ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 792 ยึดธง
“ที่นี่คือสำนักทะเบียนใช่ไหม”
ซูผิงมาถึงสถานที่ลงทะเบียน
เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากผู้คนและไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงดัง
ผู้คนอย่างน้อยหนึ่งแสนคนมารวมตัวกันที่ลานกว้างใหญ่ หลายคนแบกอสูรของตนโดยย่อขนาดชั่วคราว
อสูรบางตัวยืนอยู่บนไหล่ของเจ้านายเหมือนเอลฟ์ตัวเล็ก
“เจ้าของร้าน… นั่นคุณเหรอ?” มีคนถาม ด้วยน้ำเสียงแปลกใจและสงสัย ขณะที่ซูผิงกำลังสังเกตฝูงชน เขาหันกลับมาและพบว่าเป็นลูกค้าของเขา ฟีลัส
”ฮะ?”
ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น
เขาจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกค้ารายแรกๆ ของร้านเขา
สิ่งที่น่าแปลกใจคือซูผิงได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เล็กน้อยก่อนที่เขาจะออกจากร้าน ทั้งหมดเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสนใจน้อยลง ผู้ชายคนนั้นจำฉันได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?
“เป็นคุณจริงๆหรอ? เสื้อผ้าของคุณดูเหมือน…” ฟีลัสรู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้เห็นปฏิกิริยาของซูผิง เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจอซูผิงที่นี่
ซูผิงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดในเมืองวอฟเฟ็ตอย่างไม่ต้องสงสัย
การเป็นยอดฝีมือระดับดวงดาวที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ฝึกสอนระดับเทพปรมาจารย์ เขาเป็นคนที่แม้แต่ผู้ครอบครองรีอาก็ไม่กล้ายุ่ง
มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถพบกับซูผิงได้ เว้นแต่พวกเขาจะไปที่ร้านของเขาเพื่อทำธุรกิจ
”เสื้อผ้า…”
ซูผิงมองไปที่เสื้อผ้าของเขาและตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะถูกเปิดเผยเพราะเสื้อผ้าของเขา เขาให้ความสนใจอสูรของเขามากเกินไปและเพิกเฉยต่อรายละเอียดนี้
“ไม่ต้องพูดอะไร”
ฟีลัสพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
“เจ้าของร้านคุณมาที่นี่ในฐานะผู้ตัดสินหรอ?” ฟีลัสถามอย่างระมัดระวังด้วยความเกรงใจในสายตา เขาเลือกที่จะให้อสูรของเขาได้รับการฝึกฝนทุกครั้งที่ไปรับพวกมัน
เขามีอสูรระดับ A หลายตัวแล้ว หนึ่งในนั้นได้รับการฝึกฝนสามครั้งและมีความสามารถ A+ แล้ว!
นั่นคือเหตุผลที่เขามั่นใจในการเข้าร่วมการแข่งขัน!
หากไม่ใช่เพราะซูผิง เขาคงไม่ฝันถึงการคว้าแชมป์ระดับเมือง มันเป็นเป้าหมายของเขา แต่เขารู้ว่าเขาแทบจะไม่สามารถบรรลุมันได้
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจในชัยชนะของเขา
ตระกูลของเขายังพบว่าเขากำลังฝึกอสูรของเขาในร้านของซูผิง สิ่งนี้ทำให้ตำแหน่งของเขาในตระกูลทะยานสูงขึ้น
นอกจากนี้เขายังได้รับเงินจำนวนมาก ซึ่งทำให้เขาสามารถเลือกการฝึกฝนมืออาชีพสำหรับอสูรหลักของเขาได้
ตระกูลยังแผ่กระจ่ายข่าวออกไป องค์กรและเจ้าพ่อที่เคยฉวยโอกาสก่อนหน้านี้ก็ได้ห้ความเคารพมากขึ้น
ถ้าเขาพูดคนอื่นอาจมองว่าเขาบ้า แต่ฟีลัสรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกิดจากข่าวที่ว่าเขาฝึกอสูรของเขาในร้านของซูผิง
ตราบใดที่เขามีเงิน เขาสามารถเลือกที่จะฝึกต่อได้ทุกครั้งที่อ้างสิทธิ์จากอสูรของเขา
ถ้าเขายอมแพ้ เขาจะต้องรอในแถวถ้าเขาต้องการฝึกอสูรของเขาอีกครั้ง
เมื่อพิจารณาถึงระยะเวลาปัจจุบันของคิวนอกร้านแล้ว เขาจะต้องรอนานแค่ไหน?
“ไม่ ผมมาที่นี่เพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน” ซูผิงกล่าว
“?”
ฟีลัสรู้สึกงุนงงกับคำตอบของเขา เขาถามด้วยความงุนงง “คุ-คุณมาที่นี่เพื่อมาสมัครเหรอ? แต่เขาไม่อนุญาตให้นำอสูรระดับดวงดาวเข้าร่วมการแข่งขันอสูร…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ตระหนักว่าซูผิงไม่จำเป็นต้องใช้อสูรของเขาเอง!
เจ้าของร้านสามารถใช้อสูรที่ยังไม่ได้ทำสัญญาหรือไม่มีเจ้าของได้ ท้ายที่สุดไม่มีใครสนใจว่าอสูรเป็นของใคร
จู่ๆ ฟีลัสก็รู้สึกประหม่า เห็นได้ชัดว่าซูผิงกำลังมาล่าแชมป์
ซูผิงมองเขาและส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงเบา ๆ “เจ้าของร้าน?”
ซูผิงตกใจ เขาหันกลับไปมองและพบว่าคือมีอา
“เป็นคุณจริงๆ ด้วย เจ้าของร้านซู!” มีอารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เจอซูผิง “คุณมาที่นี่ในฐานะผู้ตัดสินเหรอ”
“…” ซูผิงพูดไม่ออก ทำไมทุกคนถึงคิดว่าฉันเป็นผู้ตัดสิน? ฉันไม่สามารถเป็นผู้เข้าแข่งขันได้หรอ?
ฟีลัสเสนอตัวตอบคำถามแทนทันที เมื่อเห็นว่าซูผิงเงียบ
มีอาพบว่ามันยากที่จะเชื่อ “คุณมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมจริงๆหรอ?”
จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าท่าทางของเธอดูไม่เหมาะสม เธอรีบยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอแสดงความยินดีสำหรับชัยชนะของคุณล่วงหน้าก่อนเลย เจ้าของร้านซู ผลแห่งการหลุดพ้นจะต้องเป็นของคุณอย่างแน่นอน”
”ขอบคุณ”
ซูผิงพยักหน้า ไม่ได้มองว่านี่เป็นการเยินยอ แต่เป็นจริง
มีอายิ่งอิจฉามากขึ้นเมื่อเห็นว่าซูผิงมั่นใจแค่ไหน เธอมาที่นี่เพื่อลงทะเบียนเหมือนกัน เธออยากหาอะไรสนุกๆทำก่อนจะกลับไปเรียนที่สถาบัน เธอไม่ได้หวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
นอกจากนี้เนื่องจากร้านของซูผิงเมืองวอฟเฟ็ตจึงมีอสูรระดับ A เพิ่มขึ้น เธอมีอสูรระดับ A เป็นของตัวเอง แต่เธอไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะตัวอื่นๆ ทั้งหมดได้
เธอเพียงหวังว่าอสูรของเธอจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้มากขึ้นจากการแข่งขัน
…
ไม่นานก็ถึงคิวของซูผิง
เขาเรียกโครงกระดูกน้อย สุนัขมังกรดำ มังกรเพลิงนรก อสรพิษม่วง และมังกรอสนีบาตเกล็ดขาว
นอกจากโครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำแล้ว อสูรตัวอื่นๆ ของเขายังทำให้ทุกคนในบริเวณโดยรอบตกใจ—
แต่แล้วพวกเขาก็รู้สึกว่าพวกเขามีมีท่าทีเกินจริงเมื่อเห็นว่าอสูรยักษ์เป็นแค่มังกรและอสรพิษที่มีสายเลือดขั้นต่ำ
อย่างไรก็ตามมังกรอสนีบาตเกล็ดสีขาวดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก ทุกคนประหลาดใจกับมังกรกลายพันธุ์ที่มีเกล็ดสีขาวทั้งตัว
ไม่มีการบอกว่าการกลายพันธุ์นั้นดีหรือไม่ดี
การกลายพันธุ์บางอย่างไม่ดีและทำให้สิ่งมีชีวิตอ่อนแอลง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
เสียงอุทานดังมาจากที่อื่น คนอื่นมีอสูรที่มีสายเลือดอันทรงพลังและดึงดูดความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน
“ตาฉันฝาดหรืเปล่า? เขาตั้งใจจะลงทะเบียนอสรพิษนั้นหรอ?”
“มันดูไม่เหมือนอสูรร้ายสภาวะสมุทรด้วยซ้ำ”
“นายเห็นโครงกระดูกตรงนั้นไหม?”
“เท่าที่ฉันจำได้ ไม่มีเผ่าพันธุ์โครงกระดูกที่แข็งแกร่งเลยนิใช่ไหม?”
มีอาและฟีลัสยืนอยู่ข้างซูผิง ทั้งสองเริ่มเหงื่อตกหลังจากได้ยินเสียงกระซิบทั้งหมด
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจเช่นกัน
พวกเขาคิดว่าซูผิงจะเข้าร่วมการแข่งขันกับอสูรของคนอื่น แต่จริงๆ แล้วเขาเรียกอสูรของเขาทั้งหมดออกมา
มันค่อนข้างผิดปกติสำหรับยอดฝีมือระดับดวงดาวที่จะมีอสูรระดับต่ำจำนวนมาก
“คุณต้องการสมัครใช่ไหม?”
ผู้ตัดสินที่อยู่ข้างหน้าซูผิงเป็นชายชราสภาวะชะตากรรมซึ่งหรี่ตาเมื่อเห็นอสูรที่ซูผิงเรียกออกมา โดยเฉพาะโครงกระดูกตัวเตี้ยที่อยู่หน้าสุด
แม้ว่าโครงกระดูกจะไม่ปล่อยรัศมีใด ๆ ออกมา แต่เขาก็ขนลุกเมื่อมันมองเขาด้วยเบ้าตาว่างเปล่าของมัน ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวกำลังซ่อนตัวอยู่ในหลุมลึกไร้ก้นบึ้งนั่น!
”ใช่”
“บอกให้อสูรของคุณทำการจารึกจิต ตั้งชื่อให้อสูรของคุณด้วย” ชายชรากล่าว
เขาหยิบตราผลึกออกมาซึ่งมีไว้เพื่อทำตราจิตในการลงทะเบียน
ซูผิงบอกโครงกระดูกน้อยทำสัญลักษณ์ไว้บนตรา เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรียกมันว่าโครงกระดูกน้อย”
“โครงกระดูกน้อย?”
ชายชราตกตะลึงครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดว่าซูผิงจะคิดชื่อแบบนี้ออกมา
อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องของเขา ดังนั้นเขาจึงเก็บความคิดเห็นไว้กับตัวเอง เขาถามว่า “คุณต้องการเข้าร่วมในระดับใด?”
“สภาวะชะตากรรม” ซูผิงกล่าว
เขาได้ศึกษากฎมาแล้ว โครงกระดูกน้อยสามารถลงทะเบียนเพื่อแข่งขันกับอสูรร้ายที่มีระดับสูงกว่าได้ อย่างไรก็ตาม ผู้คนจะลงทะเบียนสำหรับการแข่งขันระดับเดียวกันภายใต้สถานการณ์ปกติเท่านั้น เพราะการท้าทายศัตรูระดับที่สูงกว่ามักจะจบลงด้วยความล้มเหลว!.ไอรีนโนเวล.
ท้ายที่สุดอสูรทั้งหมดในการแข่งขันมีคุณภาพสูง
ในขณะที่อสูรสามารถรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้ในการแข่งขันเท่ากับระดับของมัน มันอาจพบอสูรที่แข็งแกร่งกว่าและพ่ายแพ้ได้ในการแข่งขันในระดับที่สูงกว่า ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน!
นอกจากนี้ หลายคนยังลดระดับอสูรเพื่อชิงรางวัล แม้ว่ามันจะไม่ดีสำหรับอสูร แต่ก็ชดเชยการสูญเสียด้วยรางวัล การแลกเปลี่ยนมักจะทำกำไรได้ในที่สุด
“ชะตากรรม?”
ชายชราหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่แปลกใจมากนัก โครงกระดูกทำให้เขารู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบอันตรายมาก เขารู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตสภาวะสมุทรเท่านั้น ใครจะรู้ว่ามันปลอมตัวหรือเปล่า?
โครงกระดูกน้อยลงทะเบียนทันที
“เพียงแค่ให้มันไปที่เวทีเมื่อการแข่งขันเริ่มต้น ตัวตนของมันได้รับการลงทะเบียนแล้ว” ชายชรากล่าวกับซูผิง
”แน่นอน”
ซูผิงพยักหน้าแล้วลงทะเบียนสุนัขมังกรดำและมังกรเพลิงนรกในการแข่งสภาวะชะตากรรม
ต่อมาเขาได้ลงทะเบียนมังกรเกล็ดขาวในระดับสภาวะว่างเปล่า
อสรพิษม่วงลงทะเบียนในสภาวะวสมุทร
ซูผิงต้องการประชันทั้งสามระดับ
ชายชราที่ดูแลการลงทะเบียนถามอย่างสับสน “ผมคิดว่าอสูรของคุณยังไม่อยู่ในสภาวะสมุทรใช่ไหม?”
ช่องว่างระหว่างราชาอสูรกับอสูรที่ต่ำกว่านั้นค่อนข้างชัดเจน เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นการปลอมตัว และพบว่ามันน่าสับสนที่ซูผิงยังคงเก็บอสูรขั้นต่ำไว้เมื่อเขาสามารถควบคุมอสูรสภาวะชะตากรรมได้แล้ว เขาควรจะทิ้งพวกมันไปเป็นอสูรสภาวะชะตากรรมตัวอื่นแล้วไม่ใช่หรอ?
”ยัง ลงทะเบียนได้ไหม?” ซูผิงถาม
ชายชราไม่คิดว่าเขาจะยอมรับตรงไปตรงมา หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “แน่นอน แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะผ่านได้ หรือแม้แต่เอาตัวรอดในรอบคัดกรอง เมื่อพิจารณาจากช่องว่างของระดับ!”
“งั้นก็รอดู”
“…”
ชายชราพูดไม่ออกหลังจากเห็นว่าซูผิงดูไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูด เขาทำได้เพียงส่ายหัวและทำตามขั้นตอนการสมัคร
เขาแค่เสียใจที่เห็นอสูรมีเจ้าของผิดคน
…
หลังจากผ่านการลงทะเบียนอสูรแล้ว ซูผิงก็รับอสูรของเขาและออกจากแถว
ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากโต๊ะลงทะเบียนอื่น
ซูผิงมองไปที่แหล่งที่มาของเสียงตะโกนเหล่านั้น และเห็นมังกรขนาดมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำปล่อยเปลวเพลิงปีศาจ
“มันคือมังกรปีศาจอาชูร่า!”
“เป็นอสูรที่หายากมาก! มันน่ากลัวยิ่งกว่ามังกรอสนีบาตเสียอีก!”
“ฉันอยากรู้จังว่ามันมีความสามารถอะไร?”
“ฉันได้ยินมาว่ามีคนประเมินมังกรปีศาจอาชูร่าไหวพริบระดับ A เมื่อไม่กี่วันก่อน ใช่ตัวนี้หรือเปล่า?”
หลายคนกระซิบคุยกัน
ซูผิงพบว่ามังกรที่คุ้นเคย ไม่นานเขาก็จำได้ว่าเคยฝึกมันมาก่อน มันเป็นหนึ่งในอสูรของลูกค้าของเขา
อสูรตัวนั้นติดตามสุนัขมังกรดำและโครงกระดูกน้อยเหมือนกับเพื่อนสนิท
ซูผิงส่ายหัว ไม่อยากมองอีกต่อไป
“เจ้าของร้าน คุณจะเข้าร่วมการแข่งขันกับอสูรเหล่านั้นรอ?”
ฟีลัสและมีอากำลังรอซูผิงอยู่นอกฝูงชน พวกเขาค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นอสูรที่ถูกซูผิงเรียกออกมา
ไม่มีอสูรตัวไหนที่มีสายเลือดโดดเด่น ยกเว้นมังกรอสนีบาตกลายพันธุ์
”ใช่”
ซูผิงไม่ได้คุยอะไรกับพวกเขามากนัก และพูดง่ายๆ ว่า “ผมต้องกลับไปทำงาน เจอกันพรุ่งนี้”
มีอะไรอีกมากมายที่พวกเขาอยากจะพูดกับซูผิง แต่พวกเขาไม่กล้าขอให้เขาอยู่ต่อ และทำได้เพียงลา
ซูผิงกลับไปที่ร้านของเขาและฝึกฝนต่อไปหลังจากออกจากสำนักงานลงทะเบียน
“เธอคิดว่าคำพูดในนี้เป็นของเผ่าพันธุ์ใด?” ซูผิงถามโจแอนนา
โจแอนนาไม่รู้จักคำศัพท์ที่สลักอยู่บนเทคนิคการบ่มเพาะ มันเป็นม้วนคัมภีร์ที่ไม่สมบูรณ์
“พวกมันดูโบราณกว่า บางทีอาจต้องเป็นคนในยุคดึกดำบรรพ์ถึงรู้จัก” โจแอนนาเดา
ซูผิงค่อนข้างเชื่อ โบราณกว่า? บางทีสิ่งมีชีวิตในแดนเทพอาเคี่ยนหรืออาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธอาจจะเข้าใจ
เมื่อเขามีเวลาว่างแล้ว เขาสามารถไปที่แดนเทพอาเคี่ยนกับโจแอนนาและถามคนที่นั่นดูได้
…
ไม่นานก็มาถึงอีกวัน
ขณะนี้ลูกค้ารอนอกร้านน้อยลง แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี!
ลูกค้าหลายคนไปที่สถานที่จัดการแข่งขันอสูร แต่ผู้ที่รู้ว่าตนเองว่าจะไม่ได้อะไรในงานนั้น ต่างรอคอยอยู่หน้าร้านอย่างมีมารยาท
ซูผิงคืนอสูรที่ได้รับการฝึกฝนให้กับลูกค้า ปิดร้าน และส่งอสูรของเขาไปที่เวทีแข่งขันในเมืองวอฟเฟ็ต
เวทีมีสามอาณาจักรลอยอยู่เหนือเมือง
มีภูเขาที่งดงามตระหง่านอยู่ภายในทั้งสามอาณาจักร ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากชานเมืองวอฟเฟ็ต
ซูผิงขยับเข้าไปใกล้ทางเข้าอาณาจักร ซึ่งเป็นลานกลางของเมืองวอฟเฟ็ต มันค่อนข้างใหญ่ แต่ในขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คน
ซูผิงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นจำนวนผู้เข้าแข่งขัน
“ขั้นตอนการคัดกรองจะใช้เวลาสี่ชั่วโมง!
“ตั้งแต่แปดโมงถึงสิบสองนาฬิกา!
“ใครก็ตามที่รักษาธงไว้บนภูเขาราชาอสูร และอยู่ได้นานกว่าสี่ชั่วโมงจะมีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่รอบต่อไป!”
กฎการคัดกรองค่อนข้างง่ายและตรงไปตรงมา: ใครก็ตามที่ยึดธงได้จะเป็นผู้ชนะ!
เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว เหลือเวลาหนึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่จะไป
ซูผิงเรียนรู้กฎมาก่อนล่วงหน้า และอสูรของเขาสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ทุกเมื่อ การเข้าสู่สนามรบเร็วเกินไปอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป ท้ายที่สุดอสูรต้องปกป้องธงหลังจากได้รับมา!
“เข้าไปกันเถอะ”
ซูผิงเรียกอสูรของเขาทันทีและส่งพวกมันเข้าไปในเวทีประลอง