ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1031+1032
บทที่ 1031 ไม่ยอมให้ท่านสร้างความลำบากให้นางเช่นนี้!
กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย “ค่อยฟังพรุ่งก็แล้วกัน วันนี้คงไม่รบกวนแล้ว…”
“พรุ่งนี้ข้าก็ไม่อธิบายแล้ว!”
กู้ซีจิ่วตะลึง
หลงซือเย่มองเธออย่างเย็นชา “เจ้าจะไป? หรือจะอยู่?”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าคืนนี้หลงซือเย่ช่างจู้จี้เหนือธรรมดาจริงๆ หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงหันหลังจากไปนานแล้ว ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด!
แต่ตอนนี้…
เธอนั่งกลับลงไปอีกครั้ง ชัดเจนยิ่งนัก เธอเลือกจะอยู่
ทว่าสีหน้าของหลงซือเย่กลับย่ำแย่กว่าเดิม นิ้วมือในแขนเสื้อกำแน่น
ดูเหมือนเธอจะทุ่มเทเพื่ออาการป่วยลูกน้องคนนี้ของตี้ฝูอีเสียจริง! เห็นได้ชัดเจนมากว่าเธอเห็นแก่หน้าของตี้ฝูอี มิเช่นนั้นเธอจะกล้ำกลืนฝืนทนความอยุติธรรมเช่นนี้ไว้ทำไม?!
ในใจของเขาทั้งโศกเศร้าทั้งขุ่นเคือง ไม่อยากสนใจเธออีกกว่าเดิม
ทันดั้นพลันมีเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วมาจากด้านนอกห้องรับรอง “อาการป่วยของผู้น้อยกลายเป็นเครื่องมือบังคับรั้งตัวคนของเจ้าสำนักหลงไปแล้วหรือนี่ จะรั้งให้นางกินดื่มอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยหรือ?”
ประตูห้องรับรองเปิดออก ตี้ฝูอีเดินเข้ามา
กู้ซีจิ่วประหลาดใจ
ยามที่เธอแยกกับตี้ฝูอีก่อนหน้านี้ ตี้ฝูอีบอกกล่าวอย่างชัดเจนว่าจะนั่งสมาธิฟื้นฟูทั้งคืน นึกไม่ถึงว่าจะเพิ่งจะผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เขาก็ตามมาแล้ว
“เจ้ามาทำไม? มิใช่ว่าจะนั่งสมาธิฟื้นฟูหรอกหรือ?” กู้ซีจิ่วลุกขึ้นมา
ตี้ฝูอีเข้ามาลากตัวเธอออกเดิน “เอาล่ะ งานวันเกิดก็เข้าร่วมเรียบร้อยแล้ว ยามกะสามแล้วยังกินดื่มอยู่ข้างนอกจะปวดท้องเอาได้ เจ้าหลอมยาเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไม่ควรอดนอนอีก ตามข้ากลับไปได้แล้ว!”
กู้ซีจิ่วรีบชักมือตัวเองกลับ มาลากๆ ดึงๆ กับเธอต่อหน้าหลงซือเย่ เกรงว่าหลงซือเย่จะนึกสงสัยตัวตนที่แท้จริงของเขาขึ้นมา!
“เจ้ากังวลเกินเหตุอีกแล้ว ข้าอดนอนจนเป็นเรื่องปกติแล้ว ไม่สำคัญอะไร ยังมีอีก ข้าเป็นคู่หมั้นของนายเจ้า ถึงแม้เจ้าจะเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็ควรจะเว้นระยะห่างหน่อย”
กู้ซีจิ่วแก้ตัวตามสัญชาตญาณ
ตี้ฝูอีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าปล่อยให้ผู้อื่นย่ำยีถึงเพียงนี้เพื่ออาการป่วยของข้า!”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ย่ำยีอันใด? แค่อดนอนเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรเลย”
ทันใดนั้นตี้ฝูอีก็ยิ้มออกมา กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แม่นางกู้ ถ้าท่านเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะไม่รักษาอาการป่วยนี้แล้ว! ข้าจะจากไปทันที!”
กู้ซีจิ่วไม่กล้าพูดแล้ว
ตี้ฝูอีมองหลงซือเย่ต่อแวบหนึ่ง ยิ้มหยัน “เจ้าสำนักหลง ใช้วิธีการเช่นนี้เหนี่ยวรั้งเด็กสาวคนหนึ่งไว้ช่างไร้คุณธรรมนัก ท่านจะไม่รักษาข้าก็ได้นะ แต่ข้าจะไม่ยอมให้ท่านสร้างความลำบากให้นางเช่นนี้เด็ดขาด!”
หลงซือเย่นิ่งงัน
ตี้ฝูอีไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดลากกู้ซีจิ่วจากไปเลย
หลงซือเย่นั่งอยู่ตรงนั้น สิ้นความอยากในสุราอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะแล้ว
“อาจารย์…” เย่หงเฟิงเรียกเขาคราหนึ่ง “อาหารพวกนี้เย็นแล้ว พวกเราจะให้ทางร้านตั้งโต๊ะใหม่หรือว่ากลับกันก่อนด?”
หลงซือเย่คลึงจอกสุราในมือ มองสุราที่กระเพื่อมอยู่ด้านใน หลับตาลงนิดๆ “ตั้งโต๊ะใหม่เถอะ คืนนี้ข้าไม่เมาไม่กลับ!”
“อาจารย์ ดื่มสุรามากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นอย่า…”
“พูดเหลวไหลให้น้อยหน่อย! รีบไปเตรียมมา!”
เย่หงเฟิงไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอีกต่อไป ลงไปสั่งการให้ทางร้านตั้งโต๊ะใหม่
เดิมทีทางร้านควรจะปิดร้านนานแล้ว แต่หรั้งนี้ผู้ที่ดื่มสุราอยู่ด้านบนคือเจ้าสำนักถามสวรรค์ เขาย่อมกุลีกุจอให้ความร่วมมือ รีบตั้งโต๊ะใหม่อย่างว่องไวยิ่ง
….
หลงซือเย่ดื่มมากไปแล้ว!
เป็นครั้งแรกที่เขาดื่มมากถึงขนาดนี้ มอมตัวเองจนแทบเมาเละเทะแล้ว ไม่ว่ามองอะไรก็เห็นเป็นภาพซ้อนหมด
เย่หงเฟิงที่อยู่เบื้องหน้าก็เป็นภาพซ้อนเช่นกัน ส่ายไปส่ายมาอยู่ตรงหน้าเขา ส่ายจนเขาโมโหขึ้นมา ทนไม่ไหวจึงยื่นมือไปจับเธอไว้ “อย่า…อย่าส่าย!”
เย่หงเฟิงดื่มเป็นเพื่อนเขา ดื่มไปค่อนข้างมากเช่นกัน โชคดีที่ยังดูแลตัวเองได้ เธอก้าวเข้าไปประคองเขาขึ้น “อาจารย์ ท่านดื่มมากไปแล้ว หงเฟิงจะประคองท่านไปพักผ่อน”
ประคองเขาก้าวออกประตูไปทันที…
————————————————————————————-
บทที่ 1032 เอี๊ยมสตรีสีเงินยวง
หลงซือเย่แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว เกือบทั้งร่างทับอยู่บนร่างเย่หงเฟิง หากมิใช่ว่าเย่หงเฟิงฝึกฝนวรยุทธ์มากว่าหนึ่งปีแล้ว มีพื้นฐานแล้ว คาดว่าคงถูกเขาทับจนล้ม ต่อให้เป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนก็ยังเดินโซเซอยู่ดี
สติเพียงหนึ่งเดียวของหลงซือเย่คือโคมแดงที่แกว่งไกวอยู่ตรงมุมร้าน…
….
ยามที่หลงซือเย่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักที่หรูหรายิ่งนักห้องหนึ่ง
ในห้องมีแค่ตัวเขา
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาคือการปวดหัวจากอาการเมาค้าง เขานวดหว่างคิ้วของตนแรงๆ ลุกขึ้นนั่ง เรื่องราวเมื่อคืนผุดขึ้นมาในสมองรางๆ เนื่องจากเขาอารมณ์ไม่ดีจึงดื่มไปมาก เย่หงเฟิงอยู่เป็นเพื่อนเขา ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นเธอเช่นกันที่พาเขามาส่งยังห้องพักนี้
เมามาย ที่แม้ตัวเขาหลงซือเย่ก็มีช่วงเวลาที่ดื่มจนเมาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
เขากดตรงขมับเตรียมจะลุกขึ้น แต่พอเลิกผ้าห่มออกเขาก็แข็งทื่อไปทันที!
บนฟูกนอนสีขาวใต้ร่างมีคราบโลหิตวงเล็กๆ เปื้อนอยู่!
นี่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือบนเตียงของเขายังมีเอี๊ยมสตรีสีเงินยวงผืนหนึ่งอยู่ด้วย…
เขาจ้องคราบเลือดกับเสื้อเอี๊ยมอย่างลังเล นิ้วมือแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงค่อยๆ หยิบเอี๊ยมผืนนั้นมา ดมกลิ่นเล็กน้อย สีหน้าดุจคนตาย!
บนเอี๊ยมผืนนี้มีกลิ่นดอกเหมยอยู่จางๆ เป็นเย่หงเฟิง!
ดอกเหมยหอมขจรรอนแรมฝ่าเหมันต์ หลงซือเย่ชื่อชอบกลิ่นดอกเหมยมาโดยตลอด ในทัศนคติของเขาเด็กสาวจะให้ดีที่สุดต้องเป็นเช่นดอกเหมยที่สูงส่งหอมหวน กลิ่นหอมบนร่างควรเป็นเช่นนี้ ชาติก่อนเขาเคยคิดค้นน้ำหอมกล่อนดอกเหมยชนิดหนึ่งให้กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วรับไปอย่างชื่นชอบยิ่งนัก ผลคือเธอแพ้น้ำหอมชนิดนั้น…
ตอนนั้นกู้ซีจิ่วเคยทอดถอนใจกล่าวไว้ว่า หากมีกลิ่นหอมชนิดนี้ติดตัวได้ก็คงดี ไม่ต้องฉีดน้ำหอมอะไร
ดังนั้นในชาตินี้ยามที่หลงซือเย่โคลนนิ่งร่างนั้นขึ้น จึงเติมองค์องค์ประกอบบางอย่างเข้าไป ผลคือทำให้ร่างนั้นมีกลิ่นดอกเหมยติดตัวจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ร่างนั้นไม่ได้ถูกกู้ซีจิ่วใช้ เป็นเย่หงเฟิงที่ได้ประโยชน์ไป
ตอนนี้เอี๊ยมของเย่หงเฟิงอยู่ที่นี่ ซ้ำบนฟูกยังมีคราบเลือด…
เรื่องทุกอย่างล้วนชัดเจนแล้ว เมื่อคืน…เมื่อคืนหลังจากเขาน่าจะเมาจนทำเรื่องบัดสีกับเย่หงเฟิง!
เมื่อคืนเขาดื่มมากเกินไป ความทรงจำหลังจากเมามายขาดหายไป นึกอะไรไม่ออกเลย
เขาตกตะลึงอยู่ชั่วระยะหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ ยื่นมือที่สั่นเทาไปสำรวจส่วนลับในร่างตนดู จากนั้นก็พบว่าตรงนั้นมีคราบเลือดจางๆ เช่นกัน…
ในสมองเขาเกิดเสียงดังตูม หลับตาลงเล็กน้อย
ด้านนอกคล้ายจะมีเสียงบางอย่าง เสียงนั้นแผ่วเบายิ่ง แต่ยังคงถูกเขาได้ยิน “เย่หงเฟิง? เข้ามา!”
ประตูถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง เย่หงเฟิงก้มหน้าเข้ามา การเดินของเธอค่อนข้างผิดปกติ เดินลากขาอยู่บ้าง “อ…อาจารย์”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงหลงซือเย่เยียบเย็นดุจสายน้ำ
เย่หงเฟิงเงยหน้ามองเขาอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง แล้วรีบก้มหน้าลงไปอีก “มะ…ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเจ้าค่ะ…อาจารย์ดื่มจนเมา ศิษย์จึงมาส่งอาจารย์ที่ห้องพัก จากนั้น…จากนั้น…”
“จากนั้นทำไม?”
“จากนั้น…จากนั้นอาจารย์ก็หลับไป…”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้า…ข้า…ข้าก็แยกตัวไปเปิดห้องพักผ่อนเช่นกันเจ้าค่ะ…”
หลงซือเย่จ้องเธออย่างตั้งใจครู่หนึ่ง พลันยกมือขึ้น เอี๊ยมสีเงินยวงผืนนั้นปลิวลงบนหน้าเธอ นำเสียงเย็นเยียบของหลงซือเย่แว่วตามมา “แล้วนี่คืออะไร? ทำไมถึงมาอยู่บนเตียงของข้าได้?”
เย่หงเฟิงแข็งทื่อไปทันที มือฉวยเอี๊ยมผืนนั้นไว้ ดูทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง “นี่…”
————————————————————————————-