ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 573 หอคอยมังกร
“ รองอาจารย์ใหญ่?”
สวี่คังก็ประหลาดใจเช่นกันที่เห็นเขา เขาจำได้ว่าคนที่เพิ่งมาคือหานยู่เซียงรองอาจารย์ใหญ่ที่เขาเคยเห็นในการปฐมนิเทศ!
เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม รูปปั้น และแผ่นโลหะแสดงผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาตั้งอยู่หลาย ๆ ที่ในสถาบัน! ชายคนนี้รู้จักซูผิง?
“ฉันจะไม่ถามว่าทำไมนายถึงใช้เวลานานในการมาบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรามาพูดถึงการหายตัวไปของน้องสาวของฉันก่อน” ซูผิงเข้าประเด็น
หานยู่เซียงรู้สึกว่าหัวใจของเขาหยุดนิ่งไปสองวินาที กลัวว่าซูผิงจะสอนบทเรียนให้เขาที่นี่
เขารู้ดีว่าซูผิงกล้าและบ้าแค่ไหน
เขาไม่ใช่คนในเมืองฐานหลงเจียง แต่เขาคอยติดตามซูผิงนับตั้งแต่เขาออกมาจากเมืองฐานนั่น
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กังวลเกี่ยวกับชายอันตรายแบบเขา
ตระกูลถังกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้และความสูญเสียครั้งใหญ่ องค์กรดวงดาวถูกบังคับให้มอบของขวัญให้ซูผิงและขอโทษเขา ชายหนุ่มเป็นสัตว์ประหลาดที่กฎไม่สามารถหยุดยั้งได้!
“คุณซูได้โปรด ให้ผมได้อธิบาย” หานยู่เซียงโพล่งออกมา
ซูผิงจ้องมองเขา “ฉันบอกนายแล้วว่าเราจะไม่พูดมันตอนนี้ บอกเรื่องน้องสาวของฉันมา อย่ามัวเสียเวลาอีกน้องสาวของฉันสามารถตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นทุกวินาทีที่เสียไป ขอแบบสั้นๆ ถ้ายังอยากรักษาชีวิตเอาไว้ พูดมา!”
โมเฟิงผิงและสวี่คังต่างรู้สึกไม่เชื่อ
ราวกับว่าซูผิงกำลังคุยกับคนรับใช้คนหนึ่งของเขา!
แต่หานยู่เซียงเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่โด่งดัง!
หานยู่เซียงรู้สึกว่าเหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของเขา “ได้สิแน่นอนครับ คือน้องสาวของคุณเข้าไปในหอคอยมังกรเพื่อฝึกเมื่อเจ็ดวันก่อน เราไม่ได้รับการติดต่อจากเธอนับตั้งแต่นั้น ผมได้ตรวจสอบบันทึกการเข้าถึงของผู้ที่เข้าสู่หอคอยมังกรแล้ว เธอไปที่นั่น”
“ผมส่งคนไปค้นหาหอคอยมังกร ยกเว้นระดับที่แม้แต่ผมหรือนักเรียนที่มีความสามารถที่สุดก็ไม่สามารถไปได้ แต่เราไม่พบเธอในทุกชั้นที่ไปหาได้
“จากนั้นผมก็เรียกดูวงจรปิดในบริเวณนั้น แต่มีบางอย่างผิดพลาด และกล้องก็ไม่ทำงาน
“ผมให้คนค้นหาในสถาบัน แต่ไม่มีใครหาเธอเจอ ผมยังไปที่ตาทิพย์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เป็นเวลาหลายวันแล้วและพวกเขาไม่ได้ติดต่อผลกลับมา ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้เฟิงผิงไปที่เมืองฐานหลงเจียง ท้ายที่สุดราชาสวรรค์ต่างโลกไปที่นั่น ผมคิดว่าน้องสาวของคุณอาจจะแอบกลับบ้านเมื่อเธอได้ข่าว…”หานยู่เซียงบอกซูผิงทุกอย่างในลมหายใจเดียวเขาหอบหายใจในตอนท้าย บางทีเขาอาจจะพูดเร็วเกินไปเขาก็ต้องกลืนน้ำลายเพื่อล้างคอ เขาสงสัยว่าซูผิงจะพบว่าคำอธิบายนั้นน่าพอใจหรือไม่
“ทำไมนายไม่บอกฉันทันที?” ซูผิงถาม
หานยู่เซียงยิ้มฝืน ๆ เขากระซิบ“ ผมคิดว่าผมจะหาเธอเจอ ผมไม่อยากกวนคุณโดยเปล่าประโยชน์ถ้าผมสามารถจัดการเองได้”
ซูผิงจ้องหานยู่เซียง เขาสามารถบอกได้ว่าหานยู่เซียงกำลังโกหก แต่เขาก็รู้ว่าเหตุใดหานยู่เซียงจึงถ่วงเวลา เขากลัวว่าจะถูกลงโทษ
“พาฉันไปหอคอยนั้น” ซูผิงกล่าว
หานยู่เซียงโล่งใจที่พบว่าซูผิงยังไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ เขาพยักหน้าและแสดงท่าทีราวกับว่าเขาเป็นคนเฝ้าประตูธรรมดา ๆ
ความคิดของโม่เฟิงผิงและสวี่คังหยุดทำงาน
หานยู่เซียงไม่ใช่นักรบอสูรผู้ยิ่งใหญ่และเด็ดเดี่ยวสำหรับพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้ชายอย่างหานยู่เซียงจะอ่อนแอได้ขนาดนั้น
สวี่คังมองไปที่ซูผิง จิตใจของเขาว่างเปล่า
เขารู้มาโดยตลอดว่าซูผิงเป็นคนที่ทรงพลังและมีความสามารถ แต่หานยู่เซียงเป็นรองอาจารย์ใหญ่ของสถาบัน เขาเป็นคนที่มีเกียรติสูงส่ง!
หลังจากที่สวี่คังผ่านความทุกข์ทรมานมากมายในสถาบัน เขารู้มากกว่าเดิมว่าคนอย่างหานยู่เซียงนั้นมีสิทธิพิเศษเพียงใด อย่างไรก็ตามหานยู่เซียงรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงเมื่อซูผิงหยาบคาย เขากลัวว่าเขาจะทำให้ซูผิงไม่พอใจอีกด้วยซ้ำ
โม่เฟิงผิงยังงุนงง เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ไปกันเถอะ” ซูผิงสั่งมังกรเพลิงนรก
หานยู่เซียงโบกมือเพื่อเปิดม่านพลังและนำทาง
ผู้คุมที่ยืนอยู่ด้านข้างทางเข้าตะลึงจนพูดไม่ออก พวกเขาสงสัยว่าใครคือซูผิง ทำไมหานยู่เซียงถึงมาที่นี่ด้วยตนเอง และขอโทษเขาด้วย? ช่างเป็นผู้ชายที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้
บูม!
มังกรเพลิงนรกก้าวเข้ามาในสถาบัน
ที่นี่ทุกคนต้องเข้าหรือออกด้วยบัตรประจำตัว หานยู่เซียงได้ยกเว้นให้ซูผิง ตามความเป็นจริงการขี่อสูรขนาดใหญ่ในสถาบันนั้นผิดกฎ แต่เห็นได้ชัดว่าหานยู่เซียงจะไม่ขัดใจซูผิงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่นั่งอยู่บนไหล่ของมังกรเพลิงนรก สวี่คังตะโกนบอกชายหนุ่มกลุ่มนั้นว่า “เอาบัตรประจำตัวของฉันคืนมา!”
ชายหนุ่มมองหน้ากันอย่างลังเล พวกเขาสามารถบอกได้ว่าซูผิงไม่ใช่คนธรรมดา และพวกเขารู้สึกกลัวเล็กน้อยเนื่องจากสวี่คังมีความสัมพันธ์กับเขา
“ บัตรอะไร? อย่าโกหก เราไม่มีซะหน่อย”
“ใช่ นายทำหายเอง อย่ามาโทษเรานะ”
ชายหนุ่มรีบล้างมือออกจากปัญหา
สวี่คังโกรธมาก “แกแย่งมันไป อย่ามาโกหก!”
ซูผิงบอกให้มังกรเพลิงหยุด เขามองไปที่ชายหนุ่ม “ คืนบัตรประจำตัวให้เขา”
“ ท่านครับเราไม่ได้เอาบัตรประจำตัวของเขามา อย่าไปฟังเขา”
“ท่านฟังผมนะ ผมเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหงแห่งเมืองฐานหยานเซียว…”
“ท่าน!”
ชายหนุ่มรีบบอกที่มาและสถานะของพวกเขา แต่มังกรได้ยกอุ้งเท้าของมันก่อนที่พวกเขาจะพูดจบ แสงทั้งหมดถูกบัง กลุ่มชายหนุ่มหน้าซีดเผือดเพราะกลัวว่าอุ้งเท้าของมังกรจะเข้ามาทับพวกเขา
ปัง ปัง ปัง!
อุ้งเท้ามังกรตกลงบนตัวพวกเขา
พื้นสั่นสะเทือน ชายหนุ่มไม่สามารถออกไปได้ พวกเขาถูกทับแบน
เหตุการณ์กะทันหันนั้นทำให้โม่เฟิงผิง,สวี่คัง และเจ้าหน้าที่ตกใจ ไม่มีใครมองทัน!
ซูผิงฆ่านักเรียนในที่สาธารณะ!
นักเรียนคนหนึ่งเป็นคนมีพรสวรรค์ของตระกูลหงจากเมืองฐานหยานเซียวและเขาก็ตายแล้ว ทางโรงเรียนควรจะบอกตระกูลหงว่ายังไง?
นักเรียนคนอื่น ๆ ก็มาจากตระกูลที่มีอิทธิพลเช่นกัน
หานยู่เซียงสงบสติอารมณ์ได้ในไม่ช้า แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต้นแรงเพราะเจตนาฆ่าลึกล้ำที่เขาได้รับจากซูผิง แต่หานยู่เซียงก็กลัวที่จะพูดอะไรที่จะเป็นการตำหนิซูผิง “คุณซู คุณไม่จำเป็นต้องจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง ดูสิอุ้งเท้าอสูรของคุณเปื้อนหมดแล้ว” หานยู่เซียงถึงกับต้องขอโทษ
ซูผิงตอบอย่างเย็นชา“ พวกมันมีเลือดของสวี่คังอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีบัตรของสวี่คัง แต่ก็โกหกฉัน พวกมันสมควรตาย”
โม่เฟิงผิงเปิดปากแต่ไม่มีคำพูดใดออกมา
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือปฏิกิริยาของอาจารย์ของเขา มันช่างเป็นโลกที่บ้าไปแล้ว
“อาจารย์…”
สวี่คังหันไปหาซูผิง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าซูผิงจะฆ่าพวกอันธพาลเหล่านั้นเพราะเห็นแก่เขา แน่นอนสวี่คังปรารถนาที่จะมีโอกาสได้ถลกหนังคนพาลเหล่านั้น แต่ถึงแม้จะโกรธและเกลียดชังแค่ไหรก็ตาม เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ตาม
ถึงกระนั้น ซูผิงก็ช่วยเขาระบายความโกรธ
มังกรเพลิงนรกยกอุ้งเท้าเผยให้เห็นแอ่งเลือด มันใช้เล็บของมันเพื่อหาบัตร
มังกรเพลิงนรกยังคงหาต่อไป กระทืบอุ้งเท้าทำให้พื้นสั่นสะเทือน
“อาจารย์…”
สวี่คังจ้องไปที่บัตรประจำตัวของเขาและกัดริมฝีปาก
เขารู้ว่าซูผิงไม่เคยบอกใครว่าสวี่คังเป็นลูกศิษย์ของเขา สวี่คังเป็นคนที่มีหน้าหนาพอที่จะเรียกเขาว่าเป็นอาจารย์ แต่ถึงกระนั้น ซูผิงก็เต็มใจที่จะแก้ไขปัญหาให้เขา นักเรียนทุกคนที่ซูผิงฆ่ามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เขาได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงนั้นหลังจากที่ถูกรังแกมาเป็นเวลานาน
ถึงกระนั้นซูผิงก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือเขา สวี่คังไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเพื่อตอบแทนเขาได้บ้าง
สวี่คังก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ไม่มีใครบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
โม่เฟิงผิงรวบรวมสติ เนื่องจากอาจารย์ของเขาไม่ได้ว่าซูผิง เขาจึงมองไปที่ซูผิงจากมุมตาของเขาทุกคราว เขารู้สึกหายใจไม่ออกแม้จะยืนอยู่ข้างชายหนุ่ม
หานยู่เซียงนำทางและมังกรเพลิงนรกก็เดินไปตามถนน อุ้งเท้าของมันทิ้งรอยไว้บนพื้นมากมาย ถนนในสถาบันนั้นแข็งและแน่นมาก มังกรเพลิงนรกไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายพวกมัน
นักเรียนบางคนตกตะลึงกับภาพที่เห็นตลอดทาง ความจริงที่ว่าหานยู่เซียอยู่ข้างหน้ามังกรเพลิงนรกทำให้เกิดความรู้สึกมากมาย
ทุกคนในสถาบันต่างรู้จักหานยู่เซียง ไม่เคยมีใครเห็นคนขี่อสูรขนาดใหญ่ในมหาวิทยาลัย “นั่นใคร?”
“ฉันคิดว่าเขาเป็นแขกของรองอาจารย์ใหญ่”
“ คุณโม่อยู่ที่นั่นด้วยหรือเปล่า? ไอ้บ้านั่นใคร? เขาเต็มไปด้วยเลือด”
“ไปดูกันเถอะ”
นักเรียนหลายคนวิ่งตามมังกรเพลิงนรกด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครสามารถขี่อสูรขนาดใหญ่เช่นนี้ในสถาบันได้โดยมีรองอาจารย์ใหญ่คอยนำทางให้ ชายคนนั้นเป็นนักรบอสูรในตำนานหรือเปล่า?
นั่นน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด นักเรียนจำนวนมากเริ่มรวมตัวกันที่ด้านหลังมังกรเพลิงนรกมันน่าตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่าชายคนนั้นอยู่ในระดับตำนานหรือเปล่า
นักรบอสูรในตำนานมาเยี่ยมสถาบันและพวกเขา เหล่านักเรียนโชคดีพอที่จะได้เจอกับตำนาน!