รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 56 หนึ่งบทเพลงปรากฏตำหนักเซียน หนึ่งบทเพลงปรากฏเซียนร่ายรำ
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 56 หนึ่งบทเพลงปรากฏตำหนักเซียน หนึ่งบทเพลงปรากฏเซียนร่ายรำ
บทที่ 56 หนึ่งบทเพลงปรากฏตำหนักเซียน หนึ่งบทเพลงปรากฏเซียนร่ายรำ
ความทรงจำไม่รู้จบหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจดวงน้อย
เมื่อนางอารมณ์เบิกบาน เพลงกู่ฉิน ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ก็ยิ่งน่าทึ่งมากในเวลานั้น และแม้แต่จักรพรรดิยังชมเชยเพลงกู่ฉินนี้
‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ กลายเป็นบทเพลงที่โด่งดังในช่วงเวลานั้น และมันก็ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมานางไม่อาจบรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้ กลิ่นอายบนร่างกายเริ่มจางหาย และ ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ก็ค่อย ๆ หายไปเช่นกัน
เมื่อเวลานั้นของนางมาถึง ผู้คนถึงกับลืมนางและ ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ก็ไม่เป็นที่รู้จักอีกแล้ว
‘ต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่แล้วไม่อาจปิดบังความลับได้เลยจริง ๆ…’
หลิงอินอดไม่ได้ที่จะพูดในใจ
ผู้อาวุโสบรรเลงผลงานชิ้นเอกของนางต่อหน้าต่อตาแล้วจะให้สงสัยอันใดอีก
ไม่ต้องสงสัยเลย… ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่รู้จักตัวตนของนางจริง ๆ
‘การปลุกความทรงจำสูงสุดก่อนพบกัน ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน…’
เดิมทีทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของนาง
ตอนนี้ ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ออกมาแล้ว ทุกอย่างสามารถยืนยันได้ และทุกอย่างที่นางคาดเดาเป็นความจริง
‘ประเดี๋ยวก่อน… ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่บอกว่าเขาปรับปรุงบทเพลงกู่ฉินนี้นี่!’
หลิงอินนึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสเอ่ยก่อนหน้านี้ และหัวใจก็พองโตขึ้น
ผู้อาวุโสทิ้งคำใบ้บางอย่างไว้ให้ และนางก็เดาไม่ผิด …ผู้อาวุโสต้องการชี้แนะนางจริง ๆ!
ท่วงทำนองถูกขัดเกลาให้บริสุทธิ์ นางได้ยินวิถีเซียนและรู้สึกถึงพลังเซียนจากมัน!
‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ กลายเป็นบทเพลงเซียนของจริง!
“ข้าไม่แม้จะเหลียวแล เอาแต่นั่งในบ่อน้ำและมองดูท้องฟ้า!”
เมื่อฟังผู้อาวุโสเล่น ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ฉบับปรับปรุงแล้ว ใบหน้าของหลิงอินก็แดงซ่าน พลันรู้สึกละอายใจยิ่ง
นางเคยคิดว่า ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ เป็นผลงานชิ้นเอกที่ไม่มีใครเทียบได้และไร้ที่ติ แต่หลังจากฟัง ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ฉบับปรับปรุง จู่ ๆ ก็รู้สึกว่า ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด…
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าไม่เคยทะลวงผ่าน ปัญหาก่อนหน้านี้ของข้าร้ายแรงเกินไป!”
ด้วยการบรรเลงของผู้อาวุโส อารมณ์ปั่นป่วนของนางพลันดีขึ้นในทันที นางเข้าใจปัญหามากมายในการฝึกฝนแล้ว!
‘เซียน… เซียน… เซียนนี่นา! มีเซียนโบยบินมาจากฟากฟ้า!’
ทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกหนึ่งก่อเกิดขึ้น หลิงอินผินหน้ามองไปทางหนึ่ง ก่อนจะเห็นเซียนผู้หนึ่งกำลังร่ายรำท่ามกลางหมู่เมฆาล้อไปเสียงของกู่ฉิน
นี่เป็นสัมผัสที่แต่เดิมของนาง
อย่างไรเสียนางก็เป็นผู้ทรงอำนาจ ย่อมรับรู้โดยกระจ่างว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปบนท้องฟ้า
“จักรพรรดิชิงเยว่อู่…!”
หลังจากเห็นรูปร่างของเซียนผู้นั้น นางก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
นี่คือมหาจักรพรรดิจากยุคอนันตกาล ผู้ซึ่งเดินเส้นทางเต๋าแห่งการร่ายรำและความแข็งแกร่งไม่อาจหยั่งรู้ได้ ครั้งหนึ่งนางเคยดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิทั่วทุกสารทิศ และจักรพรรดิทุกคนต่างก็หลงใหลในท่วงท่าการร่ายรำของชิงเยว่อู่!
ยุคอนันตกาล… นี่คือยุคสมัยที่เก่าแก่เสียยิ่งกว่ายุคบรรพกาล!
จักรพรรดิชิงเยว่อู่เป็นมหาจักรพรรดิในหมู่มหาจักรพรรดิ นางเป็นหนึ่งในมหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคอนันตกาล มีเพียงมหาจักรพรรดิสองหรือสามคนเท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับนางได้ และนี่เป็นตัวตนที่ทำลายไม่ได้!
“ลือกันว่าจักรพรรดิชิงเยว่อู่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งเซียน แต่มิอาจบรรลุเป็นเซียนได้ ดูท่าเวลานี้คนยุคสมัยนี้แค่ไม่รู้มากกว่าว่า จักรพรรดิชิงเยว่อู่นั้นกลายเป็นเซียนไปแล้ว…!”
กลิ่นอายเซียนจากอนันตกาลกระทบเข้ากับวิญญาณของหลิงอินโดยตรง จักรพรรดิชิงเยว่อู่นั้นเป็นเซียนแล้วจริง ๆ!
“มีตำหนักเซียนด้วยหรือ!?”
ท่ามกลางหมู่เมฆ ปรากฏตำหนักวิจิตรงดงามลอยอยู่เหนือพื้นดินหลายหมื่นลี้ท่ามกลางหมอกเซียน
‘เป็นเพียงนิมิตหรือ?’
หลิงอินอดคิดในใจไม่ได้
ตำหนักเซียน… ช่างเป็นอะไรที่น่ากลัวและน่าพรั่นพรึงสำหรับเซียนที่มาเยือนโลกใบนี้ นางรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพนิมิตเสียมากกว่า หาใช่การมาเยือนโลกนี้อย่างแท้จริง
‘หนึ่งบทเพลงปรากฏตำหนักเซียน และหนึ่งบทเพลงปรากฏเซียนร่ายรำ… สวรรค์ ขอบเขตของผู้อาวุโสทรงพลังนั้นสูงส่งเพียงไหนนี่!?’
หนังศีรษะของหลิงอินด้านชา ขอบเขตของชายผู้นี้น่ากลัวกว่าที่จินตนาการไว้มาก!
เมี้ยว~
ลั่วสุ่ยส่งเสียงร้องอย่างเอื่อยเฉื่อย นางก็เห็นตำหนักเซียนและเซียนบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นางไม่แปลกใจเลยสักนิดด้วยคุ้นชินกับมันแล้ว
หลิงอินไม่แน่ใจ… แต่ลั่วสุ่ยมั่นใจ
ตำหนักเซียนบนท้องฟ้า …เซียนไม่ได้มาที่โลกนี้จริง ๆ แต่เป็นภาพนิมิตจากอีกแดน
ถึงกระนั้น นางก็เห็นมามากมายแล้ว…
ไม่เพียงแค่ตำหนักเซียนและเซียนเท่านั้น แต่เห็นจนถึงธิดาแห่งจักรพรรดิน้ำพุอำพันนวปรภพ สตรีลึกลับในห้วงโกลาหล หงส์เพลิง… และอื่น ๆ อีกมาก
ยามผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่บรรเลงกู่ฉิน ก็มักปรากฏภาพนิมิตของแดนในตำนานหรือสิ่งในตำนานที่ไม่อาจจินตนาการได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นเหตุการณ์ปกติและไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรเลย
หลังจากเสียงบรรเลงสิ้นสุดแล้ว ภาพนิมิตของเซียนบนท้องฟ้าก็ค่อย ๆ เลือนหายไป นี่ทำให้หลิงอินตื่นขึ้นจากภวังค์ได้
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้นและถามหลิงอินด้วยรอยยิ้ม
“เกินจะจินตนาการได้นัก… เสียงกู่ฉินของท่านไม่มีผู้ใดเทียบได้ตั้งแต่ยุคโบราณจวบจนยามนี้!”
หลิงอินชื่นชมจากใจจริง
ผู้ใดเล่าจะสามารถทำให้ตำหนักเซียนปรากฏด้วยบทเพลงเดียว และชักนำเซียนให้มาร่ายรำต่อหน้า?
ตั้งแต่ยุคโบราณ เกรงว่าจะมีเพียงคนเดียวที่มีพลังอันยิ่งใหญ่!
…
ณ โลกอันไร้ตัวตนที่ไม่มีทั้งในสวรรค์หรือกระทั่งโลก ปรากฏตำหนักอันวิจิตรงดงามตั้งอยู่
สตรีผู้งดงามผู้ไร้สิ่งใดทัดเทียม เพียงแค่ทิ้งร่างสง่างามของนางลง
“เป็นผู้ใดกันที่บรรเลงกู่ฉิน ข้าอดไม่ได้ที่จะร่ายรำ…”
นางเงยหน้าขึ้นและพึมพำกับตัวเอง
นางกำลังฝึกฝนอยู่เมื่อเสียงกู่ฉินลอยเข้ามาในโสต นางพลันหยุดการฝึกฝนโดยไม่สมัครใจ เดินออกจากตำหนัก และร่ายรำไปกับเสียงของกู่ฉิน
“กลับกลายเป็นว่ายังมีเซียนเหนือเซียน… บางทีบรรพชนเซียนบางคนคงเล่นกู่ฉิน แล้วก็บังเอิญทำให้ข้าได้ยินกระมัง…”
…
เหยียนโจวแดนบูรพาทิศ สถานที่ซึ่งมีภูเขาล้อมรอบ
แสงอันน่าสะพรึงกลัวค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สว่างไสวและพร่างพราวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ของทวยเทพ
“พังแล้ว! ปราณในซากโบราณสถานรั่วไหลออกมา และที่แห่งนี้จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป!”
เวิงอู๋โยวกล่าวด้วยสีหน้าเปลี่ยนไป
‘ดียิ่ง…’
นี่คือซากโบราณสถานที่พวกเขาค้นพบในวัยเยาว์
พวกเขามาที่นี่เพื่อทะลวงพลังผู้พิทักษ์ของซากโบราณสถาน แต่พลังผู้พิทักษ์ของซากโบราณสถานนั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก!
แม้ว่าขอบเขตความแข็งแกร่งของพวกเขาจะดีขึ้นมาก และพลังก็ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก พวกเขายังคงไม่สามารถทะลวงพลังผู้พิทักษ์ของซากโบราณสถานนี้ได้
เดิมทีพวกเขาต้องการจะถอยกลับไปและกลับมาใหม่ เมื่อขอบเขตความแข็งแกร่งของพวกเขาดีขึ้น
แต่การโจมตีครั้งก่อนของพวกเขาดูเหมือนจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพลังของซากโบราณสถาน และปราณในซากโบราณสถานก็เริ่มรั่วไหลแผ่ออกไปด้านนอก!
“หากรู้เช่นนี้ไม่เอ่ยอะไรเลยก็คงดี! ซากโบราณสถานที่แต่เดิมควรเป็นของเจ้าและข้าจะถูกเปิดเผยต่อทุกคนแล้ว…”
โจวถงเผยสีหน้าขมขื่นออกมา
คราแรกกลิ่นอายของโบราณสถานนี้ถูกยับยั้งไว้ ทำให้ไม่มีผู้ใดรู้จักมัน
ตอนนี้ปราณของซากโบราณสถานรั่วไหล พวกเขาไม่อาจเก็บมันไว้เป็นความลับได้อีกต่อไป และผู้ฝึกตนคนอื่นๆ จะต้องถูกดึงดูดด้วยปราณที่รั่วไหลของซากโบราณสถานนี้อย่างแน่นอน…