ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 59
นที่ 59 เฮอร์เมสนักเล่นแร่แปรธาตุผู้สูญสิ้น
เมื่อฟาร์มาได้รู้ถึงความเป็นจริงอันน่าสยดสยองของสมบัติลับ เขาจึงได้ร่ำลาซาโลม่อนแล้วเข้าไปที่ห้องพักรับรองแพทย์โอสถเพื่อยืนยันความเป็นจริงนั้น ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปภายในห้องก็ได้ยินเสียงของเหล่าแพทย์โอสถและข้าราชบริพารมาจากข้างในซึ่งเป็นหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องของนักเล่นแร่แปรธาตุที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้ ดังออกมา
(ดูเหมือนว่าจะคุยเรื่องที่เราอยากถามกันพอดีเลย)
ดูท่าว่าฟาร์มาไม่จำเป็นต้องพยายามยกหัวข้อนี้ขึ้นมาคุยเอง
“… เพราะแบบนี้ไง นักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นถึงได้ประสบความสำเร็จ”
“วันก่อนก็ได้ยินมาว่างานแสดงที่จัดภายในเมืองหลวงนี่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยนี่ ถึงเรื่องขอดูโอมุนคลุสอีกครั้งจะยากไปหน่อยก็เถอะนะ”
ข่าวลือของเฮอร์เมสได้เข้ามาถึงภายในวังแล้ว
“จริงๆ ผมก็อยากจะไปดูสักครั้งเหมือนกันนะ”
“ดูเหมือนจะต้องเป็นพวกนักเล่นแร่แปรธาตุไม่ก็ลูกศิษย์ของพวกเขาเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้นี่สิ แถมยังมีกฎว่าหากเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นชนชั้นสูงจะต้องทำการตรวจสอบก่อนล่วงหน้า กลับกันหากเป็นเพียงสามัญชนสามารถเดินเข้าไปหน้างานได้เลย คิดแล้วก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ…”
ดูท่าเฮอร์เมสจะสามารถจัดการกับเหล่าชนชั้นสูงผู้มีความรู้ได้อย่างดี บางทีอาจจะเป็นการป้องกันเบื้องต้นไม่ให้ตัวตนเขาถูกเปิดเผยเอาก็ได้
(งั้นแปลว่าที่คุณปีแอร์เข้าไปได้ง่ายๆ เพราะเป็นสามัญชนสินะ)
“สวัสดีครับทุกท่าน”
ฟาร์มาเปิดประตูห้องพักรับรองแพทย์โอสถซึ่งกำลังอยู่ในช่วงสนทนากันอย่างสนุกปากด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เรียกได้ว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าของทั้งสองคน
“อ้าว ท่านฟาร์มา ไม่ใช่ว่าวันนี้เป็นวันหยุดท่านหรอกหรือ”
“พอดีผมมีงานต้องสะสางนิดหน่อยครับ ว่าเสร็จแล้วจะกลับเลย”
ฟาร์มายกข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้นออกมา ราวกับนั่นเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะ แพทย์โอสถขั้นหนึ่งได้พูดทักฟาร์มากับฮิวโก้ขึ้นมาพอดี
“เหนื่อยหน่อยนะครับ ว่าแต่ท่านฮิวโก้กับท่านฟาร์มาเคยได้ยินเรื่องของนักเล่นแร่แปรธาตุหรือเปล่าครับ?”
ฮิวโก้ที่กำลังเสร็จจากการออกตรวจเหล่าข้าราชบริพารภายในวังและกำลังจดบันทึกข้อมูลทางการแพทย์กำลังเก็บของและเตรียมเดินทางกลับถึงกับตกใจที่ตนก็ถูกถามด้วย
“อ๋อ ผมเคยได้ยินมาบ้างนะครับ แต่เหมือนนั่นจะไม่ใช่การใช้ศาสตร์แห่งเทพซะด้วยสิ ดังนั้นก็คงจะเป็นเพียงการเล่นกลเฉยๆ ครับ ผมไม่มีความสนใจเท่าไรนัก”
ฟาร์มาปฏิเสธถึงสิ่งที่เฮอร์เมสทำเพื่อไม่ให้ตนตกเป็นผู้ต้องสงสัยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
“โถ่ เป็นแค่กลหรอกเหรอถึงจะน่าตื่นตาดีก็เถอะ ว่าแต่ท่านฟาร์มาคิดว่าในทางทฤษฎีแล้วเรื่องนี้เป็นไปได้ไหมครับ?”
แพทย์โอสถถามคำถามเชิงลึกกับฟาร์มาด้วยความใฝ่รู้
“ทองนั้นถูกจัดให้เป็นธาตุชนิดหนึ่งครับ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำการสังเคราะห์หรือสร้างขึ้นมาใหม่ได้ และถ้านั่นไม่ใช่การใช้มนตร์วิเศษ มันก็ต้องเป็นแค่กลลวงเฉยๆ แน่นอนครับ”
เมื่อฟาร์มาอธิบายถึงแก่นแท้ของวิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหวของฮิวโก้ก็หยุดลง ก่อนที่เขาจะจ้องมายังฟาร์มาด้วยความสงสัย
“ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ ท่านแกรนดยุก?”
ว่าแล้วฟาร์มาก็จ้องกลับไปที่ฮิวโก้
“ก็ไม่หรอก..…”
อาจจะเป็นเพราะคืนนั้นฟาร์มาแต่งหญิงเข้าไป ฮิวโก้เลยไม่สามารถรู้ได้ว่าฟาร์มาก็อยู่ภายในงานชุมนุมดังกล่าวด้วย
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าคนลวงโลกนั่นก็ควรถูกเปิดโปงนะครับ จักรวรรดิจะต้องตามล่าหมอนั่นไม่ปล่อยแน่”
พอรู้ว่านั่นเป็นเพียงกลลวง แพทย์โอสถคนนั้นถึงกับถอนหายใจออกมา และสาปส่งว่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้นั้นจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษในเร็ววัน
“แถมผมคงไม่มีเงินเข้าไปดูงานแสดงแสนแพงนั่นหรอกครับ”
ฟาร์มาพูดแบบติดตลกออกมา โดยเหล่าแพทย์โอสถกับข้าราชบริพารต่างก็หัวเราะกัน
“แต่ถ้าหากคุณนำเงินมาให้ผม เดี๋ยวผมจะแสดงอะไรดีๆ ให้ดูก็ได้นะครับ”
“อ่ะ เอ๋ จริงเหรอครับ?!”
แพทย์โอสถแสดงความยินดีออกมา
“งั้นโปรดจับตาดูเงินของคุณให้ดีๆ นะครับ”
ฟาร์มากุมเงินดังกล่าวไว้ที่มือขวา ก่อนที่เขาจะปิดตาและร่ายมนตร์บางอย่าง เมื่อเขาคิดว่าตัวเองน่าจะร่ายมามากพอแล้ว ก็ลืมตาขึ้นมา
“ตอนนี้เงินนั่นมันได้หายไปแล้วครับ”
สิ้นคำนั่น ฟาร์มาก็แบมือของตนออกด้วยความมั่นใจ เหล่าแพทย์โอสถก็ได้แต่หัวเราะให้กับท่าทางของฟาร์มาที่พยายามเลียนแบบเฮอร์เมสราวกับต้องการจะล้อเลียน ทางฮิวโก้ก็ได้แต่ถอนหายใจกับท่าทางของฟาร์มาที่เชื่อว่าตนนั้นแสดงเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้ดี
“นี่ครับไม่มีอะไรอยู่ในมือของผมแล้ว”
“ฮ่ะๆๆ นี่ท่านฟาร์มากำลังแสดงกลเด็กให้พวกเราดูบ้างแล้วสินะ”
ฟาร์มาก็ได้แต่หัวเราะตามก่อนที่จะชี้นิ้วของเขาไปมา
“ตอนนี้มันย้ายไปอยู่ตรงนั้นแทนแล้วครับ”
ผงทองคำค่อยๆ ล่องลอยอย่างช้าๆ ก่อนจะกองอยู่บริเวณมุมห้องที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“เอ๋!?”
พอพวกเขาหันหลังกลับไปก็พบว่ามีผงทองกองอยู่เต็มมุมหนึ่งของห้อง ทองได้กระจายออกมาจากมุมนั้นเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุออกมาเป็นทองแล้วไหลนองไปตามพื้น ซึ่งมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังนำทองทำทั้งจักรวรรดิมากองเอาไว้ แพทย์โอสถที่สงสัยในเหตุการณ์นั้นจึงรีบเข้าไปเอามือโกยผงทองดังกล่าวเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก
“ทีนี้ก็ชัดแล้วใช่ไหมล่ะครับ?”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อฟาร์มาดีดนิ้ว ทันใดนั้นทองคำดังกล่าวก็ได้สลายหายไปต่อหน้าต่อตาของเหล่าแพทย์โอสถและข้าราชบริพาร
“ดะ- เดี๋ยวสิ เมื่อกี้นี้ทองพวกนั้นมัน…!?”
ทั้งแพทย์โอสถและฮิวโก้ต่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนที่หลังจากนั้นพวกแพทย์โอสถจะทำการปรบมือให้กับฟาร์มา
“คิดว่าที่พวกคุณเห็นกันนี่เป็นของจริงหรือเปล่าครับ?”
ฟาร์มาพูดติดตลกไปขณะดูปฏิกิริยาของฮิวโก้ไปด้วย
“เมื่อกี้นี้ท่านทำได้อย่างไร!?”
“กลภาพลวงตาครับ ก็ถือเป็นมายากลชนิดหนึ่งได้แหละครับ”
ฟาร์มาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มายากลเท่านั้นเองหรือ ไม่สินี่มันวิเศษมาก โปรดบอกผมทีเถิดว่าท่านทำได้เช่นไร”
“นี่มันการแสดงชั้นยอดเลยนะครับ ผมได้ยินมาว่านักเล่นแร่แปรธาตุนั่นต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งก่อนเพื่อจะได้ดูการแสดงกล แต่ท่านฟาร์มานี่เหนือชั้นกว่านั้นจริงๆ!”
“กลมันจะสนุกก็ต่อเมื่อเราไม่รู้ถึงเคล็ดลับของกลนั้นไม่ใช่หรือไงกันครับ”
ฟาร์มาปฏิเสธที่จะเผยความลับของกลนั้นซึ่งก็เป็นข้อแก้ตัวที่ดีทีเดียวเพราะกลไกดังกล่าวเกิดมาจากความสามารถในการสร้างและการสลายสสารจากมือทั้งสองข้าง เรียกได้ว่านั่นคือการแปรธาตุขนานแท้ที่ไม่ต้องพึ่งกลหรือลูกเล่นใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงข้างกับกลลวงของเฮอร์เมส นั่นยิ่งเป็นการต้องย้ำถึงความต่ำต้อยในกลของเฮอร์เมสไปอีกขั้น
“กลสร้างทองของเฮอร์เมสเทียบชั้นกับท่านฟาร์มาไม่ได้เลยจริงๆ”
แพทย์โอสถรู้สึกยินดีที่ได้เห็นกลของฟาร์มา ในทางกลับกันฮิวโก้ที่แสดงอาการกระตุกออกมาทางสีหน้าเรียกว่ายิ้มไม่ออกเลยก็ว่าได้ ฟาร์มาไม่มีทั้งเวลาในการเตรียมตัว เพื่อใช้ในกลครั้งนี้ดังนั้นเพราะหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกันด้วยเวลาเพียงแค่นี้ฮิวโก้รู้ดีว่านั่นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างกลพวกนี้ขึ้นมาได้นั่นหมายความว่านี่ไม่ใช่กลธรรมดา
“หากคนคนนั้นยังคงพยายามหลอกลวงผู้อื่นต่อไปแบบนี้ไม่ช้าเขาก็ต้องถูกทางการลากมาลงโทษอย่างแน่นอนครับ”
เพราะตัวฟาร์มานี่แหละจะเป็นคนเปิดเผยเรื่องนั้นเอง เพื่อที่จะตอกฝาโลงฮิวโก้ผู้อยู่เบื้องหลังหน้ากากใบนั้น
“นั่นจะต้องทำให้เขาใจสลายแน่ๆ เลยครับ หากท่านโค่นเขาด้วยเกมที่เขาสร้างขึ้นมา”
แพทย์โอสถกล่าวด้วยความสนใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะครับ”
คำพูดของฟาร์มานั้นสามารถคุกคามฮิวโก้ได้อยู่หมัด ยิ่งไปกว่านั้นฮิวโก้ยังได้สังเกตเห็นถึงแหวนที่ฟาร์มาใส่ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคย
(สืบเนื่องมาจากตอนที่ฟาร์มาแต่งหญิงเข้าไปในงานเขาได้สวมแหวนดังกล่าวด้วย)
ระหว่างทางกลับคฤหาสน์เดอ เมดิซิส ฟาร์มารู้สึกตัวได้ว่าตนกำลังถูกสะกดรอยตาม หลังจากออกจากห้องรับรองแพทย์โอสถที่วัง เขาก็มุ่งหน้ากลับไปที่บ้านโดยการขี่ม้าผ่านพื้นที่รกร้างแถบชานเมืองของเมืองหลวง พอฟาร์มาหันกลับไปด้านหลัง เขาก็พบว่าชายผู้สวมหน้ากากกำลังขี่ม้าตามเขามาติดๆ แน่นอนว่าฟาร์มารู้ถึงตัวจริงของคนคนนั้นอยู่แล้ว
“ทำไมไม่ถอดหน้ากากออกเสียล่ะครับ ท่านแกรนดยุก ยังไงผมก็รู้อยู่แล้วว่าคุณเป็นใคร”
ฟาร์มาตะโกนไปยังชายผู้สวมหน้ากาก
“หรือจะให้เรียกว่านักเล่นแร่แปรธาตุเฮอร์เมสดีล่ะครับ ทางที่ดีคุณควรจะหยุดการแสดงกลอันหลอกลวงนี้ได้แล้วนะครับ?”
ใบหน้าของฮิวโก้ได้เปลี่ยนไป ก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะเปลี่ยนไปคล้ายกับปีศาจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฟาร์มาที่เหมือนกับมองทะลุทุกสรรพสิ่งไปแล้ว
“น่าสนใจดีนี่ แต่ถ้าเกิดเจ้าเป็นอะไรไปขึ้นมา…..ว่ากันว่าคนตายเขาไม่พูดนี่นะ”
ทันใดนั้นฮิวโก้ก็ได้ดึงคทาแห่งเทพสีทองซึ่งประดับไปด้วยคริสทัล3เม็ดขึ้นมา ความสามารถของเขานั้นไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าอยู่ในระดับใด ไม่ต่างกันกับฟาร์มาที่ก็หยิบคทาแห่งเทพโอสถขึ้นมาถือภายในมือ ซึ่งมันก็ได้เปล่งแสงออกมาเป็นวงกว้าง
ในจังหวะที่ฮิวโก้สังเกตเห็นคทาแห่งเทพโอสถเขาก็ถึงกับผงะถอยกลับไป เพราะโดยปกติแล้วถึงฟาร์มาจะพกคทาแห่งเทพโอสถออกไปไหนต่อไหนแม้กระทั่งในวัง แต่เมื่อไม่มีเหตุให้ต้องใช้เขาก็มักจะเก็บมันไว้ในฝักอีกทีหนึ่งเสมอและแน่นอนว่าคนภายในวังย่อมไม่เคยเห็นมันมาก่อน
“คทานั่น….! นั่นมันคทาแห่งเทพโอสถไม่ใช่หรือไง ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้! นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะแตะต้องได้เสียหน่อย”
“โห รู้ถึงเรื่องนี้ด้วยเหรอครับ?”
ฟาร์มาหมุนมันไปมารอบตัวเขาราวกับต้องการแสดงให้เห็น ฮิวโก้นั้นย่อมรู้จักตัวตนของคทาแห่งเทพโอสถเป็นอย่างดี เพราะเทพผู้ผู้พิทักษ์ประจำตัวของแพทย์โอสถหลวง ต่างก็เป็นเทพโอสถทั้งสิ้นจะมีความรู้ในเรื่องนี้ย่อมไม่แปลกแต่อย่างใด หากฟาร์มาแสดงแผลเป็นที่คล้ายกับสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพโอสถบนแขนทั้งสองข้างของเขาอีก ฮิวโก้คงไม่พ้นต้องหมอบกราบราบกับพื้นเป็นแน่
“ผมมีเรื่องหนึ่งที่อยากรู้ครับ”
แล้วฟาร์มาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“วิญญาณของเหล่าคนตายที่อยู่ภายในหินตรงก้นทะเลสาบ ก็เป็นหินชนิดเดียวกับคทาเล่มนี้แหละครับ ตอนคุณไปเจอมันคุณได้นำหินวิญญาณนั้นเข้าไปใส่ไว้กับลิงตัวนั้นใช่ไหมครับ โดยการโกหกว่านั่นคือโฮมุนครุส แถมคุณยังหลอกผู้คนอีกมากมายโดยใช้ความรู้ที่คุณมีอยู่โดยอ้างการเล่นแร่แปรธาตุบังหน้า พวกสามัญชนที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ตกเป็นเหยื่อคุณไม่น้อยเลย….ที่ผมพูดมามีอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ?”
ไม่มีเสียงแย้งออกมาจากฝั่งฮิวโก้ จะมีก็เพียงเสียงกัดบริเวณริมฝีปากของเขาซึ่งนั่นก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเรื่องที่ฟาร์มาพูดเป็นความจริงอยู่ไม่น้อย
“ทำไมคุณต้องทำแบบนั้นด้วยครับ เพราะเรื่องนั้นคุณถึงต้องสูญเสียลูกน้องคนสำคัญไปจากการหลอกลวง”
“ลูกน้องงั้นเหรอ? ไอนั่นมันก็แค่ศพที่มีชีวิต ร่างจริงๆ น่ะมันตายไปแล้วทำไมข้าต้องสนด้วยล่ะ”
ว่าแล้วฮิวโก้ก็ชี้คทามาที่ฟาร์มา
(ศพที่มีชีวิต? หมายความว่ายังไงกัน?)
อุณหภูมิร่างกายนักเล่นแร่แปรธาตุหญิงคนนั้นรวมไปถึงลักษณะการหายไปนั่นมันไม่มีทางที่จะเป็นศพหรือวิญญาณร้ายได้เด็ดขาด ฟาร์มาได้แต่สงสัยถึงคำพูดนั้นของฮิวโก้
“อย่างเจ้าจะไปเข้าใจถึงแผนการอันสูงส่งของข้าได้อย่างไรกัน”
ฮิวโก้พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและโกรธแค้น
“อย่างเจ้ามันจะไปเข้าใจอะไร ฟาร์มา!! ตอบข้ามาสิ!!”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะกรีดร้องออกมาจนฟองน้ำลายแทบจะล้นออกมาจากปาก ตัวเขาในตอนนี้ไม่เหลือแม้กระทั่งเงาของแพทย์โอสถหลวงอันน่าภาคภูมิใจอยู่เลย จะมีก็เพียงชายผู้น่าสงสารและแสนน่ารังเกียจที่ถูกไฟแห่งความเกลียดชังและความวิกลจริตเข้าครอบงำ
(นี่เรามองคนคนนี้ผิดไปงั้นเหรอ)
ฟาร์มาลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยคทาแห่งเทพโอสถ ในขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังเพียงครึ่งเดียวจากที่ใช้ในเวลาปกติ และแล้วพลังแห่งเทพก็ถูกรวบรวมเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมาจนเกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ โดยมีเสียงฟ้าร้องคำราม และพายุโหมกระหน่ำตามมาจนบรรยากาศรอบๆ เกิดการสั่นสะเทือน
“หอกวารี …”
ในตอนนั้นฮิวโก้ก็ได้รู้ซึ้งถึงความแตกต่างของพลังระหว่างพวกเขา และนั่นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความตื่นตระหนก เขาได้พยายามปลดปล่อยศาสตร์แห่งเทพจำนวนมาก แต่ก็ถูกพลังของฟาร์มากลืนกินไปจนหมด ศาสตร์แห่งเทพของฮิวโก้นั้นก็เป็นธาตุวารีเช่นเดียวกับฟาร์มาจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะให้พลังของฟาร์มากลืนกินมนตร์ของเขาได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นฟาร์มาก็ได้หมุนคทาของเขาไปมา จนสร้างเป็นเสาน้ำแข็งอยู่บนอากาศด้วยความรวดเร็ว ราวกับว่าตั้งใจจะใช้มันกักขังร่างของฮิวโก้เอาไว้ แต่ก่อนที่เสาน้ำแข็งเหล่านั้นจะได้แตะต้องตัวของฮิวโก้ คทาแห่งเทพของเขาก็ได้แตกสลายไปเสียก่อนแล้วจากพลังแห่งเทพของฟาร์มาที่กระทบเข้ากับมัน
“เป็นอะไรไปล่ะครับ ไม่ร่ายมนตร์ต่อแล้วเหรอ?”
ฟาร์มามองลงไปหาฮิวโก้ที่อยู่บนพื้นก่อนจะพูดกับเขา สภาพของเขาตอนนี้กำลังทรุดลงกับพื้นด้วยความสั่นกลัว ราวกับรู้ซึ้งแล้วว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ตนจะสามารถแตะต้องได้เลย และด้วยความสั่นกลัว เขาได้ทำการหยิบปืนพกที่หาได้ทั่วไปในพื้นที่ของจักรวรรดิขึ้นมา ก่อนจะยิงกระสุนจำนวนหลายนัดไปที่ฟาร์มา
(นั่นมันปืนพกนี่? แต่ไม่ใช่ว่าชนชั้นสูงเขาไม่ใช้กันหรอกเหรอ)
วิถีของกระสุนที่เข้ามาในระยะสายตาของฟาร์มานั้นมันช้าเสียเหลือเกิน
ด้วยความสามารถของฟาร์มาที่เร่งการรับรู้ของระบบประสาทขึ้นขีดสุด กระสุนมันช่างเชื่องช้าราวกับหยุดนิ่ง
(เราควรจะหลบดีไหมนะ?)
ชนชั้นสูงนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าพวกเขาจะต่อสู้โดยใช้คทา ถึงแม้โลกใบนี้จะมีดาบกับปืนอยู่ก็ตาม แต่ต่อให้ตายยังไงพวกเขาก็จะไม่มีวันไปใช้สิ่งเหล่านั้นเด็ดขาด นั่นคือสิ่งที่เอเลนบอกกับฟาร์มา แต่ดูท่าฮิวโก้จะไม่นับเป็นหนึ่งในคนกลุ่มที่ว่า
“โดนเข้าไปเต็มๆ …!”
การยิงนั้นแม่นยำมากแม้กระทั่งตัวฮิวโก้เองก็ยังตกใจ เพราะที่เขาเห็นคือกระสุนนั้นโดนร่างของฟาร์มาถึงสามนัด แต่มันกลับทิ้งไว้เพียงแค่ร่องรอยบนเสื้อผ้า ก่อนที่มันจะทะลุผ่านร่างของฟาร์มาไปเสียเฉยๆ ราวกับวิ่งผ่านห้วงอากาศ ทั้งที่ฟาร์มาไม่ได้ทำการป้องกันหรือร่ายมนตร์ใดๆ เลยแท้ๆ
ฟาร์มาที่เข้าใจถึงลักษณะร่างกายของเขาและมนตร์ที่เขาสามารถใช้ได้ เขาได้ทำการคำนวณถึงความเร็วและมวลของสสารที่พุ่งเข้ามาหาก่อนที่จะเปลี่ยนสสารดังกล่าวให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันกับร่างกายของเขาก่อนจะปล่อยมันผ่านไปโดยใช้พลังของคทาแห่งเทพ
“น่ะ— นี่เจ้าเป็นใครกันน่ะ!! สัตว์ประหลาดชัดๆ!”
กระสุนปืนได้พุ่งเข้าใส่ตัวของฟาร์มา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นฟาร์มาก็ไม่ได้ร่วงลงกับพื้นแต่อย่างใด แม้กระทั่งสะเทือนยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮิวโก้ได้รวบรวมความกล้าก่อนจะตะโกนออกไปอีกครั้งด้วยถ้อยคำที่ไม่หยาบคายนักเพื่อรักษามาดของชนชั้นสูงขณะที่ริมฝีปากยังคงสั่นเทา
“จะ-เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?”
เอาจริงๆ ฟาร์มาก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน”
เมื่อฟาร์มาสะบัดปลายนิ้วเบาๆ ชั้นน้ำแข็งก็ได้ทำการปรากฏขึ้นมาปกคลุมบริเวณช่วงล่างของฮิวโก้ทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้ แล้วฟาร์มาก็ทำการร่อนลงมาที่พื้นตรงจุดที่ฮิวโก้อยู่ โดยขณะนั้นฮิวโก้ก็ได้เอาแต่กรีดร้องและดิ้นไปมา ฟาร์มาที่เห็นแบบนั้นก็ได้ทำการใช้มือข้างหนึ่งกำคทาแห่งเทพโอสถเอาไว้และเหวี่ยงไปที่ฮิวโก้ด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่านั่นย่อมทำให้ฮิวโก้รู้สึกกลัวไปถึงขั้วกระดูกสันหลังว่าตนจะถูกแทงด้วยคทานั้นตายเป็นแน่…เขาได้แต่เอามือของตนพยายามปกป้องร่างกายเอาไว้ก่อนจะหลับตาลงในจังหวะสุดท้าย
แต่ท้ายที่สุดนั่นกลับไม่ใช่จุดจบของเขาแต่อย่างใด คทาแห่งเทพโอสถได้หยุดและแตะลงไปที่ศีรษะของเขา
“ความแห้งแล้งของฤดูใบไม้ผลิอันศักดิ์สิทธิ์”
เสียงของฟาร์มาได้ดังไปทั่วสมองของฮิวโก้ ราวกับมันส่งผ่านจากคทาเข้าไปยังหัวของเขาโดยตรง สิ้นเสียงนั้นฮิวโก้รู้สึกเหมือนกับบางสิ่งในร่างกายของเขาได้ถูกปิดลงไป ถึงชีพจรแห่งเทพจะสามารถปิดได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบทร่าย แต่ฟาร์มาก็เลือกที่จะพูดมันออกมาเพื่อสลักคำดังกล่าวเข้าไปถึงภายในจิตใจของฮิวโก้ ให้เข้าได้ระลึกถึงสิ่งที่ตนทำมาจนถึงบัดนี้
ฟาร์มาได้กระซิบไปที่ข้างหูของเขา
“ตอนนี้ผมได้ปิดชีพจรแห่งเทพของคุณเรียบร้อยแล้วครับ คุณจะต้องกลับไปชดใช้เหล่าผู้เสียหายจากสิ่งที่คุณทำ และหากคุณยังหลอกลวงคนอื่นต่อไปอีก ก็คงไม่ต้องบอกถึงผลที่จะตามมานะครับ รวมถึงเรื่องชีพจรแห่งเทพด้วย ตอนนี้คุณจบสิ้นแล้วครับ”
สิ้นเสียงนั้นช่วงล่างของฮิวโก้ก็ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ
“ฮะ-ฮี๊”
ฮิวโก้ตอนนี้ถูกคำพูดของฟาร์มาข่มขู่ให้สิ้นหวังไปถึงจิตใจโดยไร้ทางต่อต้าน สิ่งนั้นไม่ใช่คำพูดที่จะมาจากเด็กคนหนึ่งได้เป็นอันขาด ฟาร์มาได้ทิ้งเขาไว้บริเวณชานเมืองที่รกร้างนี้ แล้วขี่ม้ากลับไปที่คฤหาสน์ตามแผนเดิม ท้ายที่สุดแม้ฮิวโก้จะไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายเลยแม้แต่น้อย แต่บาดแผลทางจิตใจของเขานับว่าสาหัสสากรรจ์
หลังจากวันนั้น กลุ่มการชุมนุมของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ได้ถูกจัดขึ้นภายในเมืองหลวงของจักรวรรดิอีกเลย นักเล่นแร่แปรธาตุนามว่าเฮอร์เมสก็หายไปกับความมืด ฮิวโก้ที่ถูกฟาร์มาจัดการนั้นก็ได้นำทรัพย์สินของตนแลกเปลี่ยนเป็นเงินกลับไปชดใช้ให้กับเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นผู้เสียหายจนครบทุกคน แน่นอนว่าด้วยพลังและอำนาจทางการเงินของเขา การจะชดเชยคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แน่นอนว่าเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุที่ได้รับเงินปริศนามาจากชนชั้นสูงคนหนึ่งที่ไม่ประกาศนามย่อมรู้สึกยินดี
ฟาร์มาจึงคิดว่าน่าจะได้เวลาที่เขาจะกลับไปเปิดชีพจรแห่งเทพให้กับฮิวโก้แล้ว แต่ไม่ทันไรหลังจากที่ฮิวโก้ได้เข้าพบกับจักรพรรดินีเพื่อขอลาออกจากตำแหน่งแพทย์โอสถหลวงและคืนตรา เขาก็รีบหนีออกจากวังหลวงแล้วกลับไปยังเขตแดนของตนในทันที
ราวกับว่าตนพยายามจะหลีกเลี่ยงการพบเจอฟาร์มาให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าหลังจากวันนั้นฟาร์มาก็ไม่ได้พบหน้าฮิวโก้อีกเลย จากคำบอกเล่าของเหล่าข้าราชบริพารภายในวังเมื่อใดก็ตามที่มีชื่อของฟาร์มาดังขึ้นมา ฮิวโก้ก็จะกรีดร้องออกมาก่อนจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้น ลือกันว่าอาจจะเป็นเพราะความอิจฉาในตัวของฟาร์มาทำให้ฮิวโก้นั้นคลั่งจนเป็นบ้า
ผ่านไปไม่นานแผลของปีแอร์ก็หายสนิท จนเขาสามารถออกมาทำงานหน้าร้านได้ดังเดิม
“ในที่สุดผมก็หายดีแล้วเสียที …”
ฟาร์มาแอบรู้สึกเสียใจที่เขาข่มขู่ฮิวโก้มากเกินไปหน่อย เพราะหากชีพจรแห่งเทพฮิวโก้ยังคงถูกปิดอยู่แบบนี้ การใช้ชีวิตของเขาต่อจากนี้ย่อมเป็นปัญหาแน่ๆ ยิ่งกลับไปอาศัยและทำหน้าที่ลอร์ดในดินแดนของตน ท้ายที่สุดคงไม่พ้นต้องถูกปลดไปเป็นเพียงสามัญชน แถมพอเป็นสามัญชนก็ใช่จะทำหน้าที่ของแพทย์โอสถต่อไปได้จากสภาวะจิตใจที่ตนต้องเผชิญ นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
“นี่เราดึงเขี้ยวของเขาออกมาจากเกินไปหน่อยสินะ แบบนี้แย่แน่ เห็นที่เราน่าจะต้องไปหาเขาเพื่อเปิดชีพจรแห่งเทพด้วยตัวเองซะแล้วสิ”
แถมฟาร์มายังกังวลถึงเจตนาที่แท้จริงของฮิวโก้อีกด้วย เพราะฮิวโก้นั้นยังไม่ได้บอกอะไรถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในการกระทำของเขาเลย ดังนั้นฟาร์มาจึงตัดสินใจไปเยี่ยมเยือน
ฮิวโก้ที่เขตแดนของเขาด้วยตัวเองเพื่อเป็นการปลอบใจด้วยอีกทางหนึ่ง
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913
Note 2 : งานยุ่งมากครับช่วงนี้หาเวลาแปลไม่ค่อยได้เลย