รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 436 ตายแล้ว แต่ยังตายไม่สนิท!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 436 ตายแล้ว แต่ยังตายไม่สนิท!
บทที่ 436 ตายแล้ว แต่ยังตายไม่สนิท!
วิญญาณของตงฟางเวิ่นสลายเป็นจุณ ล่วงลับตายจาก อสุรกายหัวกิเลนมิได้ใส่ใจมากนัก
สำหรับมันแล้ว นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่แทรกขึ้นมา เหตุการณ์เล็ก ๆ ที่มีค่าเท่าฝุ่นธุลี ต่อให้ตงฟางเวิ่นเกี่ยวข้องกับหลิงอิน มันก็ไม่ยี่หระ
เมื่อระดับพลังมาถึงขอบเขตของมัน ไม่มีสิ่งใดต้องยี่หระมากนัก เข้าบดขยี้ทุกอย่างด้วยกำลังเป็นพอ
นี่คือความมั่นใจของผู้ที่มีพลังแกร่งกล้ามหาศาล ไม่มีสิ่งใดต้องเกรงกลัว
ทว่าขณะที่มันกำลังจะเคลื่อนไหวต่อ ดวงตาของมันก็ตั้งเบิก
“หืม!?”
ประกายตื่นกลัวพุ่งออกจากแววตาของมันขณะจ้องตรงไปด้านหน้า ที่นั่นคือจุดที่ตงฟางเวิ่นจบชีวิตลง ทว่าบัดนี้กลับมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น
ที่นั่นมีประกายจุดหนึ่งส่องสว่าง ก่อนจะขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เปล่งแสงเจิดจ้าไร้ใดเปรียบ เฉิดฉายยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนผืนฟ้า!
“แดนลับเนื้อกายเทียนตี้!”
มันส่งเสียงอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ หน้าตาตกตะลึง ทำใจเชื่อไม่ลง
ตงฟางเวิ่นตายไปแล้ว ร่างกายถูกทำลายราบคาบ เหตุไฉนแดนลับเนื้อกายเทียนตี้ถึงยังอยู่
แดนลับเนื้อกายเทียนตี้ คือแดนลับที่อุบัติหลังเนื้อกายเข้าสู่ขั้นเทียนตี้ เป็นมิติพิเศษ ปกติแล้วใช้บรรจุของสำคัญ
แดนลับเนื้อกายเยี่ยงนี้ผู้อื่นไม่สามารถค้นพบ ซ้ำคนนอกยังยากจะเปิดออก สิ่งที่เก็บรักษาในแดนลับเนื้อกายปลอดภัยแน่นอน
นอกเสียจากเทียนตี้สมัครใจ มิฉะนั้นไม่มีทางได้ของที่อยู่ในแดนลับเนื้อกายได้เลย
ตามปกติ ตงฟางเวิ่นตายไปแล้ว แดนลับเนื้อกายเช่นนี้ก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง ไฉนบัดนี้แดนลับเนื้อกายเทียนตี้ของตงฟางเวิ่นไม่เพียงแต่ยังไม่หายไป กลับเผยออกมาเสียอย่างนั้น!?
ทุกอย่างผิดปกติเกินไป!
ท่ามกลางประกายเจิดจ้ามหาศาล แดนลับเนื้อกายเทียนตี้ของตงฟางเวิ่นแง้มออกช้า ๆ สิ่งหนึ่งลอยออกมา จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่ทั่ว กฎแห่งสวรรค์และโลกมากมายว่ายวนอยู่รอบ ๆ ขณะลอยละล่องออกมา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
สิ่งนั้นเหินขึ้นไปบนท้องฟ้า รุ้งมงคลนับร้อยล้านจรดลงมา เนื้อกายและวิญญาณของตงฟางเวิ่นที่สลายไปแล้วหล่อหลอมกลับมาทีละนิด!
ผ่านไปไม่นาน แทบจะเพียงชั่วครู่ ร่างกายของตงฟางเวิ่นก่อตัวอีกครั้ง
วิญญาณของเขาก็ปั้นรูปขึ้นมาใหม่เช่นเดียวกัน กลายเป็นลำแสงพุ่งทะลุเข้าไปในร่างกาย
วิญญาณโบยบินสู่กายเนื้อ ตาที่หลับสนิทของเขาเบิกโพลง
“นี่ข้าตายแล้วหรือ ที่นี่คือโลกหลังความตายใช่หรือไม่”
สายตาของเขาล่องลอยสับสน พึมพำกับตัวเองเสียงเบา เขาคิดว่าเขาตายไปแล้ว
“บ้าจริง เจ้าก็ตายแล้วหรือ คิดแล้วก็คงใช่ เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
เมื่อเขาเห็นอสุรกายหัวกิเลนก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะสงบใจลง เขาคิดว่าอสุรกายหัวกิเลนตายไปแล้วเหมือนกัน
เป็นดั่งที่เขาว่า อสุรกายหัวกิเลนไฉนเลยจะยังมีชีวิตอยู่ได้
ท่านเซียนประทับในเมืองชิงซาน ไฉนเลยจะปล่อยให้อสุรกายหัวกิเลนทำตามอำเภอใจ
คิดแล้วคงเป็นท่านเซียนที่ลงมือปลิดชีพอสุรกายหัวกิเลน อสุรกายหัวกิเลนตายแล้วเหมือนกัน และมาที่โลกหลังความตายเหมือนกับเขา
“ข้าบอกแล้วว่าโอหังมีราคาที่ต้องจ่าย เฮ้อ ไม่เดินตามหลังข้า หมาย่อมกัด”
ตงฟางเวิ่นสั่นศีรษะไปมา เอ่ยแช่มช้า “ดูก็รู้ว่าเจ้าไม่ค่อยมีปัญญา ไร้สมอง เอาเถิด ๆ เห็นแก่ที่เจ้ามาอยู่โลกหลังความตายพร้อมกับข้า ข้าจะคอยดูแลเจ้าแล้วกัน เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ แล้วข้าจะรับเจ้าเป็นลูกน้อง ให้เจ้าไม่ต้องเจอเรื่องลำบากมากในโลกหลังความตายนี้”
เรียกพี่ใหญ่?
เป็นลูกน้อง?
อสุรกายหัวกิเลนกราดเกรี้ยวเหลือทน ตงฟางเวิ่นกำลังดูหมิ่นเขาอยู่หรือ
โฮก!
มันแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า เสียงคำรามดังสะท้อนนภา ร่างมังกรอันน่าพรั่นพรึงว่ายเวียน พุ่งไปกัดตงฟางเวิ่น
“เราตายแล้วทั้งคู่ เจ้าคิดจะขู่ผู้ใดกัน ข้าต้องกลัวเจ้ากับผีสิ! ตายแล้วยังตายอีกได้หรือ? จริง ๆ เลย!”
ตงฟางเวิ่นไม่กลัวแม้แต่น้อย เขาเข้าใจว่าตัวเองตายแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้น สิ่งที่อยู่เหนือหัวตงฟางเวิ่นเปล่งแสง ถักทอทับซ้อนเป็นพลังชวนผวา
จากนั้น แสงเจิดจ้ามากมายพวยพุ่ง หลอมรวมกันเป็นกระดานหมากล้อม บดบังผืนฟ้า น่ากลัวเหลือคณา!
กฎแห่งวิถีหมากล้อมแหวกกระโจนออกมา สูงส่งเหนือชั้นเป็นที่สุด มีพลังจากกระดานหมากล้อมโถมทับใส่อสุรกายหัวกิเลน!
อสุรกายหัวกิเลนสยดสยองเป็นที่สุด แม้กระทั่งม่านน้ำตกอสนีบาตยังทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย ประหนึ่งกำลังอาบน้ำให้มัน ทว่าเมื่อเผชิญกับพลังที่ถล่มลงจากกระดานหมากล้อม มันอ่อนแอเสียจนต้านไม่ได้เลยสักการโจมตี!
พรวด! พรวด! พรวด!
โลหิตสีดำน่าพิศวงสาดกระจาย ร่างของมันทะลุเป็นรูใหญ่รูแล้วรูเล่า นี่คือร่างมังกรอย่างแท้จริง แข็งแกร่งดุจหินผา กระนั้นยังไม่ไหว เปราะบางราวกับแผ่นกระดาษ
“คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม!”
ตงฟางเวิ่นเพิ่งได้เห็นสิ่งที่ลอยอยู่เหนือหัวของเขา ซึ่งเป็นคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่ท่านเซียนมอบให้ ท่านเซียนเขียนให้ด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำด้านในยังประกอบด้วยข้อคิดด้านหมากล้อมของท่านเซียน
“ข้า…ยังไม่ตาย! ฮ่า ๆ ข้ายังไม่ตาย!”
เขาหัวเราะลั่น เมื่อได้เห็นคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมก็เข้าใจทุกอย่าง
คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมปรากฏ ซ้ำยังมีพลังเหนือจินตนาการหลั่งไหลออกมา เขาจะไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมช่วยเขาไว้ เขายังไม่ตาย!
“บททดสอบ นี่คือบททดสอบจริง ๆ!”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขามิได้คิดผิด นี่คือบททดสอบเขาจากท่านเซียนจริง ๆ
ถ้าเขาหนีหรือยอมถอย เขาก็จะตายไปจริง ๆ
ยังดีที่เขายืนหยัดมาได้ ไม่หนีและไม่ถอย ผ่านบททดสอบของท่านเซียน!
เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง!
ท่านเซียนชี้แนะวิถีหมากล้อมแก่เขา ซ้ำยังมอบคัมภีร์กลยุทธ์แก่เขา ต่อมา ได้สั่งให้เขามาจัดการอสุรกายหัวกิเลนที่นี่ นี่คือการทดสอบ ดูว่าเขามีสิทธิ์รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หรือไม่!
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
อีกด้าน อสุรกายหัวกิเลนมีสีหวาดหวั่น ในใจสะท้านเหลือคณา มันถึงกับได้กลิ่นแห่งความตาย!
เป็นเรื่องที่มันไม่อยากจะเชื่อ แข็งแกร่งสยดสยองระดับเขา จะได้รับอันตรายถึงตายได้อย่างไร!?
ทว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มันได้กลิ่นแห่งความตายจริง ๆ ซ้ำร้ายยังรุนแรงมากอีกด้วย!
กระดานหมากล้อมที่สำแดงออกมา ปลิดชีพเขาได้จริง ๆ!
โฮก!
มันคำรามเสียงถี่ มิกล้าสู้ต่ออีกและรีบเปิดมิติหนีไปอย่างรวดเร็ว
อนิจจา ทั้งหมดนี้ล้วนไร้ประโยชน์
พลังตาเดินจตุรงค์เล็งเป้าเขาไว้แล้ว มันไม่ทันได้แหวกมิติ พลังตาเดินจตุรงค์ก็ถล่มลงมา
พลังในครั้งนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งขึ้น ศีรษะกิเลน ร่างมังกร ปีกวิหคเพลิง รวมถึงวิญญาณของมัน ถูกทำลายในเสี้ยววินาที!
มันไม่มีกำลังพอจะตอบโต้ด้วยซ้ำ ต้องตายลงอย่างสิ้นเชิง ณ ที่นี่!
ก่อนตาย อย่าให้พูดเลย่วามันเจ็บใจเพียงใด มันมาเพื่อหลิงอิน ผลสุดท้ายนอกจากยังไม่ได้พบหลิงอินมันก็ตายลงเสียก่อน ตกลงสตรีนางนี้มีความลับอันใดกันแน่!
“นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ตงฟางเวิ่นหดหัว กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ลำพังให้ฆ่าเทียนตี้ยังยากยิ่งสำหรับเขา อสุรกายหัวกิเลนผู้นี้ไม่รู้แข็งแกร่งกว่าเทียนตี้ธรรมดาตั้งกี่เท่า ทว่า หลังจากคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมสำแดงพลังตาเดินจตุรงค์ออกมา มันกลับไม่มีแม้แต่แรงจะต้านทาน น่ากลัวจนจินตนาการไม่ออก!
ลำพังคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเล่มเดียวยังน่ากลัวปานนี้ หากท่านเซียนลงมือด้วยตนเอง จะสยดสยองขนาดไหนเชียว!?
ตงฟางเวิ่นชาไปทั้งศีรษะ ไม่กล้าแม้แต่จะคิด