถามอีกครั้ง
“จริงสิ!” เจียงหลีเชิดคางมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
เขาเลิกมองตาของนาง ใช้มือทัดผมของนางขึ้นแล้วพูดกระซิบเบาๆ ว่า “หลีเอ๋อร์ชอบผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลามาก ใช่ไหมล่ะ”
“…” ทันใดนั้นเจียงหลีก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา
จักรพรรดิเซ่าตี้ไม่ได้มองนางแต่ว่านางกลับรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่มองริมฝีปาก มองจมูก มองลำคอแล้วก็เคลื่อนสายตามองเรือนร่างของนาง
ภายใต้แววตานั้น นางรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่มีที่ให้หลบหนี ทุกอย่างเผยให้เห็นอยู่ตรงหน้าเขา
“ลู่เจี้ย” นางมองเซ่าตี้ด้วยความออดอ้อน “ท่านเป็นผู้ชายที่รูปงามที่สุดแล้ว มีท่านแล้วข้าจะไปชอบใครได้อีกเล่า”
“อืม ณ จุดนี้ ถือว่าตาของเจ้ายังมีแวว” เซ่าตี้พยักหน้าแล้วพูดด้วยความเคร่งขรึม
“…” เจียงหลีมุมปากกระตุกเล็กน้อย ทำไมก่อนหน้านี้นางถึงไม่รู้ว่าเขาหลงตัวเอง เพียงแต่ความรู้สึกถึงอันตรายยังไม่หายไป นางจึงไม่กล้าปะทะกับเขาในตอนนี้ ทำได้เพียงพูดประจบ “ดังนั้น ท่านก็ควรเชื่อข้า”
“อือ” เขาพูดตอบไปอย่างนั้น
ลูกตาของเจียงหลีกลอกไปมา กำลังวิเคราะห์ว่าจะหยอกล้อเขาเล่นได้หรือไม่ ในขณะเดียวกันนางก็กำลังรู้สึกไม่พอใจ นางดูเป็นผู้หญิงบ้าผู้ชายขนาดนั้นเชียวหรือ
“ท่านไม่เชื่อข้า เช่นนั้นก็…” ทันใดนั้นนางก็ดันจักรพรรดิเซ่าตี้แล้วตัวเขาก็เอนไปพิงกับพนักพิงเก้าอี้
นางไต่อยู่บนตัวเขาเหมือนกับแมวอย่างไรอย่างนั้น หน้าผากของทั้งสองชนกัน ปลายจมูกถูไถกันแผ่วเบา นางพูดด้วยลมหายใจที่มีกลิ่นหอมว่า “ถ้าหากกท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นพวกเราก็มาทำเรื่องสนุกๆ กันสักหน่อยดีไหม ท่านจะได้เชื่อ”
เสียงหวานๆ ของนางฟังแล้วรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งสรรพางค์กายและแขนขาไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆ
ช่วงเวลาที่ทั้งทุกข์และสุข เต็มไปด้วยความเร่าร้อน นางไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยแค่กระดิกนิ้วก็สามารถทำให้เขาหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น
ตึกตักๆ!
จักรพรรดิเซ่าตี้ได้ยินเสียงใจเต้นของตัวเอง
ดวงตาที่แวววาวค่อยๆ มืดสลัวขึ้นมา สาวน้อยที่มีเสน่ห์ยั่วยวนของเขา รับมือได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ทำให้ใจที่ไม่เคยหวั่นไหวมาเป็นเวลานานต้องรู้สึกทั้งที่ไม่ควรรู้สึกได้อย่างง่ายดาย
“อะไรที่เรียกว่าเรื่องสนุกหรือ” มือของเขาลูบที่ด้านหลังของนางไปมาโดยสัญชาตญาณ ทั้งหมดนี้คือการกระทำที่เกิดจากสัญชาตญาณ แต่กลับไม่รู้เลยว่าการยั่วยวนเล็กๆเฉกเช่นนี้ของเขา กลับทำให้เจียงหลียิ่งรู้สึกเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ลมหายใจของนางก็เร่าร้อนมาก
“เรื่องสนุกๆ ก็คือ” เสียงของเจียงหลีดูยั่วยวนมากยิ่งขึ้น
ทำให้คนที่ได้ยินแค่เสียงของนางก็คิดอยากจะส่งเสียงครวญครางออกมา ใจที่สั่นระรัวพร้อมที่จะละทิ้งทุกอย่าง
นางกระซิบเบาๆ สายตามองไปยังริมฝีปากที่อมชมพูเล็กน้อยและดึงดูดของเขา
ริมฝีปากนั้นเหมือนกับผลอิงเถา[1]สีแดงสดที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดูแล้วน่ากินเหลือเกิน นางกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ พูดกระซิบเบาๆ ใกล้ๆ เขาว่า “ก็คือ…”
นางจูบไปที่ปากที่เย็นชืดเล็กน้อยของเขา มือทั้งสองข้างของนางที่อยู่ที่ลำคอของเซ่าตี้ก็คอยๆ เลื่อนไปจับแก้มของเขา
นางลิ้มรสจูบของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนเขาก็ลิ้มรสจูบของนางอย่างหอมหวาน
ณ บนบัลลังก์มังกรในตำหนักหวงจี๋ ร่างสองร่างที่ซ้อนทับกัน ดื่มด่ำกับความปรารถนาโดยไม่ถูกรบกวน
“อื้ออ”
การจูบครั้งนี้ ทั้งสองจูบกันนานมาก จูบกันจนรู้สึกหายใจไม่ออกก็เลยทำให้เจียงหลีปล่อยปากของเขาที่ถูกนางจูบจนบวมออก
จ้องมองริมฝีปากที่ยิ่งดูยิ่งยั่วยวนของเขา แววตาที่สดใสของเจียงหลีเต็มไปด้วยความสุข
ส่วนผู้เป็นจักรพรรดิเซ่าตี้ ดวงตาที่แวววาวคู่นั้นของเขาได้มืดสลัวลงช่างมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เขามองสายตาที่หวาดกลัวของเจียงหลี ราวกับว่าเขาจะกลืนกินนางอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านอยากจะทำต่อที่ตรงนี้ หรือว่าจะไปข้างหลัง” เจียงหลีใจเต้นแรงแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะยั่วยวนเขา
นางเห็นความปรารถนาในแววตาของเขา แต่ทว่าตอนนี้นางก็อยากกินเขาเช่นกัน
เพี๊ยะ!
เขาตีเข้าที่ก้นของนางทำให้นางรู้สึกเจ็บแสบและอึ้งไปชั่วขณะ
นางมองเขาด้วยความงุนงง และค้นพบว่าอารมณ์ของเขาค่อยๆ หายไป แววตาที่เคลิบเคลิ้มกำลังกลับมาสุขุมเยือกเย็น
“คิดจะดื้ออีกหรืออย่างไร” เขาทำหน้าขรึมแล้วพูดตำหนิ
“…” เจียงหลียิ่งงงเข้าไปอีก ทำไมนางโดนหาว่าดื้อกันเล่า หลังจากที่นางเห็นว่าเขาเย้าเล่น นางก็รู้ในทันทีว่า นี่คือร่างมืดที่เผยออกมา เพราะถูกยั่วยวนอย่างนั้นรึ เมื่อครู่นี้ข้าจะเอาจริง แต่เขากลับคิดว่าข้าเล่นอย่างนั้นหรือ
…………………………….
[1] อิงเถา ผลเชอร์รี่