ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1099+1100
บทที่ 1099 ไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือเป็นครั้งที่สองอีก!
หลงซือเย่เงียบไปทันที มองเขาเสมือนมองคนไข้โรคประสาท
ในที่สุดโม้เจ้าก็โยนระเบิดลูกนั้นออกมา “เหยียนนั่วผู้นั้นก็คือตี้ฝูอี เขาถูกธาตุไฟเข้าแทรกถึงได้กลายเป็นเด็กน้อยเช่นนี้”
หลงซือเย่ตกตะลึง
โม่เจ้าพอใจที่ได้เห็นสีหน้าหลงซือเย่ซีดเผือดในชั่วพริบตา รู้สึกว่าความอึดอัดคับข้องในใจตนในที่สุดก็แงปันให้ผู้อื่นได้บ้างแล้ว หยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “ข้าก็เพิ่งรู้ข่าวนี้เมื่อครู่นี้เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่นับว่าสายเกินไป ตอนนี้ข้าส่งคนไปตามหาสถานที่แห่งนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาจะหิ้วศีรษะของตี้ฝูอีมาให้เจ้าได้ยล” พลางหันหลังจากไป
เขาต้องรีบฉวยโอกาสก่อนที่ตี้ฝูอีจะฟื้นฟูเป็นปกติส่งคนมีฝีมือไปลอบโจมตี!
โอกาสเช่นนี้เขาเคยปล่อยให้หลุดมือไปแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือเป็นครั้งที่สองอีก!
เขาหันหลังจากไปแล้ว ไม่รู้สึกถึงเงาร่างของคนผู้หนึ่งเพิ่งผลุบหายไปตรงประตูคุกแห่งนี้
หลงซือเย่นั่งอยู่ตรงนั้น ตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
มิน่าล่ะท่าทีของกู้ซีจิ่วถึงค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกับเหยีนนั่วคนนั้นที่แท้เหยียนนั่วก็คือตี้ฝูอี!
มิน่าล่ะ!
กู้ซีจิ่วก็ปิดปากสนิทจริง ปิดบังเขาได้มิดชิดถึงเพียงนี้
เพียงแต่ ถ้าหากเธอไม่ปิดบังเขา ถ้าตนทราบว่าเหยียนนั่วก็คือตี้ฝูอีแล้วจะทำอย่างไร? จะฉวยโอกาสยามรักษาสังหารเขาหรือไม่?
สำหรับข้อนี้หลงซือเย่ก็ไม่กล้ารับประกันกับตัวเองเหมือนกัน
ตอนนั้นบนร่างเขามีฤทธิ์ยาที่ขยายด้านมืดในจิตใจอยู่ ซ้ำยังถูก ‘เย่หงเฟิง’ ควบคุมโดยไม่รู้ตัวด้วย ถึงแม้การควบคุมนี้จะทำให้เขากลายเป็นคนเช่นนี้และไม่รู้สึกตัว แต่ก็ยากจะรับประกันได้ว่าเมื่อทราบความจริงแล้วจะไม่บอกแก่เย่หงเฟิง และเมื่อเย่หงเฟิงทราบ ท่านเจ้าผู้นี้ก็จะทราบด้วยเช่นกัน
ต้องบอกเลยว่าเย่หงเฟิงผู้นี้เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่งโดยแท้ ยามปกตินางแค่ใช้ยาประหลาดปริมาณน้อยนิดกับเขา เร่งเร้าจิตมารของเขา ทำให้เขานึกว่าตนโกรธเคืองทุกข์ทนเพราะถูกหักหลัง ไม่คิดเลยว่าเขาจะโดนพิษชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบพบได้เข้าแล้ว มีเพียงยามที่ต้องการให้เขากระทำการอันใดเท่านั้น ถึงจะใช้วิชามันตราควบคุมเขาบ้างเป็นบางครั้ง แถมนางยังใช้ได้ล้ำเลิศนัก ทำให้เขาไม่สังเกตพบในภายหลัง
การลอบทำร้ายกู้ซีจิ่วหนนี้ ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะถูกควบคุมแล้ว แต่เรื่องราวในตอท้ายกลับประทับอยู่ในความทรงจำอย่างล้ำลึก เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง เมื่อสำนึกได้ก็สายไปแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าพอโม่ผู้นี้บรรลุเป้าหมายของตนแล้วจะไม่ได้ฆ่าเขาปิดปาก กลับนำมาคุมขังไว้ที่นี่ ไม่ทราบเช่นกันว่ามีจุดประสงค์ใดกันแน่
เขาขยับคราหนึ่ง ตรวนเหล็กบนร่างส่งเสียงดังกราว
ถึงแม้เขาจะถูกปล่อยลงมาจากผนังแล้ว แต่โซ่สะกดวิญญาณบนร่างเส้นนี้กลับมัดเขาไว้อย่างหนาแน่น เขานั่งอยู่บนพื้นลุกขึ้นไม่ได้เลย มือเท้าก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้เช่นกัน ถูกล่ามไว้เสมือนบ๊ะจ่างลูกหนึ่ง ต่อให้คิดจะทำอะไรก็ทำไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง
เนื่องจากเขาถูกล่ามไว้บนพื้นไม่มีทางเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นประตูห้องขังแห่งนี้จึงไม่ได้ปิดไว้ เปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่งตลอด เห็นได้ชัดว่าโม่เจ้าต้องการให้เขาได้รับความอัปยศอดสูอย่างสุดซึ้ง ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมามองเห็นสภาพจนตรอกของเขา…
ขณะที่เขานั่งก้มหน้าอยู่ จู่ๆ แสงสว่างเบื้องหน้าก็มืดสลัวลง ในห้องมีคนผู้หนึ่งเพิ่มขึ้นมา
หลงซือเย่เงยหน้าขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด้งออกมา
ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็คือกู้ซีจิ่ว!
เธอเอียงคอมองเขาครู่หนึ่ง สภาพของหลงซือเย่ในยามนี้ย่อมจนตรอกเหลือคณา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นเขาไม่แย่แสสภาพจนตรอกนี้เลย เมื่ออยู่ต่อเธอกลับแยแส…
เขาลอบสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ทำให้น้ำเสียงของตนสงบราบเรียบ “เธอมาฆ่าฉันเหรอ?”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา สายตาร่อนลงบนโซ่สะกดวิญญาณตรงข้อมือข้อเท้าของเขา โซ่สะกดวิญญาณเป็นของชั้นเลิศอย่างหนึ่ง รุนแรงยิ่งกว่ากุญแจมือเสียอีก ไม่เพียงแต่ยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่นเท่านั้น บนห่วงด้านที่แนบติดกับเนื้อยังมีเข็มแหลมยื่นออกมาด้วย
————————————————–
บทที่ 1100 เธออยากหนีออกไปหรือเปล่า?
ส่วนที่ยื่นออกมาเหล่านี้ทิ่มเข้าไปในเนื้อหนัง ยึดไว้ตรงจุดชีพจรพลังวิญญาณ ต่อให้เป็นคนที่มีฝีมือยิ่งใหญ่เทียมฟ้าก็ใช้พังไม่ได้เลย
เธอตวัดข้อมือคราหนึ่ง ฝ่ามือมีแหนบอันหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ทรุดตัวลงนั่งยองๆ เริ่มบิดหมุนโซ่สะกดวิญญาณบนร่างเขา
บนร่างเธอมีกลิ่นหอมพิสุทธิ์อย่างหนึ่ง บริสุทธิ์อ่อนจางยิ่งนัก ทำให้คนสดชื่นผ่อนคลาย หลงซือเย่มองเธอที่อยู่เบื้องหน้า เธอในตอนนี้เหมือนในชาติก่อนที่สุด และสามารถกล่าวได้ว่าเป็นตัวเธอในชาติก่อนไม่มีผิด บัดนี้แพขนตาหลุบต่ำ เป็นความงดงามที่อ่อนละมุนเรียบง่ายชนิดหนึ่ง
ในใจความมีความรู้สึกที่ไม่ทราบว่าคืออะไรอยู่ เอ่ยเสียงพร่า “ซีจิ่ว เธอจะช่วยฉันเหรอ? เธอไม่เกลียดฉันเหรอ?” เขานึกว่าเธอปรารถนาให้เขาตายยิ่งนักเสียอีก
“เกลียดคุณทำไม?” น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเรียบเฉย “คุณเป็นแค่ร่างโคลนที่ล้มเหลวร่างหนึ่งท่านั้น”
หลงซือเย่ตัวแข็งทื่อ ที่แท้เธอก็ยังจำเขาไม่ได้ เพียงแต่เห็นว่าเขาน่าเวทนา ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาสักครั้งด้วยความเวทนาเท่านั้น…
“ซีจิ่ว ฉันคือหลงซีจริงๆ มาเกิดใหม่เป็นหลงซือเย่ เธอฆ่าฉันเลยก็ได้…” ไม่ทราบว่าเป็นเพราะจิตใจอันใด ทราบชัดเจนว่าเป็นเรื่องโง่ๆ แต่หลงซือเย่ก็ต้องการพูดความจริง
กู้ซีจิ่วช้อนตามองเขาแวบหนึ่ง หัวเราะเบาๆ ไม่พูดอะไรอีก แก้โซ่สะกดวิญญาณเส้นนั้นต่อไป
เธอเชี่ยวชาญด้านการแก้กลไก กลไกจะซับซ้อนสักแค่ไหนก็ไม่คณามือเธอ เธอขยับโซ่สะกดวิญญาณเส้นนั้นอยู่ครู่หนึ่งจับจุดหลักในการแก้ออกได้แล้ว เพียงแต่อุปกรณ์ไม่อำนวยจึงเปิดไม่ออกชั่วขณะ
วิญญาณเธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ในถุงเก็บของจึงว่างเปล่าด้วย แม้แต่ฟางแห้งสักเส้นก็หาไม่พบ แหนบนี้เป็นเธอไปฉกมาจากห้องนั้นของหลงฟั่น…
หลงซือเย่สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ในมิติเก็บของฉันมีอุปกรณ์อยู่ เธอหยิบออกมาใช้สิ
กู้ซีจิ่วก็ตรงไปตรงมายิ่งนัก “ได้ คุณเปิดสิ”
“ฉันเปิดเองไม่ได้…เธอตรงตำแห่งหัวใจฉัน”
กู้ซีจิ่วก็ไม่โอ้เอ้ กดตรงตำแหน่งที่เขาบอกทันที ช่องมิติเล็กๆ ช่องหนึ่ง โผล่ออกมา ด้านในบรรจุยาและอุปกรณ์ต่างๆไว้
กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ตอนโม่เจ้าขังคุณไม่ได้ค้นร่างกายคุณเหรอ…”
“ค้นแล้ว ฉันมีมิติเก็บของสองช่อง ช่องเล็กนี่ไม่มีใครรู้” หลงซือเย่อธิบายเสียงเบา คุณสมบัติร่างกายเขามีความพิเศษ ฝึกฝนมิติเก็บของออกมาได้สองช่อง ช่องหนึ่งเห็นได้ทั่วไป ช่องหนึ่งเป็นความลับส่วนตัว
มิติเก็บของที่พบเห็นได้ทั่วนั้นถูกตรวจริบข้าวของจนไม่เหลือสิ่งใดไว้เลย แต่มิติเก็บของส่วนตัวช่องนี้คนอื่นไม่มีทางคาดไม่ถึงจึงหาไม่พบเป็นธรรมดา ข้าวของที่เก็บไว้ในนี้ล้วนเป็นของสำคัญทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตเขาด้เมื่อตกอยู่ในยามคับขัน
กู้ซีจิ่วมองภายในช่องมิติของเขาครู่หนึ่ง มีอุปกรณ์แปลงโฉมอยู่ข้างในด้วย…
มีอุปกรณ์ที่เอื้ออำนวยแล้วการไขโซ่สะกดวิญญาณเส้นนี้จึงง่ายดายมากขึ้น ผ่านไปครู่หนึ่งห่วงเหล็กสี่เส้นที่ทำให้หลงซือเย่ตายทั้งเป็นก้ดีดตัวออกมา เขาได้รับอิสระอีกครั้งแล้ว
แน่นอนว่าขณะที่ดีดตัวออก เข็มแหลมที่ยื่นออกมาจากห่วงเหล็กทิ่มแทงเข้าไปในกระกระดูกเขาก็ผุดออกมาด้วย เลือดสดๆ ทะลักออกมาอีกครั้ง
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาอีกต่อไป หมุนกกายหมายจะจากไป
หลงซือเย่เอ่ยประโยคหนึ่งที่ตรึงฝีเท้าของเธอไว้ได้ “ซีจิ่ว เธออยากหนีออกไปหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าอยาก” กู้ซีจิ่วก้ไม่ปกปิดจุดประสงค์ของตน “ผีน่ะสิถึงจะเต็มใจถูกขังไว้ในสถานที่ที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแบบนี้!”
“ฉันอาจจะมีวิธี” หลงซือเย่เอ่ยเสียงแผ่ว มองตาเธอ “อยากฟังไหม?”
เขานึกว่ากู้ซีจิ่วจะซักถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเสียอีก นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่สนใจเลย “ไม่สนใจ”
“เธอไม่เชื่อฉันเหรอ?” หลงซือเย่อดถามไม่ได้
แววตากู้ซีจิ่วเยียบเย็นเล็กน้อย ตอบอย่างเฉยชา “ไม่เชื่อ!”
————————————————————-