ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1005-1006
บทที่ 1005 เขายังมีสติอยู่จริงๆ!
วาจานี้ช่างยุให้รำตำให้รั่วยิ่งนัก ใบหน้าพริ้มเพราของกู้ซีจิ่วเคร่งขรึมทันที นัยน์ตาเฉียบคมมองร่างเย่หงเฟิง “ในสาขาวิชามีความเชี่ยวชาญเฉพาะแขนง เป็นเช่นนี้แล้วมีอะไรแปลกหรือ? ข้าเลื่อมใสวิชาแพทย์ของเจ้าสำนักหลง มีหลายด้านนักที่ข้าเทียบเขาไม่ได้ แต่ในด้านการรับมือพิษชนิดนี้เขาอาจเทียบข้าไม่ได้! ยังมีอีก หน้าที่ของหมอคือช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บและผู้ที่จะสิ้นชีพ คนไหนมีความสามารถคนนั้นทำ! มิใช่มาต่อความยาวสาวความยืดกันในเวลาเช่นนี้ แล้วละเลยความปลอดภัยของผู้ป่วย! เย่หงเฟิง ข้อนี้คือสิ่งที่อาจารย์ของเจ้ายืนหยัดเสมอมา หวังว่าเจ้าจะจำไว้ให้ขึ้นใจเช่นกัน!”
เดิมทีกู้ซีจิ่วไม่คิดจะพัวพันกับเย่หงเฟิงมากนัก ถึงอย่างไรในใจก็ยังมีปมอยู่เล็กน้อย แต่เย่หงเฟิงกลับยุแยงให้แตกคอกันขึ้นมาในยามนี้ ทำให้เธอทนดูไม่ได้ยิ่งนัก!
เย่หงเฟิงถูกตอกหน้าจนกระอักกระอ่วนแล้ว!
เธอมองหลงซือเย่ ทว่าหลงซือเย่กลับไม่มองเธอ ดวงตาจดจ่ออยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว วูบไหวเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กู้ซีจิ่วไม่สนใจคนไร้หน้าที่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหล่านี้อีก เดินเข้าไปดูอาการของหรงเจียหลัวทันที…
หรงเจียหลัวก็เป็นสหายของเธอเหมือนกัน แม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดเธอก็อยากลองดู!
เธอตรวจสอบชีพจรและอัตราการเต้นของหัวใจเขาเช่นกัน ตรวจพบเช่นเดียวกับหลงซือเย่ สิ่งเหล่านี้ไม่มีแล้วจริงๆ
เธอดูนัยน์ตาเขาอีกครั้ง ในดวงตาเขาปกคลุมไปด้วยเส้นเลือด แยกความแตกต่างระหว่างตาขาวกับตาดำไม่ออกแล้ว หากมิใช่มองเห็นคราบน้ำตาแห้งกรังนั้นตรงหางตาเขา กู้ซีจิ่วก็เกือบนึกว่าเขากลายเป็นผีดิบอย่างสมบูรณ์แล้วเช่นกัน
มีเสียงฮื่อๆ ออกมาจากปากของเขาตลอด ยามที่กู้ซีจิ่วตรวจอาการให้เขา เสียงฮื่อๆ ของเขาก็รุนแรงขึ้น เสียงก็ดังขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
“องค์รัชทายาท หม่อมฉันคือกู้ซีจิ่ว พระองค์ยังจำหม่อมฉันได้หรือไม่?” จู่ๆ กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นมา เธอใช้พลังวิญญาณ น้ำเสียงจึงเยือกเย็นกังวาน แว่วเข้าสู่แก้วหูของเขาโดยตรง
หรงเจียหลัวยังคงร้อง ‘ฮื่อๆ’ เช่นเดิมคล้ายว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“องค์รัชทายาท พระองค์ตรัสว่าปรารถนาจะให้หม่อมฉันกลายเป็นสหายของพระองค์ หม่อมฉันก็ถือว่าพระองค์เป็นสหายมาตลอดเช่นกัน ยามนี้หม่อมฉันกำลังหาทางช่วยเหลือพระองค์อยู่ พระองค์เคยบอกว่าอยากให้หม่อมฉันเปลี่ยนไปเรียกนามของพระองค์โดยตรง เนื่องจากเช่นนี้ดูเป็นกันเองมากกว่า ตอนนี้หม่อมฉันจะเรียกชื่อของพระองค์แล้ว หรงเจียหัว เจียหลัว เจียหลัว หากว่าพระองค์ได้ยินเสียง โปรดกะพริบตา”
“ฮื่อๆ! แฮ่ๆ! ฮือๆ…” ทันใดนั้น เสียงของหรงเจียหลัวพลันเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย!
จิ้งจอกดำที่จ้องเขาอยู่ตลอดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ริมฝีปากขององค์รัชทายาทสั่น! ดูเหมือนเขาอยากพูดอะไรบางอย่าง!”
สายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องล้วนหันเหมาที่ริมฝีปากของหรงเจียหลัว พบว่าริมฝีปากของเขากำลังขยับอยู่จริงๆ!
หลังจากเขากลายเป็นผีดิบ ถึงแม้จะมีเสียงฮื่อๆ อยู่ตลอด แต่ริมฝีปากนอกเหนือจากยามกัดคนแล้ว แทบจะไม่อ้าออกเลย
แต่ยามนี้ริมฝีปากของเขากลับสั่นระริก ราวกับพยายามจะพูดอะไรสุดชีวิตทว่าพูดไม่ออก
“เจียหลัว พระองค์ได้ยินคำพูดของพวกเราใช่ไหม? เพียงแต่ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนได้ใช่หรือไม่? หากว่าเป็นเช่นนี้ ให้พระองค์ขบฟันสามครั้ง” กู้ซีจิ่วค่อยๆ โน้มน้าว
ริมฝีปากของหรงเจียหลัวสั่นระริกหนักยิ่งกว่าเดิม ทว่าอ้าปากน้อยๆ แล้วกัดฟันเข้าหากันจนแน่น ขบฟันสามครั้งจริงๆ
ถึงแม้การเคลื่อนไหวเช่นนี้จะยากเย็นยิ่งนักสำหรับเขา แต่สุดท้ายยังคงทำออกมาได้!
เขายังมีสติอยู่จริงๆ!
เขาได้ยินแม้กระทั่งคำพูดของทุกคน!
“องค์รัชทายาท! องค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้วว่าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่! ขอบคุณฟ้าดิน! ขอบคุณท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครอง!”
ประชาชนในทวีปนี้เคารพบูชาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในฐานะเทพเจ้า ถ้อยคำที่มักจะกล่ากันอยู่บ่อยๆ ก็คือ ‘ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง’ ก็ไม่ต่างกับชาวพุทธในยุคปัจจุบันที่พูดกันว่า ‘พุทธองค์คุ้มครอง’
————————————————————————————-
บทที่ 1006 ข้ามีความมั่นใจอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง!
ดวงตาของหรงเช่อสาดแสงแวบหนึ่ง ก่อนถอนหายใจเบาๆ “จิ้งจอกดำ ข้ารู้สึกว่าเจ้าขอบคุณตอนนี้ยังเร็วไป อย่างไรเสียเสด็จพี่ก็เพียงยังหลงเหลือสติอยู่บ้างเท่านั้น ไม่รู้ว่าแม่นางกู้จะทำได้หรือ…”
“ข้าจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือเขา!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา น้ำเสียงสงบเยือกเย็น ทว่าดวงตากลับเปล่งประกาย “ข้ามีความมั่นใจอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง!”
ดวงตาของจิ้งจอกดำเบิกกว้าง “คะ…ครึ่งหนึ่ง?!” เขานึกว่าอย่างมากก็มีความหวังเพียงหนึ่งในร้อยส่วนเท่านั้น ไม่นึกเลยว่ามีถึงครึ่งหนึ่ง!
โอ้สวรรค์!
ร่างของจิ้งจอกดำก็สั่นสะท้านขึ้นมาเช่นกัน “แม่นางกู้ ต้องการให้ผู้น้อยทำอะไรไหม? ต้องจัดเตรียมอะไรหรือเปล่า? ท่านสั่งการมาได้เลย! ต่อให้ผู้น้อยต้องทุ่มเทสุดชีวิตก็จะไปทำให้สำเร็จ!”
เขาตื่นเต้นเหลือเกิน ไม่ทราบแล้วว่าควรจะแสดงออกอย่างไรดี น้ำตาที่ประเมินค่าไม่ได้ของชายชาตรีสูงเจ็ดฉื่อไหลรินลงมา จมูกแดงก่ำไปหมด
แม่นางกู้ผู้นี้ช่างเป็นดาวนำโชคขององค์รัชทายาทโดยแท้! คราวก่อนเคยช่วยองค์รัชทายาทไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้นางก็มาช่วยองค์รัชทายาทอีกแล้ว! นางคืออรหันต์เดินดิน! เทพธิดาน้อย!
ยามที่จิ้งจอกดำมองกู้ซีจิ่วเสมือนมองดูเทพเจ้าองค์หนึ่ง แทบจะสักการะบูชาตรงๆ แล้ว
กู้ซีจิ่วเอ่ยว่า “เจ้าอย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อน ”ยังความเป็นไปได้อีกครึ่งว่าจะไม่สำเร็จนะ!”
“ไม่เป็นไรๆ ท่านทำสุดความสามารถก็พอ ทำให้สุดความสามารถก็พอ” จิ้งจอกดำพูดจาสะเปะสะปะ
สายตาของหรงเช่อก็จดจ้องอยู่ที่ดวงหน้าของกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เจ้าดำเนินการได้เต็มที่เลย ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่เจ้าล้วนเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือพี่ชายของข้า”
หลงซือเย่ก้าวเข้ามา “ซีจิ่ว ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า ไม่เกรงใจเขาเช่นกัน “ต้องการ! ครูฝึกหลง เดี๋ยวท่านช่วยข้าง้างเปิดปากเขาหน่อย จิ้งจอกดำ ไปเตรียมน้ำมาถ้วยหนึ่ง”
จิ้งจอกดำว่องไวปานเพลิงโหม ประคองน้ำสะอาดถ้วยหนึ่งมาอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วอย่างรวดเร็วยิ่ง กู้ซีจิ่วรับมา โบกมือให้สัญญาณหลงซือเย่ หลงซือเย่รับรู้ ง้างปากหรงเจียหลัวให้เปิดออก กู้ซีจิ่วนำโอสถจำนวนหนึ่งละลายในน้ำ จากนั้นก็กรอกใส่ปากของหรงเจียหลัว…
หรงเจียหลัวไม่สามารถกลืนลงไปด้วยตัวเองได้ โชคดีที่หลงซือเย่มีวิธีการของตนอยู่ มือกดๆ ถูๆ อยู่ตรงคอหอยเขา ทำให้น้ำยานั้นไหลเข้าไปได้ในที่สุด
ระหว่างที่กรอกยาอยู่ กู้ซีจิ่วก็อธิบายขั้นตอนต่อไปที่ตนจะทำอย่างรวดเร็วด้วย…
หลงซือเย่ไม่ถามอะไรเลย ปฏิบัติตามวิธีที่เธอบอกทันที
เมื่อกรอกยาเสร็จ หลงซือเย่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ ใช้วิชาสกัดชีพจรสกัดกั้นความสามารถในการเคลื่อนไหวของหรงเจียหลัว จากนั้นก็แกะโซ่เหล็กที่มัดเขาไว้บนเตียงออก พยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง
วิชาสกัดชีพจรมีเพียงผู้ที่พลังวิญาณบรรลุขั้นเก้าเท่านั้นถึงทำได้ เมื่อร่างคนถูกวิชานี้สกัดไว้ ทั้งร่างก็อ่อนยวบเหมือนปุยฝ้าย แม้แต่เล็บมือก็อย่าฝันว่าจะยกขึ้นมาได้ ทำได้เพียงปล่อยให้หมอลงมือตามสบาย
วิชาแพทย์ของหลงซือเย่เดิมทีก็สูงจนน่าสะพรึงอยู่แล้ว แทบจะอนุมานต่อยอดขั้นตอนการรักษาอันซับซ้อนเหล่านั้นได้เลย เธอบอกมาขั้นเดียวเขาสามารถทำได้ถึงสามขั้น ทำให้กู้ซีจิ่วคลายใจยิ่งนัก
พลังวิญญาณของลงซือเย่ก็สูงพอเช่นกัน กู้ซีจิ่วจึงสอนขั้นตอนดำเนินการทั้งหมดให้เขาโดยตรง ส่วนตัวเองคอยชี้แนะแต่ละขั้นอยู่ด้านข้าง…
ทุกคนในห้องล้วนจับตามองฉากนี้อยู่ แววตาหรงเช่อซับซ้อน สายตาไม่ละจากคนทั้งสองที่กำลังยุ่งง่วนเลย
ตี้ฝูอีก็นั่งมองอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งเช่นกัน เขาสงบนิ่งยิ่งนัก บางครั้งก็หยิบถ้วยยาที่กู้ซีจิ่วเคยละลายไว้มาดมๆ ดู
เย่หงเฟิงยืนเม้มปากอยู่ตรงนั้น กลีบปากค่อนข้างซีดขาวเล็กน้อย
สายตาของเธอจับจ้องที่ร่างของกู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่ มองพวกเขาประสานงานกันอย่างสอดคล้องไร้ช่องว่าง เห็นพวกเขาส่งสายตาแวบหนึ่งขยับคราหนึ่งก็ทราบความคิดของอีกฝ่ายได้ ช่างเข้าขากันอย่างยิ่ง…
นิ้วมือภายในแขนเสื้อของเธอกำแน่น กำแน่นขึ้นเรื่อยๆ…