ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 921 กลุ่มล่า
เมื่อทุกคนมารวมกันแล้ว ภาพลวงตาที่น่าเกรงขามของมู่เซินก็ปรากฏขึ้นเหนือวิหารอีกครั้ง เขามองลงมาที่ทุกคน
“ทุกคนจะได้รับการทดสอบในรอบที่สอง
“พวกเธอจะมีโอกาสได้สัมผัสกับสนามรบมิติก่อนล่วงหน้า ใครก็ตามที่ล่าอสูรป่าระดับเจ้าดวงดาวในมิติชั้นหกจะได้เข้ารอบ”
“ตอนนี้มิติถูกเปิดแล้ว!”
วังวนปรากฏขึ้นเหนือวิหารหลังการประกาศของมู่เซิน มันมีขอบสีม่วงและดำ เปล่งกลิ่นอายชั่วร้ายและแสงมืดมน
“เข้าไปกันเถอะ” ยอดฝีมือระดับสภาวะเทพดวงดาวที่รับผิดชอบการแข่งขันกล่าว
“ระวังขณะที่อยู่ที่นั่น อย่าไปไกลจากฐานมากเกินไป” โหยวหลงพูดกับซูผิงผ่านกระแสจิต ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้า
คนอื่นๆ ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังช่องว่าง
หลัวหยิงและคนอื่นๆ ในสิบอันดับแรกเข้าไปแล้ว ซูผิงไม่มัวเสียเวลา เขาเข้าไปในช่องนั้นทันที
ทันทีที่เข้ามาก็ถูกโจมตีด้วยแรงสั่นสะเทือนและมีอาการเวียนหัว อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ค่อยๆก็หายไปในไม่ช้า เขาเห็นเกาะในความว่างเปล่าเมื่อเขาลืมตาอีกครั้ง
มีวิหาร อาคาร และกำแพงสูงบนเกาะนั่น
สถานที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยชั้นพลังงานที่สดใส
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะ เขาเหลือบมองมาที่ซูผิงและคนอื่นๆ ที่เพิ่งมาถึง จากนั้นก็พูดนิ่งๆว่า “เปิดชั้นป้องกันและให้พวกเขาเข้าไป”
ไม่นานก็มีช่องปรากฏ และทุกคนก็เข้าไปข้างใน เกาะลอยอยู่ในความว่างเปล่าอย่างเงียบสงบ ไม่มีอะไรนอกจากทัศนียภาพที่รกร้างในบริเวณโดยรอบ ไม่มีดวงอาทิตย์ แต่ก็ไม่มืด ความว่างเปล่าก็เหมือนถ้ำขนาดมหึมา “ท้องฟ้า” ในสถานที่นี้มีสีฟ้าหม่น
“พวกอัจฉริยะฟังทางนี้!”
ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวที่แข็งแกร่งราวกับหมีกล่าวอย่างเย็นชาและเฉียบขาด หลังจากที่ทุกคนเข้ามา “ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเธอจะมีความสามารถน้อยมากแค่ไหน พวกเธอควรวางความเย่อหยิ่งของเธอไว้ที่นี่!
“นี่คือมิติชั้นหก สถานที่ที่ผู้บ่มเพาะสภาวะชะตากรรมอย่างพวกเธอไม่ควรมา
“อสูรมิติบุกรุกสถานที่แห่งนี้ตลอดทั้งปี งานของเธอในครั้งนี้คือการตามล่าพวกมัน เราจะคอยช่วย แต่จำไว้ว่าเธอต้องดูแลตัวเอง มีอันตรายที่มองไม่เห็นนอกเหนือไปจากอสูรมิติ… แม้แต่เจ้าดวงดาวก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากพวกมันได้!
“เธอควรจะตระหนักไว้ให้ดีถึงสถานการณ์ที่ตัวเธอเองกำลังเผชิญอยู่!”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสับสนหลังจากพูดจบ บางคนดูเหมือนจะไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่บางคนก็กังวลเรื่องอันตรายที่มองไม่เห็น
ถ้าแม้แต่เจ้าดวงดาวก็ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วเด็ก ๆสภาวะชะตากรรมอย่างพวกเขาจะไม่ถึงวาระหรอกหรอ?
“มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการแข่งขัน เราต้องเสี่ยงชีวิตจริงด้วยหรอ?”
“ฉันรู้สึกว่าฉันเกือบจะหลุดจากความว่างเปล่า ฉันต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ลอร์ดสูงสุดกล่าวว่าเราจะไม่ได้เข้ารอบ หากเราล่าอสูรระดับลอร์ดไม่ได้ มันยากเกินไป”
อัจฉริยะบางคนยังคงกระซิบกับคนอื่นๆ พวกเขาเก่งที่สุดในกาแล็กซีของตัวเอง แต่พวกเขาละทิ้งความเย่อหยิ่งทั้งหมดไปแล้วหลังจากได้เห็นคู่แข่งคนอื่น จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็ถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ฉันขอถามความแข็งแกร่งของอสูรมิติระดับลอร์ดได้ไหมคะ?”
หลายคนรีบหันไปมองยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว บางคนก็ไม่สนใจ ราวกับว่าพวกเขารู้คำตอบอยู่แล้ว
“อสูรมิติระดับลอร์ดแข็งแกร่งพอๆ กับเจ้าดวงดาว!” ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวกล่าวและจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “อย่างไรก็ตามอสูรมิติไม่มีพลังแห่งศรัทธา พวกมันมีความแข็งแกร่งทางกายภาพเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่เธอจะถูกฆ่าพวกเขาหากเธอมีความสามารถมากพอ!
“เธอมีอิสระที่จะร่วมมือกันถ้ามันยากเกินไป แต่แน่นอน เธอจะต้องตัดสินใจระหว่างเพื่อนร่วมทีมเอาเองว่าใครจะเป็นคนฆ่า”
แข็งแกร่งเท่าเจ้าดวงดาว?
หลายคนถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น มันเป็นแค่การทดสอบและไม่ใช่กับดักที่ตั้งใจจะฆ่าพวกเขาจริงๆใช่ไหใ?
อสูรร้ายไม่มีพลังแห่งศรัทธา แต่พวกมันยังมีความแข็งแกร่งทางร่างกายเหมือนกับเจ้าดวงดาว!
จะมีใครสามารถข้ามช่องว่างของสองระดับหลัก ๆ ได้?
ในขณะที่ทุกคนกระซิบกระซาบกัน ผู้บ่มเพาะสภาวะเทพดวงดาวพูดอย่างเฉยเมยว่า “การทดสอบจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ เธอจะเข้าไปเป็นทหารรักษาการณ์ในท้องถิ่นระหว่างนี้ เธอต้องฟังคำสั่งของฉันเมื่อมีอสูรร้ายบุกเข้ามา!
“สำหรับการล่าอสูรป่าระดับลอร์ด นั่นขึ้นอยู่กับเธอ เธออาจจะออกไปล่าเดี่ยวและค้นหาในมิติ
“ฉันหวังว่าเธอจะคว้าโอกาสนี้และค้นหาว่านักรบผู้ปกป้องชายแดนมีเกียรติเพียงแค่ไหนใด!” เสียงกระซิบเงียบลง มีคนถามว่า “ผู้อาวุโส ถ้าเราออกไปล่าอสูรมิติระดับลอร์ด เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่และต่อต้านอสูรมิติที่บุกรุกเข้ามาใช่ไหม?”
สภาวะเทพดวงดาวเหลือบมองเขาและตอบว่า “เธอไม่จำเป็นต้องมาตามเสียงเรียกถ้าเธอออกจากเกาะก่อนที่อสูรร้ายจะบุกเข้ามา แต่ถ้าเธอยังอยู่บนเกาะ เมื่อเสียงเตือนดังขึ้น เธอต้องทำตามคำสั่งของฉัน!
“ฉันต้องเตือนก่อนว่าเธออาจจะตายได้ทุกเมื่ออยู่นอกชั้นป้องกัน อสูรมิติที่ทรงพลังบางตัวนั้นคาดเดาไม่ได้แน่นอน อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ยังมีอันตรายที่มองไม่เห็นนอกเหนือจากอสูรมิติ
“ผู้อาวุโสของพวกเธอน่าจะสอนเธอมาแล้วแน่ๆว่าอุบัติเหตุใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นและสามารถเกิดขึ้นได้ในมิติลึกใช่ไหม?”
คนที่เปล่งเสียงถามไม่พูดอะไรอีก เขาคิดหนัก
คนอื่นๆ ทั้งหมดก็กำลังพิจารณาว่าพวกเขาควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้
อัจฉริยะระดับแนวหน้าอย่างพวกเขาเก่งในการแก้ปัญหา
เมื่อเห็นว่าไม่มีคำถามเพิ่มเติม ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวจึงขอให้นายพลเจ้าดวงดาวลงทะเบียนพวกเขา
ซูผิงกำลังวางแผนระหว่างรอการลงทะเบียนเสร็จ ก็มีคนเข้ามาทักเขา “เฮ้!”
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นซูจินเอ๋อเดินเข้ามา
“นายสนใจร่วมทีมกับฉันไหม?” ซูจินเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายอาจแข็งแกร่งกว่าฉันมาก แต่ฉันมีประสบการณ์พิเศษในการล่าอสูรมิติ ฉันไม่คิดว่านายจะมี”
ซูผิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขายิ้มและพูดว่า “ขอโทษที แต่ฉันไม่ได้ขาดประสบการณ์ดังกล่าว”
ซูจินเอ๋อขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ นายอยู่แค่สภาวะชะตากรรม แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะฉีกมิติชั้นหกให้เปิดออกด้วยตัวเอง แม้ว่านายจะทำได้ นายก็จะอยู่ได้ไม่นาน ไม่มีทางที่ศิษย์พี่ของนายจะยอม นายจะมีประสบการณ์ในการล่าอสูรมิติได้ยังไง?”
“ฉันไม่ได้ขาดประสบการณ์แบบนั้น” ซูผิงกล่าวย้ำด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันต้องการคนชนและฉันไม่คิดว่าเธอจะมีคุณสมบัติเป็นคนรับการโจมตีให้”
ซูจินเอ๋อลืมตาโตและพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ว่า “นายล้อเล่นเหรอ? ก็ได้ ฉันสามารถทำงานเป็นคนรับให้นายได้ แต่ฉันมีบางสิ่งที่สามารถล่ออสูรมิติได้ ฉันเตรียมไว้สำหรับการทดสอบโดยเฉพาะนี้ นายไม่มีอะไรแบบนั้นใช่ไหมล่ะ? เราแค่ต้องล่ออสูรมิติไปยังที่ที่เราเลือกเพื่อที่เราจะได้สามารถจัดการพวกมันได้”
ซูผิงเลิกคิ้ว เขาไม่มีอะไรแบบนั้นจริงๆ
“มันน่าดึงดูดขนาดไหน? เกิดอะไรขึ้นถ้าอสูรมิติทั้งฝูงถูกล่อด้วยสิ่งนี้? จะมั่นใจได้ยังไง?” “แค่ดึงดูดอสูรมิติตัวใดตัวหนึ่งได้ก็ดีมากแล้ว เราสามารถวิ่งกลับไปที่ฐานได้เสมอ หากฝูงอสูรมิติพยายามจะโจมตีเรา” ซูจินเอ๋อร์พูดล่าวอย่างโกรธเคือง “อย่าดูถูกมัน ของนี้หายาก คงจะอันตรายถ้าเราไม่ใช้มันเพื่อค้นหาอสูรมิติในโลกของพวกมัน นายอาจจะวิ่งเข้าไปในฝูงอสูรมิติระดับผู้ครอบครองที่น่าสะพรึงกลัวได้ทุกเมื่อ”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ซูผิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ได้ เรามาร่วมมือกันเถอะ”
ซูจินเอ๋อแอบโล่งใจ เธอยิ้มและพูดว่า “อีกไม่นานนายจะรู้ว่าฉันมีประโยชน์แค่ไหน”
ซูผิงยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
“พี่ซู”
อีกคนเดินเข้ามาหาเขา เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในสายตาของเขา เขาเป็นคนที่เคยตกเป็นทาสของซูผิง
ซูผิงถอนรัศมีดาบที่อยู่ข้างๆ หัวใจของชายคนนี้หลังจากจบการทดสอบรอบนั้น ท้ายที่สุดแล้วชายคนนี้ก็มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน มันคงเป็นเรื่องเลวร้ายถ้าเขายังคงข่มขู่ชายคนนี้อยู่
“สนใจที่จะร่วมมือกันไหม?” ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาพูดราวกับว่าเขาลืมความอัปยศก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว
แปลกใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินข้อเสนอ ซูผิงถามว่า “นายอยากตามฉันอีกหรอ?”
ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจหลังจากนึกถึงสถานการณ์ครั้งก่อน เขาตอบว่า “เรารู้จักกันแล้วนิ? เราควรร่วมมือกันดีกว่าร่วมมือกับคนที่เราไม่รู้จัก นายแข็งแกร่งกว่าฉันอย่างแน่นอน แต่ผู้ช่วยจะเป็นประโยชน์เสมอเมื่อนายตกอยู่ในอันตราย
“อสูรร้ายระดับลอร์ดตัวแรกจะเป็นของนายหากเราร่วมกันล่า ฉันจะไม่โทษนายถ้านายไม่ต้องการช่วยฉันฆ่าตัวที่สอง”
เขาพูดดูค่อนข้างจริงใจ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูผิงก็ถามว่า“นายแน่ใจใช่ไหม?”
“แน่” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อสูรมิติระดับลอร์ดน่ากลัวมากจนลอร์ดสูงสุดใช้พวกมันเพื่อทดสอบเรา มันก็หมายความว่ามีคนไม่มากที่จะสามารถตามล่าพวกมันได้ ฉันแทบจะไม่สามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าได้ร่วมมือกับนาย”
”ตกลง แต่อย่าโทษฉันถ้าการล่านั้นอันตรายเกินไป และฉันตัดสินใจที่จะกลับไปทันทีที่ฉันฆ่าของฉันได้” ซูผิงกล่าว
“แน่นอน ไม่โทษอยู่แล้ว” ชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาพูดพร้อมยิ้ม
ซูผิงเหลือบมองเขา เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้พูดจริง
“งั้นเราไปกันเถอะ” ซูผิงมองไปที่ซูจินเอ๋อและแนะนำชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาให้เธอฟัง
ซูจินเอ๋อพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม อสูรร้ายตัวที่สองที่เราล่าจะเป็นของฉัน และตัวที่สามจะเป็นของเขา”
เธอรู้ว่าเธอต้องต่อสู้เพื่อทวงสิทธิ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้หากเธอเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับอสูรร้ายมันจะไม่มั่นคงกับเธอ
”แน่นอน”
ซูผิงพยักหน้า
เมื่อพวกเขาตกลงกันได้ อีกสองสามคนพูดกับซูผิงผ่านกระแสจิตและต้องการเข้าร่วมทีมของเขา แต่ซูผิงปฏิเสธพวกเขา
ท้ายที่สุด สมาชิกใหม่ทุกคนย่อมต้องการอสูรมิติ ทีมที่มีห้าคนหมายความว่าเขาต้องล่าอสูรป่าระดับลอร์ดห้าตัว เขาคงอยากจะไปล่าคนเดียวหากเป็นแบบนั้น
ผู้เข้าร่วมทั้งหมดลงทะเบียนเสร็จในไม่ช้า ข้อมูลถูกส่งผ่านนาฬิกาที่ได้รับจากกองทัพ เช่นที่ตั้งของที่อยู่อาศัยในสถานที่นั้น
ซูผิงถามเจ้าดวงดาวผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนเรื่องเกิดเปิดและปิดฝา เจ้าดวงดาวค่อนข้างสุภาพเมื่อพูดคุยกับอัจฉริยะอย่างซูผิง มีผู้เข้าแข่งขันประมาณสามสิบคนที่มีโอกาสขึ้นสู่สภาวะเทพดวงดาว แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับอันดับสองของซูผิงในการแข่งขันยังไม่ได้แพร่กระจายออกไป แต่องค์กรที่รู้ข้อมูลเร็วรู้เรื่องของเขาแล้ว
เจ้าดวงดาวคนนั้นรู้ถึงความสามารถของซูผิง ดังนั้นเขาจึงตอบทุกคำถามของเขา
“ใช้เวลาห้าวินาทีในการเปิดฝาในขนาดเล็กและสามนาทีในขนาดใหญ่
“ใช้เวลาเท่ากันในการปิด”
ซูผิงจดจำ ในกรณีที่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะกลับไปในกรณีฉุกเฉิน
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป
หลายคนเลือกที่จะร่วมทีม หลัวหยิงผู้ชนะอันดับหนึ่งได้ร่วมมือกับอัจฉริยะจำนวนหนึ่ง
ถัดจากมังกรชีพาร์ด อันดับหก เจ็ดและเก้าได้ร่วมมือกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในสิบอันดับแรก
ทีมของพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้
บางคนที่มีอันดับต่ำกว่าได้ตั้งทีมที่มีคนมากกว่ายี่สิบคน พวกเขาหวังที่จะล่าอสูรร้ายได้เช่นกัน แต่การแจกจ่ายจะเป็นปัญหา
ซูผิงเพิกเฉยพวกเขา นำซูจินเอ๋อและชายหนุ่มที่มีเฟืองสีทองในดวงตาไปที่แผนกทหารบนเกาะ
ซูผิงไปที่นั่นเพื่อขอข่าวเกี่ยวกับอสูรมิติ
มันมีหลายประเภท ซูผิงอ่านอย่างถี่ถ้วนและรู้ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับพวกมัน
จากนั้นเขาก็ขอบันทึกการป้องกันของฐาน
บันทึกนี้ถือเป็นความลับ แต่ชายคนนั้นก็มอบมันให้ซูผิงอยู่ดี เขาคิดหนักมากเมื่อซูผิงขอดู ท้ายที่สุดมันเป็นไปได้ที่จะสรุปรูปแบบการโจมตีของพวกมันจากบันทึก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงสำคัญมาก ซูผิงขมวดคิ้วหลังจากอ่านบันทึกของสามปีที่ผ่านมา
การต่อสู้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย ไอรีนโนเวล
การต่อสู้นั้นยากกว่าที่เขาคิด คลื่นอสูรมิติจะปะทุออกมาทุกๆ สามวันโดยเฉลี่ย แต่พวกมันส่วนใหญ่จะมีจำนวนไม่เยอะ กระแสอสูรร้ายจำนวนเยอะๆจะเกิดขึ้นปีละสองครั้ง
มีเพียงคลื่นอสูรร้ายเท่านั้นที่ต้องต้านทานด้วยการป้องกัน
คลื่นอสูรมิติขนาดเล็กว่าสามารถกำจัดได้โดยหน่วยธรรมมดา
“ทหารที่นี่มาจากไหน?” ซูผิงถามด้วยความสงสัยหลังจากอ่านบันทึก
นายพลที่รับผิดชอบการป้องกันคือเจ้าดวงดาว เขาส่ายหัวและพูดว่า “พวกเขามาจากหน่วยทหารจากที่ต่างๆในสหพันธ์ เธอจะได้รับแต่งตั้งให้เข้าร่วมกรมทหารซึ่งมีหน่วยงานพิเศษเพื่อจัดการกับอสูรมิติ หากเธอเลือกที่จะเกณฑ์ทหาร มือใหม่ทุกคนได้รับการฝึกฝนที่นั่น ก่อนที่พวกเขาจะโดนระดมมา.
“ผมไม่รู้เลยว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายอยู่ที่นี่ตลอดเวลา” ซูผิงถอนหายใจ
นายพลพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอจะชินกับมันเอง อาจจะมีคนอื่นมาแทนที่ฉันในภายหลัง นี่เป็นเพียงบรรทัดฐานที่ชายแดน การบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่ลอร์ดสภาวะเทพดวงดาวจะมาร่วมกับเรา..”