รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 50 ผู้ฝึกตนเลวทราม
บทที่ 50 ผู้ฝึกตนเลวทราม
“ข้าไม่ได้เก่งถึงเพียงนั้นหรอก เป็นผู้อื่นพูดเกินจริงเท่านั้น…”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มสุภาพ
‘อย่างน้อยก็ยังรู้ตัว…’ หลิงอินคิดกับตัวเอง
“หนึ่งคนพูดเกินจริง สองคนพูดเกินจริง แต่หากคนทั้งเมืองบอกว่าท่านไร้เทียมทานในด้านวรรณกรรม นี่จะเกินจริงไปได้อย่างไร ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว!”
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ข้าชอบเล่นกู่ฉินมาตั้งแต่เด็ก เลยอยากจะขอคำแนะนำจากท่านมาตลอด แต่ก็กลัวว่าจะรบกวน…โชคดีที่ได้พบในวันนี้ ได้โปรดทำให้ความปรารถนาของสตรีผู้น้อยคนนี้สมหวังด้วยเถิด”
นางมองไปยังหลี่จิ่วเต้าด้วยแววตาฉ่ำน้ำ ช่างมีเสน่ห์และน่าสงสารระคนกัน
“แม่นางหลิงอินสุภาพเกินไปแล้ว”
“คุณชายว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“ข้าไม่กล้ากล่าวเช่นนั้น แต่หากบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ จะเป็นการดีกว่า”
“ท่านถ่อมตนยิ่งนัก” หลิงอินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นางไม่มีพลังในตอนนี้จึงไม่มีวิธีจัดการกับหลี่จิ่วเต้า
แต่การเล่นกู่ฉินนั้นต่างกันออกไป
นางอยู่ในมรรคาแห่งทำนองกู่ฉิน และรักทำนองของกู่ฉินยิ่ง
แม้แต่จักรพรรดิในสมัยโบราณยังต้องชื่นชมทำนองกู่ฉินของนาง ด้วยเหตุนี้ นางจึงถูกขนานนามว่าเป็นเทพธิดาแห่งกู่ฉินที่หาตัวจับได้ยากในโลก
แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นมนุษย์ แต่ก็มีความมั่นใจที่จะเอาชนะหลี่จิ่วเต้าด้วยเสียงกู่ฉิน และทำให้เขาต้องอับอาย
หลิงอินกำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ
“เช่นนั้นขอให้ท่านหลิงอินไปคุยเรื่องกู่ฉินกันที่บ้านข้าเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเชิญนางด้วยรอยยิ้ม
ยามนี้ เขาไม่ได้เอากู่ฉินติดตัวมาด้วย
ดังนั้นจึงเชื้อเชิญนางไปที่บ้าน
จากคำกล่าว…หลิงอินชอบเล่นกู่ฉิน นางย่อมต้องมีกู่ฉินอยู่ที่บ้านเป็นแน่แท้ แต่เขาจะกล้าไปในบ้านของสตรีตัวน้อยในฐานะสุภาพบุรุษได้อย่างไร
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของเด็กสาว
‘จะให้ไปที่บ้านเขาหรือ?’
‘ชายผู้นี้ไม่เพียงสร้างชื่อเสียงฉาวโฉ่ให้ตัวเอง แต่ยังเป็นผู้ฝึกตนเลวทรามที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาร้ายอีกด้วย!’
หลิงอินลอบคิดในใจ และความประทับใจที่มีต่อหลี่จิ่วเต้าก็ติดลบกว่าเดิมเสียอีก!
“เมื่อตอนมาที่นี่ ข้าได้ยินว่ามีคนเล่นกู่ฉินอยู่ในห้องโถงเล็ก ๆ ของโรงน้ำชาหย่าเสียน เหตุใดเราไม่ยืมกู่ฉินแล้วเล่นกันเล่า เกรงว่าหากให้ไปที่บ้าน สตรีผู้นี้ไม่สะดวกจริง ๆ…”
นางเอ่ยเบา ๆ พร้อมกล่าวขอโทษ
“หือ ที่นี่มีกู่ฉินด้วยหรือ?”
เมื่อเขามาถึง ป้าหวังก็เอาแต่คอยพูดอยู่ข้าง ๆ หู จึงไม่ทันสังเกตว่ามีคนเล่นกู่ฉินอยู่เลย
“มันไม่สะดวกจริง ๆ นั่นแล ข้าคิดน้อยเกินไป ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย แม่นาง!!”
หลี่จิ่วเต้ารู้สึกขัดเขิน
มันไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะชวนสาวจ้าวเข้าบ้านในครั้งแรกพบ…
‘หลี่จิ่วเต้าเอ๊ย หลี่จิ่วเต้า เห็นสาวสวยจนลืมไปแล้วหรือว่าโรงน้ำชาหย่าเสียน มักจะรวบรวมผู้รอบรู้เพื่อประชันทักษะกู่ฉิน หมากล้อม การคัดพู่กัน และการวาดภาพ แล้วจะขาดกู่ฉินได้อย่างไรกัน’
หลี่จิ่วเต้าแทบทึ้งหัวตัวเองและลอบกล่าวในใจ
สาเหตุหลักมาจากการนัดดูตัวครั้งแรก เขาจึงเกิดอาการประหม่า นี่ถ้าไม่ใช่การดูตัว เขาคงไม่ทำผิดพลาดเช่นนี้
‘เล่นเล่ห์ เพทุบายนักนะ เจ้ายังเด็กน้อยเกินไป…’
หลิงอินเอ่ยในใจ
นางเป็นผู้ทรงอำนาจในสมัยโบราณ …จะไม่เคยมีประสบการณ์อันใดมาก่อนได้อย่างไร
อีกทั้งตอนนั้น ผู้ฝึกตนตัวเล็กจ้อยเช่นหลี่จิ่วเต้ายังกล้ามาเล่นหูเล่นตา มันคงแปลกที่เห็นนางไม่เล่นกับเขากลับ!
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เราไปกันเลยดีหรือไม่”
นางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ดีเลย”
ไม่นานหลังจากนั้น หลี่จิ่วเต้าก็เดินออกไปพร้อมหลิงอิน
“เหตุใดถึงออกมาเร็วนัก”
ป้าหวังกับท่านแม่ของหลิงอินกำลังจิบชาอยู่ที่ห้องโถงชั้นสอง และทั้งคู่ยังคงสอดส่องให้ความสนใจกับห้องที่พวกเขาอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่หลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินเดินออกมา ป้าหวังก็วิ่งเข้ามาถาม
เร็วเกินไปแล้ว!
…คุยกันแค่นี้จะไปได้เรื่องอะไร! ป้าหวังรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าอาจไม่ได้สนใจหลิงอิน
ท้ายที่สุดแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็ทรงพลังและมีทักษะมากมายไม่ธรรมดา
‘สมกับเป็นท่านจริง ๆ หลิงอินงดงามขนาดนี้ก็ยังไม่ชื่นชอบ!’
นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวในใจ
ท่านแม่ของหลิงอินก็วิ่งมาหาและจ้องไปยังบุตรสาว ราวกับจะดุว่าได้สร้างปัญหาต่อหน้าว่าที่สามีหรือทำให้เขาไม่พอใจใช่หรือไม่ ไฉนถึงออกมาไวเพียงนี้
‘ท่านแม่ เขาจะคู่ควรกับครอบครัวของเราได้อย่างไร!’
หลิงอินลมแทบจับ นางเข้าใจแววตาของท่านแม่จึงพึมพำในใจ
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ท่านแม่โกรธ นางจึงรีบเอ่ย “เขาต้องการสอนกู่ฉินข้าน่ะ”
เมื่อป้าหวังได้ยินสิ่งนี้ นางก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในห้องนั้นแน่ ๆ
‘วีรบุรุษต่างพ่ายให้กับความงดงาม ไม่ว่าบุรุษผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด’
นางยิ้มย่องในใจและคิดว่าตนคิดมากเกินไป …หลิงอินงดงามมาก ไม่มีใครสามารถต้านเสน่ห์อันเหลือล้นได้ แม้แต่หลี่จิ่วเต้าก็ทำไม่ได้อย่างแน่นอน
“โอ๊ะ ดูสิ แมวขาวตัวน้อยที่ข้าพามาที่นี่มีประโยชน์มาก”
นางเห็นแมวขาวตัวน้อยถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของหลิงอินอีกครั้ง และนางก็ภูมิใจมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
มันคือแมวขาวตัวน้อยที่นางขอให้หลี่จิ่วเต้าพามาด้วย เห็นได้ชัดว่ามันมีบทบาทและมีประโยชน์อย่างมาก จะไม่ให้นางมีความสุขได้อย่างไร!
“ไร้สาระ! เหตุใดเจ้าถึงขอให้เขาสอนกู่ฉินเล่า!”
แม้ว่าผู้เป็นมารดาจะตำหนิบุตรสาวออกนอกหน้า แต่ข้างในกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
หลิงอินไม่สนใจกู่ฉินเลย แล้วเขาจะแนะนำหลิงอินเรื่องกู่ฉินได้อย่างไร?
แปดในสิบส่วนของการนัดดูตัวครั้งนี้คือการแสดง!
“คุณชาย สตรีตัวน้อยผู้นี้ซุกซนและชื่นชอบเรื่องไร้สาระ โปรดอย่าได้หาความนางเลยนะเจ้าคะ”
แม่ของหลิงอินกล่าวกับหลี่จิ่วเต้าโดยมองไปที่ชายหนุ่มราวกับแม่สามีมองดูลูกเขย นางมีความสุขไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
คุณชายทรงพลังนัก ทุกคนในเมืองชิงซานชื่นชมเขา และใครก็ตามที่ได้เป็นแม่ยายของลูกเขยคนนี้มีหรือจะไม่มีความสุข!
“ไปกันใหญ่แล้วขอรับ หลิงอินทั้งสง่างามและเข้าถึงง่าย คำพูดคำจายังสุภาพมากอีกด้วย”
ชายหนุ่มตอบกลับ
“เอาล่ะ ๆ เราควรปล่อยให้หนุ่มสาวคุยกันไปเถิด”
ป้าหวังยิ้มและดึงแม่ของหลิงอินออกไป
มีห้องโถงด้านในที่ชั้นหนึ่ง เหล่าผู้รอบรู้มารวมตัวกันในห้องโถงด้านในเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ได้จากกู่ฉิน หมากล้อม การเขียนพู่กัน และการวาดภาพ
หลี่จิ่วเต้ากับหลิงอินเดินลงมาจากชั้นสอง ตรงไปยังห้องโถงด้านในชั้นหนึ่ง
“คุณชายหลี่มาด้วยหรือ ฮ่า ๆ การเขียนพู่กันมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมอย่างหาตัวจับยาก ทั้งยังเก่งกาจในด้านการวาดภาพ หมากล้อม การเขียนพู่กัน และการวาดภาพ เจ้ากับข้าช่างโชคดีนัก!”
“ใช่แล้ว! ยากมากที่คุณชายจะมาโรงน้ำชานี้สักครั้ง!”
ผู้รอบรู้ที่อยู่ห้องโถงด้านในสุภาพและเคารพบูชาหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีที่หนึ่งในวรรณกรรม และไม่มีที่สองในศิลปะการต่อสู้
เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร…
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่กรณีของเมืองชิงซาน!
เพราะความสามารถทางวรรณกรรมของหลี่จิ่วเต้าได้รับการยอมรับว่าเป็นที่หนึ่ง!
ผู้รอบรู้หยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก พวกเขามักจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา แต่หลังจากเห็นความสำเร็จของหลี่จิ่วเต้าในด้านกู่ฉิน หมากล้อม การเขียนพู่กัน และวาดภาพ…
มันทำให้พวกเขารู้สึกด้อยกว่าและแย่กว่านั้นมาก!
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าชายหนุ่มเป็นดวงดาวเจิดจรัสบนท้องฟ้า และพวกเขาเปรียบดั่งเพียงเศษฝุ่นเล็กจ้อย
“กู่ฉิน หมากล้อม การเขียนพู่กัน และภาพวาด เก่งทั้งหมดนั้นเลยหรือ”
หลิงอินรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินและคิดในใจว่า ‘เจ้านับเป็นตัวตนอันใดกัน ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าเทพธิดาแห่งกู่ฉินเป็นอย่างไร!’