ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 635 -636
ตอนที่ 635 วุ่นวายทั่วโลก
“ฉันไม่รู้ ฉันอยู่ในห้องอสูรตลอดเวลา นายไม่ได้บอกให้ฉันเปิดร้าน ฉันเลยเปิดประตูไม่ได้ แต่ฉันได้ยินบางอย่าง ฉันคิดว่าเมืองฐานกำลังมีปัญหา” โจแอนนากล่าว
หัวใจของซูผิงเต้นระรัว
เขารีบ จึงไม่ได้อนุญาตให้โจแอนนาเปิดร้าน ร้านจึงปิดขณะที่เขาไม่อยู่
เขาคิดว่าเขาเพิ่งจะไปไม่กี่วัน แต่ความจริงก็คือผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
“ฉันจะไปดู” ซูผิงกล่าว เรื่องของกายแสงอาทิตย์เอาไว้ก่อน เขารีบไปที่หน้าร้านและเปิดประตู
แสงส่องเข้ามาในร้าน แต่มีบางอย่างแตกต่างออกไป! สิ่งแรกที่เขาเห็นคือตึกแถวตรงข้ามถนนถูกตระกูลฉินและอีกสี่ตระกูลหลักซื้อและติดธงประจำตระกูลไว้
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของซูผิงคือนักรบกิตติมศักดิ์จำนวนมากที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน พวกเขาถืออาวุธและมีเลือด! เลือดยังสด!
ซูผิงกังวล เขาออกจากร้านทันที
ขณะที่เขาเปิดประตู คนตระกูลฉินก็ตกใจ ตระกูลมู่ และตระกูลหลิวก็หันกลับมามองด้วยความประหลาดใจอย่างชัดเจน
พวกเขาดีใจมากที่ได้เห็นซูผิง!
”คุณซู!”
”คุณซู!”
”คุณซู คุณอยู่นี่แล้ว! ผมดีใจจังเลย!”
บรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์ต่างตื่นเต้น พวกเขามาจากห้าตระกูลหลักและอาศัยอยู่ในเมืองฐานหลงเจียง แน่นอนว่าพวกเขาได้เห็นความสามารถของซูผิง
พวกเขามองซูผิงด้วยความเคารพอย่างสูง
”เกิดอะไรขึ้น?” ซูผิงโพล่งถาม
หวืด! จากอาคารของตระกูลฉิน มีชายคนหนึ่งที่รีบมาหาเขา มันคือฉินชูไห่
เขาจ้องมองซูผิงและสงวนท่าทีไว้เล็กน้อย เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่เหนือกว่าตอนที่เขาพบซูผิงครั้งแรกในอาณาจักรลับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปและมีโอกาสเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เขาก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้เหนือกว่าอีกต่อไปแล้ว
”คุณซู ในที่สุด เราคิดว่าคุณไม่อยู่”ฉินตู้หวงพูด
ซูผิงขมวดคิ้ว “ผมได้ยินมาว่ามีบางอย่างผิดปกติ อสูรป่ากลับมาอีกเหรอ?”
ฉินตู้หวงพยักหน้าแล้วส่ายหัว “ใช่ อสูรป่ากำลังมา แต่หลงเจียงไม่ใช่เมืองฐานเพียงแห่งเดียวที่ถูกโจมตี เมืองฐานอื่น ๆ ได้กลายเป็นเหยื่อของอสูรป่า เมืองฐานสิบสามแห่งในเขตอนุทวีปของเราโดนถล่มในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา!”
”อะไรนะ?!”
ซูผิงหรี่ตาลง
เมืองฐานโดยเฉลี่ยมีประชากรได้ 10 ล้านคน และเมืองฐานระดับ A นั้นยิ่งใหญ่กว่า และเจริญรุ่งเรืองกว่า สามารถรองรับประชากรได้กว่าร้อยล้านคน!
เมืองฐานหนึ่งที่โดนถล่มจะส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ไม่ต้องพูดถึงเมืองฐานมากกว่าสิบสามแห่งที่ถูกทำลาย!
”เกิดอะไรขึ้น?” ซูผิงอยากรู้
ฉินตู้หวงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ไม่นานหลังจากที่คุณกลับมาครั้งก่อน อสูรป่าก็เริ่มโจมตีไปทั่วโลก! ครั้งใหญ่!
“ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าอสูรป่ามาจากไหน แต่จำนวนของมันนั้นเยอะมาก ตอนที่พวกมันโจมตีเมืองฐานมีพวกมันอยู่ทุกหนทุกแห่ง อสูรป่าจำนวนมากเป็นราชาอสูรร้าย ราวกับว่าอสูรร้ายทั้งหมดทั่วโลกกำลังรวมตัวกัน!” ซูผิงไม่อยากเชื่อ
อสูรป่าทั่วโลก?
เขาคิดอะไรบางอย่าง เขานึกถึงสิ่งที่เขาเห็นเมื่อออกจากถ้ำลึก:
อสูรร้ายกำลังรออย่างเงียบ ๆ ในป่า
อสูรป่านั้นมีหลายประเภท แต่พวกมันรวมตัวกันอย่างสงบ
พวกมันเป็นเหมือน… ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี!
ซูผิงรู้สึกว่าเลือดของเขาแข็งตัว นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี “คุณบอกว่านี่เป็นการโจมตีระดับโลก คุณเคยได้ยินอะไรจากถ้ำลึกบ้างไหม?”
ฉินตู้หวงรู้สึกประหลาดใจ “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? ใช่ เราได้ยินมาว่าอสูรป่าหนีออกจากถ้ำลึก หอคอยได้รับแจ้งแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย เราจึงไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้เลย เรายังคงคาดเดาอยู่ ณ จุดนี้ แต่ผมคิดว่ามันเป็นไปได้มากที่สุดที่อสูรป่าจะมาจากถ้ำลึก!
ตอนนั้นเองที่ซูผิงคิดถึงหอคอย “หอคอยทำอะไรอยู่?”
“หอคอยส่งนักรบอสูรในตำนานไปยังเมืองฐาน เพื่อที่พวกเขาจะได้ให้ความช่วยเหลือในระหว่างการจู่โจมของอสูรร้าย!” ฉินชูไห่กล่าว
“เมืองฐานหลงเจียงจัดการได้ดีกว่าเมืองฐานอื่นๆ อสูรป่ากำลังมาทางนี้ แต่จริงๆ แล้วพวกมันยังไม่ได้โจมตีเรา หอคอยไม่ได้ส่งนักรบอสูรในตำนานมา อย่างไรก็ตามพ่อของผมอยู่ในระดับตำนาน และเขาสามารถช่วยได้ และคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย คุณซู”
ซูผิงขมวดคิ้ว “ทำไมหอคอยไม่ส่งนักรบอสูรในตำนานมาเมืองฐานนี้?”
ทันใดนั้นเขาก็รู้คำตอบก่อนที่ฉินตู้หวงจะตอบ ฉินตู้หวงส่ายหัว “ผมไม่รู้ ผมได้ยินจากพ่อของผมว่าหอคอยไม่ต้องการเปลืองกำลังคนเพราะคุณอยู่ที่นี่”
ซูผิงพยักหน้าและไม่พูดอะไร
ไม่ว่าหอคอยจะไม่ต้องการเปลืองกำลังคน หรือจงใจไม่ส่งคนมาก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจในขณะนี้ พวกเขากำลังอยู่ในภาวะสงคราม และมนุษยชาติทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้อง มันเป็นการต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ที่แย่งชิงดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ความแค้นส่วนตัวต้องถูกละทิ้ง!
”คุณกำลังทำอะไรกันอยู่?” ซูผิงถามเกี่ยวกับการรวมตัวของนักรบอสูรที่มีกิตติมศักดิ์
ฉินตู้หวงตอบว่า “เอาล่ะนี่คือสิ่งที่เราได้พูดคุยกัน เมืองฐานหลายแห่งกำลังประสบปัญหา และผู้คนจำนวนมากสามารถหลบหนีจากเมืองฐานเหล่านั้นได้ มีเมืองฐานสองแห่งใกล้กับเมืองฐานหลงเจียงของเรา และเราได้ทำการเจรจากับพวกเขาแล้ว เรากำลังจะช่วยผู้ลี้ภัยจากสองเมืองฐานเพื่อให้พวกเขามาปักหลักในหลงเจียงได้ นอกจากการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยแล้ว ยังมีเมืองฐานอื่นที่ติดกับชายแดนหลงเจียงที่ถูกอสูรป่าโจมตี เรากำลังพูดถึงจำนวนคนที่เราควรส่งไปช่วยเหลือพวกเขา ท้ายที่สุดตอนนี้หลงเจียงสามารถป้องกันตัวเองได้ เราควรช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่”
ซูผิงพยักหน้า “โอเค ดี คุณจัดการเลย ผมมีอย่างอื่นต้องไปทำ”
”ครับ”
ซูผิงพยักหน้า การปรากฏตัวของซูผิงทำให้ทุกคนมั่นใจโดยที่เขาไม่ต้องพูดหรือทำอะไร
เนื่องจากซูผิงอยู่ที่นี่ ตระกูลหลักทั้งห้าจึงตัดสินใจได้ว่าควรช่วยเหลือเมืองฐานอื่นๆ หรือไม่
หลงเจียงมีซูผิง และนั่นก็ดีพอแล้ว
ถ้าเขาไม่สามารถปกป้องเมืองฐานได้ ก็ไม่มีใครทำได้ พวกเขาอาจพยายามช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย
ซูผิงไม่ชักช้า เขารีบตรงกลับบ้าน
ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในเขตปลอดภัยของร้าน ซึ่งทำให้เขาโล่งใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่อยู่และไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ แต่จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บตราบใดที่พวกเขายังอยู่ที่นั่น
นับตั้งแต่การเดินทางไปยังดาวของอีกาทองคำ ซูผิงมีความมั่นใจในระบบมากกว่าที่เคยมีมา ไม่มีอสูรป่าตัวใดในโลกสามารถก้าวเข้ามาในอาณาเขตของร้านค้าได้!
ร้านค้าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน!
ฉินตู้หวงกลับไปที่ตระกูลฉินหลังจากที่ซูผิงจากไป
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนอื่นๆ กล่าวทักทายซูผิงที่ฝั่งตรงข้ามถนน ไม่ว่าเขาจะมองเห็นหรือไม่ก็ตาม
พวกเขาชื่นชมซูผิง!
พลังต่อสู้ที่โดดเด่นของซูผิงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาตกตะลึง ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าซูผิงได้ช่วยเมืองฐานหลงเจียงจาราชาสวรรค์ต่างโลก!
ไม่นานซูผิงก็กลับบ้าน
”พ่อ แม่!”
ซูผิงเห็นพ่อแม่ของเขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกับจงหลิงถง แต่ไม่มีวี่แววของซูหลิงเยวี่ย
เขาไม่สามารถสัมผัสถึงเธอบนถนน
“ซูหลิงเยวี่ยอยู่ไหนครับ?” ซูผิงถาม “ลูกกลับมาแล้ว!”
หลี่ฉิงรู่และซูหยวนชานรู้สึกประหลาดใจกับการกลับมาของซูผิง พวกเขาวางสิ่งที่กำลังทำอยู่และเข้าหาซูผิง
จงหลิงถงกรีดร้องด้วยความดีใจ และกระโดดลงจากเก้าอี้เพื่อวิ่งมาหาซูผิง
“ในที่สุดเราก็ได้เจอลูก ลูกอยู่ในร้านตลอดเวลาเลยหรอ? เราเคาะประตู แต่ไม่มีใครตอบกลับ?” ซูหยวนชานถามซูผิง
หลี่ฉิงรู่จ้องมองซูผิงอย่างต่อว่า ซูผิงอยู่ในร้านแต่เขาไม่ได้ออกไปไหนมาซักพักแล้ว พวกเขาไม่พอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาไปหามาหลายครั้ง
“ผมกำลังบ่มเพาะและมีปัญหานิดหน่อย” เมื่อพูดถึงการโกหกซูผิงมีความสามารถมากไปแล้ว “น้องไปไหน?” เขาถามอีกครั้ง
”อาจารย์” จงหลิงถงข้ามมาหาซูผิง “น้องสาวของอาจารย์ไปที่ชายแดนของเมืองฐาน เธอบอกว่าเธออยากจะดูสถานการณ์ที่นั่น” จงหลิงถงตอบ
“ไร้สาระ เธอจะไปทำอะไรได้?” ซูผิงโกรธ
“แล้วถังอยู่ไหน? เธอยังไม่กลับมาอีกหรอ?!”
เขาขอให้ถังยู่หรานช่วยจัดการตระกูลของหลี่หยวนเฟิง แต่นั่นก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว เธอควรจะกลับมาได้แล้ว
“พี่ถังออกไปกับน้องสาวของอาจารย์ อาจารย์ไม่ต้องกังวลเรื่องหลิงเยวี่ยหรอกค่ะ มีพี่ถังอยู่กับเธอด้วย” จงหลิงถงกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ซูผิงจ้องมองเธอ “ระดับของพวกเธอไม่ได้แตกต่างกัน ฉันไม่ต้องกังวลหรือยังไง? ถ้าฉันไม่กลับมาพวกเธอต้องสร้า
งปัญหาแน่!”
จงหลิงถงแลบลิ้น “พี่ถังเก่งจะตาย”
ซูผิงพ่นลมหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
จากการอัปเดตข่าวของฉินตู้หวง ซูผิงจึงรู้ว่าเมืองฐานหลงเจียงค่อนข้างปลอดภัยในขณะนี้ ฉินตู้หวงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จัดการอยู่ ถังยู่หรานเหมือนผู้ท้าทายโชคชะตา และเธอสามารถจัดการกับราชาอสูรร้ายทั่วไปได้ เธอจะปลอดภัยตราบเท่าที่เธอไม่ได้วิ่งเข้าไปหาราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่า
“ผมดีใจที่ทุกคนปลอดภัย แม่ พ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงจำไว้ว่า อสูรป่าสามารถเข้ามาได้ แต่ทุกคนจะปลอดภัยแน่นอน ตราบใดที่อยู่บ้าน” ซูผิงกล่าวกับพ่อแม่ของเขา
”ดูพูดเข้า คงไม่มีที่ให้ไปอีกแล้วหากอสูรร้ายมาที่นี่ อย่าพูดอย่างนั้น” หลี่ฉิงรู่ดุเขา
ตอนที่ 636 กิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด
ซูผิงพูดไม่ออก
แน่นอนว่าเขารู้
หากอสูรป่าสามารถมาถึงที่นี่ได้ แสดงว่าเมืองฐานหลงเจียงคงจะล่มสลายแล้ว
ถึงกระนั้นร้านค้าจะเป็นแนวป้องกันสุดท้าย!
“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงก็ตาม ให้อยู่ที่นี่” ซูผิงกล่าวย้ำอย่างเคร่งขรึม
“อย่ากังวล แม่ของลูกกับพ่อจะไม่ไปไหน” ซูหยวนซาน พูด “ลูกจะไปไหน? สถานการณ์ภายนอกแย่มาก พ่อได้ยินมาว่าลูกมีพลังต่อสู้ระดับตำนาน แต่ความแข็งแกร่งที่มากขึ้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น ลูกต้องดูแลตัวเองด้วย”
”ผมเข้าใจ” ซูผิงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในหัวใจของเขา “ผมแค่จะไปทำบางอย่างที่มันเป็นหน้าที่ของผม”
ซูหยวนชาน พยักหน้า “ดีๆ”
หลี่ฉิงรู่ดึงแขนเสื้อของซูผิงและกระซิบว่า “แม่ได้ยินมาว่าตระกูลใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะช่วยเมืองฐานอื่นๆ ด้วย ลูกจะไปด้วยหรอ? มันอันตรายเกินไปไหม? แม่รู้ว่าลูกเป็นนักรบอสูรที่เก่ง แต่ลูกอย่าไปที่ไหนเลย อยู่ที่นี่เถอะ!”
เธอเกือบจะอ้อนวอน
ซูผิงเข้าใจว่าแม่ของเขาไม่ต้องการให้เขาเสี่ยง เขาตบหลังมือของเธอเบาๆเพื่อปลอบโยน “อย่ากังวล ผมจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรเกิดขึ้นกับผม”หลี่ฉิงรู่ยังคงกังวล แต่ซูหยวนชานหยุดเธอ “ลูกชายของเรารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ อย่ากวนเขาเลย”
หลี่ฉิงรู่จ้องไปที่สามีของเธอ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะไม่เถียงต่อ “ยังไงก็เถอะ แม่อยากให้ลูกปลอดภัย!” เธอพูดกับซูผิง
ซูผิงยิ้ม
ก่อนจากไป ซูผิงพูดกับจงหลิงถงว่า “อยู่ที่นี่และดูแลพ่อแม่ของฉัน ห้ามไปไหน” จงหลิงถงไม่ดีใจเลยที่เห็นเขาจะออกไปอีกแล้ว “อาจารย์ ฉัน…”
”จะเป็นเด็กดี!”
ซูผิงลูบหัวของเธอ
พ่อแม่ของเขาและจงหลิงถงมองซูผิงออกจากบ้าน พวกเขารู้สึกว่าซูผิงอยู่ห่างจากพวกเขามากเกินไป…
ซูผิงกลับไปที่ร้าน และเห็นว่าทั้งห้าตระกูลยังคงประชุมกันอยู่
เขาต้องการยื่นมือเขาไปช่วยเหลือ แต่เขาต้องแยกตัวมาก่อน เขาต้องช่วยโครงกระดูกน้อย
เขาปิดประตู เขาไม่ต้องการเปิดร้านสู่สาธารณะ เขาจะใช้วัตถุดิบที่เขาได้มา การค้นหาโครงกระดูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ซูผิงเชื่อว่าเขาสามารถรับมือกับวิกฤติที่จะเกิดได้ถ้ามีโครงกระดูกน้อย
การไปเยือนดาวของอีกาทองคำเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าและขยายขอบเขตความรู้ของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ดูถูกเงื่อนไขของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ความกว้างใหญ่ของดาวสวรรค์และพลังของอีกาทองคำอยู่ห่างไกลจากเขามากเกินไป ดาวเคราะห์สีน้ำเงินเป็นสถานที่ที่เขาต้องให้ความสำคัญ
ถ้ำลึก… ซูผิงยังเข้าไปไม่ลึกสุด เขาไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใน
นอกจากนี้ ราชาสวรรค์ทั้งสี่ก็ไม่สามารถละเลยได้
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” โจแอนนาถามหลังจากซูผิงกลับมา
ซูผิงพยักหน้า “ฉันจะบ่มเพาะสักหน่อย” เขามุ่งหน้าไปที่ห้องทดสอบ
“บ่มเพาะ?”
โจแอนนาเลิกคิ้ว “หลังจากที่นายเพิ่งกลับมา?”
เธอมองเขาขึ้นลง “ฉันคิดว่าสถานที่ที่นายไปมาครั้งนี้มีประโยชน์กับนาย…”
ซูผิงพยักหน้า และไปที่ห้องทดสอบ
เขานำวัตถุดิบออกจากพื้นที่เก็บของ
ซูผิงรู้สึกได้ถึงพลังงานที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่อยู่ข้างหน้าวัตถุดิบเหล่านั้น การไปครั้งนี้เต็มไปด้วยประโยชน์จริง ๆ เขาเห็นด้วยกับโจแอนนา
เขาอยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงแล้ว!
ก้าวเดียวจะถึงขั้นสูงสุด!
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถเห็นได้จากบททดสอบรอบแรก
แม้จะไม่ได้รวมเข้ากับโครงกระดูกน้อย ซูผิงก็สามารถรวบรวมพลังต่อสู้ให้ใกล้กับสภาวะชะตากรรมได้ เขาไม่ได้พยายามใช้ดาบแห่งความว่างเปล่าเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู แต่เขาสามารถมั่นใจได้ว่ามันไม่ใช่ทักษะที่อ่อนแอ
“รอฉันก่อน…”
ซูผิงสูดหายใจลึกและหลับตาลง วิธีบ่มเพาะกายแสงอาทิตย์ปรากฏขึ้นในใจของเขา
หวืด!
เปลวเพลิงสีทองลุกโชนรอบตัวเขา เผาเสื้อผ้าที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่เป็นเถ้าถ่าน เปลวเพลิงไม่ได้ทำร้ายซูผิง บนหลังของเขา มีลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากส่วนลึกของรูขุมขน ทำให้เกิดร่างของอีกาทองคำจาง ๆ มันอยู่ในท่าที่ทะยานไปบนท้องฟ้า
ซูผิงยกมือขึ้นและหยิบวัตถุดิบที่ได้รับการกลั่นด้วยเปลวเพลิงสีทอง สิ่งเจือปนถูกเผาทิ้ง เหลือเพียงของเหลวพลังงานบริสุทธิ์เท่านั้น ของเหลวที่มีพลังลอยเข้าตัวซูผิง
เขาเพิ่มโมเมนตัมในขณะที่ใช้วัตถุดิบเหล่านั้น
กรี้ส!!
ซูผิงรู้สึกราวกับว่าเขาตกอยู่ในภวังค์และถูกดูดเข้าไปในโลกโบราณ เมื่อเขาดูดซับวัตถุดิบสุดท้าย
ไม่มีท้องฟ้า พื้นดิน หรือดวงดาว มันเป็นเพียงความโกลาหล
ถึงกระนั้นก็มีเสียงร้องที่ตัดผ่านความโกลาหล
เสียงร้องเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนอยู่ในใจของซูผิง เซลล์และพลังดวงดาวของเขาสั่นสะท้านไปพร้อมกับจังหวะของเสียงร้องนั้น
สิ่งสกปรกที่ซ่อนตัวอยู่ในรูขุมขนของเขากำลังไหลออกมา
ในความงุนงงซูผิงคิดว่าเขาเห็นแสงสีทองตรงหน้า
บูม!
ซูผิงรู้สึกว่ามีบางอย่างทำลายขีดจำกัดของจิตใจเขา ทันทีหลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็หลุดพ้นจากความรู้สึกเติมเต็มเดิม ขณะที่พลังงานรุนแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนไหลออกจากร่างกายของเขา
กรี้ส!!
ซูผิงอ้าปากและร้องเหมือนอีกาทองคำ
เสียงร้องที่แหลมและดังกึกก้องดังก้องอยู่ในห้องทดสอบ
ซูผิงลืมตาขึ้นและเปลวเพลิงสีทองกำลังลุกไหม้อยู่ข้างใน เขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง และอีกาทองคำเสมือนจริงก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา ภาพนั้นแทบจะจับต้องไม่ได้ แทบจะมองไม่เห็นอีกาทองคำที่สูงสามฟุต
ซูผิงรู้สึกถึงพลังงานที่ไม่รู้จักเพิ่มขึ้นขณะที่มันเติมเต็มแขนขาของเขา
เขาแข็งแกร่งมาก! อยู่ยงคงกระพัน!
ซูผิงรู้สึกว่าเขาสามารถหยิบดาวและบดขยี้ดวงจันทร์ได้
“เพลิงอีกาทองคำ!”
ซูผิงยกมือขึ้น ลูกบอลเปลวเพลิงสีทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เปลวเพลิงกำลังบิดตัวในอากาศ ทิ้งรอยดำคล้ายควัน แต่ความจริงก็คือพื้นที่นั้นแตกร้าว
เพลิงอีกาทองคำ ทักษะที่น่ากลัวของอีกาทองคำ
นอกเหนือจากทักษะใหม่แล้ว ซูผิงรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของเขากระชับขึ้น เขาเคลื่อนไหว… ในความพร่ามัว เขาได้ปรากฏตัวที่อีกฟากหนึ่งของห้องทดสอบ จากนั้นเขาก็ชกกำแพง!
ปัง!
ผนังสั่น คนที่อยู่ข้างนอกไม่รู้สึกถึงการสั่นไหว แต่ภายในกลับรู้สึกชัดเจน
“ฉัน… ถึงจุดสูงสุดแล้ว”
ซูผิงหยุด เขาสังเกตเห็นว่าเขามาถึงระดับกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดแล้ว!
ก้าวเดียวจะถึงระดับตำนาน! “ฉันคิดว่าฉันสามารถต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรมได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากอสูร” ซูผิงถามตัวเอง
เดิมเขาทำได้เพียงแค่รวมเข้ากับโครงกระดูกน้อยเท่านั้น เขาจะต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดหากสิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรมแข็งแกร่งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามบททดสอบของอีกาทองคำ และกายแสงอาทิตย์ขั้นสองได้เพิ่มความมั่นใจให้กับซูผิง เขายังไม่ได้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตสภาวะชะตากรรม แต่เขาเชื่อว่าเขาเป็นคู่แข่งที่ไม่กากแน่นอน
ยิ่งถ้าเขารวมเข้ากลับโครงกระดูกน้อย เขาจะแข็งแกร่งขึ้นถ้าเขารวมเข้าด้วยกัน!
ฉันกำลังไปหานาย! ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย อีกาทองคำเสมือนจริงหายวับไปข้างหลังเขา ครู่ต่อมาร่างมืดก็ปรากฏตัวขึ้นและมันดูเหมือนซูผิง นั่นคือร่างเทพของซูผิง
มีความเยือกเย็นในดวงตาของร่างเทพ ร่างเทพค่อยๆกลายเป็นหนึ่งเดียวกับซูผิง
หวืด!
ซูผิงหันกลับมา เขาไปถึงประตูทันที และออกจากห้องทดสอบ