ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1043+1044
บทที่ 1043 ทำไม? กลัวหรือ?
เขากดเปิดป้ายหยกอีกครั้ง ติดต่อกับมู่เฟิง สั่งการบางอย่างกับเขาอย่างรวดเร็ว มู่เฟิงจึงงรีบไปจัดการตามคำสั่งทันที
ตำหนักที่ปรากฏบนป้ายหยกมีเสียงตะโกนตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครา “ฝ่าบาท! ฝ่าบาท…”
“ฝ่าบาท…สวรรคตแล้ว!”
“ฝ่าบาท!”
ชัดเจนยิ่งนัก ในที่สุดจักรพรรดิซวนก็สิ้นพระชนม์แล้ว ในตำหนักเกิดความสับสนอลหม่านขึ้นอีกครั้ง ทุกคนว้าวุ่นยิ่งนัก ผู้ใดก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วจตุรทูตรวมถึงสานุศิษย์สวรรค์อีกสามท่านจากไปในยามไหน
ยามที่ฝูงชนสงบลงนึกถึงพวกเขาขึ้นมาได้ ภายในตำหนักก็ไม่มีร่องรอยของคนเหล่านี้นานแล้ว
หลังจากทุกคนมองหน้ากันเหลอหลา ก็พากันคุกเข่ากราบฟ้าขอบพระคุณท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีไม่สนใจผู้คนในตำหนักหรือว่าเรื่องราวใดอีกต่อไป เขาเก็บป้ายหยก มองกู้ซีจิ่วที่นั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น เอ่ยถามนางประโยคหนึ่ง “กังวลแทนหรงเจียหลัวหรือ?”
กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะช้าๆ “ไม่จำเป็นต้องกังวลแทนเขาหรอก เขานับว่าเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง เขาสามารถจัดการเรื่องราวที่จะตามมาด้วยตัวเองได้”
ตี้ฝูอีก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “หากว่าแม้แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็จัดการไม่ได้ เช่นนั้นถึงเขาได้เป็นจักรพรรดิก็จะกลายเป็นจักรพรรดิทรราช! เอาล่ะ ไม่พูดถึงเขาแล้ว ซีจิ่ว อีกสองวันเจ้าตามข้ากลับวังสุญตาเถอะ ที่นั่นไอวิญญาณหนาแน่น เหมาะกับการฝึกฝน วิชายุทธ์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เจ้าเรียนไปพอสมควรแล้ว ไม่ต้องกลับไปที่นั่นแล้วก็ได้ เจ้าตามข้าไปที่นั่น ข้าสามารถ…”
ด้วยเกรงว่านางจะไม่ตกลง จึงเตรียมร่ายข้อดีมากมายหลายอย่างออกมา นึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะเอ่ยขัดเขาทันที “ได้! ข้าจะตามท่านกลับไป!”
เธอทราบความกังวลของเขา ศัตรูตัวฉกาจปรากฏขึ้นแล้ว แต่พลังยุทธ์ส่วนใหญ่ของเขากลับสูญหายไป แม้แต่ร่างผู้ใหญ่ก็ยังฟื้นฟูไม่ได้ หากปะทะกับมารสวรรค์ตนนั้นตรงๆ คาดว่ามิใช่คู่มือแน่
และมารสวรรค์ตนนั้นก็ดูเหมือนค่อนข้างหมกมุ่นในตัวเธอ ซ้ำยังทราบว่าเธออยู่ที่นี่ด้วย เกรงว่าจะมาสร้างความเดือดร้อนให้เธอ…
เมื่อเป็นเช่นนี้มิสู้ตามตี้ฝูอีกลับไปที่ฐานทัพใหญ่ของเขาดีกว่า ที่นั่นลึกลับอย่างยิ่ง แผ่นดินนี้มียอดฝีมืออยู่มากมาย ทว่านอกจากคนของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว ผู้อื่นไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปได้ ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ทางเข้าอยู่ตรงไหนก็หาทราบไม่
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง
เขาจุมพิตมุมปากนางคราหนึ่งอย่างอดใจไม่ได้ “ช่างเป็นสาวน้อยที่เฉลียวฉลาดโดยแท้! ถ้างั้นพวกเราออกเดินทางพรุ่งนี้เถอะ”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “พวกเราสามารถเดินทางยามนี้ได้เลย!” วรยุทธ์ของมารสวรรค์ตนนั้นสูงส่งนัก เกรงว่าจะด้อยกว่าตี้ฝูอีในสภาพสมบูรณ์พร้อมไม่มากนัก ยามนี้เขาถอดกายเนื้อแล้ว ด้วยความเร็วของกายละเอียดเกรงว่าจะมาถึงได้ในชั่วพริบตา…
“ทำไม? กลัวหรือ?”
“ข้ากลัวท่านจะประสบเหตุ!” กู้ซีจิ่วโพล่งออกมา
ยามนี้ฝีมือของตี้ฝูอีจิ๋วไม่สูงส่งนัก ความสามารถในการป้องกันตัวเองก็ไม่มีแล้ว
เมื่อกู้ซีจิ่วสัมผัสได้ถึงอันตราย ความคิดแรกก็คือพาเขาไปซ่อน!
ปรารถนาจะวางเขาไว้ในที่ปลอดภัย คนชั่วหน้าไหนก็หาไม่พบ
ดูเหมือนมารสวรรค์ตนนั้นจะมีความรู้สึกต่อเธออยู่บ้าง หากจับตัวเธอได้อาจไม่ปลิดชีพเธอทันที แต่ตี้ฝูอีน้อยหากพลาดท่าตกอยู่ในกำมือมารสวรรค์ตนนั้น เกรงว่า…
ตี้ฝูอีมองดูเธอครู่หนึ่ง ยื่นมือมาดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน
หากเป็นตัวเขาในวัยผู้ใหญ่ การดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในวัยเด็ก กู้ซีจิ่วไม่ทันตั้งตัว ยามที่เซเข้าไปจึงทับเขาไว้ใต้ร่าง
ตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่วนิ่งงัน
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่อยู่ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านในยามนี้ผลักทีเดียวก็ล้มหงายแล้ว หากปะทะกับมารสวรรค์ตนนั้นเข้าจริงๆ ท่านจะเปราะบางยิ่งกว่าเปลือกไข่เสียอีก! และเขาอาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ ข้ารู้สึกว่าพวกเรารีบออกเดินทางเลยดีกว่า!”
————————————————————————————-
บทที่ 1044 พวกเราประกอบกิจของสามีภรรยา
ตี้ฝูอีปล่อยให้นางกดไว้ ทอดถอนใจคราหนึ่ง “เจ้าคิดมากไปแล้ว มารสวรรค์ตนนั้นเพิ่งแยกจากกายเนื้อ ซ้ำยังใช้วิชานั้นหลบหนีอีก ต่อให้หายละเอียดของเขาสามารถก่อรูปเป็นร่างกายได้ก็บาดเจ็บหนักอยู่ดี เขาเป็นมารสวรรค์ เมื่อแยกจากร่างคน ไอมารบนร่างจะรั่วไหลออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้ ยามนี้เขาน่าจะถูกไล่ล่าจนมิรู้เหนือรู้ใต้อยู่ เอาตัวแทบไม่รอด ไหนเลยจะมีเวลาแล่นมาหาเจ้ากับข้าที่นี่?”
กู้ซีจิ่งตะลึงงัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นวันพรุ่งนี้พวกเรายังจะหนีอีกทำไม?”
ตี้ฝูอีถอนใจเอ่ยว่า “ก็ไม่นับว่าเป็นการหนีหรอก เหตุผลที่ต้องกลับไปความจริงเป็นเพราะที่นั่นเหมาะสมกับการฟื้นฟูของข้า และการปล่อยเจ้าไว้ข้างนอกลำพังข้าก็ไม่วางใจ”
เขารู้สึกว่าปล่อยวางนางไม่ได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงยึดนางไว้ข้างกายหรือวางนางไว้ในรังที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยถึงจะวางใจได้
เอาเถอะ! ที่แท้พวกเขาก็ต่างฝ่ายต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นเปลือกไข่ที่เปราะบาง หวั่นเกรงว่าจะถูกผู้อื่นกระทบแตก…
กู้ซีจิ่วยิ้มออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ เธอลุกขึ้นนั่งนวดคลึงหว่างคิ้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะใส่ใจคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้!
ประคองตี้ฝูอีน้อยไว้กลางฝ่ามือก็กลัวจะหล่นหาย อมไว้ในปากก็หวั่นว่าจะละลาย…
ใต้หล้านี้พ่อแม่ที่ห่วงใยลูกน้อยเป็นที่สุดก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง?
เธอยังนึกว่าตัวเองเฉยเมยเย็นชามาโดยตลอด ที่แท้ก็มีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกัน
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก กู้ซีจิ่วก็ออกมาจะกลับไปเก็บของที่ห้องพักตนเสียหน่อย ขณะที่ยุ่งง่วนอยู่ ก็มีพนักงานคนหนึ่งมารายงาน “แม่นางกู้ แม่นางเย่แห่งสำนักถามสวรรค์มาหาท่านที่ด้านนอกขอรับ”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง แม่นางเย่? เย่หงเฟิง?
เธอมาหาตนทำไม?
หรือจะเป็นเรื่องหลงซือเย่ผิดนัดวันนี้?
หลงซือเย่ส่งเธอมาหรือไง?
เธอสาวเท้าก้าวออกไป พบว่าเป็นเย่หงเฟิงจริงๆ เธอยืนสง่าอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วออกมา เธอก็สูดลมหายใจเข้านิดๆ กล่างอย่างไม่อ้อมค้อม “แม่นางกู้ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า พวกเราออกไปเดินเล่นกันหน่อยได้ไหม?”
กี้จิ่วไม่ขยับเขยื้อน “เจ้ามีเรื่องอะไรก็เข้าไปคุยในห้องหรือจะคุยตรงนี้ก็ได้นะ” เธอไม่อยากออกห่างโรงเตี๊ยมแห่งนี้
เย่หงเฟิงหลุบตาลง เม้มปากเอ่ยว่า “เรื่องที่ข้าจะคุยเกี่ยวกับเจ้าสำนักหลง…พวกเราไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เล็กๆ ข้างล่างดีหรือไม่?”
โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมที่มีระดับยิ่งนัก เป็นแบบที่มีสวนดอกไม้ในตัว และอยู่ด้านล่างไม่ไกลจากตัวอาคารของห้องพักที่กู้ซีจิ่วพำนักอยู่
กู้ซีจิวก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก เดินลงไปกับเธอ
….
เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ต้นหลิวเพิ่งแตกยอดใหม่เขียวขจี ส่วนชนิดอื่นๆ ยังไม่งอกงาม
สวนดอกไม้มีขนาดไม่ใหญ่ มีทางเดินหินเล็กๆ ที่คดเคี้ยวอยู่ไม่กี่สาย ริมทางบ้างก็มีกอไผ่ บ้างก็ปลูกพุ่มไม้ดอกไว้ มีศาลาเล็กๆ สองหลังตั้งอยู่ในนั้น ค่อนข้างสง่างามเรียบหรูยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วอดทนเดินๆ หยุดๆ ไปตามทางเดินสายเล็กๆ เป็นเพื่อนเย่หงเฟิงมาสามรอบแล้ว คุณหนูใหญ่คนนี้ก็ไม่เอ่ยปากสักที ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เหลืออดแล้ว “สรุปแล้วเจ้ามาหาข้าเพื่อคุยเรื่องใด? พูดมาตรงๆ เถอะ!”
คล้ายว่าในที่สุดเย่หงเฟิงก็รวบรวมความกล้าได้มากพอแล้ว “เมื่อคืนข้ากับอาจารย์ดื่มจนเมา ข้าพยุงเขาไปที่โรงเตี๊ยมหลังหนึ่งในละแวกนั้น จากนั้นพวกเรา…”
กู้ซีจิ่วหยุดฝีเท้า หันไปมองเธอ “พวกเจ้านอนด้วยกันหรือ?”
ทว่าเห็นได้ว่าเย่หงเฟิงไม่เข้าใจศัพท์สมัยใหม่นี้ของเธอ ชะงักไปแวบหนึ่งจึงเอ่ยตอบ “พวกเรา…พวกเราประกอบกิจของสามีภรรยา จากนั้นต่างคนต่างผล็อยหลับไป”
กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ยื่นมือไปเด็ดกิ่งหลิวท่อนหนึ่ง หักเล่นอยู่ในมือ “จากนั้นเล่า?”
“จากนั้น…จากนั้นข้ากับอาจารย์ก็แยกกัน…ข้าคิดๆ ดูแล้ว จึงตัดสินใจมาหาเจ้า”
————————————————————————————-