ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 25
นที่ 25 การมาเยือนของแบล็กเดธ
——–
「มันเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งอะไรเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงหนึ่งปีเลยแท้ๆ 」
จักรพรรดินีเอลิซาเบทที่สอง กล่าวชื่นชมออกมาหลังได้รับรายงานสถิติประจำปีเกี่ยวกับอัตราการเกิดและเสียชีวิตของประชาชนภายในเมืองหลวงจากผู้ช่วยของเธอในห้องประชุม เธอนั้นรู้สึกพอใจกับมันมากเพราะอัตราการเสียชีวิตของประชาชนภายในเมืองหลวงนั้นลดลงไปเกือบ
20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ส่วนด้านสถิติการเสียชีวิตของประชาชนในแถบเมืองตามภูมิภาคต่างๆ นั้นก็ยังคงมาตรฐานการเสียชีวิตเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา ฉะนั้นจึงมีเพียงเมืองหลวงเท่านั้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันแบบนี้
「ด้วยจำนวนเท่านี้ภายในเมืองหลวงมันเกิดขึ้นมาได้เพราะร้านขายยาต่างโลกกับเหล่ากิลด์ร้านขายและจ่ายยาเท่านั้นจริงๆ งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? มนุษยชาติ
「นั่นสินะของแบบนี้ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงทำใจเชื่อไม่ลง」
เอลิซาเบทบอกกับตัวเอง
นั่นหมายความว่าที่ฟาร์มานั้นได้เข้ามาเป็นแพทย์โอสถหลวง และเริ่มทำการคิดค้นกล้องจุลทรรศน์นั้น เขาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้นกับสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนี้
ทั้งการก่อตั้งร้านขายยาต่างโลกที่ใช้เป็นทั้งที่ทำงานและวิจัยยาใหม่ๆ มากมาย
จัดการเกี่ยวกับสินค้าที่มีผลเสียต่อร่างกายคนอย่างเช่นพวกตะกั่วและปรอท
เปิดร้านขายเครื่องสำอางเมดีก และยังมีคลินิกทันตกรรมพิเศษ 8020
รวมไปถึงการก่อตั้งกิลด์ร้านขายและจ่ายยาซึ่งในแต่ละร้านนั้นก็ต่างมียาตัวใหม่ขายกันถ้วนหน้า
เปิดการบรรยายเกี่ยวกับการจัดการระบบสาธารณสุข
นอกจากนั้นยังมีการเดินสายตรวจสุขภาพฟรีทั่วเมืองหลวงและออกใบสั่งยาให้คนเหล่านั้นด้วย
คำนึงถึงผู้ป่วยเป็นอันดับแรกและการบริการที่ยอดเยี่ยม เพื่อจะทำทุกสิ่งให้ออกมาเป็นรูปธรรมแบบนี้ได้โดยใช้เวลาเพียงปีเดียวแบบนี้มันไม่ใช่ความสามารถของมนุษย์แล้ว
เพราะการบรรยายด้านสาธารณสุขและสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ากล้องจุลทรรศน์นั้นประสบความสำเร็จในการเข้าถึงประชาชน ประชาชนทั้งหลายเริ่มใส่ใจเกี่ยวกับความสะอาดมากยิ่งขึ้นและปริมาณของผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรือโรคระบาดที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวงนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทุกๆ ปีนั้นพวกเขามักจะต้องกังวลกับการรับมือไข้หวัดใหญ่ แต่ในปีนี้นั้นมันตกไปอยู่ในระดับที่ควรระมัดระวังไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
「ฮ่าๆ! กระหม่อมก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอก แต่ก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ」
ผู้อาวุโสซึ่งรับใช้ราชสำนักมาช้านาน รัฐมนตรีกิจการแห่งรัฐ เซอร์ฟิลิปก็ยอมรับความสำเร็จนั้นของฟาร์มาด้วย
「แม้แต่ท่าเซอร์ก็คิดเช่นนั้นสินะ? 」
「เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หากเมืองหลวงนั้นประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ด้วยแล้ว ความมั่งคั่งและอำนาจนั้นก็จะยิ่งแผ่ขยายไปยังทั่วทุกหนแห่ง」
แม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่าง เซอร์โยฮัน ก็ยังพยักหน้าให้กับคำถามของจักรพรรดินี เซอร์โยฮันนั้นเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่คัดค้านการเปิดร้านขายยาที่ได้รับตราจากหลวงแต่มีเพียงแค่เด็กเท่านั้นที่เป็นผู้ดูแลจัดการร้าน
ส่วนโนอาร์นั้นได้ถูกเลื่อนขั้นให้กลายมาเป็นอัศวินฝึกหัดแล้วจากที่เคยเป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของจักรพรรดินีส่วนนี้ก็ต้องยกความชอบให้กับฟาร์มาด้วยเพราะนั่นทำให้ตัวเขานั้นได้แสดงความสามารถของตนจนเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน
「ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เราคิดว่าเราควรจะให้รางวัลเขาอีกสักครั้งหนึ่งนะ」 จักรพรรดินีเริ่มพูดหัวข้อนี้ขึ้นมาในที่ประชุมและคิดทบทวนมันอยู่ในหัวของเธอ
「การจะแต่งตั้งเลื่อนระดับทางชนชั้นของฟาร์มานั้นจะเร็วไปหรือเปล่า ท่านเบเรนิช? 」
「คุณฟาร์มานั้นยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เพคะ หากภายใต้กฎหมายของจักรวรรดิเราแล้ว ผู้เยาว์นั้นไม่สามารถจะได้รับอนุญาตในเรื่องนี้ได้เพคมนุษยชาติ
เบเรนิช สาวสวยผู้เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมผู้ที่พูดห้ามปรามจักรพรรดินีที่รีบร้อนอยากจะให้ฟาร์มานั้นได้ตำแหน่งในปีนี้เลย และเสริมอีกว่า “แต่ถ้ากฎหมายของทางจักรวรรดิมันทำให้พวกเราลำบากกันมากนักการแก้ไขก็ไม่น่าใช่เรื่องที่ยากค่ะ” เพิ่มเติมว่าตัวเบเรนิชนั้นก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของร้านเมดีกที่มักจะมาซื้อสบู่ที่ร้านแห่งนั้นอยู่เสมอ
「อืม มันคงจะเร็วเกินไปจริงๆ นั่นแหละ」
ดูเหมือนจักรพรรดินีจะเริ่มตระหนักได้แล้วว่ามันเร็วเกินไป
「ชื่อเสียงและการตอบรับจากประชาชนที่มีต่อเขาในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ยังอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ」
รัฐมนตรีกิจการแห่งรัฐฟิลิป เขาได้ยินเสียงความนิยมเหล่านี้มาจากผู้คน ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามาจากร้านขายยาต่างโลกนอกจากพวกที่อาการหนักปางตาย ก็แทบจะไม่มีใครเสียชีวิตจากการรักษาเลย ส่วนตัวของเขาเองนั้นก็ป่วยอิดๆ อ่อดๆ อยู่บ่อยๆ เหมือนกันจนร้านนั้นจนมันกลายเป็นร้านรักษาประจำตระกูลของเขาไปแล้ว เพราะสามารถมารับยาที่นี่ได้ในทุกๆ อาทิตย์ตัวเขาเลยแทบไม่มีความจำเป็นจะต้องไปหาแพทย์ทั่วไปเลย
สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ผู้มาจากตระกูลของแพทย์โอสถหนุ่มน้อยฟาร์มา
เอลิซาเบทนั้นค่อยๆ เพิ่มพูนความเชื่อในส่วนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเธอนั้นรู้จักฟาร์มา มานานแล้วเพราะเขามักจะแวะเวียนและติดตามพ่อของเขามาในวังตั้งแต่อายุได้แปดปี แต่ตอนนี้เธอมองเห็นได้ชัดเจนเลยว่าบุคลิกภาพของเขานั้นแตกต่างจากครั้งอดีตอย่างมาก
“ตัวตนของเขานั้นยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนนัก” นั่นคือมุมมองของเอลิซาเบท มีสิ่งที่รับประกันอยู่แล้วแน่นอนอย่างหนึ่งว่าตัวตนที่ซ่อนอยู่ของเขานั้นไม่ใช่ปีศาจ และหากว่าสิ่งที่อยู่ในตัวเขาจริงๆ นั้นคือพระเจ้าหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ คงจะไม่ใช่เรื่องดีหากเขาถูกพบตัวจริงโดยมนุษย์เพราะตามตำนานแล้วหากพระเจ้านั้นถูกล่วงรู้การมีตัวตนโดยมนุษย์เขาจะหายตัวไปตลอดกาล
ด้วยเหตุนี้ เอลิซาเบทจึงได้เตรียมการต่างๆ เพื่อให้ฟาร์มานั้นสามารถเคลื่อนไหวภายในเมืองหลวงนี้ได้อย่าง่ายดายยิ่งขึ้น และหากเขาประสงค์สิ่งใด สิ่งนั้นจะต้องถูกจัดการให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
「ดีละ ถ้าแบบนั้นเราก็มาคุยกันเรื่องงานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟกันต่อเลยกัน」
「พ่ะย่ะค่ะ! ทางกำหนดการนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้ว เหล่าสมาคมต่างๆ ในเมืองหลวงและพ่อค้าก็ต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมสินค้าของพวกตน ทางพ่อค้าชาวต่างชาติก็เริ่มทยอยเข้ามากันแล้วพ่ะย่ะค่ะ」
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เซอร์เอลแมน ได้ปรับแว่นสายตาสีดำของเขาขณะรายงานผลและสถานการณ์โดยรวมต่อจักรพรรดินีและผู้เกี่ยวข้องในการจัดงาน จักรพรรดินีกล่าวนึกถึงบางอย่างได้และกล่าวออกมา
「เรามีเรื่องที่อยากให้ทุกท่านระลึกกันไว้อย่างหนึ่ง ว่าเรานั้นจะไม่ยอมให้ผู้ใดละเมิดต่อศีลธรรม และกฎหมายของทางจักรวรรดิเราเด็ดขาด หากเกิดอะไรที่ทำให้เป็นปัญหาหรือมีใครที่เข้าข่ายนั้นให้ทำการจัดการได้เลยโดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานะทางสังคม」
「พ่ะย่ะค่ะ,พวกเราจะดูแลอย่างเคร่งครัด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจกระหม่อมอยู่」
เอลแมนได้บอกการคาดการณ์ของสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านๆ มา
「มองไปยังผลผลิตที่ถูกส่งออกโดยรวมของเรานั้นดูเหมือนว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายรับซื้อสินค้าประเภทยาและเหล่าแพทย์ปรุงยาจากต่างแดนเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ครับมนุษยชาติ
「ไม่ใช่เพียงแค่พยายามเข้ามากว้านซื้อยาจากร้านขายยาต่างโลกเท่านั้นแต่ร้านในเครือกิลด์ก็ต่างถูกกว้านซื้อไปด้วยเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ」
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป้าหมายของพวกเขานั้นคือการนำสินค้ายาเหล่านี้กลับไปยังประเทศเพื่อขายมันในราคาที่สูงให้กับเหล่าชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ อย่างไรก็ตามทางร้านขายยาต่างโลกที่ฟาร์มาดูแลนั้นจะขายยาให้กับผู้ป่วยตามที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้นหากเขามองแล้วว่าผู้ป่วยคนไหนต้องการยาเขาจะจ่ายยาให้ หากใครไม่มีอาการหนักถึงขั้นต้องใช้ยาเขาก็จะไม่ขายยาให้
ในทางกลับกันร้านในเครือนั้นถึงแม้จะขายยาที่คุณภาพไม่สูงเท่ายาที่ร้านขายยาต่างโลกขายแต่มันก็ยังคงเป็นยาคุณภาพดี ซึ่งเหล่าพ่อค้าอาจจะเล็งในจุดนี้และซื้อมันไปเพื่อเก็งเอากำไร
「ในตอนที่เทศกาลสินค้าแห่งนี้เปิดขึ้นมา ร้านขายยาต่างโลกต้องตกเป็นเป้าหมายของเหล่าแพทย์โอสถจากที่ต่างๆ แน่นอน แต่ร้านขายยาแห่งนี้เป็นสมบัติของจักรวรรดิเราและความมั่งคั่งของเรา ทั้งแพทย์โอสถฟาร์มาและเหล่าพนักงานของร้านเราจะปล่อยพวกเขาไปไม่ได้เด็ดขาด ให้ส่งมือดีที่สุดของเราไปคอยจับตาดูและช่วยเหลือฟาร์มากับพนักงานของเขาทุกคนด้วย」
จักรพรรดินี้นั้นมีเป้าหมายที่จะให้ฟาร์มานั้นอยู่ข้างเธอ และเปลี่ยนให้ทำสร้างยาไปตามอิสระของตนและสิ่งนี้จะกลายเป็นอำนาจในการแข่งขันต่อประเทศภายนอกซึ่งเป็นผลดีต่อทางจักรวรรดิ เรียกได้เลยว่า ร้านขายยาต่างโลกและสินค้าของทางร้านขายยานั้นคือสิ่งที่จะนำพาความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่มาสู้จักรวรรดิ
「น้อมรับบัญชา」
เหล่าผู้ประชุมต่างเห็นด้วยกับจักรพรรดินี
______________________________________________________________
「กาฬมรณะกำลังจะกลับมาครับ โดยการปะปนมากับสินค้าที่จะเข้ามากับเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟ」
ในขณะนั้นเองฟาร์มาได้รีบวิ่งไปยังวิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟ ณ ห้องผู้อำนวยการก่อนจะบอกเรื่องนี้กับพ่อของเขาเกี่ยวกับภัยคุกคามอันเลวร้ายของโรคระบาดที่ร้ายแรงนี้ พ่อของเขานั้นกำลังยุ่งอยู่กับงานด้านบริหารและการวิจัยของตนอยู่จึงไม่มีโอกาสที่จะได้กลับไปยังคฤหาสน์นัก
「หืม ถ้าเป็นเรื่องหมู่เกาะทางเขตของเนเดลที่มีผู้เสียชีวิตทั้งเกาะจากโรคประหลาดนั่นพ่อรู้แล้วนะ แต่สาเหตุจริงๆ ของมันยังไม่พบเลยนะแม้แต่ทางโนวารูตก็ยังไม่ได้ข้อสรุปออกมาเลย แล้วทำไมเจ้าถึงคิดว่ามันเป็นกาฬมรณะกันล่ะ? 」
กาฬมรณะ (แบล็กเดธ) นั่นคือชื่อเรียกของกาฬโรคบนโลกแห่งนี้ มันเคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ210ปีก่อน ซึ่งบรูมนุษยชาตินั้นได้รู้มันมาจากการถอดความวรรณกรรมเรื่องเล่าในอดีตและรู้ถึงความน่ากลัวของกาฬมรณะนั้น ว่ากันว่าอาการป่วยนั้นจะมีสีม่วงเข้มปรากฏอยู่บนตามผิวหนังของผู้ป่วยและสิ่งที่ถูกเรียกว่ากาฬมรณะนี้มีความสามารถในการแพร่กระจายสูงมากและเมื่อมันระบาดไปยังหลายๆ เมืองผู้คนจึงตัดสินใจเผาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยศาสตร์แห่งไฟซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาในตอนนั้นเพียงวิธีเดียว
「มันค่อนข้างยาวครับ แต่ผมมั่นใจว่ายังไงมันก็คือกาฬมรณะครับ」
「จากตำนานของกาฬมรณะที่ถูกเขียนอยู่ในวรรณคดีเมื่อครั้งอดีตมันเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเสียด้วยสิ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นตอนนี้สินค้าที่มีการขนส่งและหลุดรอดมาจากหมู่เกาะที่ติดเชื้อนั่นอาจจะผ่านเข้ามายังเมืองหลวงผ่านเรือที่เทียบท่าเมืองมาเชลก็ได้นะ」
「ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็ได้เตรียมการสร้างสถานกักกันผู้ป่วยไว้ที่ท่าเรือของเมืองมาเชลแล้วครับ」
「อืม ตัดสินใจได้ดี」
บรูโนกำลังประเมินมาตรการตัดสินใจของฟาร์มา
「เพราะหากมันได้เข้ามาสู่เมืองหลวงแล้วถึงตอนนั้นคงจะเป็นจุดจบของเมืองหลวงเป็นแน่แท้」
บรูโนกล่าว เพราะยาที่สามารถรักษาโรคนี้ได้นั้นยังไม่ถูกค้นพบและสิ่งเดียวที่เหล่าแพทย์และแพทย์โอสถจะทำได้นั้นคงจะมีแต่การนับจำนวนของผู้เสียชีวิต หากภัยพิบัติแบบนั้นเกิดขึ้นมาที่เมืองหลวงของจักรวรรดิที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นเป็นอย่างมากแบบนั้น วาระแห่งการล่มสลายคงจะมาถึงแล้วจริงๆ
ความหายนะของจักรวรรดิที่เกิดจากเปลวเพลิง
「ยังไงพวกเราก็ไม่มีวันจะเอาชนะโรคนั้นได้หรอก」
「ไม่ครับ เราสามารถต่อสู้กับมันได้」
ฟาร์มาตอบกลับมาทันที
「เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?! มันเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษาให้หายเลยนะแถมยังไม่เคยมีใครรู้ถึงตัวตนจริงๆ ของมันอีกด้วย」
ดูเหมือนว่าบรูโนจะเริ่มคล้อยไปตามคำพูดของฟาร์มาแล้ว
「เราสามารถสู้กับมันได้เหมือนตอนโรคฝีในท้องครับ ผมมีอาวุธไว้ใช้ต่อกรกับมัน」
ยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการกับโรคระบาดนั้นคือยาปฏิชีวนะ
(ยาต้านแบคทีเรีย) ซึ่งมียาจำนวนมากที่ถูกพัฒนาขึ้นมาบนโลกก่อนของเขาโดยสิ่งนี้และยังมีการรักษาทางเลือกอีกมากมาย……แต่ถึงแบบนั้นสถานการณ์ในตอนนี้โรงงานวิจัยและผลิตยาที่เมืองมาเชลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เมื่อไม่มีห้องวิจัยขนาดใหญ่เช่นนั้นก็ไม่อาจจะสังเคราะห์ยาขึ้นมาได้โดยใช้เวลาเพียงแค่สองถึงสามวัน เนื่องจากยาปฏิชีวนะเป็นสิ่งที่สามารถสกัดได้จากเชื้อจุลินทรีย์เช่นเชื้อราหรือแบคทีเรียตราบใดที่โลกใบนี้มีเทคนิคในการเพราะเลี้ยงพวกมันอยู่บนโลกใบนี้เราก็ยังสามารถจัดการกับเชื้อตัวนี้ได้
แต่เวลาในการเตรียมตัวของเขานั้นเหลือเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องพึ่งแค่ความสามารถในการสร้างสสารของฟาร์มาเท่านั้น
「ละ-แล้วเราจะสู้กับมันยังไงกัน……」
บรูโนนึกถึงวิธีการไม่ออกเลยจริงๆ เพราะนักวิจัยและนักวิชาการของโลกใบนี้ไม่รู้ถึงสาเหตุของกาฬมรณะว่ามีลักษณะการแพร่กระจายได้อย่างไร
「มียาที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยเฉพาะเรียบร้อยแล้วครับ」
ฟาร์มาได้ทำการจัดเตรียมยาปฏิชีวนะสังเคราะห์เรียบร้อยแล้ว
ตัวที่เขาเลือกมานั้นคือ สปาร์ฟลอกซาซิน (Sparfloxacin) (SPFX)
ซึ่งเป็นยาที่ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียโดยการป้องกันการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของเชื้อและทำให้มันไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้และตายลงไปในที่สุด
มันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการฉีดเข้าสู่ร่างกายและสามารถรับประทานเข้าไปได้เลย เพราะความเสี่ยงในการฉีดยานั้นมีสูง ฟาร์มาจึงไม่ต้องการจะใช้มัน เพียงแค่การรับประทานยานี้วันละครั้งก็เพียงพอแล้ว แม้ตัวมันจะมีผลค้างเคียงก็ตามแต่ถ้าผิวหนังผู้ป่วยไม่ได้ไปสัมผัสกับแสงแดดเข้าและแพทย์นั้นควบคุมปริมาณยาที่ใช้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวลกับมันมากนักก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถจ่ายยาและกระจายมันไปให้กับร้านต่างๆ ภายในกิลด์ร้านขายและจ่ายยา และผู้ที่มาศึกษาข้อมูลภายใน
ฟาร์มานั้นสร้างสปาร์ฟลอกซาซินโดยใช้ความสามารถในการสร้างสสารของเขา
เนื่องจากโครงสร้างของมันนั้นซับซ้อนมากจึงทำให้เขาต้องมากำหนดความเข้มข้นของมันซึ่งเพิ่มภาระให้กับเขาอย่างมากและทำให้เขาเหนื่อยล้าอย่างหนักจึงสามารถเตรียมพร้อมยาสำหรับรักษาไว้ได้เพียงแค่ 100 คนเท่านั้น
ทันใดนั้นเขาก็ได้จัดเวิร์คช็อปเกี่ยวกับยาตัวใหม่นี้และสอนเหล่าแพทย์โอสถถึงวิธีการดูแลผู้ป่วยและวิธีการใช้ยา ตัวเขานั้นไม่ได้กระจายข้อมูลนี้ไปให้กับทุกคนในกิลด์เนื่องจากผู้ที่เพิ่งจะมาเข้าร่วมกิลด์นั้นยังไม่มีความรู้และทักษะที่สมบูรณ์นัก
ในกรณีที่เกิดการระบาดของโรคขึ้นจริงๆ พวกเขาจะได้รับคำสั่งให้ใช้ยาตัวใหม่นี้ในการรับมือทันที สำหรับเชื้อที่มีความรุนแรงระดับนี้…กาฬมรณะ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณค่าและราคาของยาให้ใช้มันในการรักษาโดยไม่ต้องลังเลได้เลย
ตอนนี้เขาได้รีบกระจายยาออกไปยังร้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด แม้ว่ากาฬมรณะจะยังไม่เกิดขึ้นที่เมืองหลวงและอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้มันในตอนนี้ก็ตาม แต่มันก็เป็นยาที่สามารถเอาไปใช้รักษาโรคอื่นได้ด้วย จึงได้เรียกว่าไม่เปล่าประโยชน์
เหล่าแพทย์โอสถของกิลด์ร้านขายและจ่ายยาต่างได้รับยาตัวนี้และก็เป็นกังวลเมื่อได้ยินถึงกาฬมรณะซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นฝันร้ายของเหล่ามนุษยชาติมันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
「พวกเราได้เตรียมยารักษาไว้ยังร้านขายยาทั่วเมืองหลวงแล้ว การต่อสู้ครั้งแรกของพวกเราคืออย่าให้มีใครติดเชื้อได้เป็นอันขาด」
ฟาร์มาและบรูโนได้สรุปมาตรการป้องกันและแนะนำมันให้กับจักรพรรดินี
จำกัดการเปิดประตูที่จะเข้าไปยังภายในวัง และจำกัดการเข้าออกของเหล่าคาราวานค้าขายที่จะผ่านเมืองเหลืองไปยังเมืองต่างๆ
สร้างสถานีกักกันด้วยการใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจสอบเชื้อคนอยู่ที่หน้าประตูปราสาท
มีการบังคับทำความสะอาดอย่างทั่วถึงและแจกจ่ายน้ำที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ให้กับเหล่าพลเมืองภายในเมืองหลวงซึ่งนั่นหมายถึงให้พวกเขาใช้ทั้งล้างมือและอาบน้ำด้วย.
กำจัดหนูและหมัดให้หมดทุกครัวเรือนและร้านค้า
อาจจะเป็นเพราะฟาร์มานั้นได้มีความสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดินี เธอจึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาในทันที ราวกับจะบอกว่า “เราจะต้องทำมันและทำเดี๋ยวนี้” สภาพแวดล้อมและสุขอนามัยของผู้คนภายในเมืองหลวงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการเพิ่มรอบบรรยายเกี่ยวกับระบบการจัดการสาธารณสุขโดยร้านขายยาต่างโลก เอเลนนั้นรับหน้าที่ในการเป็นผู้แจ้งข่าวสารให้กับประชาชนจนถึงวินาทีสุดท้าย การกำจัดหนูได้เริ่มต้นขึ้นโดยการไปทำความสะอาดบริเวณท่อระบายน้ำใต้ดิน ทั้งเด็กเล็กและแมวต่างวิ่งไล่จับหนูกันอย่างเนืองแน่น
สถานีกักกันนั้นได้ดำเนินงานโดยการหมุนเวียนเหล่าแพทย์โอสถของทางกิลด์ร้านขายและจ่ายที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว พวกเขาได้ถูกว่าจ้างชั่วคราวโดยจักรวรรดิและใช้ชุดตรวจสอบรวมไปถึงกล้องจุลทรรศน์ที่ฟาร์มาได้เตรียมไว้ให้พวกเขาและวิธีการระบุโรคกาฬมรณะ ซึ่งมีร้านค้าทั้งหมด19ร้านที่ได้เข้าร่วมกิลด์ร้านขายและจ่ายยา พวกเขาจะคอยตรวจสอบสินค้าจากเหล่าผู้นำเข้าเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเหล่านั้นที่อาจจะติดเชื้อโรคเข้ามายังเมืองหลวงได้ นำโดยปีแอร์ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์พาพวกเข้าช่วยตรวจสอบ
ทางโบสถ์ที่ได้ยินเรื่องนี้มาจากฟาร์มา หัวหน้านักบวชซาโลมอนผู้ดูแลโบสถ์ผู้พิทักษ์ของเมืองหลวง ได้นำพากำลังคนผู้ใช้ศาสตร์แห่งวายุเข้ามาชำระล้างภายในจุดต่างๆ ของวิหารและพื้นที่บริเวณรอบๆ เมืองหลวงด้วย
หลังจากนั้นทางฟาร์มาและเอเลน ได้ไปเฝ้าดูสถานการณ์อย่างเข้มงวดที่เมืองมาเชล
มีเพียงท่าเรือของมาเชลเท่านั้นที่จะสามารถนำสินค้าของทางเนเดลเข้ามาได้ แต่ก็มีเรือมากมายจากหลายแห่งบนโลกเข้ามาพอสมควรเนื่องจากต้องการมาให้ทันเวลางานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟ
บริเวณท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศความไม่พอใจของเหล่ากัปตันและลูกเรือ
เป็นเพราะว่าฟาร์มานั้นได้สั่งให้พวกเขาทั้งหมดนั้นหยุดเรือคอยอยู่บริเวณปากอ่าวและไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้ท่าเรือ
การกักกันโดยทะเลมันเป็นสามัญสำนึกในโลกก่อนของเขา
ฟาร์มาขี่เรือไปยังเหล่าเรือใบขนาดใหญ่ที่มาจากประเทศต่างๆ และทอดสมออยู่กลางทะเล เขาค่อยๆ ตรวจสอบเหล่าลูกเรือทีละคนหากมีใครที่ติดเชื้ออยู่เขาจะสามารถพบได้ผ่านดวงตาวินิจฉัยของเขา ส่วนทาง
เอเลน เหล่าแพทย์โอสถชั้นหนึ่งและเหล่าผู้ช่วยพ่อของเขานั้นต่างสวมชุดป้องกันเชื้อที่คล้ายกับชุดกันไฟ ขึ้นไปทดสอบเชื้อจุลินทรีย์ในพวกสินค้า
และด้วยเรือที่ถูกลงทะเบียนว่ามาจากทางเนเดลนั้นพบว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของเรือเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อกาฬมรณะ ซึ่งมีทั้งลูกเรือที่ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตภายในเรือ ฟาร์มาจึงส่งนกพิราบไปยังเมืองหลวงเพื่อแจ้งเรื่องนี้กับบรูโนให้เสริมการป้องกันและกักกัน
เมื่อพบเชื้อกาฬมรณะ ผู้ใช้ไฟได้เผามันด้วยเปลวเพลิงจากศาสตร์แห่งเทพและทางฟาร์มานั้นก็ได้ทำลายพวกมันด้วยคทาแห่งเทพโอสถ
เหล่าผู้ติดเชื้อได้ถูกแยกตัวออกไปละถูกทำการรักษาด้วยยา
「ฉันละไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ 」
เอเลนไม่อาจจะหยุดอาการสั่นสะท้านของตนได้ หากไม่มียาต้านเชื้อของฟาร์มาแล้ว ท่าเรือมาเชลนั้นคงจะกลายเป็นท่าเรือแห่งความตายไปนานแล้ว และดีที่พวกเขานั้นสามารถหยุดมันได้ก่อนจะผ่านน่านน้ำนี้เข้าสู่ชายฝั่ง
อย่างไรก็ตามระหว่างการต่อสู้กับโรคนี้นั้น เหล่าลูกเรือที่ถูกกักกันเอาไว้บนเรือที่ถูกทอดสมอมากว่าสองวันนั้นได้มีส่วนหนึ่งที่เรียกร้องการปล่อยตัวเพราะต้องการอาบน้ำ ซึ่งถูกส่งไปยังฟาร์มาและเหล่าผู้ช่วย
「ให้พวกเราเทียบท่าได้แล้ว ปีก่อนๆ มันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยนี่หว่าท่านลอร์ทของเมืองมาเชลมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ 」
「ข้าต้องเทียบท่าวันนี้นะ ข้ายังต้องไปจัดการกับรถขนสินค้าอีก」
「ให้พวกเราไปก่อนเถอะ ไม่งั้นพวกผลไม้นี้ได้เน่ากันหมดแน่」
「ทำไมถึงให้ไอ้หนูแพทย์โอสถแบบนี้มากักกันพวกเรากัน แซงต์เฟลิฟมัน
กลายเป็นบ้าอะไรกันไปหมดแล้ว? 」
「อย่าให้ถึงตาพวกข้าบ้างก็แล้วกัน!」
ฟาร์มาและเหล่าผู้ช่วยต่างทำงานกันอย่างหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน แต่นี่มันก็เป็นวิธีการที่สุดแล้วที่สามารถกักเรือได้ถึง20ลำ และมีส่วนหนึ่งในนั้นมีเป้าหมายขนสินค้าไปยังตเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟด้วย เหล่าเรือที่ต้องการไปเทียบท่ายังมาเชลก็เลยต้องมาถูกกักไว้แบบนี้แน่นอนว่ามันต้องสร้างความไม่พอใจให้กับลูกเรืออยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้
「ไอเสียงน่าหนวกหูพวกนี้มาจากไหนกันนะ……ฉันน่าจะไปทำให้พวกมันเงียบลงสักหน่อยนะ」
เอเลนและเหล่าผู้ช่วย ที่ในตอนแรกพยายามจะไม่สนใจมันเริ่มหมดความอดทนและจะไปเตือนคนพวกนั้นด้วยการยิงศาสตร์น้ำใส่เสียหน่อย ทันใดนั้นกระสุนปืนใหญ่ดังขึ้นมาจากทางทะเล ก่อนที่เธอจะได้ทำเช่นนั้น
「เขาคนนั้น? 」
เอเลนปรับแว่นของเธอขึ้น และฟาร์มาก็หันไปยังทางที่เขาได้ยินเสียงดังมา
「หยุดอยู่ตรงนั้นซะ! หากเจ้าอยากจะเทียบท่าเรือของจักรวรรดิ ก็จงทำตามกฎของทางนี้ซะ!」
เสียงที่ดังจนน่ากลัว ราวกับมีการทิ้งระเบิดระลอกใหญ่ หลังจากเสียงนั้นได้มีเรือขนาดใหญ่ที่ดูสวยงาม 4 ลำ ซึ่งมีตราธงของจักรวรรดิและสัญลักษณ์ S.I.O ติดอยู่ที่เรือธง พวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเสียงของอากาศที่สงบนิ่ง ปากกระบอกปืนได้ถูกยืนออกมาจากทางช่องเรือที่เปิดอยู่ทั่วเรือ
เสียงดังสนั่นนั้นดังมาจากเรือธงที่ติดปืนใหญ่พร้อมรีโหลดกระสุนสิบกว่ากระบอกของบริษัทแซงต์เฟลิฟอิเดียนตะวันออก (S.I.O) ซึ่งมีกัปตันเรือคือ ณอง อแลง กาบัง กำลังมองลงมาและกางแขนของเขาอยู่
ลูกค้าประจำของร้านขายยาต่างโลกที่มักจะคอยมาซื้อลูกลงเรือ คุณตาณอง
เขาเป็นกัปตันของเรือของบริษัทแซงต์เฟลิฟอิเดียนตะวันออกที่ขนาดเด็กยังต้องหยุดร้องไห้ เมื่อเขาได้ยินว่าหนุ่มน้อยเจ้าร้านขายยาต่างโลกนั้นกำลังประสบปัญหาการกักกันผู้คนทางทะเลที่ไม่เป็นไปด้วยความสงบบริเวณท่าเรือของอาณาจักรแซงต์เฟลิฟ เขาก็ไม่รอช้าที่จะนำเรือรบของเขาออกมา
「จงฟังซะไอพวกง่าวทั้งหลาย เงี่ยหูที่สกปรกของพวกแกแล้วฟังให้ดีๆ!」
คุณณองจีนตะโกนด้วยเสียงอันดังก้องมาจากทางทะเล ฟาร์มาได้มองชายผู้นั้นซึ่งสวมชุดของกัปตันเรือต่างจากปกติ เพราะปกติที่เขามายังร้านนั้นมักจะสวมชุดที่ขาดรุ่งริ่งและท่าทางเป็นมิตรตอนนี้ได้เปลี่ยนกลายมาเป็นจอมพลเรือปีศาจเสียแล้ว
「ไอ้ง่าวตัวไหนมันอยากไปนอนเล่นที่ก้นทะเลก็ออกมาได้เลย ไอ้พวกเวรเอ้ยーー!!ยิงーー!!」
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นอีกครั้ง น้ำทะเลได้กระจายตัวและพุ่งสูงขึ้นมา
และมันก็พุ่งตรงไปยังบริเวณใกล้ๆ เรือที่ขนชา มาซึ่งฟาร์มาได้ทำการกักเอาไว้ ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปมันน่าจะกลายเป็นเหมือนกับงานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน หรือจะบอกว่างานเลี้ยงน้ำชาที่มาเชลก็ได้
ไม่มีเรือลำไหนแสดงท่าทีต่อต้านเรือรบขนาดยักษ์ของกัปตันเรืออีกแล้ว
เช่นเดียวกันกองเรือของทางจักรวรรดิก็ได้จ้องมองไปยังเรือเล็กๆ หลายลำที่ถูกกักกันอยู่จากประเทศต่างๆ
「คุณตาณอง……ไม่สิ กัปตันณองขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ」
ราวกับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพักผ่อนสมอง ฟาร์มาได้ขึ้นเรือของกัปตันณองและกล่าวขอบคุณเขา
「ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นไปหรอก ที่สำคัญกว่านั้นร้านขายยาจะปิดไปถึงเมื่อไหร่กัน? รู้ไหมว่าข้าละเหงาเหลือเกิน」
ดูเหมือนว่ากัปตันณองนั้นอยากจะซื้อลูกอมลงเรือถึงจะมีของเหมือนกันขายที่ร้านของทางกิลดืแต่เขาบอกว่ามันต่างจากร้านขายยาต่างโลก
「ข้าสิต้องขอบคุณเจ้าเรื่องลูกอมนั้นด้วยที่ทำให้พวกลูกเรือข้ามีอาการเลือดออกตามไรฟันกันน้อยลง ครั้งต่อไปข้าคิดว่าคงจะต้องซื้อมันมากกว่านี้หน่อยสำหรับการเดินเรือระยะยาว」
กัปตันณองกล่าวด้วยรอยยิ้มอันกว้างใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ซื้อลูกอมพวกนี้เป็นงานอดิเรกแต่จริงๆ แล้วเขานำมันไปมอบให้กับเหล่าลูกเรือที่จะเดินทางออกทะเลและทดสอบผลลัพธ์ของมัน
「ไว้ข้าจะรอคำสั่งต่อไปจากเจ้าก็แล้วกัน」
「ถ้าอย่างนั้นช่วยอยู่ดูแลเรื่องนี้ไปจนกว่างานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟจะจบลงได้หรือเปล่าครับ」 ฟาร์มากล่าว
เมื่อมีเรือเข้ามาช่วยกักกันทางทะเลแบบนี้งานส่วนของท่าเรือมาเชลก็วางใจลงได้เยอะ
「ท่านฟาร์มาครับ ผมได้รับรายงานมาว่ามีชาวบ้านจำนวนมากทางหมู่บ้านเอสทาร์กมีอาการไข้ขึ้นสูงครับ」
รายงานนั้นได้ถูกส่งมาจากผู้ช่วยผู้ว่าการเมืองมาเชลซึ่งดูแลโดยอดัม
เมื่อมีการสังเกตเห็นว่าการเข้าออกของทางท่าเรือมาเชลนั้นมีความล่าช้า เรือของเนเดลบางส่วนจึงได้เข้าเทียบท่าบริเวณเขตหมู่บ้านประมงขนาดเล็กแทน
ในตอนแรกนั้นชาวบ้านคิดว่าอาการไข้สูงเป็นเรื่องทั่วไปอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นมันก็เริ่มแพร่ระบาดไปด้วยความรวดเร็วอย่างมาก นี่ก็ผ่านมาเป็นเวลาสองวันแล้วที่มีผู้เสียชีวิตคนแรกเกิดขึ้นในหมู่บ้านและผู้ใหญ่บ้านก็ได้มารายงานต่ออดัม
พวกเขาติดเชื้อนี้มาจากหมัดและหนูที่อยู่ภายในเรือสินค้า และเส้นทางการติดเชื้อในปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถตามหาได้
「ทั้งที่เรารู้ดีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังป้องกันมันไม่ได้งั้นเหรอ เฮ้ออออ……」
ฟาร์มารู้สึกผิดหวังมาก แม้แต่เอเลนที่พยายามสนับสนุนเขาทุกวิถีทางก็ยังไม่สามารถหาคำพูดไปพูดกับฟาร์มาที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างเหนื่อยล้าได้
「ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยครับ」
「เธอจะไปไหนกัน? หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยโรคนั่นน่ะนะ?! เธออาจจะตายก็ได้นะถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมารู้หรือเปล่า?!」
เอเลนพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ตกใจกับฟาร์มาที่จะเข้าไปยังหมู่บ้านนั้นอย่างไม่ลังเล
ฟาร์มาตอบกลับไปอย่างเงียบๆ
「ไม่หรอก บางทีผมคงไม่มีทางติดเชื้อนั้นได้หรอก…..ถึงจะติดจริงๆ ผมก็รักษาตัวเองได้」
「ฉันก็จะไปด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็แค่ใช้ยาเหมือนกับฟาร์มาคุงแค่นั้นก็พอใช่ไหมล่ะ? 」
“หายนะอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ในฐานะแพทย์โอสถฉันไม่อาจจะหันหลังหนีให้กับมันได้หรอก” ,
เอเลนคิดอย่างนั้น คนเดียวที่สามารถบอกได้ว่ามันคือกาฬมรณะ คือฟาร์มานั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาควรจะไปเป็นผู้จัดการมันด้วยตนเอง
「เอเลนช่วยทำการตรวจสอบกักกันอยู่ที่นี่เถอะ เพราะทางทะเลนั้นมันต้องใช้เวลาพอสมควร ผมจะพยายามตรวจสอบส่วนนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปด้วย ดังนั้นแล้วผมขอฝากตรงนี้ให้กับคุณด้วยนะ」
หลังจากสิ้นเสียงฟาร์มาก็ได้ส่งพลังแห่งเทพไปยังคทาและเริ่มลอยขึ้นไปบนฟ้า
「ฟาร์มาคุง! หยุดนะ!」
เสียงของเอเลนที่เรียกเขานั้นดังสะท้อนผ่านท้องฟ้าสีครามของมาเชล
และด้วยเหตุนี้โรคร้ายจึงได้ย่างก้าวเข้ามายังผืนทวีปแห่งนี้แล้ว
การระบาดครั้งแรกในหมู่บ้านชาวประมงของเมืองมาเชลซึ่งมีประชากร 524 คน
แพทย์โอสถฟาร์มาเดอเมดิซิสได้เดินทางไปยังหมู่บ้านเอสทาร์ก
______________________________________
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913