ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 453 เจ้าจะยอมหรือไม่!
“ยังจะบอกว่าฉลาดปราดเปรื่องอีกรึ แบบนี้เรียกว่าขี้ขลาดเหมือนหนู”
“ข้าดูแล้ว เดิมทีเจียงหลีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เหยี่ยนฉืออยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว นางต้องแพ้อยู่ดี”
“ก็จริง ถ้านางยังหลบเลี่ยงอยู่แบบนี้ตลอด อีกไม่นานก็คงถูกมู่เหยี่ยนฉือจัดการตกเวทีประลองแน่”
“…”
เหล่าลูกศิษย์ชายของวังเทียนอู่กงไม่พอใจ มีบางคนโกรธ แล้วรีบลุกขึ้นมาตอบโต้ทันที
“ทำไมสตรีอย่างพวกเจ้าถึงได้ใจแคบขนาดนี้ คนอื่นสวยกว่าพวกเจ้า ก็เลยหวังให้คนอื่นแพ้อย่างนั้นรึ!”
“มู่เหยี่ยนฉือที่เป็นบุรุษท้าต่อสู้กับสตรีคนหนึ่ง ไม่ขายหน้ารึ”
“…”
ลูกศิษย์หญิงก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นมา
“เหอะ! พวกเจ้าเห็นว่านางสวยเลยลืมเพื่อนสินะ คงลืมไปแล้วว่าใครคือศิษย์ของวังเทียนอู่กงแล้วใช่ไหม ไอ้พวกลืมพรรคพวก ไอ้พวกเลว!”
“…”
ในขณะที่ลูกศิษย์ชายและหญิงที่อยู่บนยอดเขาทั้งห้าที่ปะทะกันอย่างแรงเพราะการประลองครั้งนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้พวกเขาตกใจจนเงียบลงแล้วมองไปยังเวทีประลอง
ท่ามกลางฝุ่นควัน เห็นเพียงพลังที่บ้าคลั่งทำลายฉากกำบังบนเวทีประลองลง ร่างของมู่เหยี่ยนฉือถอยหลังไปทันทีหลายก้าว
ผู้คนต่างตะลึง
เกิดอะไรขึ้น
คนกลุ่มหนึ่งเสียดายที่เมื่อครู่นี้ทะเลาะกันอยู่ ทำให้พลาดช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมไป
ตอนนี้พวกเขาก็มีสติกลับมาแล้ว ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันต่อ และดูการประลองอย่างตั้งใจ
มู่เหยี่ยนฉือยืนมั่นแล้ว ก้มหน้าลงมองรอยเท้าที่หน้าอกของตัวเอง แล้วยกมือขึ้นปัดเบาๆ เมื่อครู่เขาคิดว่าตัวเองจับเจียงหลีที่เคลื่อนไหวไปมาได้แล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวไปมาแล้วใช้วิธีเดียวกับเขา ถีบเข้าที่อกของเขาอย่างแรง
เจียงหลียังคงยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วมองเขาด้วยสายตาที่เย้ยหยัน
มู่เหยี่ยนฉือแววตาวูบลง เขารู้สึกมาตลอดว่าเจียงหลียังไม่ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา
หรือว่าตัวเขาเองไม่คู่ควรที่จะให้นางใช้พลังที่แท้จริงสู้ด้วยอย่างนั้นหรือ
มู่เหยี่ยนฉือเกิดความโกรธขึ้นในใจ เขารวมพลังวิญญาณในมือเป็นดาบ ทันใดนั้นพลังที่รุนแรงก็ปรากฎขึ้นบนเวทีประลอง
เจียงหลีถูกปกคลุมอยู่ในนั้น ในใจลึกๆ เกิดรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา
ดูท่าคงจะโกรธจริงๆ แล้ว ลมพัดผมของเจียงหลีปลิว
พลังลมปราณของมู่เหยี่ยนฉือระเบิดออกมาจนถึงขีดสุด พลังที่รุนแรงและน่ากลัวแผ่ออกมาไปทั่วทุกสารทิศ พลังที่รุนแรงนั้นพุ่งไปหาเจียงหลี ราวกับเข็มเล็กๆ ทิ่มแทงไปบนผิวหนังของนาง ทำให้ผมยาวของนางปลิวไสว
นางเก็บสีหน้าที่หยอกเย้า แล้วตั้งใจรับมือกับการต่อสู้นี้เป็นครั้งแรก
ลมพายุพัดมา ร่างกายของมู่เหยี่ยนฉือพุ่งเข้าไปโจมตีเจียงหลี วิญญาณยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังเขาก็ผสานเข้าไปในร่างของเขาแล้ว พลังที่น่ากลัวเปล่งแสงสว่างไสว ปกคลุมตัวของเจียงหลีอยู่ตลอด
“เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!”
“พลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ หลิงหวังขั้นหนึ่งก็คงจะไม่กล้าปะทะ”
“เลือดของข้าเหมือนจะระเบิดออกมาอย่างไรอย่างนั้น”
“พวกเรายังขนาดนี้ แล้วคนที่อยู่บนเวทีประลองยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“…”
บนยอดเขาทั้งห้า คนมากมายล้วนแต่ตกใจจนลุกขึ้นยืน
พลังของมู่เหยี่ยนฉือแข็งแกร่งมาก ทำให้ใจของพวกเขาเต้นแรง เหมือนว่าถูกคนเอามือมาบีบหัวใจอย่างแรง สามารถบีบให้แตกสลายได้ตลอดเวลา
ตอนนี้ในหัวของพวกเขามีเพียงความคิดเดียว
การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ เจียงหลีจะรับไหวหรือไม่
“มู่เหยี่ยนฉือบ้าไปแล้ว! แค่การประลองเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะโจมตีด้วยพลังที่รุนแรงขนาดนี้!” กงเสวี่ยฮวาตะลึง รู้สึกจิตใจไม่สงบ
มู่เหยี่ยนฉือก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล จิตใจร้อนรน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
อ๊ากก! มู่เหยี่ยนฉือมองเจียงหลีด้วยสายตาที่เย็นชา ตะโกนเสียงดังออกมาจากลำคอ เต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง แล้วโจมตีเจียงหลีด้วยพลังที่รุนแรงที่สุด
“การโจมตีนี้ ข้าเรียกมันว่าสังหารราชา!” เสียงของมู่เหยี่ยนฉือดังอยู่ในหูของเจียงหลี
สังหารราชาอย่างนั้นรึ
จากชื่อแล้วมีความหมายว่าเป็นกระบวนท่าที่ใช้สังหารหลิงหวัง
เจียงหลีแววตาดับลง เริ่มใช้วิชาฝ่ามือพลังปีศาจอย่างเงียบๆ ชั่วพริบตาพลังวิญญาณในร่างกายของนางก็กลายเป็นพลังปีศาจที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น
พลังลมปราณที่บ้าคลั่งปรากฎขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะสามารถปะทะกับพลังของมู่เหยี่ยนฉือได้อย่างเท่าเทียม
“บ้าไปแล้ว! ทำไมถึงได้มีพลังที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้เกิดขึ้นอีก!”
“สองคนนี้บ้าไปแล้ว!”
“แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้เจียงหลียังไม่ได้เอาจริงหรอกกระมัง”
“น่าสะพรึงกลัวนัก! นี่ถึงจะเป็นพลังที่แท้จริงของนางสินะ”
“แต่ว่าพลังนั้นของนางคือพลังอะไร ไม่เหมือนพลังวิญญาณเลย! เหมือนว่าจะบ้าคลั่งและน่ากลัวยิ่งกว่าพลังวิญญาณ และเหมือนว่าจะแฝงไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด”
“ข้าสัมผัสได้ว่าพลังนั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขีดสุดอยู่ตรงไหนกัน”
“…”
เพราะว่าความเคลื่อนไหวบนเวทีประลองทำให้ผู้คนลุกขึ้นยืนมากขึ้นเรื่อยๆ
พลังที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองปะทะกัน ก่อให้เกิดลมพายุสองลูกบนเวทีประลอง
หลังจากที่ลมพายุสลายหายไป ผู้คนตกใจที่เห็นตัวของเจียงหลีเหมือนหางงู
“หา! เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร”
“นี่คือทักษะการต่อสู้หรือ ทักษะการต่อสู้อะไรกันที่ทำให้คนกลายเป็นเยี่ยงนี้”
“คงจะเป็นทักษะการต่อสู้ประเภทเวทย์อาคมที่สูงกว่าขั้นหายากกระมัง!”
“ถึงแม้ภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าแม่นางเจียงหลียิ่งงดงามมากขึ้น มีเสน่ห์ยั่วยวนมากจริงๆ”
“…”
“ฝ่ามือพลังปีศาจ!” กงเสวี่ยฮวาเบิกตาโตทั้งสองข้างจ้องมองเจียงหลี สติหลุดไปอยู่นาน
เขาเคยได้ยินที่เจียงหลีเล่าถึงวิชาฝ่ามือพลังปีศาจ แต่พอเห็นกับตาตัวเองครั้งแรก ตกใจ! ตกใจมาก!
ไม่ใช่แค่เขา ไม่ใช่แค่คนอื่นๆ ของวังเทียนอู่กง แต่แท้จริงแล้วเป็นมู่เหยี่ยนฉือที่อยู่ใกล้เจียงหลีที่สุดที่ตะลึงที่สุด
เขาเงยหน้ามองด้วยความตะลึง มองไปยังสาวงามที่มีเสน่ห์ที่ร่างเป็นงูยืนอยู่ในอากาศ
หางงูนั้นเป็นภาพมายา ขาที่เรียวยาวทั้งสองข้างซ่อนอยู่ในหางงูนั้น
เจียงหลีมองมู่เหยี่ยนฉือที่อยู่ด้านล่าง เห็นสายตาที่ตกตะลึงของเขา ใบหน้าที่งดงามของนางเยือกเย็นดั่งปีศาจ ราวกับจักรพรรดิที่สูงศักดิ์ไร้เทียมทาน “มู่เหยี่ยนฉือ เจ้าอยากจะสัมผัสกับพลังของข้า ข้าก็จะสนองเจ้า”
หลังพูดจบ มือทั้งสองข้างของนางเริ่มวาดยันต์ที่ซับซ้อน กระแสอากาศที่น่ากลัวเริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“นี่คือทักษะการต่อสู้ที่ข้าได้มาจากแผนที่ดาราเทพสงคราม วันนี้ข้าจะลองดูพลังอำนาจของมันกับเจ้า” ฝ่ามือพลังปีศาจก่อตัวขึ้น แสงสีแดงเลือดที่งดงามปรากฏขึ้นระหว่างมือทั้งสองข้างของนาง
เมื่อแสงสีแดงเลือดก่อตัวขึ้น สีหน้าของมู่เหยี่ยนฉือก็เปลี่ยนไป
เขารับรู้ได้ถึงพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างมากจากสิ่งนั้น พลังนั้นสามารถฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ ได้เลย
ความรู้สึกถึงอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้นในใจของเขา ในการต่อสู้ที่ผ่านมากมายของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความคิดอยากจะหนี
แต่ทว่า เจียงหลีกลับไม่ให้โอกาสเขาอีก
พลังปีศาจที่บ้าคลั่งแฝงไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาเทียบเทียมได้ระเบิดออกมาจากในมือและร่างของเจียงหลี
หา!
เหล่าลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงที่อยู่บนยอดอัฒจันทร์ทั้งห้าต่างก็พากันส่งเสียงร้องตกใจ มองดูพลังปีศาจที่เปล่งแสงสีแดงเลือดปกคลุมเวทีประลองด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ตู้มมม!
บนเวทีประลองเกิดเสียงดังมาก ระลอกคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวจากเวทีประลองทะลักไปยังยอดเขาทั้งห้า