ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 30
นที่ 30 อวสานกาฬโรคและเรื่องราวหลังจากนั้น
——
หลังจากที่จัดการกับคามิวเสร็จแล้ว ก็ได้มีหลุมขนาดใหญ่ปะทุขึ้นมาซึ่งมันถูกอัดแน่นไปด้วยความร้อนสูงมากที่ถนนสายหลักของเมืองหลวงบริเวณหน้าร้านขายยาต่างโลก
เหล่าประชาชนทั่วบริเวณนั้นต่างออกมาดูถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้นแต่พวกเขาไม่อาจรู้ได้ว่าตัวตนของเด็กชายที่สามผ้าคลุมนั้นคือใครและก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้มากกว่านั้น
「หลบไป หลบไป บริเวณนี้เป็นเขตอันตราย!」
「ออกจากบริเวณนี้ไปเสีย เราจะทำการปิดกั้นเอาไว้!」
เหล่านักบวชของเมืองหลวงได้เข้ามาทำการปิดกันพื้นที่เอาไว้และไล่เหล่าฝูงชนออกไป
「ต้องขอบพระคุณท่านเทพโอสถจริงๆที่ช่วยเหลือพวกเราไว้ เพราะลำพังเพียงแค่พวกเราคงไม่สามารถจัดการกับมันได้เป็นแน่」
ซาโลมอนเป็นคนแรกที่เข้ามาโค้งศีรษะคำนับต่อหน้าฟาร์มาที่ถูกกอดเอาไว้โดยลอตเต้ที่ท่าทางน่าจะบาดเจ็บอยู่ตอนนี้เธอที่มีความรู้สึกโล่งใจได้นอนหลับไปทั้งยืนแบบนั้น
「พวกปีศาจมีอยู่จริงๆสินะครับเนี่ย」
(เหล่านักบวชต้องคอยมาต่อสู้กับสิ่งนี้อยู่เสมอเลยสินะ……)
ฟาร์มาที่เพิ่งจะจบชีวิตของคามิว “ไม่สิ..บางทีตัวคามิวนั้นอาจจะตายไปแล้วตั้งแต่ที่ถูกปีศาจสิ่งสู่ก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ฟาร์มาเชื่อแบบนั้น
「ท่านไม่ทราบจริงๆงั้นเหรอครับ」นักบวชกล่าว
「การจัดการกับพวกปีศาจนั้นถือเป็นงานหลักของพวกเราอยู่แล้วครับ」 ซาโลมอนเสริม
「เมื่อเร็วๆ นี้ต้องขอขอบพระคุณแดนศักดิ์สิทธิ์ของท่านเทพโอสถจริงๆ ครับที่ทำให้งานของพวกเรานั้นง่ายขึ้นอีกมาก」นักบวชกล่าว
「ครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆหลังจากที่ได้เห็นมัน」ฟาร์มากล่าว
ฟาร์มาเริ่มเข้าใจถึงงานของพวกนักบวชมากขึ้น
「ครับ แต่พวกปีศาจทั่วไปนั้นคงไม่สามารถเข้าใกล้ท่านได้หรอกครับ ถึงอย่างนั้นหากเป็นพวกที่มีพลังอันแกร่งกล้าจริงๆ แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์พวกมันก็ไม่กลัวกันหรอกนะครับ」นักบวชกล่าว
「หากกลายเป็นเช่นนั้นเมืองหลวงแห่งนี้คงต้องถึงคราวล่มสลายจริงๆนั่นแหละครับ」นักบวชกล่าว
「จะว่าไปแล้วผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของทางเนเดลเหมือนกันนะครับ」ฟาร์มากล่าว
ขณะที่เหล่านักบวชกำลังช่วยกันร่ายศาสตร์แห่งน้ำไปยังหลุมนั้นเพื่อลดอุณหภูมิ พวกเขาก็ได้กล่าวคำขอบคุณแก่ฟาร์มา และพวกเขาบอกว่าอาจจะต้องมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติมแม้ว่าจะขับไล่พวกปีศาจไปได้แล้วก็ตาม
「พลังสุดแกร่งขนาดนี้มันอะไรกัน?」
「เกี่ยวกับหลุมนั่นผมคงจะทำเกินไปจริงๆด้วยสินะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ」
ฟาร์มาก้มตัวขอโทษต่อเหล่านักบวช แต่พวกเขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ในเรื่องของการขับไล่ปีศาจนั้นพวกเขาสามารถทำได้เพียงขับไล่มันให้หลุดจากการสิ่งสู่ของคนคนหนึ่งแต่ท้ายที่สุดปีศาจตนนั้นก็จะหนีไปแล้วไปหาร่างสิงใหม่แทน
ดูท่าพวกเขาอยากจะพูดเกี่ยวกับพลังแห่งเทพที่สามารถจัดการกับเหล่าปีศาจได้นั้นต้องแข็งแกร่งเอามากๆและมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถทำได้ด้วย
「ดีแล้ว ดีแล้วหากเป็นเช่นนั้นพวกมันก็ไม่น่าจะสามารถคืนชีพกลับมาได้อีก」
ขณะที่มองไปยังเศษซากของเงาที่ถูกทะลวงอยู่บนพื้น ซาโลมอนก็แปลกใจว่าความสามารถของคทาแห่งเทพโอสถนั้นมันผลแม้กระทั่งกับศพของคามิวเชียวงั้นเหรอ?
「เอ่อคือ ผมอยากจะให้พวกคุณช่วยพาเด็กผู้หญิงตรงนั้นขึ้นไปยังชั้นสองของร้านด้วยนะครับ แล้วก็มีผู้ชายที่คนหนึ่งที่ล้มหมดสติอยู่บนชั้นสี่กรุณาขึ้นไปช่วยเขาลงมาด้วยนะครับ」
ด้วยร่างกายของฟาร์มานั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะแบกลอตเต้ในตอนหมดสติกระทั่งเซดริกที่อยู่บนชั้นสี่ก็ด้วย
「ครับ! เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ท่าน」
เหล่านักบวชยืนเรียงกันแล้วตอบกลับมาหาฟาร์มาด้วยความจงรักภักดีขั้นสูงสุด
「ได้โปรดอย่าเรียกผมแบบนั้นเลยนะครับ」
ด้วยความรู้สึกลำบากใจในสถานการณ์แบบนี้ฟาร์มาได้เอาผ้าคลุมศีรษะให้ลึกกว่าเดิมและระมัดระวังสายตาโดยรอบ
…━━…━━…━━…
「อ๊ะ!」
ลอตเต้ที่หลังเปลือยเปล่าอยู่นั้นอยู่พูดขึ้นมา ทั้งส่วนของผ้ากันเปื้อนที่เธอสวมก็ถูกถอดออกด้วย นี่คือห้องพักรักษาตัวบริเวณชั้นสองซึ่งมีม่านปิดเอาไว้อยู่ซึ่งเธอถูกเหล่านักบวชพาตัวมา
「ผมใช้ยาชากับส่วนหลังของเธออยู่น่ะ」
ฟาร์มาให้ลอตเต้ดื่มยาแก้ปวดและรักษาเธอโดยการใช้ยาชาเฉพาะจุดกับลอตเต้ ขณะที่เธอกำลังปิดตาและขยับไปไหนไม่ได้ ส่วนทางเซดริกนั้นนั่งอยู่บริเวณเตียงข้างๆ
「แล้วทางคุณเซดริกเป็นยังไงบ้างครับ?」
「ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆแล้วครับ」
「ดีละครับถ้าอย่างงั้นทั้งสองคนหันหน้าท้องไปทางนั้นด้วยนะครับ ผมจะล้างแผลพวกคุณเพราะบริเวณแผลนั้นดูเหมือนจะสกปรกนิดหน่อย」
โดยที่ยังไม่ได้พักผ่อนใดๆ ฟาร์มาได้ทำการรักษาทั้งคู่ภายในห้องพักรักษาตัวชั้นสองของร้าน
「แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันเหรอครับ ผมจำได้แค่ว่าถูกอะไรบางอย่างแทงเข้าที่ด้านหลังแล้วก็หมดสติไป……」
เซดริกไม่เข้าว่าทำไมตนจึงหมดสติไป
「พวกคุณทั้งสองถูกของมีคมอาบพิษร้ายแรงเอาไว้แทงครับ ผมคิดว่านั่นน่าจะเป็นสาเหตุ 」
(ทั้งสองคนถูกพิษร้ายแรงแต่ในความโชคร้ายนั้นก็ยังเหลือความโชคดีที่ว่าแผลของพวกเขาไม่ลึกมากนัก)
ในตอนนั้นฟาร์มาตกใจกลัวมาก
เขาทำการกำจัดพิษออกจนหมด แต่ถ้าเขาไม่สามารถระบุชนิดของพิษได้เพื่อนของเขาก็คงจะต้องตายไปภายในไม่กี่นาทีถัดมาแน่นอน เป็นหลักฐานได้ดีเลยว่าคามิวนั้นค้นคว้าเรื่องพิษมาเป็นอย่างดี
「โอ้ เป็นแบบนี้นี่เอง」
หลังจากที่ได้ยินสถานการณ์เซดริกก็มีอาการหน้าซีดและขอบคุณที่ตนนั้นยังมีชีวิตอยู่
「ท่านช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้……」
ลอตเต้จ้องไปยังฟาร์มาอย่างตั้งใจด้วยใจที่รู้สึกกตัญญู
「แต่ถึงเช่นนั้นฉันก็ต้องขอประทานอภัยจริงๆนะคะ ที่ไม่ได้ฟังคำเตือนของท่านและยังขึ้นไปบนชั้นสี่ แต่นั่นก็เพราะฉันคิดว่าเป็นเสียงของท่านฟาร์มาดังนั้น…..ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ไม่ฟังคำเตือน!」
ลอตเต้กำลังกล่าวถึงการกระทำอันประมาทของเธอและลดไหล่ของไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างจริงจัง
「ผมก็เหมือนกันครับทั้งๆที่พยายามจะหยุดเธอไว้แต่ก็ไม่ทันกาลทั้งที่ตนก็เป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพแท้ๆแต่กลับโดนลอบโจมตีแบบนั้นแถมยังตอบโต้อะไรไม่ได้เลยด้วย……」
“ช่างน่าอดสู” เซดริกกล่าวอย่างหงุดหงิด
「ผมก็ต้องขอโทษ ทั้งสองเหมือนกันนะครับที่ทำให้ตกอยู่ในอันตรายแบบนี้」
「มันไม่ใช่ความผิดของท่านฟาร์มาเลยนะคะ พวกเราต้องขออภัยจริงๆค่ะ」
「ยังไงผมก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องยาที่ชั้นสี่อยู่ดีครับ ดังนั้นทั้งสองคนพักรักษาตัวไปก่อนนะครับ」
“ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เรามีความสามารถในการสลายสสาร” ฟาร์มาคิด
“หากเรามีแค่ความสามารถในการสร้างเพียงอย่างเดียวทั้งสองคนนั้นอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับร้านขายยาต่างโลกอีกด้วย ครั้งต่อไปเวลาทำงานเสร็จเราจะต้องสลายพวกสารพิษต่างๆออกจากห้องไปด้วยสินะ” ฟาร์มาจำมันไว้ให้ขึ้นใจ
ทางด้านเอเลนที่กลับมาจากเมืองมาร์เชลด้วยม้าที่วิ่งข้ามวันข้ามคืนมาจนถึงร้านขายยานั้นได้ขึ้นมายังชั้นสองของร้านก่อนจะเห็นลอตเต้และ
เซดริกกำลังนอนอยู่บนเตียงโดยมีฟาร์มากำลังดูแลอยู่
「ฟาร์มาคุงยังมีชีวิตอยู่สินะ! ขอบคุณพระเจ้าที่เธอยังไม่เป็นอะไรไป……แล้วเกิดอะไรขึ้นกับลอตเต้จังกับคุณเซดริกกัน?」
「พวกเขาถูกแทงครับ แต่อาการนั้นพ้นขีดอันตรายมาแล้ว ว่าแต่ทางด้านท่าเรือมาร์เชลเป็นยังไงบ้างครับ?」
「อ้อ ถ้าทางด้านนั้นหมดห่วงแล้วล่ะนะ」
เอเลนนั้นได้ทำการกักกันเรืออยู่บริเวณท่าเรือที่มีเป้าหมายมุ่งไปยังเมืองหลวงและกันไม่ให้พวกเขานำเชื้อไปแพร่ยังที่อื่นด้วย พร้อมกับอดัมซึ่งเป็นผู้ว่าการแทนของเมืองที่ให้สิทธิ์ในการเดินเรือเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น นอกจากนั้นเหล่าลูกศิษย์ของเธอก็ยังคงทำงานอยู่บริเวณท่าเรือเพื่อสังเกตการณ์กรณีที่เรือจะเข้าออกท่า
「ขอบคุณมาก เอเลนเพราะมีคุณอยู่ที่นั่นผมถึงวางใจได้」
ถึงฟาร์มานั้นจะมีความสามารถอยู่มากมายแต่ตัวเขานั้นก็ไม่อาจจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว ตัวเขานั้นต้องการคนที่จะมาช่วยเหลือเขาได้ซึ่งต้องเข้าใจในตัวเขาและมีความรู้เกี่ยวกับการรักษาที่เขาสามารถไว้ใจได้และเอเลนก็มีทั้งสองอย่างนั้นอยู่ จึงเป็นเหตุผลที่เขาฝากงานไว้กับเธอได้
「อึ〜อื้ออ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เอ่อคือฉันหมายถึงว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่หน้าร้านกันเหรอ? เธอเป็นคนทำเหรอ?」
เหล่านักบวชที่อยู่หน้าร้านนั้นบอกว่าเป็นผลจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการกำจัดปีศาจร้ายให้สิ้นซาก
「ผมจำได้แค่ว่าตัวผมต่อยเขาไปหลายหมัดอยู่เหมือนกันนะ ส่วนหลุมขนาดใหญ่นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ดูท่ามันจะเป็นอันตรายต่อผู้คนด้วยสิ ผมน่าจะไปจ่ายค่าเสียหายในส่วนนั้นด้วยสินะ」
แม้จะน่าเจ็บใจแต่ส่วนใหญ่ฟาร์มาก็จำไม่ได้ว่าตัวเองนั้นทำอะไรกับคามิวไปบ้าง
「พอมาคิดถึงเรื่องนี้แล้วดูเหมือนจะไม่มีใครบาดเจ็บจากพวกซากปรักหักพังสินะ แต่ผมก็สร้างความเสียหายให้ร้านรอบๆด้วยสิ ไว้ผมจะไปจ่ายค่าเสียหายให้พวกเขาก็แล้วกัน」
ฟาร์มามองไปรอบๆนั้นด้วยความกังวลต่อชีวิตของชาวบ้านบริเวณนั้น ทั้งๆที่ตนก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกันแท้
「เธอนี่มันจริงๆเลยนะคิดถึงแต่คนอื่น เมื่อไหร่ถึงจะหัดคิดถึงตัวเองบ้างนะ?」
เอเลนถอดหมวกออกก่อนจะทำการแสดงความเคารพต่อเด็กคนนั้นอีกครั้ง
「แต่มันยังไม่จบหรอกนะ」
ฟาร์มาตัดอารมณ์กลับมา
「งั้นให้ฉันช่วยด้วยสิ」
ฟาร์มาและเอเลนได้ช่วยกันล้างบาดแผลของลอตเต้และเซดริกอย่างระมัดระวังก่อนจะทาขี้ผึ้งขาวลงบนแผลและปิดแผลด้วยฟิล์มทำความสะอาด
「แค่นี้มันจะพอเหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะพันผ้าหรือใส่ผ้าพันแผลที่สะอาดเข้าไปด้วย?」
“ไม่ใช่ว่าการรักษามันมีมากกว่านี้เหรอ?” เอเลนกล่าวด้วยความสงสัย
「ผมจะบอกขั้นตอนการรักษาบาดแผลที่ไม่ลึกมากขึ้นพื้นฐานหลังจากล้างแผลให้ฟังนะ」
ขั้นแรก อย่าใช้สารฆ่าเชื้อและอย่าทำให้บาดแผลนั้นแห้งเพราะมันจะไปฆ่าเซลล์ที่อยู่ในแผลด้วยครับ
ขั้นที่สอง ล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดทั้งตรงแผลและบริเวณโดยรอบ เพราะมันจะช่วยให้ลดจำนวนของแบคทีเรียในแผลลงได้
ขั้นที่สาม อย่าใช้ผ้าพันแผลหรือดูดซับเอาพวกของเหลวที่ไหลออกมาจากร่างกาย เพราะภายในของเหลวเหล่านั้นมันมีส่วนในการช่วยรักษาแผลอีกทั้งเป็นเซลล์ที่เสริมภูมิคุ้มกันดังนั้นอย่าซับมันออกโดยไม่จำเป็นครับ
ขั้นตอนที่สี่ พยายามทำให้แผลนั้นมีความชุ่มชื้นเพื่อให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีและเพื่อไม่ให้แผลเกิดเน่าเปื่อย」
ฟาร์มาค่อยๆพับนิ้วทีละนิ้ว ขณะที่บอกเรื่องนี้กับเอลเลน
เอเลนที่รู้สึกทึ่งกับเรื่องนี้ได้ขยับแว่นตาของเธอไปมา
「แต่มันก็ไม่ใช่ว่าต้องรักษาด้วยวิธีนี้ตลอดหรอกนะ เพราะเราต้องดูเงื่อนไขต่างๆด้วยเช่นแผลนั้นมีอาการติดเชื้อหรือไม่」
「สิ่งที่เธอพูดมาฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เธอรู้หรือเปล่าว่าจริงแล้วมีหลายคนที่ปล่อยมันไปทั้งๆแบบนั้นเลย แถมพวกที่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้บางครั้งพวกเขาก็ทำการปิดแผลด้วยการใช้เหล็กร้อนเลยนะ」
「ผมก็พอจะเข้าใจที่เขาทำแบบนั้นนะ แต่หากในกรณีที่เป็นแผลลึกแล้วมันจะมีพวกแบคทีเรียติดอยู่ภายในแผลนั้นด้วย การจะใช้ไฟนั้นควรจะทำก็ต่อเมื่อมีเลือดออกมามากๆ」
「เข้าใจแล้ว……」
เอเลนนั้นรู้สึกมั่นใจมากขึ้นแม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมดนัก แต่ความจริงบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะมีการใช้ความร้อนปิดปากแผลหรือไม่แผลนั้นก็จะเริ่มชื้นขึ้นเรื่อยๆจนเกิดการติดเชื้ออยู่เสมอ
บางกรณีก็มีผู้คนเสียชีวิตจากแผลที่ได้รับนี้เอง
「แต่แผลมันจะไม่หายไม่ใช่เหรอถ้ามันไม่เปื่อยแห้ง」
เธอยังคงเหลือความสงสัยอยู่
ในความเป็นจริงแล้วมันก็มีความคิดที่ว่าบาดแผลนั้นจะหายไปก็ต่อเมื่อมีการเกิดสะเก็ดแผลขึ้นมา
「พวกสะเก็ดแผลนั้นในความเป็นจริงแล้วมันมีไว้เพื่อป้องกันบาดแผลจากพวกแบคทีเรียและใช้ในการหยุดเลือดครับ แต่มันไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าแผลนั้นได้รับการเยียวยาแล้ว ซ้ำยังทำให้การฟื้นฟูช้าลงด้วยหากมีมันอยู่ครับ」
นั่นเป็นสิ่งที่เพิ่งจะค้นพบกันเมื่อไม่นานมานี้ในฝั่งโลกเดิมของเขา
「หากบาดแผลได้รับการล้างและดูแลมันแล้วปล่อยให้ของเหลวที่ไหลออกมานั้นจัดการกับแผลไปโดยไม่ให้เสียความชุ่มชื้น ก่อนจะปิดมันไว้อีกทีแผลก็จะหายได้เองครับ」
สิ่งนี้ถูกเรียกว่าการรักษาแผลแบบชุ่มชื้น (moist wound treatment) ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาในศตวรรษที่ 21
ในอดีตที่ผ่านมาของโลกเขานั้นบาดแผลจะถูกทำการฆ่าเชื้อและปล่อยให้แห้งไป จนกระทั่งถึง ยุคของเขา แต่วิธีการนั้นแทนที่จะฆ่าเพียงแบคทีเรียมันกลับฆ่าเซลล์ที่อยู่ภายในแผลด้วย
ซึ่งในบางกรณีส่วนใหญ่แล้วยาฆ่าเชื้อนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กับแผลเลย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่จำเป็นสำหรับบาดแผล แต่มันต้องใช้ในบางกรณีเท่านั้นเช่นเมื่อเชื้อโรคนั้นเข้าสู่บาดแผลในปริมาณที่มาก หรืออยู่ในเขตป้องกันเชื้อโรค
ซึ่งในกรณีนี้ก็ไม่จำเป็นเช่นกัน
「เพื่อป้องกันการติดเชื้อขั้นการติดเชื้อทุติยภูมิ (secondary infection) บางทีผมน่าจะใช้ยารักษากาฬมรณะกับพวกเขาด้วยนะ」
ฟาร์มาเอาสปาร์ฟลอกซาซินซึ่งมันเป็นยาที่ใช้รับมือกาฬโรคออกมาจากกระเป๋าแพทย์ของเขา
「ยารักษากาฬมรณะมันช่วยในการป้องกันการติดเชื้อของแผลที่ถูกแทงด้วยงั้นเหรอ?!」
「คือ ยาชนิดนี้มันมีสเปกตรัมของยาที่สามารถต้านจุลชีพในวงกว้างได้ ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อทุติยภูมิได้อีกด้วย」
「ความรู้นี้ไปได้มาจากที่ไหนกัน? หรือเพราะว่าเธอคือเทพโอสถจริงๆถึงรู้เรื่องนี้?」
เธอถามคำถามที่มักจะถามกับฟาร์มาบ่อยๆออกมา
「นั่นเป็นเพียงแค่ความรู้ในอดีตของผมเท่านั้นเอง อีกอย่างผมไม่ใช่เทพโอสถหรืออะไรทำนองนั้นด้วย」
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ฟาร์มาก็เริ่มไม่มั่นใจกับเรื่องนี้เข้าไปทุกที แต่เขารู้สึกว่าหากเขายอมรับในเรื่องนั้นจริงๆเขาก็จะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป หัวใจของเขานั้นอาจจะเปลี่ยนไปเป็นสิ่งอื่นจึงทำให้เขานั้นปฏิเสธในเรื่องนี้ต่อไป
จะทั้งตอนนี้หรือในชีวิตที่ผ่านมาเขาก็คิดเสมอว่าเหล่าผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บต้องการเขา
「การมีอยู่ของเธอนี่มันไม่แน่ไม่นอนเอาจริงๆแหละนะเฮ้อ..」
จากคำพูดของเอเลนนั้นเริ่มสื่อให้เห็นถึงความคิดพื้นฐานของเธอ
「ก็ไม่แน่นอนเอาจริงๆนั่นแหละ」
ฟาร์มาตอบเหมือนเป็นปกติ หลังจากทำการรักษาเสร็จสิ้น ลอตเต้และเซดริกก็หลับไป
ในวันนั้นเองฟาร์มาได้สร้างสปาร์ฟลอกซาซินเพิ่มขึ้นมาสำหรับเจ็ดพันคน
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขาใช้พลังมากเกิดไปหรือผลจากความเหนื่อยล้าที่ถึงขีดสุดนั้นทำให้เขานอนหลับไปเป็นเวลาถึงหนึ่งชั่วโมงระหว่างการสร้างยาของเขา เขาหมดสติไปและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยในระหว่างนั้น
ส่วนทางด้านเอเลนนั้นรู้สึกเป็นห่วงเขามาก “เธออาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วก็ได้สินะ……” ทันใดนั้นฟาร์มาก็ตื่นขึ้นมาและสั่งให้เหล่าแพทย์โอสถที่กิลด์และเหล่าพ่อค้าที่พอมีเวลาว่างในการช่วยเหลือและขนส่งยา
「เอาละ〜ถึงพวกเราจะไม่ใช่แพทย์แต่ก็จะช่วยด้วยคน」
「ขอบคุณมากครับ ช่วยได้เยอะเลย」
เพื่อจะช่วยเหลือเจ้าของร้านตัวเล็กนี้ แม้แต่ช่างกระดาษก็ยังมาช่วยทำการพับซองยาร่วมกับเหล่าอาสาสมัคร
「พวกเราต้องทำมันให้เสร็จภายในวันนี้」
「ตรงนี้คือส่วนของการนับยานะ ทางนี้เลย!」
「โชคชะตาของเมืองหลวงขึ้นอยู่กับยานี้เลยนะ」
「เห้ยไอ้หัวขโมยบ้านี่อย่ามาเอายาไปนะโว๊ย! เดี๋ยวพ่อฆ่าทิ้งซะเลยนี่!」
เหล่าแพทย์โอสถของกิลด์ ร้านเมดีก คลินิกทันตกรรม 8020 ต่างเริ่มช่วยกันแจกจ่ายยาให้กับประชาชน จึงสามารถพูดได้เลยว่าร้านขายยาต่างโลกและเหล่ากิลด์ร้านขายและจ่ายยานั้นได้กลายมาเป็นศูนย์กลางในด้านกลยุทธ์การจัดการรับมือกับกาฬมรณะซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากในจักรวรรดิ
ภายในเมืองหลวงตอนนี้ถูกจัดแบ่งโซนขึ้นมาทั้งในส่วนของเขตที่ติดเชื้อ เขตที่ติดเชื้อขั้นรุนแรง และเขตที่กำจัดการเข้าถึงขึ้นมา
ผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้รับยาไปนั้นแม้จะไม่ได้ติดเชื้อแต่พวกเขาก็รับมันมาเพื่อความสบายใจ
รวมไปถึงทางร้านค้าของราชอาณาจักรเนเดลก็ได้รับการรักษาเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าทางกิลด์แพทย์โอสถก็ได้รับยาฟรีนี้ด้วย ซึ่งมันเป็นผลงานของกิลด์ร้านขายและจ่ายยาซึ่งมามอบให้กับพวกเขาโดยตรง
「ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่ผมไม่อยากจะเอายาให้พวกมันจริงๆนั่นแหละครับ」
ปีแอร์กล่าวความรู้สึกที่แท้จริงของตนออกมา ในอดีตทั้งร้านที่ถูกทำลายไปและเสียงหัวเราะนั้นยังคงอยู่ในใจของเขา
「ผมก็เข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ แต่เราจำเป็นที่จะต้องให้พวกเขาไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อจุดใหม่ก็ได้」
ฟาร์มานั้นก็ถูกรบกวนจากทางกิลด์แพทย์โอสถมามากแต่เขาก็มีเหตุผลพอที่จะแยกเรื่องส่วนตัวออกจากงานได้
「ก็แบบนั้นแหละนะ ช่วยไม่ได้นี่เนอะ」
เอเลนกล่าวเห็นด้วยขณะที่ถอนหายใจ
แต่ขณะไปถึงยังกิลด์ดูเหมือนว่าคนของทางนั้นจะไม่ต้องการรับยาดังกล่าว เหล่าแพทย์โอสถที่ต่างกำลังดูถูกฟาร์มาและไม่อยากรับยาจากเด็ก ช่างดูน่าสังเวชเสียจริงๆ
「ดื่มมันเข้าไปซะ แล้วก็นี่ส่วนของครอบครัวพวกเจ้า」
ปีแอร์ได้เข้ามาภายในร้านของแพทย์โอสถที่เคยเยาะเย้ยเขาก่อนจะนำถุงยาให้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ตนนั้นโยนถุงยานี้ทิ้งไป
「ก็บอกไปแล้วไงว่าข้าไม่ต้องการ! ข้าจะใช้ยาในร้านนี้รักษาเอง!」
แพทย์โอสถคนนั้นพยายามปฏิเสธผลของยาตัวใหม่ที่อยู่ตรงหน้า
ซึ่งมันสามารถรักษาเหล่าพ่อค้าที่มาจากเนเดลซึ่งอยู่ในขั้นเกือบตายขึ้นมาได้
「นี่เจ้าคิดจริงๆงั้นเหรอว่าไอ้ยาในร้านแบบนี้มันจะไปรักษากาฬมรณะได้?」
ปีแอร์มองไปรอบๆร้านที่เต็มไปด้วยความสกปรกและถามเขาอย่างเงียบๆ
「อึก……!」
「ว่ายังไง?」
ปีแอร์รอคำตอบด้วยความอดทน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
「หากเข้าใจแล้วก็ดื่มมันเข้าไปซะ นี่มันไม่ใช่แค่ปัญหาของเจ้า ถ้าหากไม่อยากให้ครอบครัวของเจ้าตายไปก็ใช้มันซะ」
แพทย์โอสถจากกิลด์แพทย์โอสถรู้สึกอับอายจนหูของเขานั้นแดง หรืออาจจะเป็นเพราะความโกรธกันแน่ แต่ปีแอร์นั้นคิดว่าน่าจะทั้งสองอย่าง
「แล้วจงมีชีวิตอยู่ต่อไป」
ปีแอร์วางยาเอาไว้ก่อนออกจากร้านโดยไม่รอคำตอบ
ก่อนที่แพทย์โอสถคนนั้นจะรับถุงยาไปด้วยความรู้สึกผิด
หน่วยลาดตระเวนที่จักรพรรดินีได้ส่งไปยังราชอาณาจักรเนเดลนั้นได้กลับมาแล้ว
จากข้อมูลที่ได้มาดูเหมือนว่ากาฬมรณะนั้นจะยังไม่ถูกแพร่กระจาย
เพราะการตายของคามิว ทำให้กองกำลังของข้าศึกนั้นหายไป ด้วยเหตุนี้มหาอำนาจอย่างจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟซึ่งอุดมไปด้วยกำลังทหารและอำนาจการปกครองรวมไปถึงเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จึงได้ทำการเข้ายึดครองเนเดลเป็นการชั่วคราวสืบเนื่องมาจากการเสียชีวิตของเหล่าเชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูงรวมไปถึงเหล่าผู้บริหารจากการโดนวางยาพิษภายในบ่อน้ำของสำนักงานและส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล จึงทำให้ทั้งการขนส่งและบริหารประเทศนั้นอยู่ในสภาวะอัมพาต
ด้วยคำสั่งของจักรพรรดินีที่เข้าไปยึดครองเนเดลเอาไว้พร้อมกับสร้างคณะรัฐบาลชั่วคราว ขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูบ้านเมืองที่อยู่ในสถานการณ์วุ่นวายนี้
เหล่าประชาชนเนเดลซึ่งกำลังอ่อนแออยู่นั้นได้ทำการยอมรับการเข้ายึดอำนาจของทางจักรวรรดิ ถึงแม้ว่าจะมีเหล่าหัวรุนแรงที่สนับสนุนการยึดครองเนเดลด้วยความรุนแรง แต่ทางจักรวรรดิไม่ได้ต้องการเช่นนั้นเพราะทางเนเดลนั้นถือว่าเป็นคู่ค้าที่มีสินค้าหลากหลายประเภท
หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีข่าวลือว่าทางจักรพรรดินีนั้นได้ส่งแพทย์โอสถฝีมือดีมากับทางกองทัพของจักรวรรดิด้วย
“วิธีการรักษานั้นมันอะไรกัน แล้วแพทย์โอสถคนนั้นอยู่ที่ใดกัน” เหล่าผู้ที่ได้รับการรักษานั้นต่างคาดหวังกับยาคุณภาพสูงนั้นแต่หลังจากวันที่พวกเขาได้รับยาแพทย์โอสถคนนั้นก็ได้หายไปจากเนเดล
“นี่มันแปลกเกินไปแล้ว” แม้จะมีหลายคนสงสัยในเรื่องนี้แต่พวกเขาก็ต้องขอขอบคุณทางกองทัพของจักรวรรดิที่นำความช่วยเหลือมาให้
จากการไปกลับจากเนเดลและจักรวรรดิ รวมไปถึงสถานที่อีกหลายๆแห่งทำให้ ชีวิตประจำวันของฟาร์มาในตอนนี้นั้นยุ่งเอามากๆ
ในวันหนึ่งเหล่าแพทย์โอสถของทางกิลด์แพทย์โอสถรวมไปถึงเหล่าลูกศิษย์ที่พยายามจะหลีกหนีจากภัยคุกคามของกาฬมรณะก็มารวมตัวกันที่หน้าร้านขายยาต่างโลกด้วยสีหน้าที่หดหู่
ประตูถูกเปิดขึ้นและอัศวินรักษาการเข้ามาเรียกฟาร์มาข้างในร้าน
“ทำไมพวกเขาต้องมาในตอนยุ่งแบบนี้ด้วยนะ จะมาก่อกวนอะไรอีกแล้วงั้นเหรอ” ฟาร์มาเดินออกมาพร้อมกับคิดเช่นนั้น
「นี่มันอะไรกันครับ?」
「ได้โปรดให้……พวกเราช่วยด้วย」
คนพวกนั้นกล่าวกับฟาร์มาด้วยเสียงที่เขานั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
「เอ๋? อะไรนะครับ?」
「ได้โปรดให้พวกเราได้ช่วยเหลือท่านด้วย!」
「เอ่อเข้าใจแล้วครับ ถ้าแบบนั้นรอสักครู่นะครับ คือตอนนี้ผมอยากได้แรงงานอยู่ดีพอเลย」
「อะ-อ้า ได้เลยครับพวกเราจะทำทุกอย่างที่ท่านพูด」
พวกเขาเดินตามฟาร์มามาและเข้ามาช่วยในการจัดการดูแลผู้ป่วยภายในเมืองหลวง
ในส่วนของร้านขายยาซึ่งอยู่ในสังกัดกิลด์แพทย์โอสถนั้นในเหตุการณ์ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ป่วยเลยแม้แต่น้อยซึ่งนั่นทำให้พวกเขาได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักรวมไปถึงการคว่ำบาตรจากประชาชนภายในเมืองหลวงด้วย จนถึงขั้นอยู่ในสภาวะใกล้ล้มละลาย ทางหัวหน้ากิลด์เวรอนนั้นในตอนแรกเขาปฏิเสธที่จะรับยาจากฟาร์มาและพยายามหาสมุนไพรภายในร้านมารักษาพวกตนจนกระทั่งกาฬมรณะนั้นได้ลุกลามขึ้นมาและพวกเขาถูกแยกตัวกักกัน
แต่ยังดีที่ฟาร์มานั้นได้ให้ยากับครอบครัวของเขาก่อนที่จะโดนกักตัวไป
เหล่าครอบครัวของพวกเขาที่ยังรอดชีวิตอยู่ต่างแสดงสีหน้าอันเศร้าโศกออกมา
ทางด้านการทดลองของศาสตราจารย์แคสเปอร์ในส่วนของการใช้ยาปฏิชีวนะนั้นได้เกิดประโยชน์ขึ้นอย่างมากจากการเพิ่มจำนวนของแอคติโนมัยซีท จากการแนะนำจากฟาร์มายิ่งทำให้มันนั้นก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้นและได้มีเหล่านักวิจัยอีกหลายคนเข้ามาช่วยในงานนี้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งพวกเขายังค้นพบแบคทีเรียที่ใช้ในการสังเคราะห์สเตรปโตมัยซินและแบคทีเรียชนิดอื่นๆที่ใช้ในการผลิตแอนติบอดี้ขึ้นมาจากการเพาะเลี้ยงของพวกเขา
จากศาสตราจารย์แคสเปอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงแค่พวกปลายแถวแต่ตอนนี้ตัวเธอนั้นคือหัวหน้าในการดูแลงานวิจัยส่วนนี้ทั้งหมด
「หากกาฬมรณะนั้นกลับมาอีกครั้ง ฉันคงจะต้องทำให้วิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟ
แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางในการกระจายตัวยาให้จงได้」
เธอกล่าวมันออกมาด้วยความมั่นใจ….
กลับมาในส่วนของงานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟกันบ้าง
มันเป็นงานใหญ่ที่รวบรวมเอาเหล่าพ่อค้าจากทั่วโลกเข้ามาไว้ยังเมืองหลวงในเวลาเดียวกันพร้อมกับเหล่านักลงทุนและผู้ค้าในส่วนของอุตสาหกรรม
“มันคงจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมันภายในประเทศได้หากพวกเรานั้นยังไม่ได้เริ่มการจัดงานขึ้นทั้งๆ ที่เหล่าพ่อค้านั้นมาถึงกันเรียบร้อยแล้ว” นั่นคือความเห็นของจักรพรรดินี ถึงแม้ว่าจะมีการกักกันเกิดขึ้นมาบ้างแต่ตอนนี้ภายในส่วนเล็กๆ บางส่วนก็ได้เริ่มมีการเปิดร้านกันขึ้นมาบ้างแล้ว
เหล่าพ่อค้าเริ่มกางเต็นท์ของพวกเขาก่อนจะส่งเสียงเรียกลูกค้าด้วยสินค้าที่พวกเขานำมา เริ่มมีการเดินชมสินค้าจากเหล่าผู้ซื้อซึ่งกำลังตรวจสอบสินค้าที่ตนกำลังชม เสียงตะโกนเริ่มดังขึ้นทั่วตลาด เสียงของเหรียญที่ใช้ในการซื้อขายนั้นได้ดังสลับกันไปมา ทั้งกลิ่นของเครื่องเทศที่ฟุ้งจนทั่ว การต่อสู้ของเหล่าพ่อค้าได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเหล่าผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้ามา
ช้าๆแต่ได้ใจความ การฟื้นฟูเมืองหลวงค่อยๆเริ่มต้นอย่างช้าๆ
_____________________________
「ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปร้านขายยาต่างโลกจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งครับ」
ร้านขายยาต่างโลกนั้นได้กลับมาเปิดทำการหลังจากที่ปิดไปทั้งเดือน
「พวกเราก็ปิดไปนานเอาเรื่องเหมือนกันนะ แม้จะไม่ควรที่จะพูดแบบนี้แต่หวังว่าทุกคนคงจะไม่ลืมร้านของพวกเราไปกันหมดหรอกนะ」
เอเลนกลับมาสวมชุดสีขาวของเธอด้วยท่าทางเหมือนมีความสุข
「ผมก็หวังว่าจะไม่จำเป็นต้องปิดมันอีกในอนาคตนะครับ」
ฟาร์มานั้นภาวนาจากใจจริงว่าของให้ร้านของเขานั้นดำเนินกิจการไปด้วยความสงบสุขอยู่ภายในเมืองหลวง
เพื่อทำตามนโยบายของทางร้านหลัก ร้านในกิลด์ร้านขายและจ่ายยานั้นก็ได้กลับมาทำการและแน่นอนว่าพวกเขานั้นได้ขายยาเพียงเล็กน้อยให้กับเหล่านักลงทุนและพ่อค้าจากประเทศอื่น
「ยินดีต้อนรับครับ กัปตันณอง」
คุณตาณองผู้สวมเสื้อผ้าที่ดูเก่าได้เข้ามาที่ร้านเป็นคนแรก
「เลิกเรียกข้าว่ากัปตันเสียทีเถอะ」
「ก็ผมถูกคุณช่วยเอาไว้เยอะเลยนี่ครับตอนนั้น」
วันนี้ก็เหมือนเช่นเคยคุณตาณองได้เข้ามาซื้อลูกอมลงเรือและดื่มน้ำจากร้าน
「ว่าไงทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!」
「ลอตเต้จัง เค้าอยากเจอเธอจังเลย〜」
「เซดริกได้ข่าวว่านายถูกแทงนี่ สบายดีไหม?」
เหล่าลูกค้าประจำเริ่มกลับมา
「ฮ่าๆ ขอบพระคุณทุกท่านครับ ตาแก่กระดูกแข็งคนนี้ไม่ตายง่ายๆหรอกครับ!」
บาดแผลของลอตเต้และเซดริกนั้นได้รับการรักษาจนหายดีแล้วและพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับงานหน้าร้าน
ส่วนทางหัวหน้านักบวชก็เช่นกันดูเหมือนเขาจะมาที่ร้านนี้ทุกๆวันจนกลายเป็นงานไปเสียแล้วสิ
วันที่แสนเงียบสงบและวุ่นวายได้กลับมาอีกครั้ง
และหลังจากนั้นเป็นเวลาสองเดือนก็ไม่พบผู้ป่วยที่เสียชีวิตอีกแล้วในเมืองหลวงของแซงต์เฟลิฟ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้จักรพรรดินีนั้นประกาศถึงการสิ้นสุดของกาฬมรณะและนั่นหมายถึงการประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคที่เป็นภัยพิบัติสุดแสนเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่สามารถเผชิญหน้ากับโรคนี้โดยมีจำนวนของผู้เสียชีวิตในปริมาณที่น้อยมากเพราะยาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการรักษามัน
ภายใต้เงามืดแห่งความสำเร็จนี้นั้นเกิดขึ้นมาจากเด็กชายเพียงผู้เดียว
ตัวตนของผู้กอบกู้ตัวน้อยซึ่งบินลงมาจากฟากฟ้าสู่ถนนหลักของเมืองหลวงในวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบถึงตัวตนนั้นว่าที่แท้จริงนั้นเขาเป็นเจ้าของร้านขายยาต่างโลกซึ่งเป็นผู้ถือคทาแห่งเทพโอสถ
「ฟาร์มา องค์จักรพรรดินีอยากจะให้รางวัลกับนายอีกครั้งหนึ่งน่ะ ดินแดนแบบไหนที่นายอยากจะได้อีกล่ะ?」
ผู้แทนพระองค์ โนอาร์ได้เข้ามายังร้านขายยา ดูเหมือนเขาต้องการจะได้ตัวช่วยในการตัดสินใจจึงเข้ามาถามกับฟาร์มา
「ผมไม่ได้ต้องการดินแดนเพิ่มแล้ว ท่านพ่อก็เหมือนกันเพราะพวกเราดูแลกันไม่ไหวแล้ว」
ตั้งแต่แรกนั้นบ้านเมดิสซีนั้นก็มีอาณาเขตที่กว้างขวางอยู่แล้ว “หากมีมากกว่านี้การจัดการจะล่าช้าและไม่เป็นระบบดังนั้นพ่อไม่จำเป็นต้องเอามันเพิ่มหรอก” นั่นคือสิ่งที่บรูโนกล่าวออกมาซึ่งแตกต่างจากชนชั้นสูงคนอื่นเป็นอย่างมาก
「ถ้าอย่างงั้นเอาเป็นเงินรางวัลไหม?」
ร้านขายยาต่างโลกนั้นได้รับเงินมาอย่างมากมายอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ทำอะไรเลยก็ยังสามารถมีกำไรต่อไปได้อีกนานแสนนาน รวมถึงทรัพย์สมบัติของทางตระกูลเขาด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
「ผมไม่ได้ต้องการเงินรางวัลหรอก」
「น่าเบื่อจังเลยแฮะ ถ้าอย่างงั้นลืมเรื่องงานไปก็แล้วกัน มีสถานที่แบบไหนที่นายอยากจะพักผ่อนบ้างไหมล่ะ? เดี๋ยวผมจะไปวางแผนเกี่ยวกับที่ที่นายอยากจะไปให้เป็นไง?」
「งั้นเอาเป็นที่ที่พักได้สบายๆที่มีน้ำพุร้อนด้วยก็แล้วกัน」
ฟาร์มาตอบส่งๆไป
「เข้าใจล่ะ โรงอาบน้ำสาธารณะสินะ」
「ห๊ะ!!」
「เจ้าบ้า〜บ้าาาาา〜! สุดท้ายนายก็เป็นแค่เด็กไร้เดียงสา เจ้าบ้าเอ้ยยย〜!」
เขาพลาดเสียแล้ว และสิ่งนั้นก็ถูกโนอาร์นำไปกล่าวกับจักรพรรดินีและได้มีการตัดสินใจที่จะสร้างโรงอาบน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ขึ้นมาภายในเมืองถึงห้าแห่ง โดยที่ตัวโนอาร์อาจจะบอกประมาณว่า “พวกเราอาจจะสร้างความลำบากให้กับเขาก็ได้หากต้องเดินทางไปแช่น้ำร้อนในประเทศที่ไกลๆ”
「เอาเถอะ ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องการทำความสะอาดและเยียวยารักษาผู้คนในเมืองหลวง…แถมยังเป็นเรื่องที่ดีในการป้องกันโรคด้วย」
「ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับโรงอาบน้ำสาธารณะนี้เหลือเกินค่ะ! มันคงจะน่าอายมากแน่ๆเลยที่ต้องไปเปลือยต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ อ๊ายย! คงจะดีนะคะถ้ามันเปิดให้สามัญชนเข้าไปได้ด้วย แต่ก็หวังว่าจะไม่ใช่แค่ตรงมุมเล็กๆโรงอาบน้ำสาธารณะนะคะ」
ลอตเต้รู้สึกตื่นเต้นกับโรงอาบน้ำที่เธอไม่เคยเห็นและเริ่มฝันถึงมัน
「ไว้ผมจะไปคุยกับจักรพรรดินีเรื่องการสร้างห้องของสามัญชนกับชนชั้นสูงให้」
「เย้〜!」
ฟาร์มานั้นยังเหลืออีกหลายสิ่งที่รอเขาอยู่ภายภาคหน้า
สำหรับคนญี่ปุ่นผู้ที่รักน้ำพุร้อนเช่นเขามันถือเป็นรางวัลที่มอบความสุขให้กับเขามากยิ่งกว่าดินแดนหรือเงินทองเสียอีก
สุดท้าย….ภายในหมู่บ้านเอสทาร์กได้มีงานเฉลิมฉลองเกิดขึ้นบริเวณรูปปั้นสีทองซึ่งเป็นร่างของเด็กชายผู้เป็นร่างสถิตของพระเจ้าตั้งเอาไว้อยู่ คนภายนอกอาจจะไม่รู้ถึงจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรื่องนี้ แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกับอนุสาวรีย์แห่งการสิ้นสุดของกาฬโรค…หรือกาฬมรณะ
และนั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาได้มาทราบในภายหลังซึ่งทำให้เขานั้นรู้สึกอายเป็นอย่างมาก
____________________________
จบไปแล้วด้วยความไวแสงกับบทของกาฬโรคครับ อนิเมะก็น่าจะถึงตรงนี้เพราะมันลงตัวที่สุดแล้ว ส่วนชื่อหรือสถานที่ต่างๆ หากอฟช. ของไทยอัพเดทเมื่อไหร่เดี๋ยวมาตามแก้อีกทีละกัน
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913