ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 56
อนที่ 56 ชุมนุมของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุและโฮมุนคลุสที่น่าสงสัย
งานชุมนุมอันแสนน่าสงสัยซึ่งถูกจัดโดยนักเล่นแร่แปรธาตุเฮอร์เมส หลังจากการแสดงแรกเสร็จไป เขาก็เริ่มการแสดงชิ้นต่อไปนั่นคือโฮมุนคลุส
ผู้ช่วยนำขวดแก้วขนาดใหญ่ที่มีผ้าสีดำคลุมไว้ออกมา
จากคำอธิบายของเฮอร์เมส โฮมุนคลุสจะใช้เวลาประมาณ 40 สัปดาห์ในการเจริญเติบโตจากการใช้อสุจิหรือเลือดของมนุษย์ ก่อนจะนำมาใส่ภายในขวดแก้วพร้อมกับสารบางอย่าง โดยต้องรักษาอุณหภูมิเอาไว้ให้คงที่ กล่าวได้ว่ามันคือการสร้างสิ่งมีชีวิตเทียมจากการเพาะเลี้ยง
“ไม่มีหลักฐานว่ามันเกิดขึ้นจากกระบวนการนั้นจริงไหม…ฉันว่าเราควรจะถ่ายภาพกระบวนการเติบโตของพวกมันด้วยน่าจะดีนะ”
เอเลนพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ
“ขวดนั่นมีไว้เพื่อจำลองสภาพครรภ์ของมารดาสินะ”
ฟาร์มาพูดออกมา ฟาร์มาไม่อาจจะเข้าใจได้ถึงความพยายามจะสร้างเด็กขึ้นมาโดยใช้เพียงแค่อสุจิ โดยไม่ผ่านการสร้างจากมดลูกหรือรกเทียม เพราะมันผิดตั้งแต่ที่จะพยายามในการเพาะเลี้ยงอสุจิหรือเลือดขึ้นมาโดยไม่ทำให้เกิดการปฏิสนธิเสียก่อน จุดนั้นน่าจะตรวจสอบกันได้ แต่โลกนี้คนก็ไม่ได้มีความรู้กันเรื่องรังไข่ของมนุษย์ด้วยสิ บางทีพวกเขาอาจจะไม่สงสัยกันก็ได้เพราะเขาอาจจะเชื่อกันว่า ผู้หญิงมีลูกโดยการที่ผู้ชายขับอสุจิเข้าไปในช่องคลอดเท่านั้น
“แล้วคุณเฮอร์เมสเขาสามารถสร้างมนุษย์จริงๆ เลยได้หรือเปล่าครับ หรือเขามีเพียงแค่โฮมุนคลุสไม่ก็พวกสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์นอกเหนือจากมนุษย์?”
ฟาร์มาถามปีแอร์
“จากที่ได้ยินมาก็มีแค่พวกคนแคระนี่แหละครับ”
ปีแอร์ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรพวกนี้นัก และในขณะนั้นเองความคาดหวังของผู้คนก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากกับสิ่งที่อยู่ภายในขวด
“ที่จริงฉันก็มีคำถามอยากจะถามนายนะ แต่ถ้าตามหนังสือของฟาร์มาคุงแล้ว สิ่งมีชีวิตจะเกิดมาไม่ได้เลยหากปราศจากรังไข่กับอสุจิใช่ไหมล่ะ?”
เอเลนที่ได้ศึกษาตำราทางการแพทย์และเภสัชศาสตร์ของฟาร์มาอย่างจริงจังพอสมควรจึงทำให้ได้รับความรู้มากพอสมควรแม้จะยังไม่เท่าปาลเล่ก็ตาม
ในตอนแรกเอเลนไม่เชื่อเกี่ยวกับการมีอยู่ของรังไข่มนุษย์แต่หลังจากที่ได้เห็นการผ่านศพซึ่งนำทีมโดยแพทย์หลวงคล็อด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตำราของฟาร์มา จึงได้พบว่าร่างกายของเรามีทั้งถุงบรรจุรังไข่ รูขุมขนรังไข่ และ เซลล์ภายในนั้น
ฟาร์มาได้บอกเธอถึงความสำคัญในการทำงานของรังไข่และอัณฑะซึ่งมีหน้าที่ในฐานะอวัยวะเพื่อการสืบพันธุ์ ตัวเธอได้รู้ถึงความเข้าใจซึ่งแตกต่างจากการได้รับพรของเทพผู้พิทักษ์ นั่นคือกระบวนการต่อสู้อันดุเดือดของอสุจิหลายร้อยล้านตัวในรังไข่ จนไปถึงกระบวนการสุดท้ายที่เหลือเพียงอสุจิตัวเดียวซึ่งเป็นผู้ถูกเลือกให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต และนั่นก็เป็นการคลายปริศนาสำหรับพวกเขาในอดีตอีกด้วย เอเลนสัมผัสได้ถึงความลึกลับของจุดกำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่บนโลกนี้
“อันที่จริงผมก็บอกในเรื่องที่ยังเข้าใจอย่างแท้จริงได้ ดังนั้นผมจะไม่ปฏิเสธมันหรอกนะ”
แล้วฟาร์มาก็หยุดพูดไป
“นายจะบอกว่าไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้งั้นเหรอ?”
“เพราะในวันหนึ่งเราอาจจะสามารถสร้างกระบวนการเกิดได้ด้วยวิศวกรรมการเจริญพันธุ์ก็ได้นะ”
เอเลนได้แต่ฉงนกับสิ่งที่ฟาร์มาพูดในหัวเธอเอง “ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าโลกที่ฟาร์มาคุงเห็นนั้นเป็นแบบไหนกัน”
ในขณะที่เธอกำลังคิดนั้น เสียงขอเฮอร์เมสก็ดังก้องทั่วห้องโถง
“ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วครับ นี่คือโฮมุนคลุสครับ เชิญรับชม”
“ถึงเวลาแล้วสินะ!”
เสียงแผ่วเบานั้นได้ดังออกมาจากฟาร์มาขณะที่เขามองไปยังขวดแก้วที่ถูกนำผ้าสีดำออกไป
“นั่นมัน บ้าอะไรกัน…”
ฟาร์มาตอนนี้ถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก
สิ่งที่อยู่ในนั้นมันเหมือนกับคนแคระสวมเสื้อผ้ากำลังขยับไปมาในขวดแก้วสูงประมาณหนึ่งนิ้ว แต่จากมุมมองของเขามันเหมือนสิ่งอื่น
“โห … นั่นมันคนแคระที่กำลังขยับไปมาอยู่ …”
ผู้ชมไม่รู้จะตื่นเต้นกับอะไรไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“มันเหมือนกับมนุษย์เลย…”
แล้วเฮอร์เมสก็ได้มองไปยังเหล่าผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเขา
“เพราะมันเป็นค่อนข้างขี้อายดังนั้น อย่าเข้ามาจ้องใกล้นักนะครับ”
“นั่นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตแน่ๆ เกินคาดเลยนะเนี่ย”
ปีแอร์สงสัยในตอนแรกว่านั่นอาจจะเป็นศพก็ได้ แต่ก็คงต้องยอมรับเท่านั้นว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของคนแคระนั้น
“ไม่ใช่ศพของทารกด้วยสิ นายคิดยังไงเหรอฟาร์มาคุง?”
ฟาร์มาถามถึงคำตอบที่จะได้รับจากฟาร์มา
“คงบอกได้แค่ว่าค่อนข้างน่าผิดหวังครับ”
ฟาร์มาหันไปทางพวกเขาก่อนจะแสดงสีหน้าผิดหวัง
“นั่นมันลิงที่เป็นโรคทำให้หัวล้านแล้วถูกแต่งหน้ากับใส่วิกไว้เอง”
เอเลนกับปีแอร์แทบจะร้องออกมาพร้อมกัน
“มันจะมีลิงตัวเล็กขนาดนั้นอยู่จริงเหรอ! ขนาดเท่านิ้วเองเนี่ยนะ มือกับหน้าก็ยังเหมือนมนุษย์ขนาดนั้นอีก?”
“มันไม่มีขนด้วยนะครับ!”
ปีแอร์พยักหน้าเสริมกับคำอธิบายของเอเลนอย่างเห็นด้วย
“ผมคิดว่ายังไงนั่นก็เป็นลิงครับ ถึงจะยังไม่รู้สายพันธุ์เจาะจงก็ตาม”
เพราะบนโลกของเขาก็มีลิงมาโมเสทซึ่งมีความสูงเพียงนิ้วเดียว สัตว์ของโลกนี้ก็มีอยู่หลายที่บนโลก จึงเป็นเรื่องง่ายหากนำมันมาจากถิ่นอื่นโดยมีผู้คนไม่รู้จักและเชื่อว่านั่นเป็นของจริง
“ผมก็ไม่ได้อยากจะเถียงหรอกนะครับแต่…ถ้าหากมันเป็นลิงจริงแล้วทำไมขนมันถึงเรียบยาวไปจนถึงปลายนิ้วเลยล่ะ เหมือนว่าจะไม่มีร่องรอยการโกนด้วย”
“ไม่ว่ามันจะเหมือนมนุษย์มากแค่ไหนก็เถอะแต่ทำไมมันถึงมีตาขาวอยู่ด้วยล่ะ พวกลิงหรือสัตว์บนโลกใบนี้มันไม่มีของแบบนั้นหรอกนะนอกจากมนุษย์แล้ว”
(กลในการแสดงนี้ดูจะอ่อนไปหน่อย..…)
จากการคาดเดาของเขา นี่ก็น่าจะเป็นของปลอม ซึ่งนั่นทำให้ฟาร์มาหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว
“บางทีอาจจะมีหางอยู่ใต้กระโปรงนั่นก็ได้และถึงจะตัดออกไป ก็น่าจะเหลือร่องรอยบ้าง ผมสงสัยจังว่าเราจะมีวิธีที่สามารถเปิดกระโปรงนั้นออกได้ไหม”
แล้วฟาร์มาก็เริ่มวางแผนว่าเขาจะต้องเปิดกระโปรงนั้นออก ฟาร์มาชื่นชมเรื่องที่ตำนานของโฮมุนคลุสกล่าวว่ามันไม่สามารถออกจากขวดแก้วได้มิเช่นนั้นจะตาย เลยทำให้หลายๆ คนนำมันออกมาตรวจสอบไม่ได้
ถ้าอย่างงั้น
“…! ……!”
(หืมม?)
ปากของลิงคอสเพลตัวนั้นขยับ เหมือนกับเป็นการแสดงว่าโฮมุนคลุสกำลังเคลื่อนไหว โดยเป็นการเลียนคำพูดเป็นคำๆ …และพอมันรู้ตัวว่าคนข้างนอกไม่ได้ยินเสียง มันจึงหายใจใส่ผนังขวดแล้วเขียนสิ่งที่ดูเหมือนตัวอักษร
“…ช่วย..ด้วย…ชายคนนี้…?!”
ฟาร์มาตกตะลึงกับภาพที่เห็น
“โอ๊ะโอ…. ดูเหมือนว่าต้องพอกันแค่นี้ก่อนนะครับ”
แล้วเฮอร์เมสก็นำผ้าสีดำนั้นมาปิดการมองเห็นไว้ก่อนจะยื่นขวดที่ใส่โฮมุนคลุสให้ผู้ช่วยของเขาไปวางเก็บไว้ในกล่อง
“เมื่อกี้… มันกำลังเขียนอะไรอยู่หรือเปล่าคะ?”
ฟาร์มาตะโกนออกมาเพื่อหยุดการกระทำของพวกเขา แต่เสียงของเขาถูกกลบไปด้วยเสียงของผู้คนรอบๆ
“โฮมุนคลุสที่เข้าใจภาษามนุษย์หรือครับ…แต่ว่าที่ผมเห็นมันเหมือนวาดอะไรมั่วๆ มากกว่าเป็นภาษาเขียนนะครับ?”
ปีแอร์ก็เหมือนจะเห็นเหมือนกัน
“เดี๋ยวนี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ”
ฟาร์มายอมรับว่าลิงนั้นฉลาดใกล้เคียงกับมนุษย์ และเชื่ออีกว่าทุกสามัญสำนึกย่อมถูกหักล้างได้ เฮอร์เมสไม่ยอมให้ลิงตัวนั้นได้เขียนจนจบเพราะเขาคงรู้ดีว่ามันเข้าใจภาษามนุษย์
(ลิงตัวนั้นต้องการบอกเรื่องของเฮอร์เมส ถึงเรื่องที่เขากำลังทำผิดอยู่…คงเหมือนต้องการความช่วยเหลือด้วย ถ้าแบบนั้นก็มีเหตุผลที่เฮอร์เมสจะเข้ามาแทรกเพื่อไม่ให้เรื่องแดงขึ้นมา)
ฟาร์มายังไม่เคยรู้จักลิงสายพันธุ์ไหนบนโลกของเขาเลย ที่สามารถเขียนตัวอักษรที่มีความหมายได้ ถ้าปล่อยให้มันพิมพ์ตัวอักษรบนแป้นพิมพ์โดยไม่จำกัดเวลาสักวันหนึ่งมันก็อาจจะพิมพ์คำที่มีความหมายออกมาก็ได้ แต่นั่นหมายความว่ามันต้องเรียนรู้ภาษาสากลเป็นอย่างน้อยก็หนึ่งโหลได้ จึงสรุปได้ว่าลิงตัวถูกปลอมให้เป็นโอมุนคลุสนั้นไม่ได้เขียนมันออกมาด้วยความบังเอิญ
(นี่มันปรากฏการลึกลับแล้ว!)
“ไม่ใช่เมื่อกี้มันเขียนอักษรอะไรหรือเปล่านะ?”
แน่นอนว่าก็มีฝูงชนบางส่วนทั้งที่อยู่ข้างๆ ฟาร์มาก็สังเกตเห็นการเขียนแบบลวกๆ นั้น
“นี่ แสดงให้พวกเราดูอีกทีสิ!”
เหล่าคนที่ยังเห็นไม่ชัดหรืออยากจะเห็นอยู่ด้วยความตื่นเต้นและใคร่รู้ พอได้ยินคนพูดกันแบบนั้นก็ยิ่งโห่ขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
“เป็นที่น่าเสียดาย ผมคงไม่อาจจะแสดงได้นานกว่านี้…เพราะสิ่งมีชีวิตดังกล่าวมันเปราะบางมาก หากให้อยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก นานๆ มันอาจจะทำร้ายตัวเองได้”
เฮอร์เมสปฏิเสธที่จะนำมันออกมาอีกครั้งด้วยเหตุผลที่พอฟังขึ้น
“ถ้าเช่นนี้ขอใช้สิ่งนี้เป็นการแสดงแทนก็แล้วกันนะครับ …. ตรงนี้คือเมล็ดดอกกุหลาบครับ แล้วจากนั้นเราก็ทำการวางศิลานักปราชญ์ไว้ข้างๆ ซึ่งมันจะทำให้เมล็ดเหล่านี้บานเป็นดอกไม้ขึ้นมาได้ภายใน 10 วินาทีครับ”
เขาแสดงกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยเมล็ดดอกไม้ ก่อนจะปิดมันแล้วเขย่า ขณะเขย่าเขาก็แสร้งทำเป็นร่ายอะไรบางอย่างใส่ก่อน พอเขาร่ายมันเสร็จก็เปิดกล่องออกมา…และสิ่งที่อยู่ในนั้นก็คือดอกกุหลาบที่เบ่งบานหมดแล้ว
“โหหหหห!?”
ผู้ชมต่างปรบมือ และไม่พูดกันถึงเรื่องโฮมุนคลุสอีกต่อไป
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นกัน?! ศิลานักปราชญ์มีพลังทำให้ดอกไม้ผลิบานจากเมล็ดได้ด้วยงั้นเหรอ ไม่เข้าใจเลยสักนิด”
เอเลนแม้จะไม่เต็มใจนักแต่ก็ละสายตาจากสิ่งที่เห็นไม่ได้เลย ก่อนจะสวมแว่นตาใหม่อีกครั้ง
“กลเขย่าเฉยๆ… ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย”
ฟาร์มานั้นไม่ได้มองข้ามทุกการเคลื่อนไหวของเฮอร์เมสไปแม้แต่น้อย เขาไม่ได้จับข้างในกล่องและทำแค่เพียงเขย่าไปมา
“เขาแค่เขย่าก็จริงแต่ทำไมเมล็ดพวกนั้นถึงกลายเป็นดอกไม้ได้กันล่ะ เพียงแค่เขย่าไปมาเนี่ยนะ?”
“เมล็ดนั้นถูกวางกระจัดกระจายอยู่ข้างบนอย่างหนาแน่น เมื่อคุณเขย่ากล่องอนุภาคของสิ่งของที่มีมวลขนาดใหญ่จะถูกดันมาข้างบนด้วยกระบวนการพาความร้อน คุณจะเห็นได้ชัดถ้าหากลองเอาไปทำดู”
นี่คือปรากฏการที่เมื่อคุณใส่ของที่มีอนุภาคต่างกันลงในภาชนะเดียวกันและเขย่า ของที่มีอนุภาคใหญ่ที่สุดจะรวมตัวกันอยู่ข้างบนในขณะที่ของอนุภาคเล็กๆ จะจมลงไปข้างล่าง ซึ่งโลกของเขาเรียกกันว่า บราซิลนัทเอฟเฟค (Brazil Nut Effect)
“บลาซิล? นั่นมันหมายความว่าอะไรน่ะ?”
(จริงสิ ที่ไม่มีคำว่าบลาซิลนัทเป็นเพราะโลกนี้ไม่มีประเทศบลาซิลนี่นา)
ยังไงก็ตาม นี่ก็ถือเป็นส่วนที่ฟาร์มาต้องการจะเผยถึงกลโกงนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
“นั่นเป็นจุดขายที่คอยตะล่อมให้คนแห่มาซื้อศิลานักปราชญ์กันเลยนะครับ”
ปีแอร์มีเหงื่อไหลเย็นออกมาและพูดว่าเขาก็เกือบจะถูกลากเข้าไปในวงนั้นด้วยแล้วเหมือนกัน
แน่นอนว่าก็มีการแสดงอีกหลายอย่าง แต่ก็ไม่มีอันไหนเลยมีอยู่ในหมวดซับซ้อนเกินกว่าความเข้าใจและความคาดหมายของฟาร์มาผ่านการสังเกต
แล้วเฮอร์เมสยังคงจัดแสดงสิ่งที่เรียกว่าคิเมร่า โดยเรื่องราวความยากลำบากของการได้มันมา
“ นี่ฟาร์มาคุง ดูนั่นสิคิเมร่างูที่มีสองขา อีกอันก็งูมีสองหัวด้วย จะอันไหนก็น่าแปลกใจทั้งนั้นเลย
“งูมีขา หรืองูมีสองหัว จะอะไรก็ไม่เรียกว่าคิเมร่าหรอก พวกนั้นมันก็แค่สิ่งผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว”
ฟาร์มาตอบกลับไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า นั่นหมายถึงเขาได้เห็นความผิดปกตินี้บ่อยแล้วจากธรรมชาติ
“ฉันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่นะ”
“มันเป็นเรื่องที่ผมเคยเห็นมาก่อนแล้วสำหรับพวกงูมีขา”
(บางทีคนพวกนี้นี่จะพยายามรวบรวมสัตว์ที่มีความผิดปกติ….ดูเหมือนคนพวกนี้จะมีความรู้ด้านการเพาะพันธุ์มันอยู่เหมือนกันนะ)
นั่นคือความเป็นไปได้ของเฮอร์เมสจากการสังเกตของฟาร์มา ว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความรู้และความสามารถ
“ฟาร์มาคุง นั่นมันคนลอยได้?”
การแสดงถัดไปคือการให้ผู้ช่วยหญิงของเขาซึ่งอยู่ข้างหน้าของเฮอร์เมสลอยขึ้นเป็นแนวนอน โดยเฮอร์เมสบอกกับผู้คนรอบๆ ว่าเธอคนนั้นไม่ได้ถูกแขวนด้ายหรือสายใดๆ จากบนเพดานเลยก่อนจะเอามือแกว่งไปมาข้างบนเพื่อแสดงให้เห็น
“เธอลอยได้จริงๆ งั้นเหรอ?”
“เธอถูกรองไว้ด้วยแท่งโลหะที่งอตั้งแต่บริเวณช่วงท้องของเธอไปจนถึงช่วงล่างของผู้หญิงครับ หากเราใช้วิธีเดียวกันเอเลนก็สามารถทำได้เหมือนกันครับ”
ท้ายที่สุดมันก็แค่กลชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าการสร้างภาพลวงตาขึ้น ฟาร์มาได้อธิบายให้ที่เหลือฟังขณะมองไปยังกลนั้น
“บางทีเธออาจจะลอยได้จริงก็ได้นะ เพราะขนาดนายก็ยังลอยได้เลย”
เฮอร์เมสนั้นเรียกว่าเป็นชั้นแนวหน้าของเหล่านักต้มตุ๋นเลยก็ว่าได้ เพราะขนาดแม้แต่เอเลนก็ยังเกือบหลงเชื่อไปในบางประเด็น หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ผู้เสียหายจะยิ่งมากขึ้น
หลักการแสดงสุดท้ายสิ้นสุด งานชุมนุมของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ
“ขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมดื่มด่ำกันจนมาถึงช่วงสุดท้ายนะครับ และเราหวังว่าจะได้พบทุกท่านอีกครั้งในโอกาสหน้า”
ก่อนที่งานจะปิดแน่นอนว่าก็มีเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุจำนวนไม่น้อยที่ต้องการซื้อผลงานของเฮอร์เมส
(เขาสามารถคำนวณผู้ที่จะเข้าร่วมในครั้งต่อไปว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ไหนตามความสำเร็จที่มีได้)
หากมองว่านี่เป็นเพียงสถานบันเทิง เนื้อหาที่ได้เห็นก็ถือเป็นที่น่าพอใจ ค่าเข้าชมที่สูงนั้น ย่อมเหมาะสมหากด้วยทักษะของเฮอร์เมสและการแสดง แขกที่มาก็ต่างยินดี
“ดูท่างานครั้งนี้จะจบลงเพียงเท่านี้ครับ ท่านฟาร์มาโดยรวมแล้วถือว่าน่าประทับใจเลยนะครับ”
ฟาร์มาเห็นด้วยกับคำพูดของปีแอร์ โดยการแสดงดังกล่าวนั้นมีด้วยกันถึง 6 ชุด
“มันทำให้รู้สึกน่าดึงดูดจนไม่รู้ตัวเลย ฉันละแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นเป็นเพียงแค่กลอย่างหนึ่ง ว่าแต่ทำไมนายถึงรู้ได้หมดเลยล่ะว่านั่นเป็นเพียงแค่การแสดง?”
เอเลนรู้สึกกังวลใจเรื่องที่เธอไม่สามารถมองกลดังกล่าวออกได้ทั้งหมด
“ผมเข้าใจมันทั้งหมดก็จริงแต่มันก็ยากที่จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าภาพลวงตานั้นมันเป็นอย่างไร”
“งั้นท่านฟาร์มาจะบอกว่าที่เราเห็นมาทั้งหมดนั้นคือของปลอมสินะครับ?”
ปีแอร์สรุปเรื่องที่เขาได้ฟังมา
“ไม่ใช่เพียงแค่ใช้ศาสตร์เล่นแร่แปรธาตุมาลวงตา แต่ยังใช้ปรากฏการทางธรรมชาติที่คนอื่นไม่รู้มาช่วยด้วย หรือบางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นเพียงอคติที่มีต่อการแปรธาตุของนายก็ได้ด้วยเหมือนกันสินะ?”
สิ่งหนึ่งที่ฟาร์มามั่นใจเลยนั่นคือ ความสามารถด้านการลวงตาและผู้ให้ความบันเทิงของเฮอร์เมสนั้นเป็นของจริง และเขาสามารถหาเงินได้จากการแสดงที่ตรงไปตรงมาในเวลากลางวัน ดีกว่าหลอกผู้คนเช่นนี้ได้ด้วยซ้ำ
แต่ฟาร์มา…นึกถึงเพียงเรื่องเดียวก่อนจะมองขึ้นไปข้างบน
“สิ่งที่ผมสนใจตอนนี้ก็มีเพียงโฮมุนคลุส..นั่นคือ….มันไม่ใช่ลิงธรรมดาแน่นอน”
เกี่ยวกับโฮมุนคลุสนั้นมันเป็นเพียงเรื่องเดียวที่เขาสนใจและคิดว่ามันเกินกว่าที่จะเป็นเพียงแค่กลชนิดหนึ่ง ไหนจะเรื่องที่เขาขอซื้อโฮมุนคลุสนั้นไม่ก็ขอเพียงเขาไปดูอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต นั่นจึงทำให้เขาเสียใจที่ตอนนั้นถูกแทรกขึ้นมาก่อนจะได้เห็นลิงตัวนั้นเขียนจบประโยค
ฟาร์มานั้นชอบที่จะค้นหาความจริงในเงามืดโดยไม่เก็บไว้ให้ค้างคาและเลิกเชื่อว่าสิ่งที่ตนเห็นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
“แล้วนายจะทำยังไงกันล่ะ จะพุ่งไปเปิดขวดนั้นออกงั้นเหรอ ถ้าจะเล่นแบบนั้นฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ”
เอเลนได้หยิบคทาของเธอขึ้นมา ชัดเจนว่าเธอก็ถูกกระตุ้นด้วยความตั้งใจบางอย่างเช่นเดียวกัน กลับกันฟาร์มานั้นไม่ได้พกคทามาด้วย เพราะในเวลากลางคืนมันจะเปล่งแสงออกมาจากร่างของเขาได้สืบเนื่องมาจากพลังของคทาแห่งเทพโอสถ แน่นอนว่านั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายแต่อย่างใด แม้จะมีเพียงแค่มือเปล่า
“ผมคงกลับบ้านไม่ได้แน่หากไม่จบเรื่องโฮมุนคลุสนั้นให้ได้ก่อน”
“ก็สมกับเป็นนายแหละนะ”
ขณะที่แขกคนอื่นๆกำลังกลับกัน จู่ๆ ฟาร์มาก็ถูกเรียกจากด้านหลัง
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ไม่ทราบว่าท่านสนใจในศาสตร์ลึกลับยิ่งกว่านี้หรือเปล่าคะ?”
หากจะให้นึกเสียงดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นผู้ช่วยหญิงของเฮอร์เมสนั่นเอง
“เฮอร์เมสบอกกับฉันว่าให้เชิญท่านไปยังห้องลับอื่นได้ค่ะหากท่านต้องการ”
“จะบอกว่าให้เราเป็นแขกพิเศษงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของปีแอร์นั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและระมัดระวัง อย่างไรก็ตามฟาร์มาก็ยินดีที่จะตอบรับเรื่องนั้นแม้จะน่าสงสัยแค่ไหนก็ตาม
“ฉันรู้สึกประทับใจกับการแสดงในค่ำคืนนี้มากเลยค่ะ ที่อยากเห็นอีกครั้งก็คงจะเป็นโฮมุนคลุสค่ะ เพราะอยากจะซื้อสูตรผลิตนั้นด้วยสิ”
“… โฮมุนคลุสสินะคะ?”
แล้วก็เกิดความเงียบขึ้นอยู่พักหนึ่ง จนท้ายที่สุดเธอก็ยินยอมตามความต้องการของเขา
“เข้าใจแล้วค่ะ เช่นนั้นตามมาทางนี้ได้เลยค่ะ เราจะแสดงให้ท่านดูอีกครั้ง”
“ขอบคุณค่ะ!”
———-
Note 1 : อะไรนะ?! ตอนหน้าชนของเก่าที่เคยแปลไว้!!
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913