ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1083+1084
บทที่ 1083 มิน่าเล่าถึงมีใจทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้
คนผู้นี้ยิ้มบางๆ พลางเดินเข้ามา ดูราวกับคุณชายสูงศักดิ์ผู้อ่อนโยน ทว่ามีกลิ่นอายทรงเสน่ห์มืดทะมึนแฝงอยู่รางๆ
ลักษณะของคนผู้นี้พิเศษยิ่งนัก ทำให้คนมองเห็นแวบเดียวก็สลักลึกอยู่ในความทรงจำแล้ว
เมื่อหลงฟั่นเห็นคนผู้นี้ก็ค้อมเอวทำความเคารพอย่างที่ดุน่าประหลาดยิ่งนัก “ท่านเจ้า”
คนผู้นั้นพยักหน้านิดๆ ถือว่าตอบรับเขาแล้ว ดวงตาจดจ่ออยู่ที่ร่างของกู้ซีจิ่ว
ดวงตาคู่นั้นของเขามีอานุภาพทะลุทะลวงยิ่ง ราวกับสามารถมองทะลุเนื้อหนังไปถึงกระดูกของคนได้ กู้ซีจิ่วรู้สึกอึดอัดที่ถูกเขามองด้วยสายตาเช่นนี้ ทว่ามองตอบไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน “ท่านผู้สูงศักดิ์คือ?”
คนผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ “เจ้ายังจำหรงเช่อได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วคล้ายจะทบทวนอยู่ครู่นึ่ง “หรงเช่อ? เขาคือใคร? ฉันควรจำได้เหรอ? ใบบรรดาเพื่อนของฉันไม่มีเขาอยู่เลย หรือเคยเป็นเป้าหมายในภารกิจของฉัน?”
นัยน์ตาของคนผู้นั้นมีแววหม่นหมองพาดผ่านแวบหนึ่ง คล้ายว่าทั้งผิดหวังทั้งโล่งใจ ส่ายหน้าพลางกล่าว “ช่างเถิด!”
กู้ซีจิ่วมองเขา “ท่านผู้สูงศักดิ์นามว่าหรงเช่อหรือ?”
คนผู้นั้นยิ้ม “เขาเคยเป็นนามแฝง…ของข้า ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว กู้ซีจิ่ว เจ้าไม่ยินดีร่วมมือกับหลงซือเย่ เช่นนั้นเจ้ามาร่วมมือกับข้าเป็นอย่างไร?”
กู้ซีจิ่วเม้มปาก “คุณเป็นใครกันแน่?”
คนผู้นั้นชี้ไปที่หลงฟั่น “เขานับได้ว่าเป็นบิดาของเจ้ากระมัง? เขาเรียกขานข้าเป็นนาย”
“ที่แท้คุณก็เป็นหัวหน้าของเขา…” กู้ซีจิ่วเหมือนจะเข้าใจแล้ว
คนผู้นั้นยิ้มอย่างอ่อนโยนแวบหนึ่ง “ใช่แล้ว ซีจิ่ว เจ้าลองดูสิว่าร่างนี้ของเจ้ามีพลังวิญญาณธาตุใด ผู้อาวุโสหลงบอกว่าร่างนี้ของเจ้าเป็นอัจฉริยะใยหมู่อัจฉริยะอีกที ทดสอบให้ข้าเห็นหน่อยสิ”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ “เรื่องเหล่านี้ที่พวกคุณบอก ฉันรู้สึกว่าฉันต้องทำความเข้าใจเพิ่มอีกหน่อย ช่างเรื่องพลังวิญญาณอะไรนั้นก่อน โลกนี้เป็นโลกบำเพ็ญเวียนเหรอ? ตอนนี้เป็นยุคไหน? จักรพรรดิองค์ปัจจุบันคือใคร?”
คนผู้นั้นยิ้มนิดๆ “เจ้าทดสอบดูก่อน ทดสอบเสร็จข้าจะอธิบายรายละเอียดรูปแบบของโลกนี้ให้เจ้าฟัง”
ก็ได้!
กู้ซีจิ่วตัดสินใจแล้ว ก้าวเข้าไปทดสอบดูจริงๆ
เธอทาบมือลงบนเสาทั้งห้าต้นหนึ่งรอบ มีเพียงเสาสีแดงที่มีแสงเจิดจ้าอย่างยิ่ง เห็นชัดว่าร่างนี้ของเธอมีพลังวิญญาณธาตุไฟขั้นหกตอนกลาง นับว่าขัดต่อสวรรค์แล้ว!
ดูเหมือนร่างที่หลงฟั่นสร้างขึ้นจะเหนือกว่าร่างที่หลงซือเย่สร้างขึ้นจริงๆ เย่หงเฟิงที่หลงซือเย่สร้างออกมา พลังวิญญาณแรกเริ่มเพียงขั้นห้าเท่านั้น…
พลังวิญญาณแรกเริ่มของกู้ซีจิ่วเป็นเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าทำให้หลงฟั่นกับคนผมเงินมีความสุขมาก บนหน้าล้วนเผยแววปีติยินดี
ความรู้สึกของหลงฟั่นเป็นความปลาบปลื้มเป็นเกียรติที่ผลงานของตนสร้างออกมาได้เลิศล้ำจริงๆ แต่สายตาที่ชายผมเงินมองกู้ซีจิ่วกลับซับซ้อนอยู่บ้าง เขายิ้มน้อยๆ แจ้งระดับพลังวิญาณในยามนี้ของกู้ซีจิ่วพลางแสดงความยินดีกับเธอ
สีหน้าของกู้ซีจิ่วกลับเรียบเฉย เพียงแต่มุมปากยังคงแต้มรอยยิ้มไว้บางๆ
หลงฟั่นจับตามองเธออยู่ตลอด เอ่ยถามเธอ “ดีใจมากเหรอ?”
กู้ซีจิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “หากว่าทุกอย่างเป็นความจริง ข้าก็ค่อนข้างดีใจ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทะลุมิติมาเป็นสวะไร้ค่า ไม่ได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของคลื่นสวะไร้ประโยชน์”
เธอยังคงอยากสอบถามยิ่งนัก สายตาหันเหไปที่คนผมเงิน “คนของโลกนี้มีพลังวิญญาณแค่ชนิดเดียวทุกคนเลยใช่ไหม? ต่างกันแค่ระดับสูงต่ำเหรอ?”
คนผมเงินส่ายหน้า “ไม่แน่เสมอไป เหมือนกับข้าที่มีพลังวิญญาณห้าธาตุ”
เขาเห็นกู้ซีจิ่วมีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาจึงวนไปตามเสาทั้งห้าต้นเสียเลย ไม่ว่าจะแตะลงที่ต้นไหนล้วนเปล่งแสงออกมาทั้งสิ้น บ้างเปล่งแสงไปทั้งเสา บ้างก็เปล่งเกือบเต็มเสา แสดงให้เห็นว่าพลังวิญญาณของเขาสูงมากจริงๆ…
หลงฟั่นเทียบกับเขาไม่ติดเลย ไม่แปลกใจเลยที่หลงฟั่นจะยอมรับเขาเป็นเจ้านาย
พลังวิญญาณห้าธาตุ ซ้ำยังเป็นพลังวิญญาณห้าธาตุทที่สูงส่งยิ่งนักอีกด้วย!
เขามีคุณสมบัติพอจะเป็นปฏิปักษ์ต่อเทพได้จริงๆ มิน่าเล่าถึงมีใจทะเยอทะยานมากถึงเพียงนี้!
————————————————————————————-
บทที่ 1084 ต้องทดสอบนางดูอีกสองสามครั้ง
ยามที่คนผมเงินเดินแทรกไปตามเสาแก้วผลึกทั้งห้าต้น เสมือนไอเมฆหมุนวนล่องลอย สง่างามเหนือธรรมดาถึงขั้นที่ทำให้คนมองเห็นท่าเท้าของเขาไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ ทว่าทำให้คนสัมผัสถึงพลังวิญญาณอันสูงส่งจนน่าหวาดหวั่นของเข้าได้รางๆ เขายืนอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วราวกับเทพเจ้า ถึงใบหน้าหล่อเหลาจะแย้มยิ้มอยู่ แต่แรงกดดันอันไร้รูปลักษณ์บนร่างกลับทำให้คนหายใจแทบไม่ออก “เป็นอย่างไร? อยากร่วมมือกับข้าหรือยัง?”
กู้ซีจิ่วถอยไปก้าวหนึ่ง ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับแรงกดดันของเขา จากนั้นก็ถามข้อสงสัยของตนออกมา “พลังวิญญาณของท่านผู้สูงศักดิ์น่าหวาดหวั่นนัก อีกทั้งซีจิ่วเพิ่งมาถึงโลกนี้ ยังไม่ได้เปิดเนตรให้กระจ่างเลย พลังวิญญาณที่มีเทียบกับท่านผู้สูงศักดิ์แล้วเรียกว่าตื้นเขินนัก ไม่ทราบว่าจะร่วมมือกับท่านผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร?”
คนผมเงินผู้นั้นยิ้มแวบหนึ่ง สายตาจับจ้องเธอ “ขอเพียงเจ้าตกลงร่วมมือ พวกเราย่อมมีจุดที่ร่วมมือกันได้ เจ้าตกลงหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วยกมือนวดหว่างคิ้ว ไม่ได้ตอบเขาตรงๆ “สำหรับฉันแล้วข่าวสารในวันนี้ค่อนข้างมากอยู่บ้าง…ฉันถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกคุณเป็นใคร และไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่อ้างอิงตามคำพูดของพวกคุณเท่านั้น…”
เธอมองเสาเหล่านั้นแวบหนึ่ง “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในเสาแก้วผลึกพวกนี้ติดตั้งโคมไฟเอาไว้หรือเปล่า เสาพวกนี้ไม่ว่าสัมผัสตรงไหนก็อาจจะเรืองแสงขึ้นมาโดยอัตโนมัติได้ทั้งนั้น…ไม่เกี่ยวกับเรื่องพลังวิญญาณนี้เลย”
คนผมเงินและหลงฟั่นมองหน้ากันแวบหนึ่ง หลงฟั่นยิ้มขื่นๆ “ข้อสงสัยของเอมีเหตุผลจริงๆ ท่านเจ้า มิสู้เผยฝีมือของท่านให้นางได้เห็นสักหน่อย?”
คนผมเงินหาวอย่างเกียจคร้าน “นี่จะเผยได้อย่างไร…”
พลางมองดูกู้ซีจิ่วแล้วยิ้มอีกแวบหนึ่ง “ผู้ที่กล้าสงสัยข้าเช่นนี้ก็มีแต่เจาเท่านั้น หากเป็นผู้อื่นกล้าพูดออกมาเช่นนี้ ข้าคงทำให้เขาหุบปากไปตลอดกาลแล้ว”
กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “ขอบคุณความเอ็นดูของท่านเจ้า”
ท่านเจ้าผมเงินถอนหายใจ “เอาเถอะ เผยให้เจ้าเห็นสักครั้งก็ไม่หนักหนาอะไร เดี๋ยวข้าจะให้คนมาแสดงฝีมือให้เจ้าดูสักสองสามท่า เจ้าตามข้ามาสิ”
‘ท่านเจ้า ยามนี้ท่านเชื่อแล้วกระมังว่านางไม่มีความทรงจำของชาตินี้จริงๆ?’ ระหว่างทางหลงฟั่นได้ส่งกระแสหาท่านเจ้าผมเงิน
‘เรื่องราวพัวพันใหญ่หลวง ข้าต้องทดสอบนางดูอีกสองสามครั้ง’ ท่านเจ้าผมเงินก็ส่งกระแสเสียงตอบกลับเขา
‘ยังต้องทดสอบอะไรอีก?’ หลงฟั่นค่อนข้างหงุดหงิดแล้ว ราวกับผลงานที่ตนพอใจที่สุดถูกคนตั้งข้อสงสัย
‘ข้ามีวิธีของตัวเอง’ ท่านเจ้าผมเงินไม่พูดจามากความ
….
จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็นึกไม่ถึงว่าตำหนักใต้ดินที่สร้างขึ้นกลางลาวาของกง้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ เธอรู้สึกว่าสามารถเทียบกับพระราชสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีที่ร่ำลือกันได้เลย! อาณาเขตทอดยาวหลายร้อยหมู่ เส้นทางทางในตำหนักใต้ดินแห่งนี้วับซ้อนวกวน แผ่ออกทั่วสารทิศประหนึ่งใยแมงมุม
ท่านเจ้าผมเงินพาเธอเดินซอกแวกอยู่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ และไม่รู้เช่นกันว่าเดินผ่านทางแยกมามากน้อยเพียงใดแล้ว ถึงได้มาถึงห้องโถงที่คล้ายกับลานจัตุรัสแห่งหนึ่ง
เรียกว่าห้องโถง แต่อันที่จริงแล้วเป็นลานสี่เหลี่ยม เพียงแต่ท้องฟ้าด้านบนเป็นท้องฟ้าที่มีลาวาไหลรินอยู่ แดงฉานปานปกคลุมด้วยเมฆาเพลิง
บนลานมีกรงสัตว์อยู่หลายกรง ในกรงมีสัตว์ร้ายกำลังเผ่นโผนขู่คำรามอยู่
สายตาของกู้ซีจิ่วจับจ้องอยู่บนร่างของสัตว์ร้ายเหล่านั้น หลงฟั่นที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมา “ซีจิ่ว เห็นสัตว์พวกนี้แล้วยังไม่เชื่ออยู่หรือเปล่าว่าที่นี่คือโลกที่แตกต่างกัน?”
สัตว์เหล่านั้นต่างหน้าตาอัปลักษณ์ดุร้าย และในยุคปัจจุบันไม่มีสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่จริงๆ มีเสือกับสิงโตก็นับว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายอย่างยิ่งแล้ว!
แต่สัตว์ร้ายของที่นี่กลับไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวจากยุคปัจจุบันมาก่อน
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร แต่นัยน์ตาที่มองไปยังกรงสัตว์ร้ายเหล่านั้นฉายแววประหลาดออกมาอย่างชัดเจน
หลงฟั่นที่จับตามองท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ของเธอมาตลอด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ จึงถอนหายใจนิดๆ ด้วยความโล่งอก
จนถึงยามนี้ เขายังไม่พบว่ากู้ซีจิ่วมีพิรุธสักนิดเลย
————————————————————————————-