ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 571 จิตสังหาร
“ นี่คือเมืองฐาหลงหยาง” ชายวัยกลางคนบอกซูผิง
ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าเขาหายใจได้มากขึ้นเมื่อพวกเขาเข้าใกล้เมืองฐานขึ้นเรื่อย ๆ เขากลัวจนหายใจไม่ออกตลอดการเดินทาง เจตนาฆ่าจากชายหนุ่มคนนั้นทำให้ชายวัยกลางคนคิดว่าเขาอยู่กับสัตว์ประหลาดที่ดุร้าย และแทบจะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ทุกนาที
ซูผิงบอกมังกรเพลิงนรกให้บินตรงไปที่กำแพง
เขาเห็นชื่อเมืองแล้ว
หลงหยาง !
นั่นคือเมืองฐานระดับ A ระดับต้น ๆ !
ชื่อเสียงของเมืองฐานหลงหยางนั้นโด่งดัง แม้แต่คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลตามพรมแดนของทวีปก็ยังมีรู้จักและเคยได้ยินชื่อเมืองฐานแห่งนี้ ผู้คนกล่าวว่าเมืองฐานนั้นรุ่งเรือง เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม นักรบอสูรกิตติมศักดิ์หลายคนเกิดที่นั่น
ว่ากันว่านักรบอสูรในตำนานจำนวนมากมีต้นกำเนิดมาจากเมืองฐานหลงหยาง
กองกำลังต่าง ๆ มากมายรวมตัวกันที่นั่น และพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนลึกล้ำ
นอกเมืองฐาน
หลายคนกำลังขับรถเข้าไปในเมืองฐาน รถบางคันดูแปลก ๆ
“ ระบุตัวตนของคุณ!”
จากกำแพงเมืองมีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เข้ามาขวางซูผิง การปรากฎตัวของมังกรเพลิงนรกทำให้ทหารระดับกิตติมศักดิ์ตกใจเล็กน้อย แต่เขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้
มังกรเพลิงนรกเป็นอสูรหายาก หากเป็นเมืองฐานอื่นการปรากฏตัวของมันจะกระตุ้นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามมีนักรบอสูรที่ทรงพลังมากมายรวมตัวกันอยู่ที่นี่ มังกรเพลิงนรกไม่ใช่อสูรหายากเท่าไหร่นักในส่วนนี้ “ซูผิงจากหลงเจียง” ซูผิงกล่าว
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์เลิกคิ้ว “ ผมกำลังถามระดับของคุณ ไม่ใช่ชื่อ นอกจากนี้ นี่เป็นครั้งแรกของคุณที่มาเมืองฐาน หลงหยาง ใช่ไหม? สมมติว่าคุณเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ คุณก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้บินตามระดับที่กำหนด เสียงดังจะทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่พอใจ หากคุณต้องบิน ให้บินเกินระดับความสูงสองพันเมตร และจำกัดความเร็วไว้ที่ 200 เมตร/วินาที คุณเร็วเกินกำหนด!”
“ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องชื่อ เรียกผมว่าเจ้าของร้านได้ถ้าต้องการ!” ซูผิงขมวดคิ้ว “ ผมจะระวังความเร็วเมื่อเข้าไปข้างใน ถอยออกไปถ้าไม่มีคำถามอะไรอีก!”
“ เจ้าของร้าน? ชื่ออะไร? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน” นักรบกิตติมศักดิ์บ่นอย่างไม่พอใจ“ ผมคิดว่าคุณคงมาถึงระดับนี้ได้ไม่นาน ผมไม่เชื่อว่าคุณยังไม่มีฉายา ผมไม่สามารถยืนยันตัวตนของคุณได้หากคุณไม่บอก!”
“ผมบอกไปแล้วว่าผมยังไม่ได้เลือก ถ้าคุณไม่สามารถตรวจสอบได้ก็ให้ถือว่าผมเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์”
“ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าคุณไม่บอกชื่อของคุณกับผม คุณต้องไปที่แถวตรงนั้น หากคุณไม่คิดว่าคุณควรได้รับการปฏิบัติในฐานะนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับกิตติมศักดิ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้บินเข้าไปในเมืองฐาน”
นักรบอสูรกิตติมศกัดิ์นั้นไม่ได้เป็นมิตรต่อไป เขาคิดว่าซูผิงไม่น่าพูดกีด้วย
“ ท่านครับ ผมชื่อโม่เฟิงผิง จากสถาบันผู้กล้า และนี่คือบัตรผ่านประตูของผม คุณช่วยให้เราเข้าไปได้ไหม?” ชายวัยกลางคนไม่คิดว่าพวกเขาจะต้องมาหยุดอยู่ที่กำแพงเมือง ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับซูผิงเนื่องจากเขาเป็นคนที่แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ยังเคารพนับถือ ดังนั้นชายวัยกลางคนจึงตัดสินใจช่วย
“ สถาบันผู้กล้า?”
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ดูสงบลง “ผมขอตรวจสอบข้อมูลก่อน”
เขาพิมพ์หมายเลขบัตรผ่านของโม่เฟิงผิงลงในโทรศัพท์ และผลลัพธ์ก็ออกมาในไม่ช้า เขามองไปที่โม่เฟิงผิง “คุณนั่นเองอาจารย์จากสถาบันผู้กล้า คุณโม่ แล้วนักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนนี้เป็นใคร?”
“ เขาเป็นเพื่อนของอาจารย์ผม” โม่เฟิงผิงยิ้มฝืน ๆ
“ เพื่อนของอาจารย์คุณเหรอ?” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ประหลาดใจ เขาเห็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโม่เฟิงผิงทางโทรศัพท์ ข้อมูลสาธารณะ มันบอกว่าอาจารย์ของโม่เฟิงผิงคือหานยู่เซียง… รองอาจารย์ใหญ่ของสถาบันผู้กล้า!
หานยู่เซียงมีชื่อเสียงมากในหมู่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ เพื่อนของหานยู่เซียง? นักรบอสูรกิตติมศักดิ์เปลี่ยนทัศนคติของเขาที่มีต่อซูผิง “คุณคือซูผิง? ฉายาของคุณคืออะไร? ผมอยากจะรู้ “
“ คุณไม่คู่ควร”
ซูผิงบอกมังกรเพลิงนรกให้บินเข้าไปในเมืองทันที
เขาไม่ชอบนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ดูเหมือนนกแก่เจ้าเล่ห์
“อะไร?” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ตกใจ ซูผิงไม่ได้แสดงความเคารพใด ๆ กับเขา และเขาก็รู้สึกตัวเมื่อมังกรเพลิงนรกบินจากไปแล้ว
“อะไรนะ? ซูผิง ดี ฉันจะไม่มีวันลืมชื่อนี้!”
“ ชายคนนั้นเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ทำงานในกองกำลังทหารของเมืองฐาน ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มกองทัพที่เรียกว่าผู้กดขี่มังกรคุณไม่ควรทำให้เขาโกรธ” โม่เฟิงผิงเตือนซูผิงอย่างระมัดระวัง
ซูผิงสบายใจ “ก็แค่ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เขาคงตายไปแล้วหากนายไม่กระโดดเข้ามายุ่งตอนที่เขาพยายามจะหยุดฉันอีกครั้ง”
“เอ่อ” โม่เฟิงผิงพูดไม่ออก ซูผิงชั่วร้ายกว่าที่เขาคิด เขายังสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของชายหนุ่ม เขาไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ของเขาถึงรู้จักชายที่โหดร้ายเช่นนี้
“นี่คือเมืองฐานหลงหยางซึ่งแตกต่างจากเมืองฐานอื่นๆ จำนวนนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่เกินกว่าจะคำนวณได้ สมาชิกของผู้กดขี่มังกรทั้งหมดอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ และว่ากันว่ามีมากกว่า 80 คน คุณไม่ได้แค่ทำให้หนึ่งในนั้นไม่พอใจ แต่ทำให้ทั้ง 80 คนไม่พอใจ สายสัมพันธ์ของพวกเขาซับซ้อนเกินไป…”
โม่เฟิงผิง ยังคงกังวล เพราะเขากลัวว่าเขาและอาจารย์จะมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย
“ฉันบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล มันผ่านไปแล้ว นำทาง ฉันต้องไปที่สถาบันผู้กล้า” ซูผิงสั่งอย่างเย็นชา โม่เฟิงผิงยิ้มฝืน ๆ เขาสงสัยว่าอะไรทำให้ซูผิงมีความมั่นใจแบบนี้ เขาต้องยอมรับว่าซูผิงไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่เมืองฐานนี้ไม่ใช่เมืองฐานทั่วไป ระดับกิตติมศักดิ์นั้นไม่มีความหมายอะไรเลย
แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ยังต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์ ไม่อย่างนั้นเขาจะไปทำให้คนบางคนไม่พอใจ คนที่อาจทำให้ชีวิตของเขาต้องลำบาก
“ทางนั้น ตรงไป” โม่เฟิงผิง ชี้ทาง
ซูผิงบอกให้มังกรเพลิงนรกมุ่งหน้าไปทางนั่น
นอกเขตสถาบันผู้กล้า
มีซุ้มหินขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง ซึ่งตั้งตระหง่านเหนือผนึกโปร่งใส เฉพาะผู้ที่มีบัตรประจำตัวของสถาบันการศึกษาเท่านั้นที่สามารถเข้าไปมาโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง รูปปั้นมังกรดำขนาบข้างซุ้มหิน พวกมันเหมือนจริงมากจนผู้คนมักจะรู้สึกราวกับว่ามังกรกำลังจ้องมองพวกมัน
ปัง! มีคนถูกโยนออกจากม่านพลัง
เสื้อผ้าของคนๆนั้นขาดรุ่งริ่ง เปื้อนเลือด แขนข้างหนึ่งของเขาหัก งอเป็นองศาแปลกๆ และกระดูกข้อศอกเปิด
“ แกแพ้ แกคิดจริงๆหรอว่าทุกคนสามารถเข้าสู่สถาบันผู้กล้าได้?”
“เอาบัตรประจำตัวของมันไป เรามีสอบบ่ายนี้ ฉันดีใจที่มันจะได้ศูนย์เพราะมันไม่ไปสอบ”
“ฟังนะ ไอ้เด็กเหลือขอ นี่คือสิ่งที่แกจะได้รับจากการทำให้นายน้อยหมิงโกรธ แกกล้าดียังไงมามีปัญหากับเขาในเมื่อแกมันอ่อนแอ ยากนักหรือไงที่จะเรียกเขาว่านายน้อยหมิงและคำนับเขา? ทำไมต้องทำให้เราทุบตีแกด้วย? ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วแม้ว่าแกจะอยากคุกเข่าต่อหน้านายน้อยหมิงก็ตาม!”
“ปล่อยมันไป ปล่อยให้ไอ้ขี้แพ้อยู่ที่นี่ เราจะตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันไม่ผ่านการทดสอบทั้งหมด วันนี้มันไปเรียนสาย และมันจะถูกไล่ออกในไม่ช้าพอ”
ชายหนุ่มบางคนยืนอยู่ในซุ้มประตู พวกเขาจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่นอนขดอยู่นอกม่านพลังด้วยความรังเกียจ
ชายหนุ่มที่ถูกทุบตีคนนั้นกัดฟัน เลือดยังคงหยดออกจากผม เขาใช้มือข้างหนึ่งดันตัวเองให้นั่ง เขากัดฟันและกำมือข้างหนึ่งที่ทำได้ “สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้กับเรื่องนี้!”
“ไอ้งี่เง่า ลาก่อน”
“ ไปกันเถอะ”
พวกเขาหัวเราะเยาะ และหันหลังเดินจากไป
ตูม !!
พวกเขาได้ยินเสียงอึกทึกข้างประตู มังกรตัวหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ทำให้ซุ้มหินสั่นสะเทือน