ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 697 -698
ตอนที่ 697 เกินความคาดหมาย
เวลาผ่านไป ผ่านไปหลายชั่วโมง ยามค่ำมาถึง กลางคืนจะตามมาในไม่ช้า
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนวันอื่นๆ แต่ผู้คนในทวีปนี้มองว่าเป็นวันที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของพวกเขา
โครงการป้องกันใหม่สามารถรวมเมืองฐานได้เพียงเก้าเมืองเท่านั้น เมืองฐานที่เหลือต้องยอมแพ้และย้ายไปยังที่ตั้งที่มีป้อมปราการ
เก้าเมืองฐานถูกอัดจนเต็ม ผู้ที่เคยย้ายถิ่นฐานมาแล้วก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดใจมากในครั้งนี้ พวกเขาเคยผ่านความเจ็บปวดจากการออกจากบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาแค่ต้องมาเจอแบบเดิมอีกครั้ง
ส่วนชาวบ้านในเก้าเมืองฐานก็พากันบ่น
คนธรรมดาในสังคมเชื่อฟังมากกว่า พวกเขามีแต่งานที่แสนน่าเบื่อ มีครอบครัวธรรมดา และขาดความกล้าหาญ ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาถูกบังคับโดยนักรบอสูรและอสูรขนาดใหญ่ของพวกเขา
ผู้ที่มีที่ดินและสินทรัพย์ถาวรมีความทะเยอทะยานที่ใหญ่กว่าและกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่านั้นต่างไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาต้องออกจากเขตความสะดวกสบายและต้องสูญเสีย
แม้ว่าผู้คนจะบ่น แต่มีน้อยคนที่ต่อสู้กลับ
ส่วนใหญ่รู้ดีว่ามันไม่ได้เกิดจากความบ้าของนักรบในตำนาน คำสั่งตรงมาจากตัวหอคอยเอง!
หอคอยเป็นผู้ปกครองบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน คำสั่งเดียวสามารถทำให้เมืองฐานแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ไม่มีใครอยากท้าทายหอคอย ประชาชนทั่วไปเห็นว่าเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังและทำตาม
มีคนจำนวนน้อยพยายามที่จะต่อสู้กลับ บางคนถูกลงโทษด้วยความตาย คนอื่นถูก “ชักชวน” ให้ยอมแพ้ ขั้นตอนแรกของโครงการป้องกันจะแล้วเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
มีการสร้างกำแพงสูงตระหง่านสองแห่ง แต่ละแห่งมีความสูงมากกว่าหกร้อยเมตร มีราชาอสูรร้ายเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถปีนขึ้นไปได้
การทำกำแพงให้สูงขึ้นจะไม่สะดวกสำหรับผู้ที่เฝ้าดูปริมณฑลจากที่นั่น สิ่งนี้จะลดประสิทธิภาพของทักษะระยะยาว ความสูงถูกคำนวณมาอย่างพิถีพิถันแล้ว
กำแพงหนาแปดเมตร!
ผู้คนอาจพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าแปดเมตรคือแค่ไหน ตึกระฟ้าในเมืองฐานมักสูงไม่ถึงแปดสิบเมตร โครงสร้างของกำแพงนั้นซับซ้อน วัสดุหลายชนิดถูกผสมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างมันขึ้นมา หอคอยมีส่วนสนับสนุนโดยการเพิ่มค่ายกลลับสุดยอดเพื่อป้องกันไม่ให้อสูรตระกูลหินขโมยวัสดุหินในกำแพงและทำให้มันพังทลาย
ในขณะที่กำแพงกำลังถูกสร้างขึ้น ประชากรที่ถูกย้ายออกไปได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ในเมืองฐานเก้าแห่ง พวกเขาถูกแบ่งกลุ่มกระจายกันอย่างเท่าเทียมเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างภาระหนักที่เกินไปในเมืองฐานใด ๆ
นอกเหนือจากเมืองฐานเก้าเมืองแล้ว เมืองฐานใหม่สี่เมืองยังถูกสร้างขึ้นภายใต้การป้องกันของกำแพงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรที่ย้ายถิ่นฐาน หากพวกเขาไม่ได้สร้างที่พักเหล่านั้นโดยพื้นฐานแล้วการยัดเยียดผู้รอดชีวิตทั้งหมดไว้ในเมืองฐานเก้าเมือง – เมืองฐานจะถูกครอบงำ
การสร้างเมืองฐานใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก และมาตรฐานการก่อสร้างก็ลดลงในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อสูรดวงดาวถูกใช้เพื่อสร้างอาคาร อสูรดวงดาวที่ทรงพลังกว่าบางตัวสามารถสร้างชุมชนที่สามารถรองรับผู้คนได้หลายแสนคนภายในหนึ่งชั่วโมง แน่นอนว่าชุมชนขนาดนั้นถือว่าใหญ่อยู่แล้ว
ผู้คนต่างเร่งรีบไปๆ มาๆ ขณะดูแลงานทั้งหมดในการสร้างโครงการป้องกันและการย้ายถิ่นฐานอย่างเป็นระเบียบ ผู้คนไม่พบอสูรป่ามากนักในขณะที่พวกเขาเดินผ่านดินแดนรกร้างเพื่อย้ายถิ่นฐาน ประการแรกอสูรป่าทั่วทั้งทวีปถูกเกณฑ์เข้ากองกำลังจู่โจม สำหรับอีกประการคือซูผิง เสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ ได้จัดการอสูรป่าที่ซ่อนอยู่ทั่วทั้งทวีป
อสูรร้ายที่เหลืออยู่ในดินแดนรกร้างเป็นอสูรที่อ่อนแอและมีไม่เยอะ นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ซึ่งรับผิดชอบการย้ายถิ่นฐานสามารถช่วยให้ผู้คนปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย
ตอนค่ำ
เมืองฐานหลงเจียง อาทิตย์อัสดงทอแสงอันอบอุ่นบนเมืองฐานหลงเจียง ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าเมืองฐานที่ได้รับการเสริมกำลัง นักรบอสูรในตำนานจำนวนมากมาที่นี่เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของซูผิง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่จึงถูกมองว่าเป็นศูนย์บัญชาการ
นักรบในตำนานจำนวนมากรวมตัวกันในสำนักงานของเซี่ยจินชุ่ยในขณะนี้ ซูผิงก็อยู่ที่นี่ด้วย
อีกคนที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคนก็อยู่ที่นี่
กู่ซือผิง!
เจ้าหอคอยเป็นคนที่เข้าใจยาก แม้แต่สมาชิกของหอคอยก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนลึกลับและน่ากลัว
ท้ายที่สุดเขาเป็นนักรบเพียงคนเดียวที่ไปถึงสภาวะชะตากรรม!
กู่ซือผิงและซูผิงนั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะ
ครั้งหนึ่งเคยมีที่นั่งหลักอยู่ที่หัวโต๊ะซึ่งเคยเก็บไว้ให้กู่ซือผิง ถึงกระนั้นกู่ซือผิงก็ประพฤติตัวเหมือนคนเจียมเนื้อเจียมตัวและปฏิเสธที่จะนั่ง ในที่สุดที่นั่งก็ถูกเก็บไป
หลังจากที่ทุกครั้งกู่ซือผิงเลือกที่จะไม่นั่งตรงนั้น ใครจะกล้านั่ง?
ซูผิงไม่สนใจการจัดที่นั่ง เขาโอเคกับการเป็นผู้บัญชาการสูงสุด แต่เขาต้องแน่ใจว่าเขาจะออกคำสั่งกับทุกคนได้จริงๆ ตัวอย่างเช่นกู่ซือผิงและนักรบอสูรในตำนานคนอื่น ๆ ที่เขาพามาจากหอคอยอาจไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของซูผิง
นักรบอสูรในตำนานเหล่านั้นยังคงทำตามคำสั่งของกู่ซือผิง
ซูผิงจ้องมองชายชราผมหงอกที่นั่งตรงข้ามโต๊ะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเจ้าหอคอย เขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่ากู่ซือผิงอยู่ที่สภาวะชะตากรรม
มันเป็นแค่ความรู้สึก ในขณะที่การรับรู้และความรู้สึกของเขาแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังของสภาวะชะตากรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกู่ซือผิงจงใจระงับพลังงานของเขา นอกจากนี้แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์กับสภาวะชะตากรรมเป็นการส่วนตัว แต่เขาเคยเห็นมามากพอแล้ว
ซูผิงได้พบกับเทพสวรรค์หลายคนที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมเมื่อเขาไปเยี่ยมบ้านของโจแอนนา เทพสวรรค์บางคนจะแสดงพลังของพวกเขาออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้มันแสดงออกมาอย่างดุเดือด
เทพสวรรค์ยังมีลักษณะทั่วไปด้วย
ซูผิงสังเกตเห็นหลังจากได้โต้ตอบกับเทพสวรรค์เหล่านั้นหลายครั้ง และเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในผู้ที่อยู่ในสภาวะว่างเปล่า เป็นการยากที่จะอธิบายว่าลักษณะนิสัยเป็นอย่างไรด้วยคำพูด แต่เขาก็มั่นใจว่าเขารู้สึกได้แบบเดียวกันในเจ้าหอคอย
เขายังสามารถบอกได้ว่าเจ้าหอคอยไม่ได้อยู่ที่สภาวะชะตากรรมขั้นสูงสุด เขาเป็นคนธรรมดาเมื่อพิจารณาถึงกับคนอื่นที่ซูผิงเคยเจอมา ซูผิงได้พบกับเทพสภาวะชะตากรรม มีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับพวกเขา ซูผิงดูถูกกู่ซือผิงมากขึ้นหลังจากวัดความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
เจ้าหอคอยไม่สามารถหยุดการโจมตีได้!
เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นความหวังของมนุษยชาติทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่สามารถกอบกู้โลกจากอสูรป่าได้ ที่แย่ไปกว่านั้น เขาไม่ได้ใส่ใจกับการถูกโจมตีมากพอ พูดง่ายๆ ว่าเขาไร้ความสามารถและโง่เขลา!
อสูรป่าสามารถบุกออกจากถ้ำลึกได้เพราะค่ายกลในถ้ำลึกถูกทำลาย หอคอยมองข้ามเรื่องนี้… เจ้าหอคอยก่ออาชญากรรมร้ายแรง!
“ผมรู้จักคุณเพียงแค่ชื่อเท่านั้น ผมดีใจที่มีโอกาสได้พบคุณในที่สุด คุณซู คุณเป็นคนที่น่าทึ่ง ผมได้ยินมาว่าคุณฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมด้วยตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ผมเชื่อว่าคุณอยู่ที่สภาวะชะตากรรมเหมือนกัน น้องซู ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง!”กู่ซือผิงกล่าวกับซูผิงด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ซูผิงเยาะเย้ย “ทวีปเหนือ ทวีปมหาสมุทรตะวันตก และทวีปบึงมังกรถูกทำลาย ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรน่ายินดีในตอนนี้”
คนอื่นๆ หน้าซีดเล็กน้อย กลัวว่ากู่ซือผิงจะโกรธ
แต่กู่ซือผิงดูเหมือนจะไม่โกรธ เขาถอนหายใจและตอบว่า “อันที่จริง ผมรู้สึกผิดถึงความพินาศของทั้งสามทวีป ผมอายเกินกว่าจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ผมได้ยินมาว่าคุณได้ช่วยแนวป้องกันซิงจิง และให้ความช่วยเหลืออย่างดี น้องซู ผมคิดว่าคุณควรเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในครั้งนี้”
นักรบอสูรในตำนานหลายคนที่มาจากหอคอยอยากจะคัดค้านแต่ไม่ทำ
เรากำลังจะให้ซูผิงเป็นผู้บัญชาการสูงสุด?
นักรบอสูรในตำนานที่สภาวะว่างเปล่าจากหอคอยเปล่งเสียงกังวลว่า “ท่านไม่อยาก… คิดใหม่เหรอ?” ด้วยผมสีทองและดวงตาสีฟ้า ชายผู้นี้อยู่ในวัยหกสิบเศษ เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาเป็นพลเมืองจากทวีปเหนือ
“จริงอยู่ที่น้องซูแข็งแกร่ง แต่น้องซูยังเด็กอยู่ ผมไม่คิดว่าเขามีประสบกาณ์ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากการบ่มเพาะ การบังคับบัญชาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม นอกจากนี้เขายังหวังว่ากู่ซือผิงจะเปลี่ยนใจ หากเขาไม่ได้เห็นวิดีโอของซูผิงที่ฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม หรือได้ยินคำให้การจากพยาน ชายคนนี้จะชี้ให้เห็นตรงๆว่าซูผิงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะแข่งขันกับเจ้าหอคอย!
อย่างไรก็ตามชายคนนี้รู้ว่าเขาไม่สามารถพูดออกมาดังๆ ได้ ท้ายที่สุดซูผิงมีแนวโน้มมากที่สุดว่าจะอยู่ในสภาวะชะตากรรม
“ท่านไม่ต้องตำหนิตัวเองสำหรับเรื่องการล่มสลายของสามทวีป อสูรร้ายเหล่านั้นจู่โจมเรากะทันหัน เราไม่ได้เตรียมตัว” ชายชราพูดอย่างใจเย็น เขาคือหยวนเทียนเฉิน
เขาไม่เคยมองซูผิง เขาจ้องมองกู่ซือผิงตลอดเวลา “คุณยังได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่คุณช่วยทวีปมหาสมุทรตะวันตก และสามารถฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ คุณได้มีส่วนร่วมอย่างมาก!
“น้องซูยังเด็กอยู่ การอยู่ในระดับสูงไม่เท่ากับประสบการณ์การต่อสู้ คุณมีประสบการณ์มากที่สุด เพื่อเห็นแก่มนุษย์ทุกคนทั่วโลก ผมขอให้คุณเป็นผู้บัญชาการสูงสุด!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นหยวนเทียนเฉินก็ยืนขึ้นและโค้งคำนับให้กู่ซือผิง
ชายคนนั้นรู้ว่าเขาจะทำให้ซูผิงขุ่นเคือง อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ซูผิงเป็นผู้บัญชาการสูงสุด เพราะเขาและซูผิงเคยทะเลาะกันมาก่อน
เขาไม่รู้ว่าซูผิงจะไม่พอใจหรือไม่ แต่เขาต้องทำ
ทุกคนจากหอคอยจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของซูผิงถ้าเขากลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุด รวมทั้งหยวนเทียนเฉิน เขาจะไม่สามารถปฏิเสธหากถูกส่งไปต่อสู้กับอสูรร้ายที่ร้ายกาจที่สุดได้ หากซูผิงส่งเขาไป เขาจะตาย!
“เราขอให้คุณเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของเราเช่นกัน!”
นักรบอสูรในตำนานอีกคนหนึ่งยืนขึ้น และโค้งคำนับให้กู่ซือผิง
คนอื่นๆ จากหอคอยต่างมองหน้ากัน ในที่สุดพวกเขาก็ลุกขึ้นและโค้งคำนับให้กู่ซือผิง
นักรบอสูรในตำนานที่นั่งตรงข้ามโต๊ะจากซูผิงยืนขึ้น และโค้งคำนับ
ในทางกลับกันเสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่น ฉินตู้หวงและคนอื่น ๆ นั่งอยู่ด้านข้างของซูผิงยังคงนั่งนิ่ง พวกเขาทั้งหมดได้รับอสูรสภาวะว่างเปล่าจากซูผิง และพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาติดหนี้เขา ในความเป็นจริงซูผิงขายอสูรเหล่านั้นในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เขาได้รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่จากพวกเขา!
“ไร้สาระ!”กู่ซือผิงตะโกน
ซูผิงค่อย ๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ของเขา
“หึ น่าสนใจ”
ซูผิงใช้นิ้วเคาะโต๊ะ
“คุณ…” ซูผิงเหลือบมองไปยังนักรบอสูรในตำนานมากมาย เขาไม่ได้พูดจบประโยคนั้น เขาส่ายหัวและเปลี่ยนหัวข้ออื่น “ผมคิดว่าเราสามารถให้คุณกู่คอยออกคำสั่งได้ เขามีประสบการณ์มากกว่าผม และผมไม่ต้องการที่จะโต้แย้งกับเขาในเรื่องนี้ นอกจากนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขันอย่างยิ่งที่เรากำลังโต้เถียงกันในเรื่องไร้สาระในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เรามาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังได้ไหม เราจะเผชิญกับการโจมตีที่จะเกิดขึ้นได้ยังไง?”
กู่ซือผิงและคนอื่นๆ จากหอคอยดูโกรธจัด ซูผิงไม่ได้ซ่อนความดูถูก พวกเขารู้ว่าซูผิงไม่ได้ตั้งใจที่จะออกคำสั่ง ความโกรธฉายผ่านดวงตาของกู่ซือผิง เขาจ้องไปที่หยวนเทียนเฉิน และคนอื่นๆ ที่ขอร้องให้เขารักษาตำแหน่ง
เขาต้องการให้ซูผิงเป็นผู้บัญชาการอย่างจริงใจ เขาไม่ได้แกล้งทำ
เขามีเหตุผลและแผนการของเขา อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้กวนใจเขา ซูผิงต้องการอยู่เฉยๆ และเขาไม่สนใจตำแหน่งที่ทรงพลังนั้น
การเกลี้ยกล่อมซูผิงคงเป็นเรื่องยาก
เป็นการยากยิ่งกว่าที่จะโน้มน้าวผู้ที่ขอร้องให้เขาอยู่ในคำสั่งให้ยอมแพ้!
“น้องซูพูดถูก ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่สำคัญ การโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการเสียเวลา มาพูดถึงการโจมตีของอสูรร้ายกันเถอะ”
กู่ซือผิงทำหน้าจริงจังและกล่าวว่า “จากข้อมูลที่ผมได้รวบรวมมา มีราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมอย่างน้อยสิบตัวออกมาจากถ้ำลึก เราต้องพิจารณาถึงสี่ราชาสวรรค์ เช่นเดียวกับจักรพรรดิสมุทร และราชาอสูรร้ายทั้งแปด…
“เรากำลังพูดถึงราชาอสูรทั้ง 20 ตัวที่สภาวะชะตากรรม!”
บทสรุปของกู่ซือผิงทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบลง
เสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่น และฉินตู้หวงก็ถูกเรื่องนี้ตอกย้ำ
พวกเขาอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเท่านั้น พวกเขาต้องใช้กำลังอย่างเต็มที่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรม การเอาชนะตัวใดตัวหนึ่งจะยากมาก!
เว้นแต่พวกเขาจะประสานการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!
อย่างไรก็ตามมีอสูรร้ายในสภาวะชะตากรรมมากกว่านักรบอสูรในตำนานสภาวะว่างเปล่า ใครจะโจมตีใคร!
ซูผิงกลั้นหายใจ
จำนวนอสูรสภาวะชะตากรรมนั้นสูงกว่าที่เขาคาดไว้
เขารู้เกี่ยวกับราชาสวรรค์ทั้งสี่… แต่มีอสูรสภาวะชะตากรรมเก้าตัวที่มาจากมหาสมุทรด้วย?
มีราชาอสูรไปแล้วกว่าโหล นับประสาอะไรกับพวกที่มาจากมหาสมุทร!
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น มีเพียงเจ้าหอคอยเท่านั้นที่อยู่ที่สภาวะชะตากรรม… นี่มันไร้สาระ!
ซูผิงรู้สึกหวาดกลัว มนุษยชาติควรจะสูญพันธุ์ก่อนที่อสูรร้ายเหล่านั้นจากถ้ำลึกจะออกมา! อสูรป่าต้องการที่จะกัดกินอาณาเขตของมนุษย์!
กู่ซือผิงเห็นความสับสนและตกใจบนใบหน้าของทุกคน เขาถอนหายใจ “ภัยคุกคามของอสูรมหาสมุทรมีอยู่เสมอ แต่จักรพรรดิสมุทรเคยบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหอคอยคนแรก จักรพรรดิสมุทรสัญญาว่าพวกมันจะไม่บุกรุกพื้นดิน ดังนั้นอสูรเหล่านั้นในมหาสมุทรจึงเติบโตมาได้หลายปี และไม่มีอะไรที่ผมสามารถทำได้ ผมต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจักรพรรดิสมุทร ท้ายที่สุดเพื่อรักษาสัญญาว่าพวกมันจะไม่มาหาเรา พวกมันจะสู้กลับถ้าเราบุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกมัน ราชาสวรรค์ทั้งสี่ไม่เคยเป็นมิตรกัน พวกมันอยู่กันอย่างอิสระเสมอ นั่นคือเหตุผลที่เรามีเวลาพักฟื้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผมขาดการติดต่อกับจักรพรรดิสมุทร มันไม่รับการเรียกหาใด ๆ ของผม แต่ผมไม่กล้าไปขอความกระจ่าง ผมคิดว่าจักรพรรดิสมุทรคงพยายามโจมตี”
นักรบอสูรในตำนานบางคนรู้สึกว่าพวกเขากำลังสูญเสียความหวังทั้งหมด มีราชาอสูรสภาวะว่างเปล่าประมาณยี่สิบตัว พวกมันสามารถครอบครองโลกได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะทำอะไรเพื่อปกป้องดาวเคราะห์สีน้ำเงินได้บ้าง?
ตอนที่ 698 ข่มขู่
“นั่นสินะ…” กู่ซือผิงกล่าวเสริม สามคำนี้ได้รับความสนใจจากทุกคน
“เรายังพอมีหวัง”
กู่ซือผิงพูดอย่างใจเย็น “ผมรู้ว่าอสูรป่าดุร้าย แต่เรายังมีไพ่ตายอยู่ เพียงแต่มันไม่เป็นประโยชน์ในการจัดการกับอสูรป่าโดยตรง ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
นั่นเป็นคำพูดที่น่ายินดีทีเดียว มีคนถามทันทีว่า “ท่านครับ ไพ่ตายที่คุณพูดถึงคืออะไร?”
คนอื่นๆ ต่างก็อยากรู้เหมือนกัน
กู่ซือผิงอยู่ที่สภาวะชะตากรรม เขาไปช่วยทวีปมหาสมุทรตะวันตกแต่ล้มเหลว
เขาไม่สามารถหยุดอสูรป่าในทวีปมหาสมุทรตะวันตกได้ เขาจะทำอะไรได้บ้างเมื่ออสูรป่าทั่วโลกรวมตัวกัน?
“ผมจะเก็บไว้เป็นความลับ”กู่ซือผิงยิ้ม
“จากข้อมูลที่ผมได้รวบรวมเกี่ยวกับการโจมตี มีข้อบ่งชี้ว่ามีสายลับในหมู่พวกเรา ผมต้องเก็บบางสิ่งไว้เป็นความลับ ผมเข้าใจว่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเสียชีวิต แต่นี่เป็นวิธีเดียว ถ้าเราพยายามช่วยทุกคน สุดท้ายก็จะไม่มีใครรอด!”
นักรบในตำนานมองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร เสวี่ยอวิ๋นเจินและเซียงเฟิงหรั่นสงสัยว่าควรรู้สึกดีใจหรือตกใจ
พวกเขาไม่คิดว่ากู่ซือผิงกำลังโกหก อะไรคือประเด็นของมัน?
ต้องมีไพ่ตายจริงๆ!
แต่… มีใครบางคนเป็นสายลับของอสูรป่า?
“ท่านครับ ท่านบอกว่ามีคนในหมู่พวกเราเป็นสายลับ? ไม่มีทาง!” ชายคนหนึ่งตะโกน
คนอื่นๆ หันไปมองเขา ดวงตาของทุกคนทำให้ผู้ชายคนนั้นหงุดหงิด
กู่ซือผิงมองไปที่บุคคลนั้นและส่ายหัว “ผมแค่คาดเดา แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นจริงมากที่สุด ผมจะไม่พูดออกมาถ้าผมไม่คิดอย่างนั้น และทำให้พวกคุณสงสัยกันโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามภารกิจที่จะเกิดขึ้นเราจะมอบหมายให้กับทีมเล็กๆ คุณไม่ต้องกังวล”
“การทำงานเพื่ออสูรป่ามีประโยชน์ยังไง?”
เซียงเฟิงหรั่นเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามโต๊ะด้วยใบหน้ามืดมน “เมื่ออสูรป่าทำลายเราทุกคนและโลกกลายเป็นสวรรค์ของพวกมัน คนทรยศจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกมันอย่างนั้นหรอ? หากทำจริง เขาคงเป็นคนเลวทรามต่ำช้ามากจริงๆ!”
”ฉันเห็นด้วย” เสวี่ยอวิ๋นเจินก็โกรธเช่นกัน “รับใช้อสูรป่า… นักรบอสูรในตำนานจะไร้ยางอายอย่างงั้นได้ยังไง?”
คนที่นั่งอยู่หน้าซีด บางคนไม่สามารถทนต่อการดูถูกได้ “ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรา? บางทีพวกคุณบางคนอาจเป็นสายลับก็ได้ คุณอยู่ในถ้ำลึกตลอดเวลานิ ใครจะบอกว่าคุณไม่ได้ผูกมิตรกับอสูรร้าย?”
”อะไรนะ?!”
เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความโกรธ คนทรยศในหมู่พวกเรา? โอ้ ไอ้***!
พวกเขาเป็นคนที่อยู่ในถ้ำลึกตลอดทั้งปี พวกเขาจะทนโดนดูถูกเหยียดหยามได้ยังไง?
พวกเขาไม่มีทางยอมให้ใครมาใส่ร้ายพวกเขา!
“งั้นมันก็เป็นความผิดของเราที่เราต้องอยู่ในถ้ำลึก!”
จิ่งเสิ่นดึงหน้าตึง แววของความหนาวเย็นแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา
นักรบอสูรในตำนานที่กล่าวหาเขารู้ว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วคนอย่างจิ่งเสิ่นเป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
ข้อกล่าวหานั้นทำให้พวกเขาโกรธ
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นความผิดของนายหรือเปล่า แต่นายเคยอยู่ในถ้ำลึกและอสูรป่าก็ยังออกมาได้ เราไม่ต้องพูด แต่เราทุกคนรู้ว่านั่นหมายถึงอะไร!”หยวนเทียนเฉินแทรกแซง
เขาเองก็อยู่ในสภาวะว่างเปล่า เขาไม่กลัวเซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับหัวหน้าเหล่านั้น แต่เขากล้าเพราะรู้ว่ากู่ซือผิงจะอยู่เคียงข้างเขา
เขาไม่คิดว่าคนที่ปกป้องถ้ำลึกจะทำร้ายเขาในเวลานี้
ความขัดแย้งภายใน? ใครก็ตามที่เริ่มต้นจะโดนคนทั้งโลกเกลียด!
“นาย-ฮึ่ม!
“หุบปากไปเลย!”เซียงเฟิงหรั่นทุบโต๊ะและกระโดดลุกขึ้นยืน มันเป็นความผิดของเรา? เรารายงานไปที่หอคอย แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราอยู่ในถ้ำลึกอย่างระมัดระวัง และต่อสู้กับอสูรป่าทุกครั้งที่ออกจากทางเดิน นักรบอสูรในตำนานจำนวนมากถูกฆ่าตาย ตอนนี้เรากำลังถูกตำหนิ?
”ฮึ!”หยวนเทียนเฉินจ้องกลับไปที่เซียงเฟิงหรั่น
นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ ปลดปล่อยพลังดวงดาวเพื่อสนับสนุนหยวนเทียนเฉิน แม้ว่าจะไม่มีใครแข็งแกร่งเท่าเซียงเฟิงหรัน พวกเขาก็ไม่กลัวเพราะกู่ซิผิงอยู่เคียงข้างพวกเขา
“ไร้สาระ!”กู่ซือผิงคำราม ทำให้ทุกคนตะลึง “พวกเขาทั้งหมดเป็นวีรบุรุษ อย่าพูดกับพวกเขาแบบนี้!”กู่ซือผิงดุหยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ
พวกเขาไม่พูดอะไรอีก
”นั่งลง เราต้องทำงานร่วมกัน ใครก่อการทะเลาะวิวาทขึ้นอีก จะถือเป็นสายลับของอสูรป่า!”กู่ซือผิงจ้องมองเสวี่ยอวิ๋นเจิน เซียงเฟิงหรั่น และคนอื่น ๆ ที่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
เซียงเฟิงหรั่นนั่งลงหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาโกรธจัด และไม่มีอะไรจะจะระบายความโกรธนั้นได้
“อย่าไปสนใจเรื่องคนทรยศ ก่อนอื่นเราควร…”กู่ซือผิงกล่าวต่อ
ผ่านไปครึ่งทาง มีคนตัดบทเขาออก “เฮ้ พวกแกนะ ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พูด” ประโยคนั้นทำให้ทุกคนเงียบลง
ผู้คนหันไปมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ
ชายคนนั้นจ้องไปที่หยวนเทียนเฉิน“แกอย่าดูถูกคุณเซียงและคนอื่นๆ พวกแกทำอะไรตอนที่พวกเขากำลังปกป้องถ้ำลึก? ค้นอาณาจักรลับเพื่อหาสมบัติ? หาความสุขใส่ตัวเอง? เราควรสามัคคีกันในเวลาแบบนี้ ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคนถ้ายังโต้เถียงกันแบบนั้นอีก!”
“และฉันจะทำแน่!”
ภัยคุกคามทำให้หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ ประหลาดใจ พวกเขาจ้องไปที่เขาแล้วหันไปหากู่ซือผิง
กู่ซือผิงคาดไม่ถึงเช่นกัน สีหน้าเขาไม่ดีมากๆ… เขาเพิ่งบอกว่าห้ามใครเริ่มการโต้เถียงอีก และซูผิงก็ทำ!
“น้องซู เรากำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขาม คุณควรเป็นตัวอย่างที่ดี”กู่ซือผิงขมวดคิ้ว
“ถูกต้อง” นักรบสภาวะว่างเปล่าพูดขึ้น
เนื่องจากกู่ซือผิงได้เตือนซูผิงแล้ว หยวนเทียนเฉินเชื่อว่าเป็นโอกาสของเขาแล้ว “ซูผิง ฉันรู้ว่านายมีความสามารถ แต่นายควรไปหาอสูรเพื่อระบายพลังงานพิเศษนั้น เราแค่พูดความจริง … อย่าคุกคามเราตลอดเวลาได้ไหม นายฆ่านักรบอสูรในตำนานสองคนที่หอคอยแล้ว และหนึ่งในนั้นอยู่ในสภาวะว่างเปล่า นายรู้ไหมว่ามันการสูญเสียครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ?”
คนอื่น ๆ จ้องมองที่ซูผิง
สำหรับคนที่อยู่ข้างซูผิง เซียงเฟิงหรั่นและคนอื่น ๆ พวกเขาไม่ได้สนใจ สิ่งที่ซูผิงพูดได้ทำให้พวกเขาประทับใจจริงๆ พวกเขาทำงานหนักอย่างไม่รู้จบในถ้ำลึก และถูกใส่ร้าย แต่กู่ซือผิงผู้นำของมนุษย์เปลี่ยนบทสนทนานั้นอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาไม่พอใจกับเรื่องนั้นอย่างแน่นอน
“นั่นเป็นการสูญเสียเหรอ? ไหนบอกฉันหน่อย ฉันอยากรู้” ซูผิงมองเข้าไปในดวงตาของหยวนเทียนเฉิน “นายอยู่ในสภาวะว่างเปล่าเหมือนกัน นายสามารถฆ่าอสูรสภาวะชะตากรรมได้กี่ตัว?”
หยวนเทียนเฉินรู้ว่าซูผิงกำลังหมายถึงอะไร “ฉันไม่สามารถฆ่าอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ แต่นายกำลังบอกเป็นนัยว่าเมื่อมีพลังที่แข็งแกร่งก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ? หากเป็นอย่างนี้ เราควรจะสามารถฆ่านักรบกิตติมศักดิ์ได้ตามต้องการ!”
เหล่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ยืนอยู่นอกห้องประชุม: “???”
ซูผิงเยาะเย้ย “อย่าพูดเหมือนนายไม่เคยทำแบบนั้น อย่าทำตัวให้น่าสมเพช ฉันจะปฏิบัติแบบเดียวกันกับที่นายทำกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เมื่อพวกเขาทำให้นายไม่พอใจ แต่เชื่อฉันเถอะ หากนายไม่เคารพฉัน ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นคิดยังไง และฉันไม่สนใจว่าฉันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์และสัญลักษณ์ของความอับอายหรือไม่ ฉันแค่อยากมีชีวิตที่มีความสุขในตอนนี้ ลองดูสิ!”
หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ หน้าซีด
นี่มัน… คนบ้า!
พวกเขารู้ว่าซูผิงเคยทำอะไรมาก่อน ชายหนุ่มจะทำตามที่พูด!
ถ้าเขาไม่ได้บ้า ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นในหอคอยตอนนั้น?
หยวนเทียนเฉินกำลังเดือดดาล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเงียบ เขากลัวว่าซูผิงจะโจมตีเขาทันที และแม้กู่ซือผิงจะหยุดซูผิง การต่อสู้ก็คงแตกหัก นอกจากนี้ยังมีความจริงที่ว่าซูผิงสามารถฆ่าราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมได้ การทำร้ายหยวนเทียนเฉินนั้นไม่ใช่เรื่องยาก กู่ซือผิงจะไม่สามารถปกป้องหยวนเทียนเฉินไปได้ตลอดชีวิต!
หยวนเทียนเฉินและคนอื่นๆ เงียบไป เสวี่ยอวิ๋นเจินและคนอื่น ๆ จ้องมองที่ซูผิง ทันใดนั้นพวกเขาพบว่าชายหนุ่มไม่ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิด ผู้ชายคนนี้เป็นวีรบุรุษ กล้าหาญ และดุร้าย!
แต่พวกเขาชอบ!
หลี่หยวนเฟิงปิดปากของเขา เขาคงจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ถ้ากู่ซือผิงไม่อยู่ที่นี่ ซูผิงเป็นเพื่อนของเขา! ผู้ชายที่สามารถขายอสูรสภาวะว่างเปล่าได้สี่สิบตัวจะไม่ยอมโดนดูถูกนั้นอย่างแน่นอน!
ใบหน้าของกู่ซือผิงซีด ซูผิงเพิกเฉยต่อคำเตือนของเขา อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าการโต้เถียงกับซูผิงจะทำให้เขาดูแย่
ตำแหน่งของเขาไม่ได้ทำให้เขาสามารถทำตัวแบบซูผิงได้
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์ลง!
ความสงบของกู่ซือผิงกลับมา แต่ดวงตาที่เย็นชาของเขาทำให้ทุกคนหวาดกลัว
“เราควรหยุดเรื่องไร้สาระนี้!”กู่ซือผิงใช้คำหนึ่งคำเพื่อควบคุมสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งนับเป็นคำเตือนสำหรับซูผิงด้วย “เราควรพูดถึงวิธีจัดการกับอสูรร้าย คุณตั้งให้ผมเป็นผู้บัญชาการ ดังนั้นคุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผม!
ซูผิงหรี่ตาลง เรื่องไร้สาระ?
เขาต้องการโต้เถียงกับกู่ซือผิง แต่หยุดเมื่อคิดอีกที เขาสามารถเถียงต่อได้ แต่เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้!
พวกเขาต้องพูดคุยเกี่ยวกับการโจมตีจริงๆจังๆ
เขาไม่ต้องการที่จะอคติกับข้อโต้แย้งเล็กน้อย!
การประชุมสิ้นสุดลงครึ่งชั่วโมงต่อมา
การประชุมทั้งหมดกินเวลาหนึ่งชั่วโมงโดยมีการโต้เถียงกันถึงครึ่งหนึ่งของเวลา โชคดีที่ทุกคนมีความกระตือรือร้นในช่วงครึ่งหลังของการประชุม พวกเขายื่นข้อเสนอและได้ข้อตกลงในไม่ช้า
นักรบอสูรในตำนานจากไปทันทีหลังจากการประชุมสิ้นสุดลง เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย
ซูผิงเป็นคนแรกที่ออกจากห้องประชุม เขาไม่ได้รับมอบหมายงานใด ๆ เขายังคงไม่มีอะไรทำในตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่ราชาอสูรร้ายยังมาไม่ถึง
นักรบอสูรในตำนานคนอื่นๆ จะช่วยเตรียมการ ซูผิงจะเป็นพลังยืดหยุ่นที่สามารถไปได้ทุกที่หากจำเป็น
ตอนนี้ไม่มีใครต้องการเขา เขาจึงกลับไปที่ร้าน เมื่อเขามองดูพระอาทิตย์ตก เขาก็รู้สึกว่า… มันจะเป็นอาทิตย์สุดท้ายของพวกเขา
ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่ดวงอาทิตย์ตกสุดท้ายบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน… ซูผิงคิดกับตัวเอง
เขาส่ายหัว เขากลับเข้าไปข้างในร้านและไปรับวัตถุดิบจากถังยู่หราน จากนั้นเขาก็ออกไปสร้างค่ายกลเพิ่มเติม มีวัตถุดิบสิบแปดชุด และไม่มีอีก ซูผิงไม่ได้กระจายค่ายกลอย่างเท่าเทียมกันทั้งสี่ด้าน เขามุ่งความสนใจไปที่ฝั่งตะวันตก เขาใช้ค่ายกลทางทิศตะวันตกจนหมดสิบแปดชุด มันจะทำให้อสูรร้ายที่อยู่ทางด้านนั้นช้าลง สิ่งนี้จะทำให้มนุษย์มีช่องว่างให้หายใจ เพื่อมุ่งความสนใจไปที่อีกสามด้านก่อน ทำให้ความเครียดน้อยลง
ค่ำคืนล่วงไป เผยให้เห็นท้องฟ้าที่ประดับประดาด้วยดวงดาว
การสร้างแนวป้องกันกำลังจะเสร็จแล้ว
สถานที่ได้รับการตัดสินใจเมื่อเวลาประมาณเที่ยง กำแพงทั้งสองใกล้จะเสร็จแล้ว ตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำอสูรก่อสร้างที่ดีที่สุดในทวีปทั้งหมดอยู่ที่นี่เพื่อทำงานให้เสร็จ ความเร็วนี่มหัศจรรย์มาก ผู้อพยพย้ายถิ่นเข้าไปอยู่ในกำแพงทั้งสอง หลังจากที่กำแพงทั้งสองสร้างเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางกับดักไว้นอกกำแพง
ราชาอสูรร้ายจำนวนมากทำงานอยู่ที่นั่น
แผนกข่าวกรองกำลังรวบรวมข้อมูลทั่วทั้งทวีป
พวกเขาสามารถตั้งสถานีเฝ้าระวังได้อย่างง่ายดายทั่วทั้งทวีปหลังจากที่พวกซูผิงทำลายที่ซ่อนของอสูรร้าย ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลทันทีเมื่ออสูรป่ามาถึง
เวลาผ่านไป
ซูผิงมองนาฬิกาในร้าน
เก้าโมงแล้ว การเลื่อนขั้นร้านค้าจะเสร็จสิ้นภายในแปดชั่วโมง
ฉันหวังว่าเราจะสามารถอยู่รอดได้ในแปดชั่วโมงนี้… ซูผิงรู้สึกประหม่า เขาไม่ต้องการที่จะไตร่ตรองว่ากู่ซือผิงพูดความจริงเกี่ยวกับไพ่ตายที่มีหรือไม่ เขาจะพึ่งพาตัวเอง นั่นคือปรัชญาของเขา
จากสิ่งที่กู่ซือผิงได้แบ่งปันกับพวกเขา ซูผิงรู้สึกว่าพวกเขาแทบจะไม่รอดจากการโจมตีด้วยกองกำลังทั้งหมดที่มีอยู่
ความสมบูรณ์ของกำแพงทั้งสองทำให้หลายคนมีกำลังใจ เพราะพวกมันทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง อย่างไรก็ตามซูผิงรู้ดีว่ากำแพงสามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดายเมื่อราชาอสูรร้ายสภาวะชะตากรรมจำนวน 20 ตัวมาถึง
โลกภายในกำแพงนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ผู้คนต่างวิ่งวุ่นไปมา
ซูผิงกำลังเรียนรู้ค่ายกลกับโจแอนนาขณะที่มีคนมาที่ร้าน
พวกเขาคุ้นเคย
“เอ่อ คือคุณนั่นเอง!” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ ชือเจิ้นเซียงและทงทงที่เขาเจอที่สมาคมผู้ฝึกสอน
”ใช่!” หญิงสาวทั้งสองมีความสุขมากที่ได้เห็นซูผิง ต่อมาพวกเธอสังเกตเห็นโจแอนนาซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา
โจแอนนามีผมสีทอง และผิวของเธอก็ขาวราวกับหิมะ หญิงสาวทั้งสองตัวแข็งทันที พวกเธอไม่เคยเห็นใครที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อน
“คุณซูจริงๆด้วย!”
ชือหาวจื่อพ่อของหญิงสาวทั้งสองคน และลู่ฉิวรองประธานสมาคมผู้ฝึกสอนก็เข้ามาในร้านเช่นกัน
พวกเขาเองก็ประหลาดใจกับหญิงสาวข้างๆ ซูผิงเช่นกัน
พวกเขาแทบจะไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย
ในขณะที่ชือหาวจื่อยังคงมีความหลงใหลในสายตา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันมาจากลูกสาวของเขา ชือเจิ้นเซียง ซือหาวจื่อกระแอมในลำคอ และยิ้มอย่างเขินอาย “คุณซูไม่เจอกันนานเลย เราเพิ่งย้ายมาที่เมืองฐานหลงเจียง เรารู้ว่านี่คือบ้านเกิดของคุณ เราจึงถามหาคุณไปทั่ว เราดีใจมากที่ได้พบคุณอีกครั้ง”