ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 377 การจากลาและเลี้ยงส่ง
จักรพรรดินีคนหนึ่งเจ็บปวดจนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก บรรยากาศดีๆ กลับถูกเขาที่ไม่รู้อะไรเลยทำลายลง
เห็นเขาพูดแบบนี้ นางก็ไม่มีอารมณ์แล้ว เช่นนั้นก็ลงมาจากบนตัวเขาแล้วยืนอยู่ข้างๆ “ท่านจะไปก็ไปเถอะ อย่ามัวลีลาอยู่ที่นี่เลย รีบไปจะได้รีบกลับมา”
สีหน้าที่ไม่พอใจของนางทำให้จักรพรรดิเซ่าตี้งงนิดหน่อย
หลังจากนั้นเขาก็รู้ในทันที แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะถูกเขาทำลายแผนการลง ถึงได้เริ่มไม่สบอารมณ์
“หลีเอ๋อร์” เซ่าตี้เรียกนาง
“มีอะไรอีก” เจียงหลีตอบด้วยท่าทางที่ผิดปกติ
“ดูแลตัวเองดีๆ รอข้ากลับมานะ” เซ่าตี้พูดอย่างจริงใจ
“รู้แล้ว” เจียงหลีตอบส่งๆ
เห็นว่านางยังไม่สบอารมณ์ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซ่าตี้เผยรอยยิ้มที่รักใคร่เอ็นดูออกมาเล็กน้อย เขายื่นแขนที่เรียวยาวของเขาออกมาจับมือของนาง แล้วดึงนางเข้าไปอยู่ใกล้ๆ
“ท่านจะทำ…”
“ชู่วว!” จักรพรรดิเซ่าตี้เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากของนางเบาๆ เพื่อไม่ให้นางถามอะไร
หลังจากนั้นเขาก็เอาปลายนิ้วมือแตะบนระหว่างคิ้วของนาง ทันใดนั้นเจียงหลีก็รู้สึกแสบร้อนที่หว่างคิ้วแสงสีทองที่เปล่งประกายอยู่ตรงหน้าลอยเข้าไปที่หว่างคิ้วของนาง
เจียงหลีหลับตาทั้งสองข้างลงทันทีรับรู้ได้ว่าแสงสีทองนั้นยังอยู่
ทันใดนั้นนางก็เห็นคนตัวเล็กๆ ที่มีแสงสีทองเปล่งประกายกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในจิตใจของนาง และลักษณะของคนตัวเล็กๆ นั้นก็เหมือนกับลู่เจี้ยราวกับแกะ
“ข้าทิ้งร่างแยกของข้าไว้ในตัวเจ้า ถ้าหากเจ้าเจอกับเรื่องที่อันตรายมากๆ จะสามารถปกป้องชีวิตเจ้าได้” จักรพรรดิเซ่าตี้พูด
เจียงหลีลืมตาขึ้น มองชายคนนี้ด้วยแววตาที่สับสน
เหมือนว่านางจะเข้าใจชายที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างไร ก่อนหน้าที่เขายังไม่มีความรัก ไม่ว่าจะเป็นลู่เจี้ยหรือมหาเทพก็ล้วนแต่เย็นชาไร้ความรู้สึก แต่เมื่อหลังจากที่เขามีความรักแล้ว ในใจของพวกเขาคิดแต่จะทำเพื่อนาง
ตอนที่เขายังเป็นลู่เจี้ย เพื่อให้นางได้รับการปกป้อง เขาก็ช่วยนางตามหาวิญญาณยุทธ์ของนกอมตะ ทำให้นางมีสามชีวิต แล้วเขายังทิ้งยาที่ช่วยปกป้องชีวิตที่มู่ชิงเกอทิ้งไว้ให้กับนาง นี่คือชีวิตที่สี่ ตอนนี้เขากลับมาเป็นมหาเทพแล้ว เขาก็ทิ้งร่างแยกไว้เพื่อปกป้องนางไม่ให้เป็นอันตรายเช่นกัน
นางในตอนนี้ทั้งรู้สึกซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกจนปัญญา “ในสายตาของท่าน ข้าเป็นคนที่ชอบรนหาที่ตายขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ข้าเพียงแค่อยากแน่ใจว่าเจ้าจะปลอดภัย” มือของเซ่าตี้สัมผัสที่แก้มของนาง ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้นางอยากจะจมดิ่งอยู่ในความรักของเขาผู้ชายนี้เป็นอย่างมาก
แต่ว่า…ทำอย่างนั้นไม่ได้!
นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจำเป็นจะต้องฝึกฝนอีกมากมีเพียงแค่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น นางถึงจะสามารถยืนอยู่ข้างกายของชายคนนี้ได้หลุดพ้นจากโลกใบนี้ไปพร้อมกับเขา
ในที่สุดเขาก็จากไปไม่อยากให้เขาไปมากแค่ไหน แต่ก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนไว้ในใจ
ลู่เจี้ยไปที่ไหน เกิดใหม่เป็นใคร เจียงหลีไม่รู้เลยก็เหมือนกับที่เขาพูดคิดเสียว่าเขาไปจำศีล
ผ่านไปหนึ่งเดือน เจียงหลีก็ต้องไปส่งคนอื่นอีก
วันนี้เป็นวันที่สถาบันไป๋หยวนจะส่งลูกศิษย์ที่ถูกคัดเลือกไปยังดินแดนตะวันตกซีฮวง เจียงหลีเปลี่ยนเป็นชุดเดินทางก็เพื่อมาส่งเจียงเฮ่า ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
ก่อนจะขึ้นเรือจากไป เจียงเฮ่ามองน้องสาวอย่างอาลัยอาวรณ์ “อาหลี ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า รอให้เจ้าจัดการเรื่องหนานฮวงเสร็จแล้ว พวกเราสองพี่น้องคอยไปซีฮวงด้วยกัน”
เจียงหลีส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ที่ท่านพี่ไปซีฮวงในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องสำคัญ ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือ”
เจียงเฮ่าขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้ลืม” เขาต้องไปสืบหาความเป็นมาของท่านแม่แล้วก็ตระกูลของท่านตาให้จงได้ เพราะนั่นคือญาติเพียงคนเดียวของพวกเขาบนโลกใบนี้
สำหรับกู๋หล่านเย่ว์ รวมทั้งตระกูลของนาง เท่าที่เจียงเฮ่ารู้ก็ไม่มาก แต่ว่ากู๋หล่านเย่ว์หายไปนานขนาดนี้ ไม่เคยมาหาพวกเขาสองพี่น้องเลย มันผิดปกติเกินไป พวกเขาจำเป็นต้องไปสืบหาให้รู้แน่ชัด
ก่อนหน้าที่ตระกูลเจียงจะเกิดเรื่องขึ้น ความรักที่กู๋หล่านเย่ว์มีให้พวกเขา ยังคงชัดเจนอยู่ มารดาที่รักลูกขนาดนั้น ทำไมถึงได้หายไปนานอย่างไร้ข่าวคราวขนาดนั้น
“ซีฮวงไม่ต่างอะไรกับหนานฮวง พอไปถึงที่นั่นก็จงระมัดระวังตัวให้ดี ในตอนที่ไม่มั่นใจก็อย่าหุนหันพลันแล่น สถาบันไป๋หยวนเป็นที่พักพิงที่ดี” เจียงหลีพูดกำชับ
“อืม พี่จะรอเจ้าอยู่ที่ซีฮวง” เจียงเฮ่าพยักหน้า
พูดกับเจียงเฮ่าเสร็จ เจียงหลีก็มองไปยังลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง ทั้งสองคนยังคงอยู่ในท่าทางที่เป็นคู่กัดกันเหมือนทุกวัน เพียงแต่วันนี้อาจจะเป็นเพราะว่าจะต้องจากจากเจียงหลีอยู่แล้ว พวกเขาทั้งสองเลยไม่ทะเลาะกัน
“ซ้อ” ลู่เสวียนมีความไม่อยากไป
“ไปถึงซีฮวงแล้วก็ตั้งใจฝึกฝน อย่าให้พี่ชายและตระกูลลู่ของเจ้าต้องขายหน้า” เจียงหลีพูดด้วยรอยยิ้ม
ลู่เสวียนรู้สึกซาบซึ้ง ถึงแม้ว่าซ้อคนนี้จะอายุน้อยกว่าเขา แต่ก็คอยดูแลเขาทุกอย่าง ตอนนี้ต้องจากกันแล้ว รู้สึกเศร้าจริงๆ “วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้ขายหน้า”
“ปัญหาของสายเลือดตระกูลลู่ พวกเจ้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด ไปถึงซีฮวงแล้ว ถ้าหากมีโอกาส ก็ไปสืบหาเองดู” เจียงหลีคิดแล้วก็พูดเตือนขึ้นมาประโยคหนึ่ง
สายเลือดของตระกูลลู่ ในหนานฮวงมีแค่ตระกูลเดียว หลังจากที่เจียงหลีรู้เรื่องราวของโลกใบนี้มากขึ้น ก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าตระกูลลู่อาจจะเป็นตระกูลที่ย้ายมาจากที่อื่นหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ เพราะว่าเวลาผ่านมานานแสนนาน ไม่มีการบันทึกลำดับศักดิ์ของวงศ์ตระกูล ลู่หวังชวนก็ยิ่งไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถไปตัดสินอะไรได้
ถ้าหากตระกูลลู่เป็นตระกูลที่มาจากที่อื่นแล้วสืบทอดต่อๆ กันมา เช่นนั้นซีฮวงก็เป็นที่ๆ ดีที่สุดในการสืบหาต้นกำเนิด
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่เสวียนตอบกลับ
เจียงหลีมองไปที่เหวินเหรินชิ่งชิ่ง ทั้งสองคนมองตากันแล้วยิ้มให้กัน “ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ช่วยข้าดูแลสองคนนี้ด้วย”
สำหรับเรื่องเล็กน้อยในชีวิต เป็นธรรมดาที่ผู้ชายไม่ต้องการผู้หญิง
“อืม” เหวินเหรินชิ่งชิ่งตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ได้เวลาแล้ววว! ขึ้นเรือ!” เฟิงสิงอวิ๋นยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือแล้วพูดเร่ง
พวกเขาไม่อยากแยกจากกัน แต่สุดท้ายก็ต้องจากกัน
เรือลำใหญ่ค่อยๆ แล่นไปข้างหน้า เจียงหลียืนมองส่งพวกเขาอยู่ที่ท่าเรือ
“แล่นไปตามแม่น้ำ เรือลำนี้จะคอยรับลูกศิษย์ของสถาบันในแต่ละที่ขึ้นตลอดทาง หลังจากแล่นผ่านแม่น้ำก็จะเข้าสู่ทะเล ถ้าหากทุกอย่างราบรื่น หลังจากนี้หนึ่งปี พวกเขาก็จะถึงซีฮวง” หนานอู๋เฮิ่นมาอยู่ข้างๆ เจียงหลีตอนไหนก็ไม่รู้
“หนึ่งปี” เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างแล้วพูดเสียงต่ำว่า “แท้จริงแล้วซีฮวงอยู่ไกลขนาดนั้นเชียวรึ”
“ในดินแดนทั้งเก้าจิ่วฮวง ทุกๆ ดินแดนจะถูกกั้นด้วยแม่น้ำที่ไร้ขอบเขต ระยะห่างระหว่างซีฮวงและหนานฮวงถือว่าใกล้แล้ว” หนานอู๋เฮิ่นพูดด้วยใบหน้ายิ้ม
“นี่ถือว่าใกล้แล้วรึ” เจียงหลีหันไปมองเขาด้วยความตะลึง
หนานอู๋เฮิ่นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รอให้เจ้าไปถึงซีฮวง เจ้าก็จะเข้าใจว่าทำไมข้าถึงพูดเช่นนี้”
“อย่าทำแบบนี้ทุกครั้งเลยได้หรือไม่” เจียงหลียิ้มแห้ง
หนานอู๋เฮิ่นหัวเราะขึ้นมา หลังจากหัวเราะเสร็จ ถึงพูดว่า “ได้ ข้าจะบอกแบบนี้ก็แล้วกัน ระหว่างดินแดนแต่ละดินแดน จะมียานพาหนะพิเศษอยู่ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถย่นเวลาและระยะทางได้เยอะมาก แต่ว่าในสายตาของดินแดนอื่นๆ หนานฮวงเป็นที่ๆ ไม่คุ้มค่าแก่การใช้กำลังมากมายเพื่อสร้างยานพาหนะประเภทนี้ ดังนั้นถึงทำได้เพียงแค่นั่งเรือ”
“…” เจียงหลีหัวเราะ ‘เหอะๆ’ สำหรับนางที่เป็นจักรพรรดินีที่กำลังจะรวบรวมหนานฮวงให้เป็นหนึ่งเดียวแล้ว ข้อมูลแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นประโยชน์
“ไปกันเถอะ ตามข้าไปสถาบันหน่อย สามยอดปราชญ์อยากพบเจ้า” หนานอู๋เฮิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย “สามยอดปราชญ์!”
…………………………