ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 22
ตอนที่ 22 ปลดพันธนาการผู้ถูกปีศาจสิงสู่
———-
ฟาร์มา เดอะ เมดิซี ผู้เป็นทั้งเจ้าของร้านขายยาต่างโลกและมีตำแหน่งเป็นถึงโอสถแพทย์หลวง ได้ก่อตั้งกิลด์ร้านขายและจ่ายยาขึ้นมาซึ่งตัวเขานั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากิลดืและมีสมาชิกคนแรกคือร้านขายยาแสงแดดผ่านแมกไม้ที่ได้รับการปรับปรุงจนเสร็จสิ้นแล้วในสองเดือนถัดมา
ตอนนี้ภายในร้านแสงแดดผ่านแมกไม้ได้รับการปรับปรุงอย่างหมดจดทั้งรูปโฉมของร้านที่ต่างจากสภาพเดิมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากไม่มีความจำเป็นจะต้องรีบเปิดกิจการมากนักพวกเขาจึงค่อยๆ ให้เวลาในการปรับปรุงมัน ทางเจ้าของร้านปีแอร์ผู้มีหนวดทรงโค้ง ทรงผมที่ถูกตัดมาอย่างดี ได้สวมชุดแพทย์สีขาวที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตซึ่งติดป้ายชื่อของตนไว้บริเวณอกของเสื้อ พร้อมกับมองดูป้ายที่ถูกติดไว้โดยเนื้อหาภายในนั้นคือใบอนุญาตประกอบการในฐานะผู้ขายยา
นับตั้งแต่วันนี้ไปเขาจะเป็นร้านขายยาที่เปิดใหม่ซึ่งอยู่ในเครือทำงานร่วมกับร้านขายยาต่างโลก เขาได้เรียนรู้ในการจัดการร้านของเขาทั้งเรื่องการใช้ยา การดูแลลูกค้า รวมไปถึงการจัดการร้านอย่างละเอียดและทุกสิ่งที่จำเป็น
เหล่าอัศวินได้ถูกส่งมาโดยสวมชุดของคนทั่วไปเพื่อตรวจตราความปลอดภัยโดยไม่ให้เป็นจุดสังเกตและตรวจสอบบางสิ่ง ซึ่งเป็นคำสั่งมาจากร้านขายยาต่างโลก ซึ่งสิ่งนั้นรวมไปถึงการป้องกันการลักขโมยยาหรือการคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นจากพวกกิลด์แพทย์โอสถ
ร้านแสงแดดผ่านแมกไม้กลายเป็นร้านขายยาที่มียาใหม่ๆ มากมายขายอยู่ โดยส่วนมากจะเป็นยาแก้ไอ เวเฟอร์ผสมธาตุเหล็กและแคลเซียม ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาหยอดตา และ วิตามินทุกประเภทซึ่งปริมาณนั้นมีมากกว่าที่ร้านขายยาต่างโลกเสียอีก ทางด้านร้านขายยาต่างโลกนั้นมีความเชี่ยวชาญในด้านการผสมยาที่ซับซ้อนและรับมือกับผู้ป่วยที่มีอาการหนักและในทางตรงกันข้ามร้านแสงแดดผ่านแมกไม้นั้นมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความแตกต่างโดยมุ่งเน้นไปในการขายยารักษาอาการประเภทไข้หวัดหรือโรคที่พบได้บ่อยๆ ทั่วไป รวมไปถึงอาหารเสริมด้วย เนื่องจากปริมาณของผู้ป่วยที่เข้ามาในร้านขายยาต่างโลกนั้นมีมากขึ้นจนถึงจุดที่ทั้งฟาร์มาและเอเลนไม่อาจจะรับมือได้ จึงมีการตัดสินใจย้ายยาบางชนิดไปจำหน่ายที่ร้านแสงแดดผ่านแมกไม้
ไม่กี่วันต่อมาหลังจากการปรับปรุง ใบปลิวไปถูกกระจายออกไปโดยเนื้อความนั้นกล่าวประมาณว่าร้านขายยาต่างโลกนั้นได้เปิดร้านขายยาแห่งใหม่ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ป่วยท่านใดที่มีอาการไม่รุนแรงนักและไม่ใช่โรคเรื้อรังกรุณาไปยังร้านแสงแดดผ่านแมกไม้จะได้รับความสะดวกมากกว่า
“อ้า ละสงสัยจริงๆ ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
ปีแอร์เริ่มแสดงอาการกังวล ว่าลูกค้าจะเข้าร้านมาซื้อยาที่ขายเหมือนกับร้านขายยาต่างโลกหรือเปล่า? เขาจะไปรอดไหมถ้าไม่มีฟาร์มาอยู่ช่วย? เขาจะดูแลและจัดการกับลูกค้าได้ถูกต้องหรือเปล่า? เขาจะอธิบายสรรพคุณยาและผลข้างเคียงของยาตัวใหม่ๆ นี้ได้หรือเปล่า?
ความกังวลยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหลายวันมานี้เขานอนไม่หลับกันเลยทีเดียว
แต่จะทำยังไงดีล่ะตอนนี้ร้านก็เปิดแล้วด้วย?
ภายนอกของประตูร้านแสงแดดผ่านแมกไม้นั้นได้มีกลุ่มฝูงชนมากมายเรียงรายกันอยู่ก่อนที่ร้านจะเปิดเสียอีกจนเกือบจะปิดได้ทั้งซอย
ปีแอร์สูดหายใจเข้าและเปิดประตูด้วยมือที่สั่นๆ ก่อนจะโค้งคำนับเหล่าลูกค้าอย่างงดงาม
“ยินดีต้อนรับสู่ร้านแสงแดดผ่านแมกไม้ครับ”
หลังจากที่ปีแอร์ได้รับความไว้วางใจมาจากฟาร์มาและได้รับการเปิดตัวในหัวหน้ากิลด์ของกิลด์ร้านขายและจ่ายยาคนใหม่แทนฟาร์มา หัวหน้ากิลด์ปีแอร์ผู้ที่ไม่พอใจกับเส้นทางการทำงานของกิลด์แพทย์โอสถ เขาได้รวบรวมเหล่าสมาชิกที่มีปัญหาแบบเดียวกับเขาไม่ว่าจะร้านที่ทรุดโทรมและใกล้จะปิดกิจการ หรือร้านที่มียอดขายที่แทบจะทำให้ล้มละลายแล้วซึ่งมีแนวคิดเช่นเดียวกับเขา จนตอนนี้จำนวนของสมาชิกในสมาคมนั้นเพิ่มขึ้นมาอีกถึงเจ็ดคน
ร้านขายยาทั้งหมดนั้นก็ได้รับการจัดการและออกแบบร้านขึ้นมาใหม่ในกระบวนการเดียวกัน ประตูขนาดใหญ่ มีความสะอาดสะอ้านทุกซอกทุกมุมและมีการดูแลให้บริการผู้ป่วยที่ถูกต้อง
เหล่แพทย์โอสถที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมร้านขายและจ่ายยาต่างรู้สึกมีชีวิตชีวาเหมือนเกิดใหม่และมีแรงบันดาลใจในการทำงานต่อไปมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่พวกเขาได้รับการเรียนรู้และอบรมเป็นเวลาถึงสองเดือนจาก
ฟาร์มาพวกเขาก็รู้แล้วว่ายาเหล่านี้นั้นมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน!
เรื่องราวปกติก่อนหน้านี้ของพวกเขานั้นคือ ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่ทำก็ตามแต่ทุกสิ่งก็ต้องมีการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ พวกเขานั้นต้องคอยระมัดระวังอย่างมากกับการเปิดร้านขายยาเพราะพวกเขานั้นมีสภาพเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา ทั้งเรื่องยาราคาแพงที่ไม่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการต้องระวังพวกหัวขโมยที่จ้องจะขโมยยาและความเสี่ยงในด้านความไม่พอใจของลูกค้า ค่าชดใช้อันมหาศาล สต๊อกยาที่ต้องซื้อเข้ามาตุนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะพูดว่าเหล่าแพทย์หรือแพทย์โอสถทั่วไปนั้นเป็นเหมือนตู้กดเงินของเหล่าพวกคนที่อยู่สูงกว่ามันเป็นงานที่น่ารังเกียจมากๆ
อย่างไรก็ตามร้านที่พวกเขาเปิดขึ้นมาใหม่นี้ซึ่งอยู่ภายใต้สมาคมร้านขายและจ่ายยานั้นได้มีเหล่าลูกค้าเข้ามาแวะเวียนเป็นประจำและไม่มีปัญหาใหญ่ๆ ใดๆ เกิดขึ้น
ผู้ป่วยได้มอบความไว้วางใจของพวกเขาให้กับแพทย์โอสถด้วยคำพูดที่แสดงถึงความเป็นมิตร และเหล่าแพทย์โอสถก็ได้มอบยาที่มีประสิทธิภาพให้กับพวกเขา
แม้จะไม่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความโลภ แต่ก็มีกำไรเข้ามาเสมอ
“ผมขอขอบคุณความเมตตากรุณาของท่านฟาร์มาจริงๆ ต่อจากนี้ไปผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับเหล่าผู้ป่วยอีกต่อไปแล้ว”
ปีแอร์ขอบคุณฟาร์มาเมื่อพวกเขาได้พบกัน นอกจากนั้นยังรู้สึกขอบคุณเรื่องในวันนั้นที่เขาได้มาพบกับฟาร์มา ขณะที่ลูกสาวของเขากำลังทุกข์ทรมานจากโรคไข้หวัดใหญ่ใกล้ๆ กับคลินิกของหมอโดนัลล์
พวกเรามาสร้างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของท่านฟาร์มาบริเวณโถงทางเข้าของสมาคมร้านขายและจ่ายยากันเถอะ นั่นคือสิ่งที่ปีแอร์พยายามเสนอแทบเป็นแทบตายระหว่างการประชุม แต่น่าเสียดายที่ฟาร์มาปฏิเสธเรื่องนี้ไป
___________________________________
ในขณะเดียวกันที่ร้านขายยาต่างโลก
“ดูเหมือนท่านฟาร์มากำลังยุ่งมากเลยนะคะ…”
ลอทเต้เป็นห่วงฟาร์มาในขณะที่เธอมองไปยังฟาร์มาที่เผลอหลับไปในขณะกำลังบันทึกจัดการเวชระเบียน
“ก็จริงนะเพราะกิจการต่างๆ ก็กำลังขยายไปอย่างรวดเร็วด้วย……อาจจะเป็นเพราะเทพโอสถสถิตอยู่ในร่างเด็กแบบนั้นก็เลยเหนื่อยง่ายกว่าเดิมหรือเปล่านะ??”
ขณะที่เอเลนกำลังมองดูฟาร์มาที่อ่อนล้า เธอก็กังวลเกี่ยวกับความสามารถในการรักษาผู้คนของเขา จะมียาอะไรที่สามารถรักษาเขาได้หรือเปล่านะ? ฟาร์มาบอกว่าทั้งยารักษาและยาพิษนั้นต่างไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อร่างกายเขาเลย
ถ้าหากมียาที่ช่วยเยียวยาเทพโอสถได้บ้างเขาก็คงจะอาการดีขึ้นกว่านี้
เอเลนไม่ลืมที่จะขอบคุณเทพโอสถอยู่ในใจ เธอไม่รู้ว่ามันจะส่งไปถึงเขาหรือเปล่า
“เอ๋? คุณอะไรของคุณคะคุณเอเลโอนอร์!?”
ลอทเต้ถามเอลเลนอย่างเงียบๆ เพราะเธอเชื่อว่ายังไงฟาร์มาก็คือฟาร์มา
“ก็ไม่มีอะไรหรอก เธอไม่คิดบางหรือว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่จะปล่อยให้เขากำลังทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวแบบนี้?”
เอเลนกำลังเบี่ยงประเด็น
“อย่างน้อยถ้าพวกเราสามารถจัดหาวัตถุดิบหรืออะไรที่เขาต้องการได้ แล้วก็ปล่อยให้เขาทุ่มเทกับรักษาผู้คนและผสมยาไป น่าจะช่วยเขาได้เยอะเลยนะครับ”
เซดริกก็ดูจะกังวลเรื่องของฟาร์มาเหมือนกัน เข่าของเขานั้นได้รับการรักษาจากยาที่ฟาร์มาให้จนตอนนี้ไม่จำเป็นจะต้องใช้ไม้เท้าในการช่วยเดินอีกต่อไปแล้ว
“ในส่วนนั้นก็เกือบจะไม่มีอะไรที่ฟาร์มาคุงไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้แล้วล่ะนะ ทั้งที่ฉันก็มั่นใจนะว่าฉันสามารถผสมยาคนเดียวได้ที่ห้องชั้นสี่ แต่ฟาร์มาคุงก็ไม่ยอมแสดงการสังเคราะห์ หรือวิธีการสร้างมันขึ้นมาให้ฉันเห็นเลย ก็ถามไปหลายครั้งแล้วแท้ๆ เชียวนะว่าฉันช่วยเขาได้ น่าเสียดายจริงๆ”
เมื่อไม่นานมานี้ฟาร์มามักจะทำงานล่วงเวลาทุกๆ วัน จนกระทั่งตอนนี้ยาที่ขายและที่ถูกจัดส่งนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากฟาร์มาโดยลำพังโดยเขานั้นได้ใช้วัตถุดิบจากคู่ค้าทางธุรกิจ ในส่วนของสมุนไพรนั้นถูกทำขึ้นที่เมืองมาเชล ด้วยเหตุนี้งานบางอย่างจึงต้องถูกทิ้งให้กับเอเลนไป เขาทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นและออกมารับผู้ป่วยในตอนเช้าแล้วทำการรักษา จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาในช่วงนี้ไปแล้ว
แม้ว่าฟาร์มาจะมีพลังเวทอันไร้ขีดจำกัดแต่ร่างกายของเขาไม่ใช่อย่างนั้น
“ผมเผลอหลับไปเหรอ?”
ฟาร์มาเงยหน้าขึ้นมาโดยมีรอยของโต๊ะทำงานทิ้งไว้ที่บนหน้าผากของเขา ลอทเต้ได้นำผ้ามาคลุมไหล่ของฟาร์มาเพื่อไม่ให้เขาเป็นหวัด
“นายงีบไปนานมากเลยนะรู้ตัวหรือเปล่า? นายดูเหนื่อยๆ นะ”
เอเลนถูรอยบนหน้าผากของฟาร์มาด้วยนิ้วมือ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขามักจะเริ่มทำงานทันทีหลังจากที่คิดอะไรได้หรือมีไอเดียอะไรดีๆ และนั่นทำให้ร่างกายของเขานั้นยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลร้ายแรงกับเขาด้วย
ดังนั้นในช่วงชีวิตใหม่นี้เขาจะไม่ฝืนตัวเองให้ทำงานล่วงเวลาอีก ฟาร์มาพยายามเตือนแบบนั้นกับตัวเองไว้
นี่เราโหมงานหนักไปงั้นเหรอ?
เขาตรวจสอบตารางงานของตัวเองดู
งานวินิจฉัยยากๆ นั้นเอเลนไม่สามารถทำได้ดังนั้น การเขียนใบสั่งยาจึงถูกมอบหมายให้กับเธอแทน
ส่วนงานของเขานั้นคือการแปรรูปวัตถุดิบให้กลายเป็นยาสำหรับร้านขายยาต่างโลกและร้านของเหล่าสมาชิกกิลด์ร้านขายและจ่ายยา ส่วนผสมพิเศษของเครื่องสำอางเมดีก และคลินิกทันตกรรมพิเศษ 8020 รวมไปถึงการตรวจสุขภาพของจักรพรรดินี องค์ชายและเหล่าข้าราชบริพารเป็นประจำ
ในบางช่วงก็จะมีตารางงานเหล่านีเพิ่มขึ้นมาบ้าง
การบรรยายเกี่ยวกับระบบการจัดการสาธารณสุขของจักรวรรดิ
ประชุมการจัดการบริหารงานภายในกิลด์
การจัดฝึกอบรมเหล่าโอสถแพทย์หน้าใหม่ของกิลด์
“นี่ฉันคิดว่า ควรจะหาแพทย์โอสถมาช่วยงานที่ร้านนี้หน่อยจะไม่ดีกว่าเหรอ ถือว่าเป็นการฝึกงานไปในตัวด้วยเลย? ส่วนเรื่องระบบการฝึกสอนก็ใช้ระบบรุ่นพี่สอนรุ่นน้องน่าจะทำงานของเธอมันง่ายขึ้นกว่านี้เยอะเลยนะ”
เอเลนเสนอเรื่องนี้กับฟาร์มา ฟาร์มาที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาตัวใหม่ๆ มากมายนั้นและทำมันอยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้นั่นถือว่าเป็นข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงมาก ในสถานการณ์เช่นนี้มีแต่จะทำให้ตัวเขานั้นค่อยๆ พังลงเรื่อยๆ ฟาร์มารู้สึกถึงแรงกดทับที่อยู่บนบ่าของตน
“นั่นก็เป็นความตั้งใจแต่ต้นของผมอยู่แล้ว ถ้าหากศูนย์วิจัยผลิตยาสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะก็เริ่มทำการสร้างยาเคมีสังเคราะห์จากที่นั่น รวมไปถึงอย่างอื่นด้วย”
ในเวลาไม่ช้านี้บริษัทห้างร้านประเภทยานั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นฟาร์มาจึงได้คิดการสร้างศูนย์วิจัยและพยายามดึงดูดพวกวิศวกรและนักจิวัยที่มีพรสวรรค์ทั้งในและนอกประเทศเข้ามาช่วยเขาทำงานและสอนพวกเขาเกี่ยวกับการผลิตตัวยาเหล่านี้
ยอดขายจากร้านขายยาต่างโลก เงินทุนจากทางศาสนจักร ทรัพย์สินจากตระกูล เงินทุนจากจักรพรรดินี ทั้งนี้ได้เอาไปลงกับการก่อสร้างศูนย์วิจัยผลิตยาที่เมืองมาเชลทั้งสิ้นซึ่งทำให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเมื่อมันสร้างเสร็จก็จะสามารถเพิ่มฐานการผลิตในการแจกจ่ายยาให้กับส่วนต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นซึ่งจะทำให้ฟาร์มามีเวลาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ในมหาวิทยาลัยแพทย์ของแซงต์เฟลิฟ ที่อาจารย์ของฉัน ท่านบรูโนเป็นผู้อำนวยการอยู่มีนักเรียนหลายคนที่มากความสามารถ ฉันสามารถเอาพวกเขาเข้ามาช่วยงานได้นะ”
เอเลนนั้นถือว่าเป็นศิษย์เอกของบรูโน ซึ่งตัวเธอนั้นเป็นถึงแพทย์โอสถชั้นหนึ่งและยังมีลูกศิษย์ที่อยู่ในการดูแลของเธออีกสามคนด้วยกัน แต่เพราะเธอต้องยุ่งอยู่กับการจัดการงานในร้านขายยานี้ทำให้เธอไม่มีเวลาที่จะไปดูแลพวกเขาและฝากให้บรูโนจัดการเรื่องนี้แทน เธอบอกว่าอาจจะสามารถจ้างพวกเขาเข้ามาทำงานในร้านนี้ได้
“ไว้เดี๋ยวผมจะไปคุยกับท่านพ่อในเรื่องนี้”
เนื่องจากตอนนี้ตัวฟาร์มาเองก็กลายมาเป็นแพทย์โอสถหลวงแล้ว เขาคิดว่าตนพร้อมที่จะยืมอิทธิพลและตำแหน่งของพ่อเขามาช่วยงาน ซึ่งพ่อของเขาก็น่าจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน
“แล้วก็ ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่จำเป็นนอกจากศูนย์วิจัยผลิตยาแล้วงั้นเหรอ? ฉันว่าเราควรคิดถึงมันด้วยก่อนที่อะไรจะสายเกินไปนะ”
เอเลนอยากจะผลักดันเรื่องการเตรียมตัวต่างๆ ในภายภาคหน้า
“โรงงานผลิตพวกเครื่องแก้วที่มีความละเอียดสูงและหลังจากนี้ผมก็อยากจะหาช่างฝีมือบางคนที่มีทักษะในการสร้างสิ่งเหล่านี้ด้วย”
หากไม่มีอุปกรณ์ในการปฏิบัติการห้องทดลองสังเคราะห์สารอินทรีย์เพื่อผลิตยาภายในโรงงานนั้นก็ไม่อาจจะทำงานได้
“มันเป็นของที่ไม่มีขายที่ไหนงั้นเหรอ?”
“เพราะผมอยากจะได้อันที่มันแตกต่างไปจากปกติหน่อยๆ น่ะ”
ในประเทศญี่ปุ่นนั้นผู้ที่สำเร็จการศึกษามาทางด้านของเภสัชเคมีและเคมีอินทรีย์นั้นจะมีทักษะในการผลิตเครื่องแก้วแบบเรียบง่ายติดตัวมาด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างขวดหรือหลอดทดลอง อแดปเตอร์ ปล่อง ท่อคอนเดนเซอร์และอะไรทำนองนั้นได้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องแก้วจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
“นี่ฟาร์มาคุง บางทีไอเดียของเธออาจจะมีแค่สุดยอดของสุดยอดช่างฝีมือเท่านั้นแหละที่จะทำมันออกมาได้”
เอเลนแสดงความเป็นห่วง เพราะการที่ฟาร์มาต้องการจะจ้างช่างฝีมือระดับสุดยอดแบบที่เธอคิดนั้น เขาจำเป็นจะต้องจ่ายค่าจ้างอย่างมหาศาลให้กับช่างอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องสุดยอดขนาดนั้นหรอก ขอแค่ช่างฝีมือที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกมีระดับก็พอแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็มีแกรนดยุก อยู่คนหนึ่งนะที่ถูกเรียกว่าช่างแห่งเปลวไฟ ซึ่งเขามีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตเครื่องมือสำหรับห้องปฏิบัติการของพวกแพทย์ นักเล่นแร่แปรธาตุ หรือ แม้แต่แพทย์โอสถอย่างเราๆ ด้วย คนคนนั้นสามารถทำพวกเครื่องแก้วและงานโลหะ อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำพวกเครื่องมือให้กับท่านอาจารย์ด้วย แต่เขาไม่รับคำขอของพวกสามัญชนหรอกนะ ดังนั้นฉันคิดว่าถ้าหากให้ท่านอาจารย์บรูโนช่วยน่าจะได้อยู่นะ”
พวกเขาตัดสินใจให้บรูโนช่วยเป็นผู้ติดต่อให้ทันที เพราะต้องใช้เวลาในการทำเครื่องมือ และ ศูนย์วิจัย โรงงานนั้นก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ด้วยหากพวกเขาไม่ยื่นคำขอเสียแต่ตอนนี้มันจะไม่ทันการเอา
“แกรนดยุก เมโลดี้ เลอ รูซ์”
ชื่อดูน่ารักซะไม่อยากจะคิดว่าเป็นช่างฝีมือ
“เป็นแกรนดยุกสาวเหรอ?”
จากคำถามของเขาเอเลนจึงตอบเขา
“ฉันว่านายควรจะรู้ไว้หน่อยนะว่าชื่อต้นที่เป็นแกรนดยุกน่ะเป็นสิ่งที่จะมอบให้กับใครก็ได้ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้นำตระกูลและมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นชายหรือหญิง”
“อย่างงั้นเหรอ…”
“นั่นแหละจึงเป็นเหตุผลที่ว่าในตระกูลหนึ่งอาจจะมีแกรนดยุกถึงหนึ่งหรือสองคนก็ได้ ฟาร์มาคุง ถ้าหากนายโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วนายอาจจะได้รับตำแหน่งเป็นถึงแกรนดยุกเหมือนกันก็ได้นะ”
“ถ้าแบบนั้นก็สุดยอดมากเลยนะคะท่านฟาร์มา! ถ้าถึงวันนั้นแล้วเรามาจัดงานปาร์ตี้กันเถอะค่ะ! เอาให้เป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่สุดๆ ไปเลย!”
เมื่อลอตเต้ได้ยินว่าเขาจะได้เป็นแกรนดยุก เธอก็เริ่มกระโดดโลดเต้นไปมา และนึกไปถึงวันที่มีงานเลี้ยงขนาดใหญ่ถูกจัดขึ้นมา
“พอเถอะลอตเต้จัง เธอดูจะรีบร้อนเกินไปละนะ”
ส่วนตัวเอเลนนั้นเชื่อมั่นอยู่แล้วว่ายังไงฟาร์มาก็ต้องได้รับตำแหน่งแกรนดยุกแน่นอน และเธอยังคิดอีกว่าเมื่อตัวฟาร์มาตายไป ทางศาสนจักรนั้นอาจจะนำเขาไปสร้างรูปบูชาให้กลายเป็นตัวแทนของเทพโอสถหรืออะไรทำนองนั้นเลยก็ได้
แกรนดยุกเมโลดี้ เลอ รูซ์ อาศัยอยู่บริเวณเขตชานเมืองดูเหมือนว่าในปีนี้เธอจะไม่ได้รับคำขอให้ทำงานใดๆ ขึ้นมา เอเลนและฟาร์มาได้แลกเปลี่ยนคำพูดกับ คุณปู่ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ดูแลและรับใช้ปราสาทแห่งนี้ให้เป็นตัวกลางในการพูดคุยครั้งนี้อยู่ที่ทางเข้าปราสาทอันวิจิตรตา
“กรุณารอสักครู่นะครับ เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นไม่ค่อยแข็งแรงนัก”
พ่อบ้านอธิบายอย่างไม่ชัดเจนนัก
“พวกเราเป็นแพทย์โอสถครับ ถ้าหากตระกูลนี้ไม่มีแพทย์ประจำตระกูลหรือแพทย์โอสถอยู่ ให้พวกเราลองตรวจอาการของท่านแกรนดยุกเมโลดี้จะดีกว่านะครับ”
พวกเขาเดินมายังโถงบริเวณขวามือและฟาร์มาก็แนะนำให้เธอคนนั้นรับการตรวจร่างกาย
“ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้นครับ…”
“แต่อาการของเธอไม่ค่อยดีไม่ใช่เหรอคะ? แล้วแพทย์ประจำตระกูลไปอยู่ไหนกันหมดคะ?”
เอลเลนถามกลับไป เพราะในฐานะแพทย์ปรุงยาเธอก็ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคนเท่าที่เธอจะทำได้ ดังนั้นเธอจึงสอบถามถึงอาการว่าเป็นเช่นไร
“อาการของท่านแกรนกยุกเมโลดี้ พวกเราจะเก็บเป็นความลับไว้ครับ”
ฟาร์มาพอจะเดาได้ว่าอาจจะมีอะไรบางอยู่ที่ซับซ้อนอยู่เบื่องหลังเขาจึงสัญญาเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด
“ครับ… กระผมเข้าใจแล้ว หะ… หากพวกท่านสามารถช่วยคุณหนูเมโลดี้ได้จริง กระผมก็ขอความกรุณาด้วยครับและได้โปรดอย่าแปลกใจหากได้เห็นถึงสภาพของคุณหนูนะครับ”
พวกเขาถูกนำทางไปยังบริเวณหอกลมสูงกลางประสาทซึ่งเป็นบันไดวนขึ้นไปเหมือนกับขึ้นเขาเลยทีเดียว และพวกเขาก็มาถึงยังจุดหมาย
“สถานที่นี่มันอะไรกัน?”
ไม่ว่ายังมองยังไงที่นี่มันก็ดูเหมือนห้องขัง บริเวณห้องนั้นถูกฉาบไปด้วยคุกหินหนาถึงสองชั้นซึ่งภายในนั้นมีเก้าอี้และแกรนดยุกสาวเมโลดี้อยู่ ขาของเธอนั่นถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ ในสภาพของตกอย่างหดหู่ ดูท่าว่าเธอกำลังจะหลับอยู่ มือของเธอนั้นถูกมัดเอาไว้ด้านหลังและร่างกายของเธอนั้นก็ถูกผูกมัดแน่นไว้กับเก้าอี้
“ทำไมสภาพของเธอถึงแบบนี้ได้ล่ะ!? สาเหตุมาจากอะไรกันครับ!? เธอไม่ได้ป่วยอยู่งั้นหรอกเหรอ!?”
ฟาร์มาตะโกนออกมา เมื่อเห็นถึงการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะฟาร์มาคุงลองดูเข้าไปใกล้ๆ สิ…”
เอเลนรู้สึกถึงบางอย่างที่แตกต่างไปและบอกกับฟาร์มา
“คุณหนูเมโลดี้ถูกปีศาจสิงสู่ครับ”
อยู่มาวันหนึ่งเมโลดี้นั่นเริ่มกรีดร้องและพูดอะไรบางอย่างออกมา ทั้งการโต้เถียงอย่างรุนแรงละใช้ความรุนแรงกับแขกที่มาเยือน ทำลายข้าวของ เอาหัวของตัวเองทุบกับกำแพงอีกทั้งยังเกิดเหตุความวุ่นวายอีกมากเพราะเธอนั้นเป็นผู้ใช้ไฟ เมื่อเธอมีอาการคุ้มคลั่งทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเธอต่างลุกไหม้จนหมดสิ้น
“ถ้าเกิดมีการสืบสวนในเรื่องนี้ขึ้นมาเธออาจจะต้องถูกทรมานหรือถูกฆ่าก็ได้ นั่นแหละครับคือเหตุผลที่….…”
พวกเขาก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้เลย
“แต่ไม่ใช่ว่าเธอยังสามารถใช้พลังเวทได้อยู่นี่ครับ? เพราะถ้าหากเธอถูกปีศาจสิงสู่อยู่จริงๆ ละก็เธอคงจะไม่สามารถใช้มันได้หรอกครับ”
ฟาร์มาจี้ไปยังจุดที่สงสัย
“กระผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ… ทำให้คุณหนูเมโลดี้ผู้แสนอ่อนโยนเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้….กระผมละเกลียดเจ้าปีศาจนั่นเหลือเกิน”
เขาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
“กระผมก็อยากจะให้เธออยู่บนเตียงที่มันสบายนะครับ แต่เพราะถ้าทำแบบนั้นไม่ว่าจะเตียงหรือผ้าห่มก็ถูกเผาไปเสียหมด โดยไม่ได้ตั้งใจ”
ผมสีเงินของเมโลดี้นั้นถูกตัดจนสั้นเหรอเขาบอกว่าตอนที่เธอคลุ้มคลั่งอยู่นั้นไฟได้ลามไปเผาผมที่ยาวของเธอด้วย
“เธอมีอาการแบบนี้ตลอดเวลาเลยเหรอครับ?”
“ไม่หรอกครับ สภาพของเธอเปลี่ยนไปทุกๆ วัน หากเธอมีอาการนั้นขึ้นมาอีกเธอก็ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แหละครับ วันนี้ก็เช่นกัน เธอใช้ไฟของเธออย่างคลุ้มคลั่งจนเกือบจะทำร้ายตัวเองเข้าให้แล้ว กระผมก็เลยต้องเอาเธอมาไว้ในห้องขังหนาสองชั้นนี้ครับ”
“และกระผมคิดว่ายิ่งนานวันเข้ามันยิ่งจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ อีกครับ”
ฟาร์มาได้เริ่มสอบถามถึงประวัติทางการแพทย์ของเมโลดี้กับพ่อบ้าน อายุ อาหารที่ชอบ แนวทางการใช้ชีวิต และสิ่งที่ชอบ ก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดใช้งานดวงตาวินิจฉัย เขาสงสัยว่านั่นอาจจะเป็นอาการผิดปกติทางสมอง
อย่างที่คิดแสงสีฟ้านั้นเปล่งออกมารอบๆ สมองของเธอ
โรคจิตเภท ประเภทNervous breakdown (Schizophrenia, nervous-breakdown type)
แสงได้เปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อเขาเริ่มท่องยารักษาโรคทางด้านนี้เรื่อยๆ แสงสีขาวนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ ยานั้นจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากใช้ในการรักษาอาการทางจิตประเภทที่รุนแรง
“เรารักษาเธอได้ครับ”
ฟาร์มาพูดแบบนั้นและเดินไปยังกระเป๋าใส่ยาของเขา
“เอ๋?”
มันเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้อยู่แล้วที่การสิงสู่ของปีศาจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรักษาได้และไม่มีทางเลือกนอกจากต้องให้เหล่าผู้ไต่สวนจากทางศาสนจักรเข้ามาช่วยเหลือ เช่นการทรมานจนกว่าวิญญาณร้ายนั้นจะถูกขับไล่ออกไปและถ้ามันล้มเหลวขึ้นมาก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกต่อไป แน่นอนว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่างการทรมานนั้นด้วย
“นายจะขับไล่ปีศาจนั่นงั้นเหรอ? ด้วยพลังแห่งเทพโอสถเหรอ?”
เอเลนกระซิบกับฟาร์มา
“มันไม่ใช่ปีศาจอะไรนั่นหรอก ก็แค่อาการป่วยเอง ผมก็ทำเพียงแค่รักษาเท่านั้น”
“อาการป่วย!? นายจะบ้าหรือเปล่า!?”
ไม่มีทาง! เอเลนประหลาดใจมาก
“มันก็แค่อาการป่วยจริงๆ ถ้าอาการแบบนี้ควรจะต้องค่อยๆ จัดการอย่างอ่อนโยน แต่ก่อนหน้านั้น….I”
เขาหันไปทางพ่อบ้าน
“กรุณาปลดพันธนาการของเธอและปล่อยเธอออกมาเถอะครับ จากนั้นก็ไปหาอาหารร้อนมาให้เธอด้วยและนำเธอไปวางไว้ที่เตียงด้วยนะครับ”
ฟาร์มาที่เป็นเหมือนพระมาโปรดของเธอในวันนั้น จากนั้นเขาได้กำหนดตัวยาที่จะใช้ในการรักษาเธอ
ฟาร์มาได้เดินทางไปยังปราสาทของเมโลดี้ทุกๆ วันเพื่อฟังเรื่องราวของเธอและให้คำปรึกษาอย่างอ่อนโยนและให้เธอเข้าโปรแกรมฟื้นฟูสมรรถภาพ ทีละเล็กทีละน้อย เมโลดี้เริ่มฟื้นฟูบุคลิกภาพของตนขึ้นมา เธอเริ่มไม่แสดงอาการที่รุนแรงออกมา จนเวลาค่อยๆ ผ่านไปเส้นผมของเธอก็เริ่มยาวขึ้น ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนค่อยๆ กลับมาและรอยยิ้มของเธอก็ถูกแสดงออกมา
ในตอนนี้สุขภาพของเธอนั้นได้รับการฟื้นฟูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอเลนกล่าวว่า
“สรุปมันใช่ไม่ปีศาจอะไรแต่เป็นแค่อาการป่วยจริงๆ สินะ…” ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เมโลดี้ นั้นเป็นอย่างที่คุณปู่พ่อบ้านได้พูดเอาไว้ เธอเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนมากๆ
“ขอบพระคุณมากจริงๆ ค่ะ ท่านแพทย์โอสถ ตั้งแต่ที่ถูกปีศาจร้ายนั้นสิงสู่ ฉันก็คิดอยู่เสมอว่าฉันสมควรจะตายๆ ไปเสียยังจะดีกว่าแท้ๆ แต่ตอนนี้…”
“ผมจะพยายามติดตามอาการเพื่อป้องกันการกลับมาของมันนะครับ แล้วก็ผมจะให้ยาเพื่อดูแลอาการนี้ไปอีกสักพักด้วยนะครับ”
“แค่นี้ฉันก็โล่งใจแล้วค่ะ”
เมโลดี้รู้สึกพอใจมากแล้ว
“แล้วท่านแพทย์โอสถมีธุระกับฉันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”
และในวันนั้นเอง เมโลดี้ก็ถามกับฟาร์มา เพราะเธอได้ยินมาจากพ่อบ้านว่าฟาร์มาถามถึงตัวเธอที่เป็นช่างฝีมือแห่งเปลวไฟผู้เก่งกาจ ในช่วงเวลาที่ทำการรักษาตัวเธอนั้น เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย
“ถ้าหากจิตใจของฉันกลับมามั่นคงเมื่อไหร่ ฉันจะทำตามคำขอของคุณให้เองค่ะ ได้หรือเปล่าคะ?”
ตามที่เมโลดี้บอก ฟาร์มาได้เตรียมเอกสารคำขอร้องขึ้นมา ในขณะนี้ความสัมพันธ์ของเขานั้นไม่ใช่ในรูปแบบเภสัชกรกับผู้ป่วยอีกแล้ว แต่มันกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างวิศวกรกับลูกค้า
งานเครื่องแก้วและเครื่องโลหะเรื่องจากเธอไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเธอจึงได้ดึงแบบฟอร์มนั้นขึ้นมาดู เนื่องจากมิติของมัน วัสดุที่ใช้ และรายละเอียดมีอยู่ภายในทั้งหมด เธอจึงสามารถเข้าใจถึงวิธีการสร้างมันได้อย่างหมดจด
“ผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมายากมากๆ ดังนั้นผมก็เข้าใจนะถ้าหากคุณทำสิ่งนี้ขึ้นมาไม่ได้”
ฟาร์มารู้ว่านี่เป็นความท้าทายที่ยากมาสำหรับเธอ มันคงจะดีกว่าถ้าให้เธอได้คิดถึงเรื่องนี้บ้าง
ถึงอย่างนั้นเมโลดี้ก็ส่ายหัวและเริ่มพูดเชิงตำหนิเขา
“ฉันจะแสดงให้เห็นเองค่ะว่าสุดยอดพลังแห่งไฟของฉันเป็นอย่างไรและแน่นอนฉันจะตอบสนองความต้องการของคุณให้เองค่ะ”
เมโลดี้มองไปยังแบบคำขอและประกาศมันออกมาด้วยความมั่นใจ
“คำขอของคุณทั้งหมดได้ถูกรับไว้แล้วค่ะ”
ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาเครื่องแก้วที่ดูซับซ้อน ซึ่งใช้ในการสังเคราะห์สารอินทรีย์ได้ถูกส่งไปยังร้านขายยาต่างโลกซึ่งคุณภาพและฝีมือนั้นไม่ได้ด้อยเลยและมันยังเหนือกว่าที่ฟาร์มานั้นจินตนาการไว้เสียอีก
_____________________________________________________
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913