ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1001-1002
บทที่ 1001 เขาคือเขา! มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าคือเขา!
ต่อให้กำไลหรือสร้อยข้อมือที่สวมจะแน่นสักไหน ล้วนถูกทักษะนี้ของเธอรูดออกมาได้ทั้งสิ้น
เว้นแต่จะเป็นสิ่งที่เคยผ่านการปลุกเสกมาเป็นพิเศษ ถึงไม่มีทางรูดออกมาได้ และเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ เธอใช้ทักษะที่ยืดหยุ่นที่สุดก็ยังถอดสนับข้อมืออันนี้ของเขาออกมาจากเขาไม่ได้ แถมจุดที่มือสัมผัสโดนก็มีนูนมีเว้าไม่ได้ราบเรียบเหมือนที่ตาเห็น กลับเรียบลื่นเกลี้ยงเกลา ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากกำไลคู่บุพเพที่สวมอยู่บนข้อมือเธอเอง
หัวใจเธอเต้นถี่รัวขึ้นมา! ปลายนิ้วเย็นเล็กน้อย
เขาคือเขา! มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าคือเขา!
มิน่าเล่าหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาถึงไม่มีข่าวคราวของเขาเลย ที่แท้เขาเปลี่ยนเป็นฐานะอื่นแล้วมาอยู่ข้างกายเธอ…
อิงเหยียนนั่ว อิงเหยียนนั่ว…
เวรเอ้ย ความจริงแล้วชื่อของเขามีความหมายแฝงอยู่!
เป็นเพราะตนทราบว่ามีตระกูลอิงอยู่จริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เก็บมาใส่ใจ ประกอบกับตอนที่อยู่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เขาก็ปฏิบัติต่อเธออย่างเดี๋ยวอบอุ่นเดี๋ยวเย็นชา ซ้ำแสดงอาการสองบุคลิกออกมาอีก แถมกลิ่นอายบนร่างก็มีความผันผวน ถึงทำให้เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาโดยตลอด…
ที่แท้เขาไม่ได้ผิดนัด เพียงแต่เธอไม่ทราบเท่านั้น
จะว่าไปสรุปแล้วเขาสร้างฐานะตัวตนมากมายขนาดนี้ไปเพื่ออะไร?
เล่นสนุก? ลองใจเธอ?
หรือว่ามีเหตุสุดวิสัยอย่างอื่น?
ให้ตายเถอะ หากเขามีเหตุจำเป็นอย่างอื่นก็ควรจะอธิบายกับเธอให้กะจ่างอย่างลับๆ มิใช่หรือ? เธอไม่ใช่คนไร้เหตุผลเสียหน่อย อีกทั้งไม่ใช่ว่าจะให้ความร่วมมือกับเขาไม่ได้ด้วย…
เธอถึงขั้นเคยร่วมเล่นละครที่สมบูรณ์แบบฉากหนึ่งกับเขามาแล้วด้วยซ้ำ! เขามีอะไรที่ไม่วางใจเธอหรือ?
เมื่อความปีติยินดีในคราแรกสุดผ่านไป เธอก็โมโหขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าสารเลวผู้นี้ ทำให้เธอเป็นห่วงเขาอย่างเสียเปล่ากว่าครึ่งปี!
วิชาที่คนผู้นี้ใช้น่าจะไม่ใช่วิชาแปลงโฉม แต่เป็นวิชาแปลงกาย สามารถเปลี่ยนรูปโฉมได้ดั่งใจนึก หลอกเธอจนหัวหมุน!
ทุกครั้งล้วนปรากฏตัวในรูปแบบที่เธอคาดไม่ถึงอยู่ร่ำไป ทำให้เธอเกือบสงสัยในสติปัญญาของตัวเอง
การแปลงเป็นอิงเหยียนนั่วครานี้ลงทุนนัก ความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรต้องหดเป็นหนึ่งร้อยหกสิบสองเซนติเมตรว่าน่าตะลึงแล้ว ยามนี้ยังหดเล็กลงไปอีกระดับหนึ่ง สูงไม่ถึงหนึ่งร้อยสามสิบเซนติเมตร…
เช่นนั้นที่เขาบอกว่าได้รับบาดเจ็บจนหดเล็กลงคือความจริงหรือความเท็จกัน?
ด้วยฝีมือของเขาต่อให้หล่มโคลนแห่งนั้นระเบิดรุนแรงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ก็ทำร้ายเขาไม่ได้กระมัง?
เช่นนั้นเขาจะเปลี่ยนเป็นเด็กน้อยอีกครั้งเพื่ออะไร?
หลอกเย้าเธอเล่น? หรือว่ามีจุดประสงค์อื่น?
คนผู้นี้กระทำการซับซ้อนคาดเดายากเสมอมา ทำให้ผู้อื่นสับสนงงงวย ทว่าก็รอบคอบละเอียดลออ วิเคราะห์วางแผนได้ล้ำเลิศ ประหนึ่งจูเก๋อเลี่ยง[1]ก็มิปาน ขอเพียงกลยุทธ์ดี ผู้บัญชาการอยู่ห่างเป็นพันลี้ก็ยังมีชัย
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยกระทำเรื่องราวไร้ประโยชน์เลยจริงๆ ในขณะที่โลกตกอยู่ในสภาวะระส่ำระส่ายเช่นนี้ เขาน่าจะไม่มีเวลามาหยอกผู้อื่นเล่นแก้เบื่อกระมัง?
เธอนึกถึงฉากยามที่เขากับเธอต้องแยกจากกันขึ้นมา หัวใจสั่นไหวอีกครั้ง ข้อวินิจฉัยอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง ยามนั้นพลังยุทธ์ของเขาน่าจะสูญสิ้นไปมากนัก เขาบอกว่าต้องปิดด่านกักตนหนึ่งปี หรือในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้เขาจะประสบเหตุไม่คาดฝัน ธาตุไฟเข้าแทรกใช่ไหม? ด้วยเหตุนี้ร่างกายถึงหดเล็กลง?
ส่วนตัวเขาทั้งไม่อยากผิดนัด ทั้งไม่อาจให้โลกภายนอกทราบฐานะที่แท้จริงของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงปลอมเป็นอิงเหยียนนั่วมาอยู่ข้างกายเธอสินะ?
คงเป็นเหตุผลข้อนี้กระมัง?
แต่เมื่อก่อนตอนที่เขาปลอมป็นซือเฉินมาอยู่ข้างกายเธอ พลังวิญญาณก็ดูเหมือนจะประมาณขั้นห้าขั้นหกเช่นกัน และไม่คล้ายว่าเป็นของปลอม ผลคือเขาเพียงซ่อนเร้นพลังวิญญาณบนร่างไว้เท่านั้น!
อิงเหยียนนั่วในครานี้สรุปแล้วเป็นการซ่อนเร้นพลังวิญญาณหรือว่าสูญเสียพลังวิญญาณไปจริงๆ กันแน่?
ในขณะนี้ ข้อสงสัยแทบจะเป็นร้อยๆ ข้อวนเวียนอยู่ในสมองของกู้ซีจิ่ว เพียงแต่ไม่เสียทีที่เคยเป็นนักฆ่ามาก่อน เธอสงบใจลงอย่างรวดเร็ว ความคิดสารพัดวนเวียนอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ากลับรักษาความสุขุมไว้ตลอดเวลา เขาอยากเล่นละครงั้นหรือ? เช่นนั้นเธอจะเล่นเป็นเพื่อนเขาเอง!
————————————————————————————-
บทที่ 1002 เป็นกู้ซีจิ่วที่เขารู้จักผู้นั้นหรือ?
เมื่อเช็ดมือให้เขาสะอาดแล้ว พลันเงยหน้าขึ้น ยื่นมือไปลูบหัว
สัมผัสถึงความสำเร็จได้เมื่อศีรษะที่อยู่ใต้ฝ่ามือคล้ายจะแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีน่าจะไม่เคยถูกผู้อื่นสัมผัสอย่างรักใคร่เอ็นดูเช่นนี้มาก่อน…
มุมปากของกู้ซีจิ่วหยักขึ้นนิดๆ อย่างอดไว้ไม่อยู่ จิตใจข่มกลั้นความสุขเอาไว้ไม่ได้
“อื้อ ข้าเป็นเด็กดี” ตี้ฝูอีเอียงศีรษะถูไถบ่าเธออย่างว่าง่าย ไม่ได้นึกถึงว่าตัวเขาเตี้ยทว่าเก้าอี้สูง เมื่อเอียงร่างเช่นนี้เก้าอี้ก็ทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงทันที ส่วนศีรษะเขาก็ซุกเข้าไปในอ้อมแขนเธอพอดิบพอดี หน้าผากเกยอบู่บนอก…
กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อทันที ก่อนลากเขาออกมา “เจ้า…”
ตี้ฝูอีมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “เก้าอี้มันลื่นน่ะ…”
การล้มเมื่อครู่ของเขาชนเข้ากับโต๊ะอย่างมิอาจเลี่ยงได้ ถ้วยโถโอชามบนโต๊ะสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังกราว น้ำแกงในอาหารมากมายหกออกมา ไหลนองไปครึ่งโต๊ะ
เห็นได้ชัดยิ่งนัก อาหารโต๊ะนี้ส่วนใหญ่ไม่อาจกินได้แล้ว
หรงเช่อพูดไม่ออก
สีหน้าหลงซือเย่ก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน เขาลุกขึ้นอย่างสง่างาม เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไปพบผู้ป่วยก่อนเถิด!” เขาก็ไม่มีแก่ใจจะกินอาหารมื้อนี้ต่อแล้วเหมือนกัน
….
ภายในโรงหมอ หรงเจียหลัวถูกมัดไว้บนเตียงเหมือนบ๊ะจ่าง บนร่างคือสายโซ่ที่หนาเท่าหัวแม่มือ โซ่เส้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ปลุกเสกพลังวิเศษลงไป ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
ทว่าเขากลับดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโซ่ดังแกรกกรากทำให้หัวใจคนหวาดหวั่น
และที่ข้างเตียง จิ้งจอกดำกำลังเดินวนไปวนมาปานบดโม่ เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของหรงเจียหลัว ยามนี้ผู้เป็นนายกลายเป็นเช่นนี้เขาหัวใจเขาร้อนรนปานโดนไฟเผา ทว่าไม่มีหนทางสักนิดเลย
ทำได้เพียงปลอบประโลมอย่างไร้ประโยชน์ “องค์รัชทายาท พระองค์อดทนไว้สักครู่นะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายแปดไปเชิญเจ้าสำนักหลงแล้ว เขาจะต้องมีหนทางรักษาโรคประหลาดของพระองค์ได้แน่นอน พระองค์ทนหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
แต่คนที่อยู่บนเตียงฟังไม่เข้าใจเลย มีเสียงร้องฮื่อแฮ่ดังออกมาจากปาก เล็บมือแหลมคมดุจใบมีดที่ถูกมัดแนบกายไว้ยืดๆ หดๆ อยู่ตรงนั้น
ในที่สุดด้านนอกก็มีเสียงเคลื่อนไหวแล้ว
“เจ้าสำนักหลง พี่ชายของข้าอยู่ที่นี่…” เป็นเสียงขององค์ชายหรงเช่อ ในที่สุดเขาก็เชิญเจ้าสำนักหลงมาได้แล้ว!
จิ้งจอกดำเปิดประตูแล้วแทบจะโผออกไปเลย ยังไม่ทันเห็นตัวคนชัดเจน ก็ลงไปคุกเข่าให้หลงซือเย่ที่เพิ่งเข้าประตูมาแล้ว “เจ้าสำนักหลง ขอท่านโปรดช่วยเหลือองค์รัชทายาทของพวกเราด้วยเถิด!”
หลงซือเย่โบกมือให้เขาลุกขึ้น “ข้าจะเข้าไปดูอาการก่อน ซีจิ่ว เจ้าก็มาด้วยสิ”
จิ้งจอกดำถึงได้พบว่านอกจากหรงเช่อกับหลงซือเย่แล้ว ยังมีคนอีกสามคนอยู่ด้วย เป็นโฉมงามสองนางกับเด็กน้อยอีกหนึ่งคน
ซีจิ่ว?
เป็นกู้ซีจิ่วที่เขารู้จักผู้นั้นหรือ?
กู้ซีจิ่วที่องค์รัชทายาทคะนึงถึงอยู่ไม่สร่างซาใช่ไหม?
กู้ซีจิ่วที่เคยรักษาโรคแอบแฝงขององค์รัชทายาทให้หายดีใช่หรือเปล่า?
จิ้งจอกดำอดไม่ได้ที่มองโฉมงามทั้งสองให้มากขึ้นอีกแวบหนึ่ง เขาโง่งมไปเสียแล้ว!
กู้ซีจิ่วในความทรงจำของเขาเป็นสาวน้อยผอมแห้งใบหน้ามีปานแดง แต่สองนางที่อยู่เบื้องหน้านี้กลับเป็นโฉมงามผู้เลิศล้ำทั้งคู่ แถมรูปโฉมยังมีความคล้ายคลึงกันถึงแปดเก้าส่วนอีก ใบบรรดาพวกนางผู้ใดเล่าที่เป็นกู้ซีจิ่ว?
กู้ซีจิ่วตบไหล่เขาคราหนึ่ง “จิ้งจอกดำ เจ้าผอมลงมากนะ!” แล้วเข้าห้องไปทันที
จิ้งจอกดำน้ำตาคลอในทันใด แม่นางกู้ยังจดจำเขาได้!
แต่เมื่อสังเหตเห็นว่ามือของกู้ซีจิ่วจูงเด็กมาด้วย ก็ตกตะลึงทันที!
มิใช่กระมัง? ลูกของนางโตขนาดนี้แล้วหรือ?
แต่แล้วก็นึกอยากตบตัวเองสักฉาด เด็กคนนี้ดูเหมือนจะแปดเก้าขวบแล้ว ส่วนกู้ซีจิ่วจะนับรวมอย่างไรก็เพิ่งย่างสิบเจ็ดปีเท่านั้น ไหนเลยจะมีลูกโตขนาดนี้ได้? สมองตนเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ…
ผ่านไปสองปี ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้พบหน้าหรงเจียหลัวอีกครั้ง ทว่าเกือบจะจำเขาไม่ได้แล้ว!
————————————————————————————-
[1] จูเก๋อเลี่ยง หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม ขงเบ้ง ตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก